Queerbaiting คืออะไร? มันสร้างความเสียหายได้จริงหรือ?

52 14


Queerbaiting คืออะไร    เหตุดใดจึงสร้างกระแสความไม่พอใจในสังคมตะวันตก?


คุณผู้อ่านคงได้ยินคำว่า Clickbait กันจนเคยชินแล้ว เมื่อเปลี่ยนคำนำหน้าก็คงจะเดากันได้ง่ายๆว่าคืออะไร queerbaiting ก็คือเทคนิควิธีการนำเสนอสินค้าและคอนเทนท์ต่างๆด้วยการแสดงออกทางเพศของชาวเพศทางเลือก แต่ถูกมองว่า เป็นวิธีการตลาดที่สร้างผลประโยชน์ให้กับคนบางกลุ่ม ไม่ใช่เจตนาสนับสนุนcommunityนี้อย่างแท้จริง  
ผู้ที่อาจจะถูกโจมตีว่าหากินกับ queerbaiting
  • ผู้สร้างผลงานจงใจทิ้งคำใบ้เป็นนัยๆถึงความสัมพันธ์แบบ queer  แต่ไม่ได้ยืนยันแจ่มแจ้ง  ปล่อยให้ผู้ชมตื่นเต้นเพลิดเพลินใจไปกับจินตนาการความสัมพันธ์แบบ queerของตัวละคร
  • ศิลปินดาราที่ใช้คำพูดและแสดงออกให้ผู้อื่นคิดว่ามีแรงดึงดูดทางเพศกับผู้ที่ไม่ใช่เพศตรงข้าม  ทั้งๆที่ไม่เคยประกาศอัตลักษณ์ทางเพศว่าเป็น queer หรือเพศทางเลือก  และอาจจะถูกโจมตีหนักขึ้นเมื่อเป็นผู้ที่มีรสนิยมชอบเพศตรงข้ามอย่างชัดเจน


Duo สาวที่ถูกเรียกว่า lesbian ตัวปลอม



t.A.T.u. ศิลปินduoที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังไปหลายประเทศจากภาพลักษณ์ของสาววัยทีนหัวขบถที่พยายามแหกกรอบสังคมที่บีบคั้นชาวรักร่วมเพศ พวกเธอจูบกันในMV และ บนเวทีแสดงดนตรี เพลง All The Thing She Said ถูกยกให้เป็น lesbian anthem แม้แต่ชื่อวงก็ย่อมาจากประโยคภาษา Russian “Та любит ту” ที่หมายถึง “this girl loves that girl” เมื่อถูกถามถึงเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศ ทั้งคู่ก็ไม่ได้ชี้แจงแบบเคลียร์ๆให้หายคาใจ เพียงแต่อธิบายว่า ไม่ได้เป็นคู่รักกัน ในภายหลังที่ไม่ได้เป็นศิลปินในกระแสแล้วจึงออกมายอมรับว่า ภาพของ lesbian duo นั้นเป็นการแสดงล้วนๆ และยิ่งยืนยันได้ชัดเจนจากคำพูดของ Yulia Volkova (ผมดำ) ว่า จะไม่ยอมรับลูกชายหากเขาเป็นเกย์ เพราะเชื่อว่าผู้ชายก็ต้องมาดแมนแบบชายที่แท้จริงเท่านั้น เป็นอันเคลียร์ใจว่า เธอไม่ได้เป็นพันธมิตรของชาวเพศทางเลือกแต่อย่างใด (ทั้งๆที่เคยประกาศว่าเป็น bisexual) แม้จะเป็นเรื่องไม่น่าแปลกใน Russia ที่ยังต่อต้านรักร่วมเพศอย่างกว้างขวาง แต่ก็ทำให้สื่อหลายประเทศทั่วโลกโจมตีพวกเธอที่เคยสร้างความสำเร็จจากการสร้างภาพให้ผู้คนเข้าใจผิดว่าเป็น lesbian แต่กลับเหยียดรักร่วมเพศ

ในปัจจุบันสื่อหลายเจ้าตั้งฉายาให้พวกเธอว่า ศิลปินคู่ lesbianจอมปลอม และยกให้เป็นกรณีตัวอย่างที่แจ้มแจ้งที่สุดๆของ queerbaiting




ในอดีตเป็นเรื่องที่เหมือนจะ OK  แต่ทุกวันนี้กลายเป็นประเด็นขัดแย้ง  




เหตุใด จุมพิตกลางเวที VMAs ปี 2003ของ  Madonna และ Britney และ Christina จึงกลายมาเป็นตำนานการแสดงอันเร่าร้อนจากยุค 2000s   แต่โฆษณาของ  Calvin Klein กลับถูกโจมตีจนแบรนด์ต้องประกาศขออภัย?


เราอาจจะมีคำตอบที่เรียบง่ายว่า ความก้าวหน้าของโลกนั้นทำให้หลายสิ่งที่เคยเป็นเรื่องที่ยอมรับกันได้ หรือเรียกเสียงชื่นชมยินดีเมื่อหลายปีก่อน ในวันนี้อาจจะกลายมาเป็นเรื่องต้องห้ามหรือสร้างชนวนความขัดแย้งจากผู้ที่มีความคิดเห็นต่าง



ศิลปินที่เป็นเพศทางเลือกตัวจริงต้องพบกับดราม่าเมื่อแสดงออกทางเพศ



  Lil Nas ที่ต้องเผชิญกับ Cyberbully จากผู้ที่ไม่ยอมรับการแสดงออกทางเพศผ่านดนตรีและการแสดงบนเวทีที่ร้อนฉ่าเป็นอีกหนึ่งกรณีตัวอย่างที่ทำให้มีผู้แสดงความไม่พอใจในการตลาดแบบ  queerbaiting     ด้วยความเชื่ออย่างแรงกล้าว่า   นี่คือปัญหาความสองมาตรฐานจากสังคมที่นอกจากจะไม่เปิดใจยอมรับชาวเพศทางเลือกแล้ว ยังรุมโจมตีให้เจ็บปวด  ในขณะที่ดาราศิลปิน  straight  สามารถนำเสนอผลงานที่สื่อถึงความสัมพันธ์แบบ queer ท่ามกลางเสียงชื่นชมยินดี


Billie Ellish สร้างกระแสด้วยวิธี queerbaiting  จริงหรือ?


ความรุ่งโรจน์ในเส้นทางดนตรีของ Billie Eilish  นั้นมาพร้อมกับสายตาที่จ้องจับผิดทุกความเคลื่อนไหว     ภาพใน MV   Lost Cause  ที่ดูแล้วก็ไม่จาก party กลุ่มเพื่อนสาวที่ทำตัวซุกซนและเผยความเซ็กซี่ฉีกจากอัลบั้มแจ้งแจ้งเกิดนั้นกลายมเป็นประเด็นถกเถียงกันร้อนแรง  เมื่อเธอนำภาพจากกองถ่ายมาแชร์บน  Instagram  พร้อมกับบรรยายภาพว่า  I Love girls.   

ชาวเน็ทหลายคนจิกกัดนักร้องสาวที่เพิ่งจะขึ้นวัยยี่สิบว่า จงใจใช้ภาพนี้มาดึงดูดแฟนๆที่นิยมชมชอบการแสดงออกของชาวเพศทางเลือก จากที่ผ่านมานั้น เธอมีภาพลักษณ์ของหญิงสาว straight ซึ่งอาจจะดู 'ไม่แปลกใหม่เร้าใจ' จึงพยายามหายุทธวิธีสร้างกระแสให้กับผลงานเพลงของตัวเอง ทั้ง statement ที่บอกว่าปลาบปลื้มผู้หญิงและการสัมผัสบั้นท้ายของเพื่อนสาวให้ผู้คนรู้สึกสงสัยใคร่รู้ว่า เธอกำลังเปิดเผยความเป็น queer หรือกำลังจะ come out เร็วๆนี้หรือไม่


ดราม่าเดือดไปยิ่งกว่านั้น เมื่อมีผู้ลากเอาวีรกรรมแฟนหนุ่มของ Billie ที่ใช้คำพูดเหยียดเกย์มาเหมารวมว่า  เธอคงไม่ได้เป็นมิตรที่ดีกับ LGBTQ community (เพราะคบหากับผู้ชายที่มีพฤติกรรมเหยียดเกย์)  แต่กลับใช้ภาพของหญิงรักหญิงมาเป็นเครื่องมือหากิน


อย่างไรก็ตาม สื่อบางเจ้าได้ชี้ว่า หาก Billie ไม่เคยเปิดเผยอัตลักษณ์ทางเพศ ก็ไม่ควรจู่โจมกล่าวหาเธอว่าเป็น cisgender ที่สร้างกระแสด้วยภาพของหญิงรักหญิง แต่ควรจะให้พื้นที่ความเป็นส่วนตัว รวมถึงผู้ที่มองว่า ไม่ว่าใครก็สามารถค้นหาตัวเองโดยไม่ใช้คำจำกัดความเรื่องทางเพศของตัวเอง


ที่ผ่านมาก็มีผู้ตั้งข้อสงสัยมาตลอดว่า เธออาจจะเป็นชาว LGBTQ โดยไม่เปิดเผย เมื่อถูกกดดันด้วยคำถามนี้ Billie จึงโต้ว่า คนอื่นเอาแต่มาเจ้ากี้เจ้าการเรื่องตัวตนทางเพศของเธอ แต่ทีพวกผู้ชายไม่เห็นไปจับผิดกันแบบนี้บ้าง





นี่คือสิ่งที่ศิลปินหญิงที่ร่วมงานด้วยกันนั้นเป็นสิ่งที่แฟนๆเห็นมาไม่รู้กี่ครั้ง เมื่อใดก็ตามที่พวกเธอมีผลงาน featuring   มันก็กลายเป็น cliché ไปแล้วว่า  เราจะต้องได้เห็นสองสาวแต่งกายเย้ายวนใจลูบไล้ร่างกายของอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนา  แต่กลายเป็นว่า  เมื่อศิลปินรุ่นใหม่อย่าง Cardi B และ Normani แสดงออกผ่าน MV แบบเดียวกัน  พวกเธอกลับถูกโจมตีว่าหากินกับ queerbaiting


นักแสดง queer ชื่อดังวิพากษ์ปก Vogue ของ Harry Styles


Harry Style ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการสวมใส่เดรส Gucci ถ่ายแบบให้กับ VOGUE กลายมาเป็รนดังชายคนแรกที่ได้ขึ้นปกคัมภีร์ fashion แม้จะต้องพบเสียงเยาะเย้ยจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่กล่าวหาว่า เขาพยายามโพรโมทให้ผู้ชายดูหวานแต๋วไม่มาดแมนกันไปหมด แต่ผู้คนมากมายก็ชื่นชมกับตัวตนแบบ androgynous ของ popstar ชื่อดังที่ไม่จำกัดอยู่กับเรื่องmasculinity ไม่ต่างจาก David Bowie และ Prince ที่กลายมาเป็นqueer icon ของโลก


แต่นอกจากผู้คนฝ่ายอนุรักษ์นิยม  ก็ยังมีนักแสดงที่สร้างชื่อเสียงจากภาพของผู้ชายใส่เดรสที่มองหน้าปก VOGUE ฉบับนี้ด้วยความไม่ชอบใจ


Billy Porterแห่ง Pose ได้ระบายความในใจไว้ว่า

"ฉันเป็นคนแรกที่ทำ แล้วพอถึงตอนนี้ ใครๆก็ทำเหมือนกันไปหมด ฉันไม่ได้ต่อว่าอะไรHarry Styles แต่คุณดึงเขามาเป็นตัวแทนของประเด็นการแต่งกายไม่ระบุเพศน่ะเหรอ? เขาไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับมัน เขาแค่ทำเพราะมันเป็นกระแส แต่เรื่องนี้คือกฎเกณฑ์ของตัวฉัน เป็นทั้งชีวิตของฉัน"

"ฉันพยายามต่อสู้มาทั้งชีวิตจนในที่สุดฉันก็สามารถใส่เดรสไปงาน Oscarได้ แต่สิ่งที่เขาทำ ก็แค่เป็นคนผิวขาวและชอบเพศตรงข้าม"


อย่างไรก็ตาม ในภายหลัง Billy ก็ประกาศขอโทษที่เอ่ยชือ Harry ให้มาเกี่ยวข้องกับความไม่สบายใจที่ได้เห็นระบบในอุตสาหกรรม fashion ที่ไม่ใยดีกับกล่มคนผิวสีต่างๆที่เป็นผู้สร้างสรรค์วัฒนธรรมขึ้นมา ซึ่งเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อ Harry แต่อย่างใด จากสายตาของเกย์หนุ่มอย่างเขา ใครๆก็รัก Harry ที่แสนน่ารักอยู่แล้ว


แม้จะมีภาพลักษณ์ดูดีและได้รับคำชื่นชมที่สนับสนุน LGBTQ community มาตลอดหลายปีนี้ แต่ Harry ก็ต้องพบกับข้อหา queerbaiting เช่นกัน บางคนฟาดฟันว่า เขาจงใจทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดด้วยด้วยการแสดงอัตลักษณ์ทางเพศที่คลุมเครือ ไม่เปิดเผยออกมาชัดๆ (Harry ปฏิเสธที่จะให้คำจำกัดความเรื่องเพศของตัวเอง) และสร้างความนิยมในกลุ่มแฟนๆเพศทางเลือกจากเสื้อผ้าแบบ androgynous แต่ที่ผ่านมาก็มีความสัมพันธ์กับหญิงสวยมากหน้าหลายตาไม่ต่างจากศิลปินหนุ่ม straight คนอื่นๆ บ้างก็ฟันธงว่า energy ความ queer มาจากแผนของทีมงานประชาสัมพันธ์ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ เพราะช่วงที่ยังเป็นหนุ่มใส boyband ก็ไม่ได้นำเสนอภาพลักษณ์ที่ดู feminine เหมือนกับปัจจุบัน



มีการโจมตี ก็ย่อมจะมีผู้ออกโรงปกป้องเต็มตัว ไม่ต่างจากกรณี Billie Eilish หลายคนเชื่อว่า พวกเราควรให้เกียรติผู้ที่ไม่ต้องการ'เปิดตัว'หรือระบุเจาะจงว่าเป็นเพศใด ไม่ว่า Harryจะชอบเพศตรงข้ามหรือเป็น bi หรือเพศใดก็ตาม เนื้อในของเขาต่างหากที่ทำให้เป็นที่รักของแฟนๆมานาน เมื่อหากข้องใจว่าเขาเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นของ LGBTQ community หรือไม่? ย่อมพิสูจน์ได้จากงานการกุศลต่างๆ และการแสดงออกให้ผู้คนได้รับรู้ว่า เขาสนับสนุนเพศทางเลือกเต็มตัว

"ผมอยากจะช่วยให้ผู้คนรู้สึกสบายใจกับสิ่งที่เป็น ไม่ว่าพวกเค้าจะอยากจะเป็นแบบไหน เมื่อชมการแสดงดนตรี คุณอาจจะได้สัมผัสความรู้สึกว่า คุณไม่ได้โดดเดี่ยว"

"ผมรู้ตัวดีว่า การที่ผมเป็นผู้ชายผิวขาวนั้น ทำให้ไม่ต้องเผชิญกับอุปสรรคบางอย่างเหมือนกับผู้ชมอีกหลายคนที่มาชมคอนเสิร์ต ผมไม่สามารถอ้างได้ว่า ผมเข้าใจดีว่ามันทำให้รู้สึกเช่นไร เพราะผมไม่เข้าใจความรู้สึกนั้น ผมแค่พยายามทำให้ผู้คนรู้สึกเป็นที่ยอมรับน่ะครับ"





The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE