จีบันขอฟังคุณเบนจี้เล่าประสบการณ์ที่เคยโดนว่า "อ้วนขนาดนี้ ใส่เสื้อเปิดพุงได้ยังไง"
Alice Kerdplanant 47 19
Jeban Break The Beauty Bias เป็นแคมเปญวันสตรีสากล ทางจีบันได้ชวนคุณเบนจี้ ที่เคยโดน Beauty Bias ว่า "อ้วนแล้วทำไมใส่เสื้อเปิดพุง" มาพูดคุยกันเรื่องความคิด ตัวตน และทลายกรอบทัศนคติที่มีต่ออคติความงามทั้งหลาย
เราเห็นคุณเบนจี้ bengy_gee เคยตั้งกระทู้แต่งตัวสาวอ้วนกับเสื้อครอปโชว์พุง ในขณะที่ใครๆ ก็บอกว่า "แต่งตัวไม่เจียมตัว อ้วนขนาดนี้ เปิดพุงได้ยังไง" กระทู้นั้นได้ยอดวิวทะลุหมื่น และตัวคุณเบนจี้เองก็เป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนเริ่มแต่งตัว จีบันเลยชวนเธอมาบอกเล่าประสบการณ์ กว่าจะฉีก Beauty Bias มาได้ คุณเบนจี้ต้องเจออะไรบ้าง
คิดว่า Beauty Bias คืออะไร?
Bias ในที่นี้คือ “รักตัวเอง” มั้ง การแต่งตัวของเราจะแต่งอะไรก็ได้เลย แต่ก็ดูกาลเทศะเป็นหลัก เราแค่แต่งตัวยังไงก็ได้ให้เรามั่นใจในวันนั้น ถ้าเรามั่นใจ ใครจะมองก็เรื่องของเขา
มีคนบอกว่า “รูปร่างใหญ่ แต่งตัวเปิดเนื้อหนัง มันเผละ” เคยเจอกับตัวเองมั้ย?
ถ้าเป็นเพื่อนๆ กับที่บ้าน จะเคารพเรา แต่คนที่มีปัญหากับเราคือคนข้างบ้าน หรือคนที่ไม่รู้จัก ไม่สนิทด้วย เขาก็จะถามว่า “แต่งตัวอะไร ทำไมมีพุงออกมา” เราก็แบบ “เออ..รู้ไง ก็พุงของกูไง” ก็คิดนิดนึงว่า เอ๊ะ...อีนี้เป็นอะไรรึเปล่า แต่เราก็ไม่เก็บคำพูดมาคิดมาก คือถ้าเป็นเพื่อนเรา ถ้าเขาพูดมากไป ก็พูดกันตรงๆ เลยมากกว่า เพราะรู้อยู่แล้วว่าแต่ละคนนิสัยเป็นยังไง
เคยเจอคำพูดที่ฝังใจมั้ย?
ก็มีนะ เช่น “แต่งตัวไม่เจียมตัว แต่งตัวไม่ดูตัวเอง อ้วนขนาดนี้ ดำอีก ใส่ชุดนีออน ชุดว่ายน้ำได้ยังไง” ตอนแรกๆ ได้ยินบ่อย จนเราไม่กล้าใส่ชุดว่ายน้ำไปเลยช่วงนึง เพราะไม่มั่นใจ พอย้อนกลับไปดูตอนนี้ก็คิดว่า เออ...ทำไมเราต้องเชื่อคำพูดคนอื่นขนาดนั้น ไม่น่าเอาคำพูดคนอื่นมาใส่ใจเลย
คิดว่า “แต่งตัวไม่เจียมตัว แต่งตัวไม่ดูตัวเอง” จริงมั้ย?
ไม่อ่ะ! การแต่งตัวไม่มีถูกผิด ผู้ชายใส่กระโปรงได้ ผู้หญิงที่อ้วนก็ใส่ชุดว่ายน้ำหรือกางเกงขาสั้นได้ จะโชว์นมเท่าไหร่ก็ได้ตามที่อยากโชว์ มันเป็นสิทธิของเรา ถ้าไม่อยากมองก็เป็นหน้าที่คุณรึเปล่าที่ต้องจัดการตัวเอง
สำหรับผู้ใหญ่เขาก็ยังไม่เปิดรับขนาดนั้น เขาก็จะคิดว่าคนหุ่นดีใส่แล้วสวยเท่านั้น จนเกิดการเปรียบเทียบ แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไร
สำหรับผู้ใหญ่เขาก็ยังไม่เปิดรับขนาดนั้น เขาก็จะคิดว่าคนหุ่นดีใส่แล้วสวยเท่านั้น จนเกิดการเปรียบเทียบ แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไร
ถ้าผู้ใหญ่มาพูดว่า “แต่งแบบนี้ไม่ได้” แล้วต้องแต่งยังไง?
