คนดังก้าวข้ามความไม่มั่นใจเรื่องความงามได้อย่างไร

49 16


สวยมากแค่ไหนก็ยังจิตตก



มันคงเป็นเรื่องยากเย็นสำหรับหลายคนที่จะทำใจเชื่อว่า  Megan Fox  มีอาการ Body dysmorphic disorder    และเธอก็เคยต้องทุกข์ทรมานจากโรคปฏิเสธอาหารมาก่อน   นับตั้งแต่เป็นนางเอกวัยทีนที่แจ้งเปิดเปรี้ยงปร้างจากหนังสงครามหุ่นยนต์    ชื่อของเธอก็ถูกจัดให้ติดกลุ่มนางเอกสาวสวยเซ็กซี่ระดับtop มายาวนาน   หนุ่มๆจำนวนมากเปิดเผยว่าเธอคือ crush ฝังใจ  แม้แต่คู่หมั้นอย่าง Machine Gun Kelly ก็เคยติดโปสเตอร์เธอไว้ที่ห้องนอนไว้พร่ำเพ้อหาในสมัยวัยรุ่น   หรือสาวๆจำนวนไม่น้อยที่ใช้ภาพของเธอมาเป็นต้นแบบเพื่อให้ศัลยแพทย์เนรมิตความงาม    ความงามสะกดใจที่ได้รับการเปรียบเทียบว่าเธอจะเป็น Angelina Jolie คนต่อไปอาจจะทำให้คนอื่นต้องประหลาดใจที่พบว่า ในวัยเยาว์  Megan ที่เป็นเด็กสาวแสนสวยมาแต่ไหนแต่ไรเคยเผชิญกับเรื่องราวสะเทือนใจจนเจ็บป่วยเป็นโรคปฏิเสธอาหาร  



"ฉันได้ก้าวเข้าสู่โลกที่มีแสงแดดสดใสและเต็มไปด้วยความสุข"


"อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่ง ฉันได้เผชิญกับความสะเทือนใจในวัยเด็กและส่งผลให้ป่วยเป็นโรคปฏิเสธอาหารอย่างรุนแรง  และมีอาการอารมณ์แปรปรวนสองขั้วซึ่งเป็นความเจ็บป่วยที่สืบทอดในครอบครัวของฉัน"


Megan ไม่ได้บรรยายรายละเอียดในปัจจัยภายนอกที่เป็นสาเหตุของอาการเจ็บป่วยของเธอ แต่ก่อนหน้านี้หลายปี เคยผู้อ้างตัวเป็นศิษย์เก่าที่เข้าเรียนในโรงเรียนเดียวกับนางเอกสาวว่า มีเสียงเล่าลือในหมู่นักเรียนเรื่องอาการ Bulimia ของMegan จนทำให้บางคนคาดเดาว่า เธอป่วยหนักจนต้องลาออกจากโรงเรียน

เมื่อ 12 ปีก่อน เธอก็เคยเผยประสบการณ์ชีวิตที่น่าตระหนกไว้ว่า

"ฉันจะอดอาหารจนรู้สึกว่าเกือบตายกว่าจะทำอาหารกิน  ฉันว่าตัวเองเคยรอดมาได้โดยไม่กินอะไรเลยสัปดาห์หนึ่งเต็มๆ"




อาการ  Body dysmorphic disorder

Meganแสดงความเห็นว่า คนที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงามไม่ได้คว้าอะไรมาได้อย่างง่ายดายเหมือนกับที่หลายคนคิด

"พวกเราอาจจะได้เห็นใครสักคนแล้วคิดว่า คนๆนี้ช่างสวยเหลือเกิน ชีวิตของเค้าคงจะราบรื่นไปหมด แต่ส่วนใหญ่แล้ว คนเหล่านั้นไม่ได้รู้สึกแบบที่ว่าเลยค่ะ"

"ฉันมีอาการ body dysmorphia  ฉันเต็มไปด้วยความวิตกกังวลเพราะไร้ซึ่งความมั่นใจ"

