เจาะประวัติศาสตร์น้ำหอมยอดขายสูงสุดของเซเลบ

42 10

Elizabeth Taylor: White Diamond


คำโปรย กลิ่นน้ำหอมที่คุณใฝ่ฝันถึง

ยอดขาย:  จากการเปิดตัวในปี 1991 ถึงปี 2018 กวาดรายได้ไป $1,500 ล้าน
ส่วนประกอบของกลิ่น กุหลาบ, มะลิ, พุด,เนโรลี (น้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากดอกของส้มขม), นาซิสซัส,ดอกซ่อนกลิ่นอียิปต์ และอื่นๆ
 

"ฉันเชื่อว่าน้ำหอมเป็นได้มากกว่าเป็นเครื่องประดับกายของผู้หญิง  มันถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งในออร่าของพวกเธอ   ฉันใช้น้ำหอมแม้ว่าจะอยู่ตามลำพัง"

Elizabeth Taylor


นี่คือน้ำหอมที่เปรียบได้กับแรงบันดาลใจให้เหล่าเซเลบหันมาสร้างชื่อในวงการน้ำหอม แม้จะไม่ใช่น้ำหอมตัวแรกที่มีpresenter ที่โด่งดังระดับsuperstar และที่จริงแล้วเป็นน้ำหอมรุ่นที่สองของนางเอกA listผู้นี้ แต่ปรากฏการณ์ทุบยอดขายนั้นได้จุดประกายการจับมือร่วมกันขยายตัวธุรกิจระหว่างนายทุนและเซเลบมาจนถึงปัจจุบัน

เมื่อเอ่ยชื่อของ Elizabeth Taylor  นอกจากผลงานหนัง Hollywood ยุคทองที่โด่งดังมากมายหลายเรื่อง ผู้คนย่อมนึกถึงความงามโดดเด่นหาตัวจับได้ยาก รวมถึงความหลงไหลในอัญมณีอันเลอค่า     collection เครื่องเพชรอันแพงระยับของเธอนั้นเป็นที่กล่าวขานในวงสังคมและสื่อมวลชน   ไม่น่าแปลกใจที่น้ำหอมตัวเด่นของเธอจะได้รับการขนานนามว่า  White Diamond

จากดีไซน์ขวดประดับอัญมณีก็น่าจะเป็นเครื่องยืนยันแล้วว่าน้ำหอมรุ่นนี้ไม่ได้พร้อมกับราคาเบาๆ เมื่อมองถึงการทุ่มทุนโพรโมทถึงยี่สิบล้านเหรียญในยุค90s ก็ทำให้ดราแน่ใจถึงแผนการตลาดที่ตั้งใจสร้างยอดขายอลังการ Elizabeth เปิดตัวWhite Diamond special edition ที่ห้างสรรพสินค้าหรูหรา น้ำหอมปริมาณ 1ออนซ์มีราคาถึง $200 ส่วนลูกค้ากระเป๋าหนักจำนวน150 คนที่ซื้อน้ำหอม limited edition ที่ราคาพุ่งขึ้นไปเป็น$300 ได้รับโอกาสพบปะดื่มชากับนางเอกดาวค้างฟ้า (ขวดน้ำหอมดีไซน์อื่นที่หาซื้อได้ในปัจจุบันมีราคาจับต้องได้มากกว่า)


Eva Longoria เคยเผยถึงความหลงไหลใน White Diamondว่า นี่คือน้ำหอมขวดแรกในชีวิตของเธอที่ต้องสะสมเงินซื้ออยู่นาน เพราะเธอปรารถนาจะมีเพชรประดับในห้อง ขวดน้ำหอมรุ่นนี้จึงเป็นสิ่งที่เธอต้องมีไว้ในครอบครองให้ได้ และยังชี้ว่า แม้จะมีการผลิตน้ำหอมมามากมาย แต่ White Diamond ก็ยังยืนหยัดด้วยความโดดเด่นเหนือกาลเวลา


White Diamond ได้รับการยกย่องให้อยู่ใน Fragrance Hall of Fameในปี 2009 และแม้ว่าElizabethจะจากโลกนี้ไปแล้วก็ยังติดอยู่ในกลุ่มน้ำหอมเซเลบที่ขายดีที่สุด