ก็ถามเลยว่าแล้วต้องแต่งยังไง (หัวเราะ) เขาก็ตอบไม่ได้ แค่บอกว่าไม่เหมาะสม มาตรฐานคนเราค่อนข้างต่างกัน
คิดว่าสื่อมีผลต่อภาพจำมั้ย?
แน่นอน อย่างตอนนี้ทีวีอาจจะมีผลน้อยหน่อยต่อกลุ่มวัยทำงานและวัยรุ่น ที่ไม่ค่อยได้เสพทีวี แต่ถ้าโซเชียลมีเดียก็มีผล เพราะเราเห็นรูป เสพบ่อยกว่า พอเราเห็นคนนี้แต่งตัวแบบนี้ก็น่ารักดี อยากจะซื้อตาม
รู้สึกยังไงกับคนที่พูดไม่ดีกับเราบ้าง?
เฉยๆ ไม่ได้โกรธ เขาก็มีสิทธิถาม เราก็มีสิทธิที่จะตอบหรือไม่ตอบก็ได้ ส่วนใหญ่ถ้าโดนถามจี้ก็อธิบายให้เขาเข้าใจนะ ว่า “ทุกคนจะใส่อะไรก็ได้ที่มั่นใจ ทุกคนมีความสวยที่แตกต่างกัน อ้วนบ้าง ผอมบ้าง แต่ทุกคนก็มีสิทธิแต่งตัว”
เริ่มสนใจแฟชั่นตั้งแต่เมื่อไหร่?
ชอบมาตั้งแต่เด็ก แต่เมื่อก่อนเราก็มีแค่ตามที่พ่อแม่หามาให้ ลองผิดลองถูกเยอะเหมือนกัน แฟชั่นก็ต้องเริ่มจากบ้งมาก่อน (หัวเราะ) พอหลังจากโดนคนพูดว่า “ใส่แล้วไม่เข้ากับเรา” ก็ไม่แต่งตัวอยู่หลายปีเหมือนกัน จนรู้ว่า เอ๊ะ...แบบนี้ก็แต่งได้หนิ ก็เลยเริ่มแต่งตัว
คือเราจะเปรี้ยวได้ เซ็กซี่ได้ แต่ก็ต้องหาอะไรที่พอดีกับร่างกายเรา
คือเราจะเปรี้ยวได้ เซ็กซี่ได้ แต่ก็ต้องหาอะไรที่พอดีกับร่างกายเรา
แสดงว่าแต่ละคนก็มี Standard ความงามบางอย่างอยู่?
ใช่ๆ ทุกคนมีมาตรฐานความงามไม่เท่ากันหรอก แต่ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย เคารพเขาสิ อย่างตอนไปทะเล ก็ไม่มีเพื่อนใส่ชุดว่ายน้ำจ๋าเท่าเรา แต่ก็ไม่มีใครบอกว่า “เฮ้ย อย่าใส่เลย เซลลูไลท์ขึ้น” ทุกคนจะแบบ “ใส่เลยๆๆๆๆๆ” แล้วมีเพื่อนคนนึงที่ไม่ค่อยใส่ชุดว่ายน้ำ เราก็เชียร์เขาว่า เนี่ย ใส่ด้วยกัน! พอเราไม่รู้สึกว่ามันแปลก เพื่อนก็โอเค ใส่ด้วยกัน ไม่ต้องเขิน แค่นั้นเอง
แปลว่าถ้าสังคมเปิดกว้าง เราก็จะกล้าลองผิดลองถูก?
ใช่ คือที่บ้านเราก็จะหัวโบราณเรื่องการแต่งตัว กว่าเราจะก้าวข้ามมาได้ก็ค่อนข้างยาก แต่เวลาเขาเอ๊ะ เราก็ทำให้เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับที่บ้าน แม่มาเล่าให้ฟังว่า คนข้างบ้านถามว่า “เอ๊ะ ลูกแต่งตัวอะไร ทำไมเปิดเยอะจัง” แม่เราก็ตอบว่า “ปกติอยู่แล้ว เขาชอบแต่งตัว”
คือก่อนจะมาถึงจุดนี้ เราก็เคยคิดว่า หรือเราแต่งตัวเยอะไป? ไม่เหมาะกับเรา? แต่ผ่านไปซักพัก เราก็รู้ว่า ไม่เป็นไรเลยหนิ ยิ่งสมัยนี้เปิดกว้างกว่าสมัยก่อนเยอะ เมื่อก่อนคำพูดยังไม่มา แต่สายตามาละ แต่เราเคยไปเกาหลี แล้วแต่งตัวแบบไร่ส้มมาก แต่มีคนมาชมว่า “แต่งตัวน่ารักดีนะ” เลยรู้สึกว่า เราก็ไม่ได้แต่งตัวประหลาดนี่นา
เวลาคนมาถามเรื่องความมั่นใจ จี้ก็ตอบไม่ได้ว่าพื้นฐานความมั่นใจของแต่ละคนมากน้อยแค่ไหน เราก็เลยบอกว่า อย่าไปสนใจคนอื่น แต่สุดท้ายก็ต้องฝึกจิตเราให้นิ่งก่อน ถ้าเราจัดการกับความรู้สึกเราได้ ก็โอเคแล้ว
คือก่อนจะมาถึงจุดนี้ เราก็เคยคิดว่า หรือเราแต่งตัวเยอะไป? ไม่เหมาะกับเรา? แต่ผ่านไปซักพัก เราก็รู้ว่า ไม่เป็นไรเลยหนิ ยิ่งสมัยนี้เปิดกว้างกว่าสมัยก่อนเยอะ เมื่อก่อนคำพูดยังไม่มา แต่สายตามาละ แต่เราเคยไปเกาหลี แล้วแต่งตัวแบบไร่ส้มมาก แต่มีคนมาชมว่า “แต่งตัวน่ารักดีนะ” เลยรู้สึกว่า เราก็ไม่ได้แต่งตัวประหลาดนี่นา
เวลาคนมาถามเรื่องความมั่นใจ จี้ก็ตอบไม่ได้ว่าพื้นฐานความมั่นใจของแต่ละคนมากน้อยแค่ไหน เราก็เลยบอกว่า อย่าไปสนใจคนอื่น แต่สุดท้ายก็ต้องฝึกจิตเราให้นิ่งก่อน ถ้าเราจัดการกับความรู้สึกเราได้ ก็โอเคแล้ว
สุดท้ายความ “เอ๊ะ” ทั้งหมด ก็อยู่ที่มาตรฐานของเรา?
ใช่ “เอ๊ะ” มันแค่เช็คว่าเราโอเคมั้ย ถ้าโอเคก็จบ จี้ว่าครอบครัวและเพื่อนควรสนับสนุนการแต่งตัวของคนในครอบครัว ถ้าเขาใส่แล้วไม่ผิดกาลเทศะเกินไปก็ไม่ควรไป “เอ๊ะ” กับเขา
รู้สึกยังไงที่ฉีก Beauty Bias ว่า “คนอ้วนไม่ควรแต่งตัวเปิดเผย” บ้าง?
รู้สึกว่าเราก็ใส่ได้ ไม่จำเป็นต้องมีมาตรฐานให้คนกลุ่มใดกลุ่มนึงใส่ ทุกคนใส่ได้ตามที่อยากใส่ แค่นั้นเอง
ไม่ใช่แค่คุณเบนจี้ที่เจอเรื่องแบบนี้ ยังมีผู้หญิงอีกมากที่เจอกับ Beauty Bias การมีไบแอสไม่ใช่เรื่องผิด แต่การเอาไบแอสของเราไปทำให้คนอื่นเดือดร้อนคงไม่ใช่ทางออก เราหวังว่าจีบันจะเป็นพื้นที่เปิดกว้าง ให้ทุกคนได้แสดงตัวตนอย่างมั่นใจ
จีบันขอขอบคุณคุณเบนจี้ที่มาพูดคุยกับเรา จะมีอคติความงามอะไรจากสาวๆ คนไหนอีก ติดตามได้เลย หรือเข้าไปอ่านที่ issue : Jeban Break The Beauty Bias วันสตรีสากลปีนี้ มาทลายอคติความงามไปด้วยกัน