Body Dysmorphic Disorder : BDD   คืออาการทางจิตเวชที่เกิดขึ้นเมื่อผู้ป่วยรู้สึกไม่พึงใจรูปร่างหน้าตาของตัวเอง   เป็นพฤติกรรมที่เกิดจากความย้ำคิดย้ำทำที่ส่งผลให้หมกมุ่นกับรูปลักษณ์ และสามารถเกิดขึ้นมากในกลุ่มวัยรุ่นซึ่งเข้าสู่ความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจจนมีความเปราะบางต่อความเห็นของผู้อื่น    ผู้ที่มีอาการนี้อาจจะไม่สามารถทำใจยอมรับตัวเอง คอยจ้องจับผิดหาจุดด้อยและพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองบ่อยๆ จนไปถึงขั้นเสพติดการศัลย.กรรม

"สิ่งที่ฉันคอยบอกกับตัวเองก็คือ ชีวิตคือสิ่งที่เกิดขึ้นชั่วขณะซึ่งได้ดำเนินต่อกันเป็นฉากๆ   ฉันได้เข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความมั่นใจและมีคุณค่าทั้งทางด้านอารมณ์ความรู้สึกและจิตวิญญาณ ฉันรู้สึกสุขใจช่วงเวลานี้มากค่ะ"





ไอดอลหนุ่มน่ารักที่ค่อยๆเปิดใจยอมรับกระบนใบหน้าเพราะกำลังใจจากแฟนๆ



มาตรฐานความงามของประเทศเกาหลีใต้นั้นสร้างเสียงกล่าวขานไปทั่วทิศ เมื่อรวมกับพลัง fandom ที่คาดหวังความสมบูรณ์แบบจากตัวศิลปินก็กลายเป็นแรงกดดันที่พวกเค้าจะต้องแบกรับ สำหรับวงการ K-Pop มันไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดหากไอดอลผู้มีรูปโฉมสวยงามดึงดูดใจต้องประกาศขอโทษเพราะสิวขึ้น เพราะดูแลตัวเองไม่ดีพอจนทำให้แฟนๆผิดหวัง

แต่ถ้าเป็นกระที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติล่ะ?


จุดเล็กๆสีน้ำตาลบนใบหน้าที่ดูเป็นเรื่องแสนปกติของผู้ที่มีเชื้อสายคอเคเชียน คือลักษณะไม่พึงปรารถนาของชาวเอเชียนที่อาศัยในประเทศแถบเอเชียเป็นจำนวนมาก มันเคยจุดประเด็นดราม่าร้อนแรงในจีน เมื่อโฆษณาของแบรนด์ fast fashionชื่อดังได้นำเสนอนางแบบจีนที่มีกระบางๆทั่วแก้ม และทำให้netizenจีนจำนวนมากกล่าวหาว่า คือการเหยียดเชื้อชาติจีนด้วยการจงใจเสนอภาพนางแบบที่ดูอัปลักษณ์ หรือแม้กระทั่งผู้ที่ยืนยันว่า คนจีนไม่ตกกระแบบนี้ แต่เรื่องราวก็ค่อยๆเงียบไป เมื่อผู้คนส่วนใหญ่มองว่า นี่เกิดจากมาตรฐานความงามที่แตกต่างกันของโลกตะวันตกและตะวันออก ในขณะที่ชาวเอเชียนจำนวนมากมายยึดติดว่า ความงามที่พึงปรารถนาคือผิวพรรณขาวเรียบเนียนดุจกระเบื้องเคลือบ หากปรากฏกระ รอยแดง หรือความคล้ำก็ถือเป็นความมัวหมองที่คอยปกปิดไว้ หรือทาทางกำจัดออกไป
 

ใบหน้าตกกระอาจจะไม่ใช่สิ่งที่พบเห็นได้เกลื่อนกลาดในกลุ่มชาวเอเชียน ในเมื่อหลายคนเลือกจะปกปิดมันไว้ แต่พวกเราต่างก็รู้กันดีแก่ใจว่า นี่ไม่ใช่สิ่งแปลกประหลาดหรือหายากมากขนาดนั้น เราพบเห็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องกระตามเพจความงามเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะเป็นการขอคำแนะนำเรื่องคลีนิคความงามต่างนำเสนอบริการเลเซอร์กำจัดกระ หรือ makeup ที่ใช้กลบและskincare ที่ทำให้รอยสีน้ำตาลเหล่านี้ลบเลือน


แต่เมื่อไอดอลชื่อดังเผยผิวหน้าที่ตกกระชัดเจน เสียงตอบรับสังคมก็ดูแตกต่างหลากหลาย มีทั้งผู้ที่ประทับใจกับลุคที่แตกต่างจนทำให้โดดเด่น แต่สำหรับชาวเกาหลี นี่ไม่ใช่สิ่งที่เรียกได้ว่า 'ผ่านมาตรฐานความงาม' แต่อย่างใด

แฟนๆยืนยันว่า ไม่น่าแปลกใจที่ Felix แห่ง Stray Kids จะตกกระ เขาอยู่ในกลุ่ม'ไอดอลอิมพอร์ท' จากพื้นเพที่เติบโตในประเทศออสเตรเลีย ประเทศที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องแสงแดดแผดจ้า ส่งผลให้ผิวพรรณที่ขาวเป็นทุนเดิมตกกระเกือบทั่วใบหน้า

และแม้ว่า Felix จะเคยเป็นหนุ่มน้อยผิวแทนแบบฉบับหนุ่มออสซี่  แต่เขาก็เผยความในใจว่า ตอนยังเป็นหนุ่มวัยใส เคยจิตตกกับกระบนใบหน้ามากถึงขั้นพยายามใช้นิ้วจิกออกเพราะคิดว่าจะทำให้กระหายไปได้  แต่มันก็ไม่หายไป   เขาเป็นเพียงเด็กคนเดียวในกลุ่มเพื่อนที่ตกกระ  มันก็ยิ่งทำให้กังวลใจ โดยเฉพาะตรงกระบนจมูกที่สีเข้มชัด


แต่หลังจากได้รับกำลังใจจากแฟนๆว่าปลาบปลื้มกระที่ดูมีเสน่ห์น่ารัก Felix ก็รับปากว่า จะหันมาชอบกระของตัวเองให้มากขึ้น ถือว่าเป็นการสร้างพลังด้านบวกที่น่าจะนำไปเป็นตัวอย่างให้กับชาวเน็ทที่จ้องจับผิดไอดอลทุกตารางมิลลิเมตร!


การเปิดมตยอมรับกระนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่เทรนด์ที่เกิดขึ้นวูบวาบ  แม้ว่าส่วนใหญ่แล้วเราจะได้เห็นเหล่าคนดังบนพรมแดงและปก magazine  ด้วย makeup กลบรอยกระรวมถึงการรีทัชให้ผิวพรรณดูไร้ริ้วรอยหรือแม้แต่กระทั่งรูขุมขน   แต่หลายคนได้กันมาโชว์ลุคที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น  อย่าง Lily Collins ที่ยืนยันว่า เธอชื่นชอบรองพื้นเนื้อบางที่เน้นให้กระของเธอดูโดดเด่น    และ  Julianne Moore  ที่เคยรับมือการ stereotype  สาวผมแดงและการเหยียดหยามเรื่องกระที่กระจายชัดเจนทั่วตัว ก็หันมาเปิดใจ และไม่คอยปกปิดกระไปซะทุกครั้ง  ในงานพรมแดงหรือการถ่ายแบบ เธอก็พร้อมจะเผยกระโดยไม่คอยวิตกกังวลอีกต่อไป

หากถามว่าสังคมเกาหลีมีทัศนคติต่อผิวตกกระเช่นไร  ก็คงไม่ต่างจากบ้านเรานัก  ตัวละคร Kang Sae-byeok  อันโด่งดังจาก Squid Game นั้นฉีกไปจากนางเอกซีรีส์เกาหลีเรื่องอื่นๆ  เพื่อสวมบทบาทของผู้แปรพักตร์เกาหลีเหนือ   เธอจะต้องเติมกระลงไปทั่วหน้าให้ดูน่าเชื่อ  อาจจะมองได้ว่า นี่คือลุคที่ไร้ความ glamorous เข้ากับบทหัวขโมยสาวที่ผ่านชีวิตอันลำบากยากเข็ญมาแล้ว    



ร่างกายที่เป็นสาวอย่างรวดเร็วที่ทำให้ซุปตาร์สาวเกลียดตัวเอง

   Billie  Eilish เป็นอีกหนึ่งคนที่ประสบปัญหาอาการ  BDD   และนั่นไม่ใช่แค่ phase ของวัยรุ่นที่หมกมุ่นเรื่องรูปลักษณ์เพียงไม่นาน  แต่เธอเจ็บป่วนจิตใจขั้นรุนแรงถึงขั้นมีความคิดอยากตายและทำร้ายตัวเองมาก่อน


