เปรียบเทียบ Purple Conditioner สำหรับผมฟอกสี 2 แบรนด์ดัง✨
pongjaichaiarai 42 17🧏🏻♀️ สวัสดีค่ะทุกคน ขอฝากรีวิวแรกของปี และเป็นรีวิวแรกของตัวปองเองด้วยนะคะ :)
ช่วงปลายปีที่แล้วปองได้ไปทำสีผมมาค่ะ โดยฟอกสีด้านหน้า และด้านใน หลังทำเสร็จทางร้านแนะนำให้มาสระผมและลงทรีทเม้นท์ด้วยแชมพูม่วง เนื่องจากผมฟอกสีหลังจากเราสระไปสักพักเม็ดสีธรรมชาติของผมซึ่งจะเป็นโทนเหลืองเค้าจะกลับคืนมา ทำให้ความหม่นของผมเราหายไป กลายเป็นเหลืองแทนที่ซึ่งเป็นสีที่เราๆส่วนมากไม่ต้องการนั่นเอง หลังจากสระแชมพูม่วงที่ร้านได้ 1-2 ครั้ง ปองก็เจอทรีทเม้นท์ม่วง ที่เราสามารถทำเองได้ที่บ้าน สุดแสนจะสะดวกซึ่งจะมีตัวที่ได้รับความนิยมอยู่ประมาณ 5-10 ยี่ห้อด้วยกัน
โดยปองได้เลือกมา 2 ยี่ห้อ เป็นตัวที่ราคาไม่แรง และหาซื้อง่ายคือ
💜 L'Oréal EVER PURE
💜 TRESemmé CR for bleached hair
วันนี้ปองก็จะมาเปรียบเทียบทั้งส่วนประกอบ texture ผลลัพธ์ของสีที่ได้ และความนุ่มของผมหลังใช้กันค่ะต่างกันมากน้อยขนาดไหน
ผมของปองหลังจากที่ไม่ได้สระด้วยแชมพูม่วงเลย 2 อาทิตย์ จะเห็นได้ว่าสีเค้าจะออกเหลืองมากๆแล้ว
ทีนี้เรามาลงคอนดิชันเนอร์กันค่ะ ปองจะลง 2 ฝั่ง ฝั่งละยี่ห้อ และทิ้งไว้ 30 นาทีเท่ากันนะคะ
** จริงๆเราสามารถทิ้งไว้ได้นานกว่านี้หากต้องการให้ผมหม่นขึ้น เนื่องจากเม็ดสี สีม่วงที่ใส่มาในผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะไม่เยอะเท่ากับทรีทเม้นท์ที่ร้านทำผมใช้ค่ะ สังเกตจากเราสามารถใช้มือเปล่าทำผม โดยไม่มีสีม่วงติดมือติดเล็บเลย แต่ถ้าตัวที่ร้านทำผมใช้ช่างจะต้องใส่ถุงมือกันสีติดมือค่ะ
ความแตกต่างแรกที่เห็นได้ชัดคือ ฝั่งL'Oréal EVER PURE texture จะแน่นกว่า หนืดกว่า สีเข้มกว่า และเมื่อลงบนผมแล้วฝั่งขวาของภาพจะเห็นเลยว่าให้สีที่ทึบขณะทาทิ้งไว้ค่ะ จากการคาดการณ์ของปองคือชอบฝั่ง L'Oréal EVER PURE สีจะต้องหม่นสวยถูกใจแน่อน
ส่วนฝั่ง TRESemmé CR for bleached hair texture บางเบา นุ่ม ลื่น แต่สีจะอ่อนนะคะ
จริงๆแล้วของ 2 ยี่ห้อนี้จะมีแชมพูด้วยนะคะ แต่ส่วนตัวปองมีแชมพูลูกรักที่ชอบใช้อยู่ 1 ตัว (ไว้มารีวิวคราวหลังนะคะ) เลยขอใช้แค่คอนดิชันเนอร์ค่ะ
ดู texture ด้วยตาเปล่ากันไปแล้ว เรามาดูความแตกต่างของ 2 สูตรนี้กันค่ะ เค้ามีโครงสร้างสูตร และบำรุง ต่างกันยังไงบ้างน้า
เริ่มที่ L'Oréal EVER PURE
Sulfate free series ที่เคลมทั้งตัวแชมพู และคอนดิชันเนอร์นี้ ที่เลือกใช้สารทำความสะอาดที่ไม่ใช่กลุ่ม Salfate เพื่อลดการระคายเคืองหนังศีรษะ
Amodimethicone silicone สังเกตได้ว่าคอนดิชันเนอร์ที่ทำให้ผมนุ่มลื่นนนส่วนใหญ่ จะเลือกใช้ซิลิโคนตัวนี้ค่ะ
Linalool เป็น essential oil ที่ให้กลิ่นทั้งยังช่วยลดการอักเสบของหนังศีรษะด้วยนะ
HIBISCUS SABDARIFFA FLOWER EXTRACT อุดมด้วยวิตามิน C,A มีคุณประโยชน์เยอะมากเกี่ยวกับผม ทั้งช่วยลดการหลุดร่วง ให้ความชุ่มชื้นกับผมดูแลผมแตกปลาย และดูแลไปจนถึงปัญหารังแคเลยด้วยค่ะ
TRESemmé CR for bleached hair
เค้าผสานกำลัง Silicone ถึง 3 ตัวจุกๆคือ Dimethicone, Amodimethicone, Cyclotetrasiloxane มาช่วยปิดและเคลือบเก็ลดผมให้นุ่มสลวยกันเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมี Conditioning agent ให้ผมนุ่มลื่นคือ Behentrimonium Chloride, Stearamidopropyl Dimethylamine, Cetrimonium Chloride
Helianthus Annuus (Sunflower) Seed Oil ฟื้นฟูผมจากปัญหาแห้งเสีย เพราะอุดมด้วย วิตามิน E, oleic acid, linoleic acid
Glycine Soja (Soybean) Phytoplacenta Extract ต้านอนุมูลอิสระ และกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม
ครบ 30 นาทีแล้ว มาดูผลลัพธ์กันค่าา
หลังล้างออก สีที่ได้ค่อนข้างเซอไพรส์ปองนะคะ เนื่องจากทางฝั่ง L'Oréal EVER PURE จะให้สีที่ออกไปโทนน้ำตาลกว่าค่ะ ในภาพแสงอาจจะไม่ชัดแต่ให้สังเกตบริเวณปอยผมข้างแก้ม เค้าจะน้ำตาลประมาณนั้นเลยค่ะ
ส่วนฝั่ง TRESemmé CR for bleached hair กลับบลอนสวยถูกใจซะงั้น ทั้งๆที่เนื้อผลิตภัณฑ์สีอ่อนมากๆ
สำหรับคะแนนความนุ่นลื่นและความหอมของผม ปองเอนไปทาง TRESemmé ค่ะ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สีที่ได้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคลนะคะ บางท่านอาจะชอบโทนน้ำตาล ไม่ได้อยากให้บลอนมาก หรือชอบtexture ที่ดูเข้มข้น ทาง L'Oréal EVER PURE ก็จะตอบโจทย์มากกว่าค่ะ
โดยหลังจากนี้ปองกะว่าจะไปสระและลงทรีทเม้นท์ม่วงที่ร้านอีกสัก 1 รอบเพื่อให้ได้บลอนจัดๆ หลังจากนั้นจะกลับมาใช้คอนดิชันเนอร์เองเพื่อคงความบลอนไว้ค่ะ ปองได้แนบรูปผมที่เพิ่งสระที่ร้าน 1 วันมาให้ดูด้วยน้าา
หวังว่ารีวิวนี้จะช่วยให้เพื่อนๆตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์และดูแลผมหลังฟอกสีมาได้อย่างมีความสุขนะคะ
ไว้เจอกันรีวิวหน้าค่า บ้ายบายย 🙋🏻♀️💕