วันเวลาที่ทำให้ค่านิยมหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปอาจจะทำให้คนรุ่นหลังมองว่า คนดังที่เป็นpresenter น้ำหอมย่อมจะต้องอยู่ในวัยหนุ่มสาวหรือขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำความmainstream แต่ในปีที่ Elizabeth เปิดตัวWhite Diamond เธอก็มีอายุ59 ปีแล้วค่ะ ทั้งยังเก็บตัวห่างจากสังคมมาพักใหญ่ แต่เสน่ห์ดึงดูดใจของเธอไม่ได้เสื่อมสิ้นไปตามกาลเวลาแต่อย่างใด กระซิบบอกนิดนึงว่า นี่คือน้ำหอมที่สร้างสรรค์จากจินตนาการความสัมพันธ์อันเร่าร้อนของElizabeth และ Richard Burton ที่ผูกสัมพันธ์ในฐานะคู่ขวัญแห่งหนัง Cleopatra และกลายมาเป็นความรักนอกจอ แม้ว่าเธอจะได้พบกับความรักครั้งใหม่อีกหลายครั้ง แต่ก็เลื่องลือว่า Richard คือรักแท้ในใจที่เธอไม่สามารถสลัดทิ้งไปได้

กลุ่มเป้าหมายของน้ำหอมรุ่นนี้น่าจะเป็นสตรีวัยผู้ใหญ่ และได้รับการรีวิวมาหลายเสียงว่า เป็นกลิ่นที่ทำให้นึกถึงญาติผู้ใหญ่อย่างคุณแม่ คุณย่า/ยาย แม้จะเป็นกลิ่นที่ strong แต่ก็ทำให้สัมผัสถึงความ vintage ที่สง่างาม เน้นเสน่ห์ของผู้หญิงที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์และมีระดับ ดังที่พวกเราทราบกันดีว่า เรื่องความชื่นชอบในน้ำหอมเป็นเรื่องรสนิยมส่วนบุคคล White Diamond อาจจะขายดีเอามากๆ แต่ก็อาจจะไมjตรงใจของหลายคนที่บ่นอุบว่า เป็นกลิ่นน้ำหอมคุณยายที่ให้ความรู้สึกแบบแป้งหอมฉุนเกินรับไหว แต่ก็อีกมากที่ปลาบปลื้มกับความ classic ในรูปแบบของ Old Hollywood






Britney Spears: Curious


คำโปรย : คุณกล้ารึเปล่า?

ยอดขาย:มีรายงานว่า ปีแรกที่วางขายก็สร้างรายได้ราวๆ$100 ล้าน*   

ส่วนประกอบของกลิ่น  แมกโนเลีย แพร์ ดอกบัว มะลิ ซ่อนกลิ่น   มัสก์ วานิลลา ไม้แก่นจันทน์และอื่นๆ



* Hollywood Reporter เคยรายงานว่า  Curious ขายไปได้ถึงห้าร้อยล้านขวด ซึ่งฟังดูเป็นตัวเลขที่น่าสับสนนิดหน่อยว่า  จริงๆแล้วนี่เป็นรายได้สุทธิหรือจำนวนน้ำหอมกันแน่ ?  แต่สามปีแรกที่วางจำหน่ายน้ำหอมสามรุ่นคือ   Curious, Fantasy และ In Control Curious ก็มียอดขายรวมกันไปถึงสิบล้านขวดแล้ว  น่าเชื่อได้ว่า  มาถึงปี 2022  Curious ย่อมมียอดขายหลักล้านแน่ๆ  ตัวเลขยอดขายของน้ำหอมแต่ละรุ่นของ Brit นั้นดูจะยากที่จะระบุให้ชัดเจน สื่อบางเจ้าระบุว่าน้ำหอมรุ่นที่ 2 คือ Fantasy สร้างรายได้มากที่สุด    แต่เพราะร่วมงานกับElizabeth Ardenมาเนิ่นนานหลายปี ปล่อยน้ำหอมมาเกินสามสิบตัว    Bryan พี่ชายของเธอที่ได้เข้ามาช่วยดูแลการร่วมธุรกิจน้ำหอมกับElizabeth Arden ได้เผยตัวเลขยอดขายน้ำหอมทุกตัว (ไม่หักต้นทุน)ว่าอยู่ในระดับหมื่นล้าน!


"ฉันสร้างสรรค์น้ำหอมมายาวนานกว่าทศวรรษ และน้ำหอมแต่ล่ะตัวก็สื่อถึงตัวตนของฉันในแง่มุมที่แตกต่างกันออกไป"

Britney Spears




จากประสบการณ์ส่วนตัว นี่คือน้ำหอมตัวแรกที่ใช้แล้วได้รับคำชมหลายครั้ง แม้จะไม่ได้ใช้มาหลายปี ก็ยังจดจำได้ถึงกลิ่นที่หวานคล้ายขนมผสานกับกลิ่นดอกไม้ และให้จินตนาการถึงกลิ่นนี้อีกครั้งก็ไม่รู้สึกว่ามันล้าสมัย ให้ความรู็สึกที่หวาน แต่ไม่หวานจนเอียน บางคนที่ sensitive ต่อกลิ่นน้ำหอมก็อาจจะไม่ปวดหัวกับกลิ่นนี้ เมื่อลองไปเสาะหาความคิดเห็นของ Brit ถึงน้ำหอมตัวแรกของตัวเอง เธอก็ยืนยันว่า Curious มีความหวานแต่ไม่หวานเกินไป  ทั้งเผยถึงความfeminine และดึงดูดใจ เธอยังภูมิใจกับกลิ่นแมกโนเลียจาก Louisiana บ้านเกิดและมีส่วนร่วมในการออกแบบขวดน้ำหอมอีกด้วย

เปิดตัวมาตั้งแต่ยุค 2000s บางคนให้ความเห็นว่า แม้จะเป็นน้ำหอมรุ่นแรกของ Brit แต่ก็สร้างความประทับใจตราตรึง จากคำบรรยายว่า เป็นกลิ่นที่สะท้อนถึงความเยาว์วัย โรแมนติค และเชื่อมั่นในตัวเอง ตรงกับเจ้าของน้ำหอมที่ครองตำแหน่งเจ้าหญิงเพลงพ็อพในวัย20sที่พร้อมเปิดใจรับกับประสบการณ์ใหม่ๆในชีวิต




ความสำเร็จของน้ำหอมหลายหลายรุ่นของ Britney ที่ทำให้เธอได้รับส่วนแบ่งก้อนโตจากยอดขายถล่มทลายนั้นเคยทำให้สื่อกล่าวขาน เพราะแม้ว่าเธอจะพักงานดนตรีไปพักใหญ่ ก็ยังมีรายได้เข้ามาไม่หยุด ทุกวันนี้ ก็ยังมีการสร้างสรรค์น้ำหอมในชื่อของ Britneyออกมา ไม่มีทีท่าว่าจะพับโครงการไป



ปี 2004   Brit ได้ก้าวพ้นช่วงเวลาของความก้ำกึ่งแบบ Not a Girl, Not Yet a Woman และกลายมาเป็นหญิงสาวที่มีเสนห่์น่าค้นหา  ชื่อของเธอปรากฏอยู่บน tabloid ไม่เว้นวัน  แต่ยิ่งติดตามก็ยิ่งรู้สึกเสพติด!

Britney Spears:  Fantasy


คำโปรย: ใครๆก็ต้องมี

ยอดขาย:
ว่ากันว่านี่คือน้ำหอม iconic หรือตัว top ของอาณาจักรน้ำหอม  Britney  ขายดีที่สุดจนต้องต่อยอดตระกูล fantasy  มาอีกหลายรุ่น

ส่วนประกอบของกลิ่น  กีวี  ลิ้นจี่ ลูกควินซ์   คัพเค้ก ไวท์ช็อกโกเลท กล้วยไม้ มะลิ  มัสก์  รากโอริส  เนื้อไม้หอม


Curious เปิดตัวอย่างอลังการไปแล้ว ปีต่อมา Brit ก็ส่ง Fantasy มาสั่นสะเทือนวงการน้ำหอมแบบไม่ว่างเว้น ในขณะนั้น เธอแต่งงานกับ Kevin Federline และให้กำเนิดลูกชายคนแรกไปแล้ว หลายคนคงยังไม่ลืมว่า นั่นเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ Brit ถูกสื่อและสังคมออนไลน์กดดันอย่างหนัก ถูกขุดคุ้ยชีวิตส่วนตัวมาประจาน ภาพลักษณ์ของเจ้าหญิงเพลงพ็อพที่ชวนปรารถนาก็ถูกเหยียบย่ำด้วยคำว่า white trash ภาพ lifestyle แบบสบายๆ ไม่ glamourous ดึงดูดเสียงวิจารณ์จากชาวเน็ท ทั้งปล่อย meme ล้อเลียน ทั้งพิพากษาเธอว่าเป็นนางฟ้าตกสวรรค์

แต่ถึงจะถูกโจมตีหนักขนาดนั้น   เรื่องการงานของเธอก็ยังพุ่งฉลุย  น้ำหอมขายดีสุดๆ  การใช้คำบรรบายน้ำหอม Fantasyว่า ใครๆก็ต้องมีสักขวดนั้นน่าจะสื่อถึงความมั่นใจเรื่องกระแสความนิยม  ทั้งยังมีราคาที่ถือว่าสบายกระเป๋า  แม้แต่วัยรุ่นก็สามารถเก็บค่าขนมไม่นานเพื่อซื้อหามาฉีดเพิ่มความหอมหวานกันได้     เรื่องความเย้ายวนใจนั้นอยู่ในระดับใด?    ก็ดูได้จากการเปรียบเทียบให้เป็นน้ำหอมที่ทำหน้าที่ราวกับยาเสน่ห์  ประกาศศักดาความหวานน่ากินกันชัดๆ ไม่ได้กรีดกรายไว้ท่าแบบเบาๆ   สมกับเป็น Britney สุดๆ และไม่น่ากังขาว่านี่จะเป็นน้ำหอม iconic ของเธอ จนแตกหน่อออกมาเป็น Fantasy รุ่นน้องสาวอีกหลายขวด       ถึงขนาดว่า ช่วงที่สารคดี Framing Britney Spears สร้างความฮือฮาในสังคมเมื่อปีที่แล้ว  น้ำหอมตระกูล Fantasy ก็มียอดขายพุ่งปรู๊ดไปอีกหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ !


Jennifer Lopez: Glow



คำโปรย:   Fresh- Sexy-Clean

ยอดขาย: สองปีแรกที่วางขายก็ฟาดไปถึง $300 ล้าน

ส่วนประกอบของกลิ่น  เนโรลี ดอกส้ม เกรฟฟรุ้ต มะลิ กุหลาบ ซ่อนกลิ่น มัสก์  ไม้แก่นจันทร์ รากออร์รีส วานิลลา อำพัน







"น้ำหอมตัวนี้ได้สะท้อนถึงผู้หญิงยุคใหม่ที่มีอิสสระเสรีเป็นตัวของตัวเอง และเต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดใจ"

Jennifer Lopez





ถ้า Elizabeth Taylor คือแรงบันดาลใจของน้ำหอมเซเลบ J Lo ก็คือ trendsetter ที่ผลักดันให้กระแสน้ำหอมเซเลบบูมสุดๆในยุค 2000s เพราะนี่คือความสำเร็จที่เรียกได้ว่า surprise กันไปทั่ว นับตั้งแต่แรกเริ่มที่ประกาศว่าจะสร้างfashion line และน้ำหอมก็มีผู้ปรามาสเธอไว้ก่อนเลยว่า ยังไงก็คงไปไม่รอด

เป็นเพราะอะไร?

แม้ J Lo จะเป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดงมาตั้งแต่ยุค90s  พอขึ้น Millennium  ผลงานดนตรีของเธอก็พุ่งขึ้นชาร์ทรัวๆทำให้คว้ายอดขายระดับ platinum  สร้างชื่อโด่งดังในฐานะดิว่าสาวละติน่าคนใหม่ของวงการ  แต่เธอมักถูกจิกกัดว่าชอบสร้างกระแสหรือเยาะเย้ยว่ามีสไตล์โฉ่งฉ่างไร้รสนิยม  (คล้ายๆกับ Kim K ในช่วงสร้างชื่อ) สื่อเน้นเรื่องพื้นเพของ J Lo ที่เติบโตขึ้นมาในชุมชนชั้นแรงงานที่ย่านBronxเสมอ   เมื่อเธอเปิดตัว Glow ในปี  2002   ยอดขายถล่มทลายถึงขั้นที่ว่าขายไม่ทันความต้องการของลูกค้าก็ทำให้คนที่เคยดูแคลนเธอต้องหุบปากเงียบสนิท!
J Lo ถ่ายภาพนู้ดมาแล้วหลายครั้ง แต่ภาพโฆษณา Glow ถือเป็นการเปลือยในตำนานของเธอ สัมผัสที่พริ้วไหวและเส้นสายร่างกายที่ดูนุ่มนวลนั้นดูเข้ากับจุดเด่นเรื่องกลิ่นหอมสะอาดและเซ็กซี่   เป็นศิลปะการเปลือยที่ตอบโจทย์การนำเสนผลิตภัณฑ์ได้ลงตัว ไม่ได้ล้นหรือหยาบ เปลือยได้สวย glow สมกับชื่อผลิตภัณฑ์


มาพูดถึงชื่อน้ำหอมกันบ้าง หากคุณได้ติดตามธุรกิจความงามของ J Lo ก็คงจะรู้อยู่แล้วว่า คำว่า Glow ถือเป็นสโลแกนสำคัญของเธอ จากskincare lineที่ปล่อยตัวมาได้ไม่นานนักก็ Glowเต็มไปหมด ซึ่งมันคือคำพูดติดปากจนเรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของเธอมาตั้งแต่ยุค 90s  เมื่อเธอได้รับคำถามว่า เพราะอะไรจึงโด่งดังฉุดไม่อยู่ คำตอบของเธอคือ
"I have the stardom glow."





Glow วางเป้าหมายเป็นกลุ่มวัยทีนและวัย 20s ซึ่งในขณะนั้น J Lo มีอายุขึ้นหลัก 3ไปแล้ว และเธอก็ไม่ได้มีภาพลักษณ์ของไอดอลสาวขวัญใจวัยรุ่นเหมือนกับ Britney แต่เธอคือราชินียุค Millennium ที่สาวๆยึดมั่นเป็นต้นแบบ เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวก็ขอเริ่ดเหมือนกับ J Lo นั่นเอง

ไม่เพียงแต่กลิ่นที่โดนใจผู้คน แต่ดีไซน์ขวดน้ำหอมที่มีสร้อยคล้องอยู่นั้นทำให้สาวๆจำนวนมากออกอาการคลั่งไคล้ ถือเป็นหนึ่งในwish listของคนวัยหนุ่มสาวยุค 2000s ถ้าสอยมาได้แล้วดูเก๋สุด! ลองมองให้ชัดๆ รูปทรงขวดเอย พร็อพเอย ก่อนที่พวกเราจะได้รู้จักกับครอบครัว Kardashian และ Brazilian butt lift ก้นใหญ่ตู้มของJ Lo ถือเป็นประเด็นร้อนที่สื่อแทบไม่ยอมปล่อยวาง ทั้งข่าวเรื่องเธอทำก้นมารึเปล่า เธอทำประกันก้นไว้จริงมั้ย ! shape ของขวดน้ำหอม Glow ชวนให้นึกถึงส่วนเว้าส่วนโค้งอันโด่งดังของเธอ ส่วนสร้อยห้อยจี้คำว่า J Lo ก็ตรงตามรสนิยมที่ปลาบปลื้ม accessories ปัจจุบันเธอก็ยังชอบใส่เครื่องประทับวิ้งๆ รวมถึงสร้อยสั่งทำ(แน่นอนว่าเธอเคยใส่สร้อยห้อยจี้ชื่อ Ben)



ไม่ต่างจากน้ำหอมตัวอื่นๆที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง Glow ได้แตกหน่อออกไปอีกหลายเวอร์ชั่น จากนั้นก็มีเซเลบปล่อยตัวน้ำหอมออกมากอบโกยยอดขายอีกหลายคนเชียวล่ะ




candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE