เหตุใดสารคดี MAKE IT LOOK EASY ของ LE SSERAFIM จึงจุดกระแสวิจารณ์ร้อนแรง?

13 6
จนถึงขณะนี้ บัญชี social media ของ girl group ชื่อดังก็ยังตั้งปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นเพื่อป้องกันการโจมตีจาก Netizens แต่ไม่อาจจะหยุดยั้งการแพร่กระจายความเกลียดชังในโลกออนไลน์ได้..ชาวเน็ทหลายคนมองว่า นี่ไม่ใช่ move ที่เหมาะควรในการเตรียมการ comeback ของสาวๆ LE SSERAFIM แต่อย่างใด


มาติดตามกับเราได้เลยค่ะ

เบื้องหน้าของวงการ K-Pop ที่เต็มไปด้วยสีสันลูกกวาดและคำพูดหวานหูเต็มไปด้วยพลังงานด้านลวกจากศิลปิน แต่พวกเราต่างรู้กันดีว่า ฉากหลังของภาพอันสวยงามนี้ไม่ได้มีแต่ยูนิคอร์นและสายรุ้ง... แต่พวกศิลปินจะต้องฟันฝ่าความโหดร้ายของธุรกิจวงการนี้ ทั้งแรงกดดันจากต้นสังกัดและโลกออนไลน์ที่ไม่เคยปราณีใคร 


การเตรียมตัวกลับคืนสู่ K-Pop หลังจากวงต้องพบกับกระแสโจมตีอย่างหนักจากผลงานการแสดงที่ Coachella 
เมื่อไม่นานมานี้ มีรายงานว่า Source Music กำลังเตรียมการใหญ่เพื่อส่ง LE SSERAFIM กลับมากวาดความนิยมและตั้งเป้าหมายว่า เพลงใหม่ของพวกเธอจะต้องประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่ถึงแม้ FC จะเตรียมพร้อมให้การสนับสนุนเต็มที่ แต่มันก็อาจจะเหมือนกับการเตรียมพร้อมเข้าสู่สมรภูมิของความเห็นเกลียดชังในโลกออนไลน์!


นั่นเป็นเพราะว่า ผลกระทบจากการขึ้นเวทีระดับโลกเมื่อเดือนเมษายน หรือที่ถูกเรียกว่า Coachella controversy นั้นไดนำมาสู่มรสุมครั้งใหญ่ในเส้นทางไอดอลของห้าสามสาว เมื่อพ่วงเข้ากับข่าวฉาวใหญ่โตของ Hybe บริษัทแม่ของ Source Music ต้นสังกัดของพวกเธอ ก็ยิ่งทำให้เรื่องราวดูเลวร้ายลงไป เพราะในตอนนี้มี Netizens ทั้งในเกาหลีและต่างประเทศตราหน้าพวกเธอว่า ไร้คุณสมบัติเพียงพอที่จะได้ชื่อว่า เป็นศิลปิน K-Pop มากความสามารถ และกล่าวหาต้นสังกัดว่า ใช้สูตรสำเร็จปั้นไอดอลที่เน้นที่เรื่อง concept และภาพลักษณ์ แต่กลับละเลยคุณภาพจนทำให้ไอดอลสาวตกเป็นเหยื่อ cyberbullying

คอนเทนท์ reaction ในแง่ลบต่อการแสดงสดของ LE SSERAFIM ผุดขึ้นมากมากมาย เพราะแม้จะมีแฟนๆของมาปกป้องว่า ผลงานที่ Coachella มาจากการดีไซน์การแสดงที่ผิดพลาด เพราะเมื่อยึดติดกับ dance routine ที่ต้องออกแรงมากก็ยากจะคอนโทรลเสียงได้ แต่ก็มีผู้รำหลักฐานจากการขับร้องในช่วง encore ที่หลงคีย์และขนาดพลัง ทั้งๆที่สมาชิกในวงเคยโชว์ความสามารถในการขับร้องที่โดดเด่นมาก่อน แต่ตอนที่สมาชิกบางคนร้องเพลงในขณะที่ยืนนิ่งๆ ไม่ได้ใส่ออกลีลาเต้น แต่ก็ยังร้องเพลงได้ไม่กีนัก ทำให้เกิดข้อกล่าวหาว่า ต้นสังกัดบิดเบือนเรื่องความสามารถของพวกเธอด้วยการเตรียม backtrack ที่ฟังเหมือนกับร้องสด แต่ผ่านการปรับแต่งช่วย เมื่อพวกเธอต้องร้องสดจริงๆ จึงปรากฏข้อบกพร่องตามมา เมื่อเปรียบเทียบกับการแสดงของศิลปินระดับโลกที่ได้รับเชิญเข้าร่วมแสดงในเทศกาล Coachella จึงยิ่งเห็นข้อแตกต่าง

FC แย้งว่า การแสดงที่ตกมาตรฐานเดิมของไอดอลนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้จากปัจจัยๆต่างๆ ทั้งความไม่คุ้นเคยกับการแสดงในเทศกาลดนตรีที่มีรูปแบบแตกต่างจากเวทีในประเทศ การเดินทางที่สร้างความเหนื่อยล้า และการเตรียมตัวของค่ายที่ไม่ได้ออกแบบการแสดงให้เหมาะสม เพราะการแสดงสดโดยไม่ลิปซิงค์ช่วยนั้นควรจะมีช่วงผ่อนจังหวะเพื่อปรับลมหายใจโชว์ vocal จะมีใครบ้างที่เต้นสุดแรงแล้วร้องเพลงเสียงยังใสแจ๋วราวกับเปิดแผ่นเสียง? แม้แต่ศิลปินหลายดังระดับโลกหลายคนก็ผสมผสานการเปิด backtarck ระหว่างเต้น และจะขยับร่างกายเบาลงเมื่อต้องโชว์พลังเสียง และมี sound engineer คอยควบคุมให้การแสดงดูสมบูรณ์แบบที่สุด ในขณะที่แฟนๆ K-Pop คาดหวังให้พวกเธอโชว์ทักษะการขับร้องไปพร้อมๆกับการเต้นแบบจัดเต็ม

สารคดี  MAKE IT LOOK EASY
ไม่กี่เดือนจากการแสดงที่ Coachella  ต้นสังกัดก็ได้ปล่อยสารคดีเปิดเผยเส้นทางอันทรหดของ LE SSERAFIM ออกสู่สายตามวลชน แต่ในขณะที่ภาพของสาวๆที่ต้องพบกับแรงกดดันรอบข้างทำให้แฟนๆรู้สึกเห็นอกเห็นใจและเจ็บปวดไปกับพวกเธอด้วย แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ในแง่ลบตามมามากมายเช่นกัน  นักวิจารณ์ออนไลน์บางคนฟาดฟันไม่ยั้งว่า พวกเธอเดบิวท์มาถึงสามปีแล้ว แต่ก็ยังถูกโจมตีเรื่องทักษะการขับร้องในขณะที่ girl group คู่แข่งในวงการโชว์ของกันรัวๆ จนทำให้มองไปได้ว่า พวกเธอบางคนไม่ได้ใส่ใจที่จะพัฒนาตัวเองแม้แต่น้อย โดยเฉพาะซากุระที่ถูกตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่เธอเข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกไอดอล K-Pop ในรายการ Produce 48 

highlight ของสารคดี
  • ภาพของซากุระแสดงความไม่มั่นใจต่อการตัดสินใจของตัวเองที่เลือกมุ่งมั่นในเส้นทางไอดอล  และดูท้อถอยถึงขั้นหลั่งน้ำตา ซึ่งที่ผ่านมานั้น เธอถูกโจมตีอย่างรุนแรงว่า ทักษะการขับร้องของเธอเป็นจุดอ่อนของวง ทั้งๆที่ควรจะทำได้ดีกว่าใคร เพราะเดบิวท์ในวงไอดอลมาแล้วถึง 3 ครั้ง ทั้งในญี่ปุ่นและเกาหลี
  • ความเหนื่อยล้าของไอดอลที่เกิดจากการฝึกซ้อมและปัจจัยต่างๆที่ส่งผลกระทบกับสุขภาพของพวกเธอ ต้องให้น้ำเกลือ หรือเกิดอาการหน้ามืดเหนื่อยจนหายใจไม่ทัน แต่ก็ตัดสินใจโหมงานต่อไป
  • อึนแชที่ยังเป็นผู้เยาว์อ่านข้อความทาง social media โจมตีเธอด้วยสายตาอันเศร้าสร้อย เผยถึงความทุกข์ของไอดอลที่ถูกจับผิดทุกความเคลื่อนไหว

สารคดีนี้จะช่วยให้ผู้คนเปิดใจยอมรับ LE SSERAFIM มากขึ้นหรือไม่?

หลายคนน่าจะสัมผัสได้ว่า จุดประสงค์ของการปล่อยสารคดีนี้สู่สายตาผู้คนก็เพื่อสร้าเสริมความยอมรับเข้าใจในตัวไอดอลที่ต้องเผชิญความยากลำบากเพื่อสร้างความฝันให้เป็นจริง และน่าจะชี้นำให้สังคมออนไลน์ลดละการพิพากษาพวกเธอและทำร้ายจิตใจกันด้วยถ้อยคำที่โหดร้าย อย่างไรก็ตาม ยังมีคนที่ยืนยันความคิดว่า สารคดีนี้ ไม่ใช่แผนที่เหมาะสมในการกู้ชื่อเสียงให้กับ LE SSERAFIM เลย



การแสดงวิสัยทัศน์ของบัง ชีฮยอก ผู้บริหาร Hybe ก็ปลุกความไม่พอใจของ Netizens ยิ่งขึ้น จากซีนหนุ่งที่เขาได้เอ่ยกับยุนจิน ซึ่งกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากความคาดหวังของสังคมและการแข่งขันในอุตสาหกรรมดนตรี คำแนะนำจากบัง ชีฮยอกก็คือ ให้เขียนเพลงต่อไปโดยไม่ต้องคำนึงถึงความคิดของสาธารณชนและบริษัท

แต่คำพูดนั้นได้ปลุกความไม่พอใจในกลุ่ม Netizens เนื่องจากพวกเค้าเชื่อว่า ความคิดเห็นจากสาธารณะชนคือสิ่งจำเป็นที่ศิลปินจะต้องน้อมนำไปใช้ แต่เมื่อผู้บริหารพูดเองว่า ไอดอลแค่ทำงานของตัวเองไป ไม่ต้องใส่ใจว่าผู้ติดตามพวกเธอจะรู้สึกเช่นไร ไอดอลย่อมขาดแรงผลักดันในการพัฒนาความสามารถ เพราะไม่รับยอมนำข้อติชมจากผู้คนไปปรับปรุงตัวเอง

ชาวเน็ทอีกหลายคนยังวิพากษ์วิจารณ์ตรงกันว่า ไอดอลทั้งวงการต่างต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการไม่ต่างจาก LE SSERAFIM พวกเธอยังโชคดีกว่าไอดอลจากค่ายเล็กๆที่ยากจะพลิกเกมก้าวมาแข่งขันกับศิลปินค่ายยักษ์ใหญ่ ไอดอลหลายคนต้องอดมื้อกินมื้อ ทำงานพิเศษเพราะรายได้จากอาชีพไอดอลไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการทำงานหนักจนหมดสติ บาดเจ็บ หรือความเครียดพุ่งสูงจนเกิดความเจ็บป่วยทางจิตใจ สิ่งเหล่านี้อยู่คู่วงการ K-Pop มานาน ก่อนที่พวกเธอจะเซ็นสัญญากับต้นสังกัดดังก็ย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่า เส้นทางนี้เต็มไปด้วยความยากลำบาก หากไม่ต้องการรับมือกับแรงกดดันมหาศาล ก็ไม่ควรเริ่มฝันจะประสบความสำเร็จจากเส้นทางนี้ตั้งแต่แรก

Netizens ที่ไม่ยอมเห็นใจพวกเธอได้ตอกย้ำว่า

"เลิกคร่ำครวญแล้วไปฝึกฝนให้ดีขึ้นมาก่อนเถอะ พวกเธอเดบิวท์มานานแล้วนะ แต่เห็นผลงานแล้วอายแทน"
"บัง ชีฮยอกนี่เหลือเกินจริงๆ ใช้ไอดอลเป็นเกราะป้องกันตัว พยายามเรียกความสงสาร แต่ผลลัพธ์น่าจะไปในทางตรงข้าม"
"พวกเธอต้องฟังความเห็นความเห็นสาธารณชนสิ มันชัดเจนอยู่แล้วว่าพวกเธอต้องฝึกหนักกว่านี้มากๆเพื่อไม่สร้างความอับอาย"
"วงอื่นๆโชว์ความสามารถแซงพวกเธอไปไกลแล้ว ควรพิสูจน์ตัวเองมากกว่าจะเรียกร้องความสงสารนะ"

มีการวิเคราะห์ว่า กระแสโจมตี LE SSERAFIM ยังเปรียบเหมือนแผลที่สดใหม่ แม้แฟนๆจะเชื่อมั่นว่า พวกเธอกำลังซุ่มพัฒนาตัวเองอย่างเต็มที่เพื่อจะ comeback ได้อย่างไร้ที่ติเพื่อลบคำครหาเรื่องความสามารถ แต่ Netizens จำนวนมากยังตั้งแง่กับพวกเธออยู่ (ไหนจะยังมี haters อีกมากมายที่พร้อมเหยียบย่ำซ้ำเติม) การสร้างสารคดีออกมาในตอนนี้จึงถูกตีความว่า เป็นการแก้ตัว แต่หากพวกต้นสังกัดรอให้กระแสวิพากษ์วิตารณ์ที่ร้อนแรงซาลงไปบ้าง ปฏิกิริยาจากมวลชนอาจจะเป็นไปทางที่ดีกว่านี้

ยกตัวอย่างจาก Taylor Swift ที่เคยถูกเล่นงาน เมื่อ Kim K นำการอัดเสียงสนทนาของเธอกับ Kanye ออกมาประจาน เกิดเป็นกระแส #TaylorSwiftIsOverParty และจนชาวเน็ทกดอีโมจิงูเกลื่อนโลกออนไลน์เมื่อหลายปีก่อน เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อเธออย่างหนักจนต้องหลบหน้าผู้คนไปรักษาแผลใจอยู่นาน แต่เมื่อเธอพยายามพิสูจน์ให้ชาวเน็ทรับฟังข้อมูลฝั่งของเธอ และหวนคืนสู่วงการได้อย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง ก็ได้ส่งสารคดี Miss Americana ที่ดึงดูดความสนใจและได้รับเสียงชื่นชมจากสื่อและชาวเน็ทไม่น้อย และทำให้หลายคนหันมามองเธอในแง่ที่ดีขึ้น

มีคนฟันธงว่า สารคดีล่าสุดของ LE SSERAFIM นั้น อาจจะทำให้เรื่องแย่ลงไปด้วยซ้ำ

หลายคนมองว่า ผู้ที่ถูกเล่นงานหนักที่สุดจากสารดีนี้คือ ซากุระ เห็นได้จากซีนที่ได้เธอเปิดเผยแผลใจหลังจากถูกโจมตีอย่างหนักในเรื่องความสามารถด้านการขับร้อง ส่งผลให้รู้สึกหวาดกลัวการร้องเพลง ไม่สามารถร้องออกมาด้วยความมั่นใจ ทำให้มีคนตั้งกระทู้โจมตีเธอในเว็บบอร์ดว่า ซากุระช่าง 'น่าขำจริงๆ" Knetizens ต่างเข้ามาเย้ยหยันเธอว่า หากเป็นนักร้องแล้วกลัวเกินไปที่จะร้องเพลง เธอก็ไม่ควรเดินทางสายนี้ต่อไป ยังมีคนที่พร้อมกว่าเธออีกมากมายที่ไม่ได้รับโอกาสดีขนาดนี้ หรือจะเป็นคนที่ซ้ำเติมว่า ไม่เข้าใจเหตุผลที่ Hybe เลือกซากุระมาเป็นไอดอลดาวเด่น ทั้งๆที่เธอขาดความสามารถจนถูกกระหน่ำโจมตีไม่หยุด หนำซ้ำ haters ที่แบ่งแยกทางเชื้อชาติก็ยังจองเวร ไล่ให้กลับญี่ปุ่นรัวๆ แค่กระทู้เดียวก็มียอดเข้าชมเกินแสน ตามมาด้วยคอมเมนท์ในแง่ลบอีกเป็นพัน ไหนจะมีิ Netizens ต่างประเทศแสดงความเห็นไปสารพัดในโลกออนไลน์ บางคนแสดงความไม่พอใจ Hybe ที่ปล่อยให้มีซีนนี้ออกมา เพราะเกรงว่า จะยิ่งทำให้มีคนมองซากุระแย่ลงไปอีก

ยังมีผู้คนอีกมากมายที่ยืนหยันสนับสนุนให้ LE SSERAFIM กลับคืนมาสร้างความเปล่งประกายให้กับวงการ K-Pop และหวังว่า มรสุมที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหลายเดือนมานี้จะช่วยให้พวกเธอเติบโตอย่างเข้มแข็ง

คุณคิดเช่นไรกับกระแสตอบรับจากสารคดีของห้าสาวไอดอล??


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE