พามารู้จัก Perfumer ชื่อดัง Francis Kurkdjian: Director น้ำหอมคนใหม่ของ Dior
scented.story 37 10
สวัสดีครับ ถ้าเราพูดถึงน้ำหอมยอดฮิตในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หนึ่งขวดที่เราจะไม่ได้เลยคือ Baccarat Rouge 540 จาก Maison Francis Kurkdjian ด้วยความที่เป็นน้ำหอม Niche แต่ความฮิตถล่มทลาย จนกลายเป็นต้นแบบให้น้ำหอมในตลาดอีกมากมาย วันนี้ผมจะพามาเจาะลึกชายที่อยู่เบื้องหลัง Baccarat Rouge 540 ที่เบื้องหลังไม่ธรรมดาเลย อย่าง คุณ Francis Kurkdjian คุณฟรานซิสถือว่าเป็นหนึ่งในอัจฉริยะแห่งวงการน้ำหอม ฟรานซิสปรุงน้ำหอมขายดีอย่าง Jean Paul Gaultier Le Male ในวัยเพียงแค่ 24 ปีเท่านั้น
และปีนี้เอง คุณฟรานซิส ก็ก้าวเข้ามารับตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุดตำแหน่งหนึ่งของวงการน้ำหอมเลยก็ว่าได้ นั่งคือ Dior Creative Director ฝั่งน้ำหอม ซึ่งเป็นตำแหน่งที่การันตีความสำเร็จด้วยการเข้าถึงวัตถุดิบที่หลากหลาย และช่องทางการขายที่เข้าถึงคนทั้งโลก
และปีนี้เอง คุณฟรานซิส ก็ก้าวเข้ามารับตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุดตำแหน่งหนึ่งของวงการน้ำหอมเลยก็ว่าได้ นั่งคือ Dior Creative Director ฝั่งน้ำหอม ซึ่งเป็นตำแหน่งที่การันตีความสำเร็จด้วยการเข้าถึงวัตถุดิบที่หลากหลาย และช่องทางการขายที่เข้าถึงคนทั้งโลก
หลังจากนั้นผลงานของฟรานซิสก็มีเอกลักษณ์ที่ชัดชึ้นเรื่อยๆ และยิ่งไปกว่านั้น ยังขายดีเป็นเทน้ำเทท่า และโด่งดังสุดๆ
ในปี 2009 ตัดสินใจเริ่มแบรนด์ตนเองอย่าง Maison Francis Kurkdjian ร่วมกับ Partner โดยที่เค้าจะเป็นคุมฝั่ง Creative ทั้งหมด หนึ่งในผลงานที่โด่งดังที่สุดของฟรานซิสคือการปรุงน้ำหอมให้กับแบรนด์คริสตัลระดับโลกอย่าง Baccarat ในโอกาสฉลองครบรอบ 250 ปีของแบรนด์ น้ำหอมขวดนี้ถูกปรุงมาอย่างพิถีพิถัน จนกลายมาเป็น master piece ของฟรังซัว จากน้ำหอมที่มอบให้แขกคนพิเศษของแบรนด์ Baccarat กลายมาเป็นน้ำหอมตัวเอกของแบรนด์ Maison Francis Kurkdjian ในชื่อ Baccarat Rouge 540
เก้าปีหลังจากก่อตั้งแบรนด์ Maison Francis Kurkdjian ความสำเร็จก็ไปเข้าตาเครือธุรกิจใหญ่อย่าง LVMH ซึ่งเป็นเข้าของทั้ง LV,Dior และ Fendi เครื่อ LVMH เองนอกจากมองเห็นโอกาสในตัวแบรนด์แล้ว ยังมองเห็นโอกาสในการร่วมงานกับฟรานซิสอีกด้วย จึงเข้ามาลงทุนในแบรนด์ Maison Francis Kurkdjian วันนี้ผมได้รวม List น้ำหอมผลงานคุณฟรานซิสที่โดดเด่น และปฏิวัติวงการน้ำหอม จนเป็นต้นแบบให้น้ำหอมอีกมากมาย มาดูกันดีกว่าครับว่ามีตัวไหนบ้าง ผ่านคำ 3 คำที่บ่งบอกตัวตนของคุณฟรานซิสได้ดีที่สุด นั่นคือ Bold,Sophisticated และ Timeless
BOLD
น้ำหอมที่กล้าปฏิวัติวงการน้ำหอม โดยเฉพาะน้ำหอมผู้ชาย คุณฟรานซิสบิดความเป็นชายออกมาได้หลายมุมมอง หลายความหมาย จนกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของวงการ เริ่มที่ตัวแรกกับ L'Homme À la Rose (2020) น้ำหอมที่ปฏิวัติวงการน้ำหอมผู้ชาย โดยการชูวัตถุดิบหลักคือ “กุหลาบ” ที่เป็นตัวเด่นของน้ำหอมผู้หญิง คุณฟรานซิสตีความกุหลาบในมุมมองของผู้ชายได้อย่างลงตัว มีความสดชื่น เขียว และยงคงความเป็นกุหลาบ กลายมาเป็นกุหลาบที่ทันสมัย ไม่เชย และฉีดได้ทุกวัน
Le Male (1995) น้ำหอมขายดีอย่างต่อเนื่องจากบ้าน JPG ที่โกยเงินเป็นกอบเป็นกำให้กับแบรนด์ได้ ถือเป็นเครื่องการันตีถึงความสำเร็จของ Le Male แบบไม่ต้องสงสัย น้ำหอมที่ชูความเป็นวนิลา มิ้นต์ และ มะกรูด ที่ไม่ได้ให้ลุคผู้ชายที่อบอวลไปด้วยไม้อย่างขนบน้ำหอมผู้ชายปกติ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้สปอร์ต อย่างที่ฮิตกันในยุค 90 จึงทำให้น้ำหอมตัวนี้กลายเป็นน้ำหอมติดบ้านของใครหลายๆคนเพราะให้ความหลากหลายตั้งแต่ไป office จนเที่ยวกลางคืน
Narciso Rodriguez for Him (2007) กลิ่น Ozonic หลังฝันตกที่ให้ความเขียว เจือความแป้งของ Musk ให้ลุคผู้ชายที่สุขุม แม้ว่าจะไม่มีวัตถุดิบโทน Wood เลย
Sophisticated
การตีความความเป็นผู้หญิง ผ่านวัตถุดิบที่ซับซ้อน แต่เข้าถึงง่าย และให้ลุคผู้หญิงสมัยใหม่ที่ดูหรูหรา แต่เข้าถึงได้ง่าย Le Parfum Elie Saab (2011) ให้อารมณ์ผู้หญิงใส้ชุดเดรสผ้าชีฟองสีนู๊ดราคาแพงของ Elie Saab กรุงกรายอยู่ในห้องบอลรูม น้ำหอมตัวนี้มีส่วนผสมหลักคือ White Floral แต่ไม่ได้มีความแก่ หรือฉุนให้กวนใจ
Narciso Rodriguez For Her (2003) แทบจะไม่ต้องแนะนำแล้วสำหรับน้ำหอมตัวนี้ น้ำหอมที่กวาดรางวัลมาแล้วหลายสถาบัน กับการตีความกลิ่น Musk ที่ทันสมัย แบบที่ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่ใช้ได้ ผู้ชายสามารถหญิบน้ำหอมตัวนี้มาใช้ได้สบายๆ ให้ลุคผู้บริหารสุขุม พร้อมสู้ทุกสถาณการณ์
My Burberry(2014) น้ำหอมที่ตีความความ Classic ของแบรนด์ จากภาพลักษณ์ผู้ดีอังกฤษ ให้กลายเป็นสาวที่มั่นใจ สู้กับทุกสถาณการณ์ในชุดเทรนช์โค๊ทของ Burberry โดยเปิดด้วยกลิ่น Sweet Pea, Bergamot, Mandarin Orange, Grapefruit และLemon Timeless น้ำหอมของคุณฟรานซิส มี DNA ที่สำคัญมากๆคือ ไร้กาลเวลา แม้ว่าเราจะหยิบผลงานในยุค 90 ของคุณฟรานซิสมาใช้ กลับไม่รู้สึกเชยเลย
Timeless
น้ำหอมของคุณฟรานซิส มี DNA ที่สำคัญมากๆคือ ไร้กาลเวลา แม้ว่าเราจะหยิบผลงานในยุค 90 ของคุณฟรานซิสมาใช้ กลับไม่รู้สึกเชยเลย Baccarat Rouge 540 (2014) จากที่เป็นน้ำหอมแจกในงานครบรอบของแบรนด์ Baccarat น้ำหอมตัวนี้คือพลุ ที่ทำให้แบรนด์ MFK ดังไปทั่วโลก บางคนอาจจะบอกว่า กลิ่นเหมือนโรงพยาบาล หรือถุงมือยาง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านี้คือหนึ่งในต้นแบบของน้ำหอมสมัยใหม่ ที่ไรเส้นแบ่งทางเพศ
Her (2018) แม้ว่าหลายๆคนจะบอกว่านี่คือร่างโคลนนิ่งของ Bacarrat Rouge 540 แต่ผมเชื่อว่า Her ก็มีเอกลักษณ์ที่หอทจนลืมไม่ลงของการเปิดด้วย Fruity และคงความสุขุมก้วยกลิ่นแนว Woody ที่ตามมาช่วงกลางๆของกลิ่น
Aqua Celestia (2017) Fresh, minty, mildly fruity และ soft floral คือคำอธิบายของน้ำหอมตัวนี้ น้ำหอมที่ให้ความสดชื่น สบาย เป็นการตีความน้ำหอมแนว Fresh ที่น่าสนใจมากๆครับ
เก้าปีหลังจากก่อตั้งแบรนด์ Maison Francis Kurkdjian ความสำเร็จก็ไปเข้าตาเครือธุรกิจใหญ่อย่าง LVMH ซึ่งเป็นเข้าของทั้ง LV,Dior และ Fendi เครื่อ LVMH เองนอกจากมองเห็นโอกาสในตัวแบรนด์แล้ว ยังมองเห็นโอกาสในการร่วมงานกับฟรานซิสอีกด้วย จึงเข้ามาลงทุนในแบรนด์ Maison Francis Kurkdjian เมื่อตำแหน่งที่ Dior ว่างลง ฟรานซิสก็เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนี้ มาดูกันดีกว่าครับว่า เอกลักษณ์ความเป็นน้ำหอม Synthetic ของ ฟรานซิส จะสร้างตำนานบทใหม่ให้กับ Dior อย่างไรบ้าง
Fun Fact : นอกจากน้ำหอมที่กล่าวมาแล้ว คุณฟรานซิส ยังออกแบบ Green Tea จากบ้าน Elizbeth Arden ด้วย
สุดท้ายยยยย ใครชอบน้ำหอมมาคุยกันได้ที่เพจ Scented Story ครับบบ ขอบคุณครับบบบ