"ฉันเคยเกลียดร่างกายตัวเองสุดๆ  ฉันสามารถทำได้ทุกอย่างที่จะเปลี่ยนแปลงมัน ฉันปรารถนาจะเป็นนางแบบมากเหลือเกินค่ะ แต่ฉันทั้งอ้วนและเตี้ย"

"ร่งกายฉันเติบโตเป็นสาวเร็วมากค่ะ ฉันเริ่มมีหน้าอกตั้งแต่เก้าขวบ ประจำเดือนมาครั้งแรกตอนอายุสิบเอ็ด  ร่างกายโตล้ำไปก่อนจิตใจ   มันก็ประหลาดดีนะ ตอนเด็กๆเราจะไม่คิดเรื่องร่างกายเลย  แต่ในทันทีทันใด เมื่อเรามองตัวเอง อยู่ดีๆก็คิดว่า โว้ว  ฉันจะต้องทำยังไงเพื่อจะเอาไอ้สิ่งพวกนี้ออกไปจากตัว?"



Billie เริ่มวิตกกังวลหนักเมื่อได้เข้าเรียนเต้นที่สตูดิโอแห่งหนึ่ง การฝึกฝนและเข้าร่วมแข่งขันเต้นทำให้เธอเอาแต่เปรียบเทียบตัวเองกับเด็กหญิงหน้าตาสวยน่ารักคนอื่นๆ เสื้อผ้าของสาวน้อยนักเต้นที่ทั้งรัดรูปและไซส์เล็กยิ่งทำให้เธอหมกมุ่นว่าตัวเองดูไม่สวยพอ ย่ำแย่ถึงขนาดที่ไม่สามารถจ้องมองตัวเองในกระจกได้ เมือบาดเจ็บที่สะโพกจนไม่สามารถฝึกเต้นได้ต่อไป เธอเจ็บป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและผ่านเวลาที่มืดมนตั้งแต่อายุ 13-16 ปี และเคยดิ่งหนักถึงขั้นที่เชื่อว่าตัวเองจะมีชีวิตไปยาวนานกว่า 17ปี

สิ่งที่ทำให้ Billie ฟื้นฟูจิตใจคือการดูแลเอาใจใส่จากครอบครัวที่ผูกพันใกล้ชิด  และการบำบัดรักษา  แต่ถึงกระนั้น เธอก็ยอมรับว่า ยังคอยเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น

"ฉันเห็นภาพคนอื่นตามโลกออนไลน์  พวกเค้าดูเริ่ดในแบบที่ฉันทำไม่ได้ แล้วจู่ๆฉันก็รู้สึกว่า พระเจ้า พวกเค้าดูเป๊ะแบบนั้นได้ยังไงนะ"

"ฉันรู้เรื่องกลไกของวงการนี้ดีค่ะ รู้ว่าเค้าแต่งรูปกันยังไง และยังรู้ด้วยว่า รูปที่ดูเหมือนของจริงก็อาจจะเป็นของปลอมจากการตกแต่ง แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันก็ยังทำให้ฉันรู้สึกว่า  ตายละ มันทำให้ฉันรู้สึกแย่จัง"


"คือว่าฉันก็มั่นใจในตัวตนของฉันมากพอตัวนะ ฉันมีความสุขกับชีวิต  แต่เห็นได้ชัดว่าฉันไม่พอใจกับร่างกายของตัวเองเลย  แต่ใครบ้างที่พอใจ?"



นางเอกสาวสวยพลัสไซส์ที่เผยความรู้สึกเรื่องคำชมที่เหมือนกับถูกหลอกด่า

 คุณเคยพบกับสถานการณ์ที่ได้รับคำชมแต่ทำให้รู้สึกแย่ลงรึเปล่าคะ?  

การให้คำชมผู้อื่น ไม่ว่าจะมาจากความจริงใจหรือการรักษามารยาท จุดประสงค์ของคนกล่าวคำชมนั้นควรสร้างความยินดีให้กับผู้ฟัง แต่ในบางครั้ง อาจจะให้ผลลัพธ์ในทางตรงกันข้าม ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม

เมื่อไม่นานมานี้ Barbie Ferreira นักแสดงสาวแห่ง Euphoria ก็ได้เปิดเผยความรู้สึกเรื่องคำชมรูปลักษณ์ของสาวพลัสไซส์ ประเภท "เธอช่างกล้าหาญที่ใส่คร็อปท็อป" ไม่ได้ทำให้รู้สึกปลาบปลื้มแต่อย่างใด


Barbie ที่เริ่มต้นอาชีพนางแบบพลัสไซส์ตั้งแต่วัยรุ่นอธิบายว่า

" สำหรับฉันการใส่คร็อปท็อปไม่ใช่เรื่องสุดโต่งแต่อย่างใด มันเป็นคำชมที่แฝงด้วยการจิกกัด   ฉันนำเสนอลุคนี้มาตั้งแต่อายุ16 จนถึงปัจจุบันที่อายุ25แล้ว"

Billie Eilish ก็เคยเคืองเรื่องเดียวกัน จากภาพของเธอที่สวมใส่เสื้อสายเดี่ยวรัดรูปและกางเกงขาสั้นระดับเข่าที่สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์จนเป็น trending มีทั้งคนที่ body-shame เรื่องไซส์หน้าอกและความอวบของเธอ และคนที่ร่วมปกป้อง-เรียกร้องสังคมหยุดอคติกับคนที่ไม่ผอม แต่เมื่อ Billie เจอความเห็นประมาณว่า ก็ดีสำหรับเธอแล้วล่ะที่รู้สึกสบายใจกับรูปร่างใหญ่ของตัวเอง (ซึ่งคล้ายกับแฝงด้วยโทนของความเห็นใจหรือเหน็บแนม) ก็ทำให้เธอโหโหจนสบถคำหยาบ


ใช่แล้วค่ะ นี่เป็นประเด็นที่กลุ่มที่มีรูปร่างใหญ่ได้ออกมา call out กันหลายครั้ง จากการร่วมรณรงค์ให้สังคมยอมรับรูปร่างที่หลากหลายนั้น ได้ครอบคลุมถึงความเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อรูปร่างพลัสไซส์ว่าเป็นคนปกติไม่ต่างจากรูปร่างอื่น ความเห็นที่ว่าพวกเค้าช่างกล้าเหลือเกินที่สามารถเปิดเผยรูปร่างโดยไม่หวาดหวั่นต่อสายตาคนรอบข้างนั้น อาจจะถูกตีความว่าเป็นการ 'หลอกด่า' นั่นเอง

คำชมที่คล้ายว่ามาจากความเห็นใจนั้นอาจจะทำให้คนฟังสะอึก ไม่ว่าจะเป็นคนที่ไม่ได้มีรูปร่างผอมหรือคนที่มีอกใหญ่หรือจะเป็นรูปร่างแบบใด ไม่จำเป็นต้องได้รับความสงสาร แต่เป็นแสดงการให้เกียรติ โดยไม่ทำให้พวกเค้ารู้สึกแปลกแยกต่างหาก



Barbie ผู้ที่เคยไม่มั่นใจเรื่องรูปร่างจนต้องใส่เสื้อผ้าอำพรางสัดส่วน กระทั่งเมืออายุ 16 ปีก็ได้รับว่าจ้างจาก American Apparelให้เป็นนางแบบ จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เธฮใส่เสื้อผ้าเข้ารูป และจุประกายความหวังว่า อาชีพนางแบบเปิดประตูสู่เส้นทางการเป็นนักแสดง

"เพราะว่าฉันเป็นสาวไซส์ใหญ่ ไม่ว่าจะทำอะไรฉันก็จะได้รับคำถามเรื่องความคิดในแง่บวกเรื่องรูปร่าง แต่นี่ไม่ได้ช่วยให้สังคมมองเรื่องรูปร่างใหญ่เป็นเรื่องธรรมดาเลย    เมื่อได้ก้าวเข้ามาทำอาชีพในวงการที่มีมาตรฐานความงามจนขึ้นชื่อลือชา  คนอื่นก็มองว่า ฉันจะต้องเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อการสร้างความมั่นใจเรื่องรูปร่าง ซึ่งในตอนเริ่มแรกในการทำอาชีพนี้ ฉันก็ได้ผลประโยชน์จากมันอยู่หรอก  แต่ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา  ฉันก็มีมุมมองเป็นของตัวเองว่า  ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะต้องถูกนำมาผูกกับไซส์ของฉันเสมอไป    ฉันว่าลองปรับแนวคิดกันหน่อยดีมั้ย ฉันอยากจะให้มีการลบมายาคติของ Hollywood อันนี้ออกไปเพื่อจะได้มีพื้นที่สำหรับคนที่มีความแตกต่างบ้าง"



 Barbie ยังได้แก้ไขความเข้าใจว่า แม้เธอจะเป็นสาวพลัสไซส์ที่ชื่นชอบแต่งตัว ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะต้องเป็นคนที่รักตัวเอง  แต่การสันนิษฐานกันไปเองก็สร้างแรงกดดันเช่นกัน

"ฉันว่ารูปร่างใหญ่ไม่ได้เทรนดี้อีกเหมือนแต่มันเคยเป็น  ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับฉันจริงๆ  แต่สิ่งที่เรา ควรให้ความสำคัญยิ่งก็คือ แท้จริงแล้วมันเป็นเรื่องลำบากสำหรับพวกเราที่จะหันมารักตัวเอง  และกลุ่มคนอายุน้อยส่วนมากก็ยังค้นหาหนทางไม่พบ"

"มันตลกมากที่คนอื่นต่างคิดกันไปเองว่าฉันต้องรักตัวเอง  แต่ฉันพูดแบบนั้นออกไปงั้นเหรอ  ไม่เคยสักหน่อย  พวกคุณแค่พูดกันไปเอง แล้วก็โพสต์หัวข้อนี้เกี่ยวกับตัวฉัน"

"บอกกันตามตรง  เสื้อผ้าที่ฉันใส่ได้น่ะมีจำกัดเอามากๆค่ะ  ฉันต้องมาคอยนึกเสียดายเสมอว่า  ถ้าเสื้อผ้าเหล่านั้นมีไซส์ที่ฉันใส่ได้แล้วล่ะก็ ฉันคงออกไปเฉิดฉายทำอะไรได้มากกว่านี้เยะเลย"

"ทั้งๆที่ฉันสามารถเข้าถึงทุกแหล่งเพื่อจะเสาะหาเสื้อผ้าที่พอดีตัว แต่มันก็ยังเป็นเรื่องยากเหลือเกิน  ฉันจึงเข้าใจความรู้สึกของทุกๆคนที่ต้องคอยหาชุดที่มีขนาดพอดี"



เธอได้เปรียบเทียบประสบการณ์ในชีวิตจริงกับการสวมบทบาทเป็นKat ที่ประสบปัญหาเกลียดชังตัวเองจนรู้สีกไร้ค่า ยิ่งเห็นการเชิญชวนจาก internet ก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากการปลุกใจว่า 'ต้องรักตัวเอง'

"ฉันคิดว่าในฉากที่แสดงนั้นมันเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ส่วนตัวเต็มๆ  ฉันเคยตกเข้าไปอยู่ท่ามกลางความกดดันให้คิดบวก ซึ่งมันทำให้ฉันเสียสุขภาพจิตหลายต่อหลายครั้"

"ฉันไม่อยากให้ใครต่อใครมาคอยใส่ใจเรื่องที่ฉันมีความมั่นใจ  นั่นเป็นเพราะว่า ฉันไม่ได้มั่นใจเลย   ถ้าคุณไม่ได้มีรูปลักษณ์ในแบบที่นิยมกันในวงการ Hollywood หรือวงการ fashion  คุณก็จะถูกมองว่าเป็นผู้กล้าไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งฉันรู้สึกว่ามันไม่ให้เกียรติกัน  ฉันคิดว่าการถูกจับใส่กรอบและกดดันให้พอใจในตัวเองไปทุกอย่างตั้งแต่ยังอายุน้อยๆนั้นเป็นเรื่องที่ลำบากมากค่"

" ฉันจะก้าวต่อไปข้างหน้า และหวังว่าสักวันหนึ่ง ผู้คนจะเลิกให้ความสำคัญผิดเรื่อง"

สำหรับการเพิ่มพูนความมั่นใจนั้น Barbie ให้เครดิตซีรีส์ดังที่ทำให้เธอแจ้งเกิดในวงการแสดง

"Euphoriaได้สอนให้ฉันเรียนรู้มากมาย เปลี่ยนชีวิตของฉันไปเลยค่ะ ฉันไม่จำเป็นต้องเรียกร้องความสนใจจากรูปลักษณ์อีกต่อไป และฉันเริ่มโหยหาที่จะได้รับความสนใจจากความสามารถ ซีรีส์เรื่องนี้ได้มอบความมั่นใจในแบบที่ฉันไม่เคยมีมาก่อน"









candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE