ปฏิกิริยาที่แตกต่างของชาวHollywood ต่อดราม่าWill Smithตบ Chris Rock
candy 40 12ภาพเหตุการณ์ 'ตบช็อคโลก' กลางเวที Oscars ได้แบ่งแยกกระแสสังคมจากผู้ที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน เกิดการโต้แย้งและยกเหตุผลมาหักล้างกันในรูปแบบ Team Will VS Team Chris และเป็นสถานการณ์เดียวกันที่กำลังเกิดขึ้นในกลุ่มคนบันเทิง Hollywood เมื่อคนดังจากหลายสายงาน ไม่ว่าจะเป็นสาย comedy ดนตรี งานแสดง งานสร้างหนัง ได้ออกมาแสดงจุดยืนต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
การเปรียบเทียบว่าเป็นเรื่องช็อคโลกนั้นอาจจะไม่ได้เกินจริง หากมองสถานะความเป็น superstar ของ Will Smith เขาคือพระเอกทรงอิทธิพลที่สร้างชื่อเสียงจากผลงาน iconic มาแล้วมากมาย ทั้งยังครองภาพลักษณ์ Mr. Nice Guy ที่ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจของแฟนๆทุกเพศทุกวัย แม้หลายคนจะมั่นใจว่า เขาไม่ได้จงใจทำให้ Chris Rock เจ็บตัวเพราะดูเหมือนกับการฟาดไปแบบยั้งมือ ไม่ใช่ตบสุดแรงจนหน้าคว่ำ แต่อย่าลืมว่า เพียงแค่ Kanye West ขึ้นเวทีไปแย่งไมค์ Taylor Swift แล้วประกาศ Imma let you finish.. ก็ได้กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่สร้างเสียงกล่าวขานไม่รู้จบโดยที่Yeไม่ได้ทำร้ายร่างกายหรือสบถใส่อีกฝ่าย ฝ่ามือ Will Smith ที่ประทับบนหน้า Chris Rock จึงสร้างความเหวอกันไปถ้วนหน้า หลายคนแทบไม่อยากทำใจเชื่อว่า นี่ไม่ใช่การจัดฉากแล้วเฉลยพล็อทหักมุมในตอนจบเพื่อเรียกกระแสความ surprise
มิตรภาพของนักแสดงตลกชื่อดังกับพระเอกชั้นนำแห่ง Hollywood เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้หลายคนสับสนกับตบเผียะนั้น พวกเค้าคุ้นเคยกันมานาน หรือแม้กระทั่ง Jada เองก็เคยร่วมงานกับ Chris ใน Madagascar แต่ก็มีคนชี้ว่า ส่วนใหญ่แล้ว คนที่รู้จักกันดีนั่นเองฉวยโอกาสในการทับถมกัน เพราะคนฟังมักจะเลือกะอดกลั้นอารมณ์โกรธไม่โต้ตอบเพราะไม่อยากเสียความเป็นเพื่อน และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Chris พาดพิงถึงWill & Jada เขาเคยเล่นมุกจิกกัดคู่สามีภรรยาคนดังในการดำเนินงาน Oscar ปี 2016 มาแล้ว ความแตกต่างคือ มันไม่ใช่มุกที่พาดพิงเรื่องร่างกายของพวกเค้าเหมือนในปีนี้
ปฏิกิริยาจากผู้บริหาร Board of Governors แห่ง The Academy
เมือวันก่อน Variety ได้นำข้อความจดหมายจากประธาน The Academy David Rubin และ CEO Dawn Hudson ถึงเหล่าสมาชิก มีใจความสรุปดังนี้
- บอร์ดบริหารรู้สึกไม่พอใจหลังจากโมเมนท์แห่งความยินดีในความสำเร็จของคนวงการหนังถูกแย่งความสนใจไปจากพฤติกรรมอันตรายที่ไม่สามารถยอมรับได้ของ Will Smith
- พวกเค้าประนามการกระทำของ Will ส่วนการตัดสินใจว่าจะมีวิธีจัดการอย่างเหมาะสมต่อเรื่องนี้อย่างไร ต้องผ่านกระบวนการที่เป็นทางการเพื่อพิจารณาภายใต้กฎหมาย California กินเวลาหลายสัปดาห์
ส่วนคนดังร่วมวงการ Hollywood จะมีปฏิกิริยาและความคิดเห็นต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร มาติดตามได้เลย
Whoopi Goldberg: คนเราก็เคยพลาดหลุดทำตัวน่าเกลียดออกไปได้ทั้งนั้น
ความเห็นจากนักแสดง/พิธีกรรายการดังดึงดูดความสนใจจากสื่อมากทีเดียวค่ะ เพราะไม่เพียงแต่เธอจะคว้ารางวัล Oscar, ดำเนินรายการในพิธีประกาศรางวัล Oscar เธอยังเป็นสมาชิกBoard of Governors แห่งองค์กรนี้อีกด้วย นั่นหมายความว่า เธอคือคนวงในที่จะให้ข้อมูลได้ว่า Will Smith จะได้รับผลกระทบจากการกระทำบนเวทีอย่างไร จากการรายงานว่า มีสมาชิก The Academy หลายคนที่ไม่พอใจภาพการใช้กำลังของพระเอกหนุ่มที่เพิ่งฉลองชัยชนะจากรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมไป และมีเสียงเรียกร้องให้มีบทลงโทษหนักด้วยการยึดรางวัลคืน!
และนี่คือความเห็นจาก Whoopi ที่ร่วมวิเคราะห์ในรายการ The View
"ฉันว่าเขาตอบโต้แรงเกินเหตุ ถ้าเป็นฉันก็คงรำคาญใจอยู่บ้าง ฉันว่ามันคงเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้อารมณ์พลุ่งพล่าน ประมาณว่า ให้ตายเหอะ หยุดได้แล้ว แล้วเขากำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันจากความคาดหวังที่จะเป็นผู้ชนะ และกำลังพยายามจะรักษาหน้าตัวเองไว้"
"ฉันเข้าใจนะ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะรับมือกับความกดดันได้ดีตามที่คนอื่นคาดหวังกันไปหมด บางคนก็สติหลุด ครั้งนี้เขาหลุด สิ่งที่ฉันอยากจะบอกคือ มันเป็นเรื่องที่น่าชมเชยและดีงามที่ Chris Rock ไม่เดินหน้าเอาผิดให้เรื่องราวไปไกลกว่าเดิม ฉันไม่รู้นะคะว่าพวกเค้าได้พูดคุยหรือเอ่ยปากขอโทษกันรึไม่ได้ทำ สิ่งที่ฉันรู้คือ ในบางครั้งบางคราว คุณจะถึงจุดเดือดที่ทำให้แสดงพฤติกรรมน่าเกลียดออกไป ตัวฉันเองก็เคยทำตัวแย่ๆมาบ้างเหมือนกัน"
ในฐานะ The Academy Board มั่นใจ Will ไม่ถูกริบรางวัลคืน แต่จะต้องเตรียมตัวยอมรับในผลการกระทำที่จะมีการตัดสินใจตามมา
เมื่อพูดถึงกระแสข้อสงสัยว่า The Academy จะยึดรางวัลคืนจาก Will หรือไม่ Whoopi ตอบอย่างมั่นใจว่า
"พวกเราจะไม่ริบรางวัลOscarไปจากเขา เราจะไม่ทำแบบนั้น แต่ว่ามันจะมีผลของการกระทำตามมาค่ะ ฉันมั่นใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ Chris บอกว่าเขาจะไม่แจ้งข้อกล่าวหาใดๆ"
Jim Carrey : ถ้าตัวเองเป็น Chris จะฟ้อง Will เรียกค่าเสียหาย200 ล้าน
หลายฝ่ายเฝ้ารอว่านักแสดงตลกชื่อดังแวดวงเดียวกันกับ Chris Rock จะมีความรู้สึกอย่างไรต่อเรื่องนี้บ้าง และดูเหมือนว่า หลายคนจะต่อต้านการกระทำของ Will Smith หนึ่งในผู้ที่ออกตัวแรงสุดๆคือ Jim Carey พระเอกหนัง comedy ระดับตำนานที่เคยสร้างชื่อเสียงจากการแสดงตลกเดี่ยวไมโครโฟน เพราะไม่เพียงแต่จะประนามความรุนแรงที่เกิดขึ้น เขายังฟาดไปถึงชาว Hollywood ที่ร่วมแสดงความยินดีกับ Will อีกด้วย
" ภาพ standing ovation ทำให้ผมรู้สึกคลื่นไส้ ผมคิดว่า Hollywood เป็นกลุ่มก้อนของพวกไร้ประโยชน์ มันทำให้คิดจริงๆว่า นี่มันเป็นสัญญาณบ่งชี้ชัดเจนว่าพวกเราไม่ได้เป็นกลุ่มคนสุดเจ๋งอีกต่อไปแล้ว"
เขายังวิจารณ์เรื่องที่ Chris ไม่แจ้งความเอาผิด Will ว่า
"เขาไม่ได้อยากมีเรื่องราวยุ่งยากใหญ่โต ถ้าเป็นผมนะ ผมจะประกาศในตอนเช้าเลยว่าจะฟ้อง Will เรียกสองร้อยล้านเหรียญเพราะภาพที่ปรากฏออกมาจะถูกเผยแพร่ไปตลอดกาลและปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่ง การดูหมิ่นกันครั้งนี้จะอยู่ไปอีกนานแสนนาน"
เขายังวิจารณ์เรื่องที่ Chris ไม่แจ้งความเอาผิด Will ว่า
"เขาไม่ได้อยากมีเรื่องราวยุ่งยากใหญ่โต ถ้าเป็นผมนะ ผมจะประกาศในตอนเช้าเลยว่าจะฟ้อง Will เรียกสองร้อยล้านเหรียญเพราะภาพที่ปรากฏออกมาจะถูกเผยแพร่ไปตลอดกาลและปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่ง การดูหมิ่นกันครั้งนี้จะอยู่ไปอีกนานแสนนาน"
"ถ้าไม่ชอบใจมุกตลกแล้วตะโกนบอกไปมันก็โอเคนะ แต่คุณไม่มีสิทธิ์จะเดินขึ้นไปบนเวทีแล้วฟาดหน้าใครเพราะไม่ชอบในสิ่งที่เขาพูด"
เมื่อพิธีกรแสดงความเห็นว่า มุกของChris ต่างหากที่ทำให้สถานการณ์กดดันมากขึ้น Jim แย้งว่า
"มันไม่ได้เพิ่มความกดดัน แต่จู่ๆก็เกิดเรื่องแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย Will มีเรื่องราวภายในใจที่ทำให้รู้สึกหงุดหงิดขุ่นเคืองใจ ผมมีความปรารถนาดีต่อเขานะ พูดจริงๆ ผมไม่มีอคติต่อตัว Will Smith เขาสร้างเรื่องดีงามมามากมาย แต่ภาพที่ออกมามันดูไม่ดีเอาซะเลย มันทำลายบรรยากาศของผู้คว้ารางวัลที่จะได้เปล่งประกายไปหมด"
"ผู้คนมากมายทำงานอย่างอุตสาหะเพื่อจะก้าวมาประสบความสำเร็จ เพื่อจะได้รับรางวัลที่ควรค่ากับผลงานที่พวกเค้าทุ่มเทให้ มันคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่ต้องฝ่าฟันเพื่อจะได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัลOscar ต้องมุ่งมั่นทุ่มเทกันอย่างสุดตัว มันจึงเป็นเรื่องที่ช่างเห็นแก่ตัวที่ทำลายบรรยากาศแห่งความยินดีไปแบบนั้น"
Tiffany Haddish : การปกป้องภรรยาของ Will เป็นสิ่งสวยงามที่สุดที่เคยได้พบมา
การแสดงความเห็นโจมตี Will Smith จากนักแสดงตลกหลายคนอาจจะทำให้ผู้คนคิดว่า คนดังวงการ comedy จะถือหางฝ่าย Chris ไปหมด แต่ Tiffany Haddish ไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้น นักแสดงตลกสาวได้แสดงออกชัดเจนว่า เธอชื่นชมการประทำของ Will อย่างไร้ข้อกังขา
"เมื่อได้เห็นผู้ชายผิวดำปกป้องภรรยาของเขา มันมีความหมายต่อฉันมากมายค่ะ ในฐานะที่เป็นผู้หญิงที่เคยเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่ได้รับการปกป้อง การที่ใครบางคนบอกออกไปว่า อย่ามาพูดถึงภรรยาผม อย่ามายุ่งกับภรรยาผม มันเป็นสิ่งที่สามีควรทำใช่มั้ยล่ะคะ การปกป้องภรรยาน่ะ"
"มันจึงมีความหมายต่อฉันมาก และแม้ว่าโลกจะไม่ปลาบปลื้มที่เรื่องมันลงเอยแบบนี้ แต่สำหรับฉัน มันคือสิ่งที่สวยงามที่สุดที่เคยได้เห็น เพราะมันทำให้มีความเชื่อว่า ยังมีผู้ชายที่รักและห่วงใยผู้หญิงของพวกเขา ภรรยาของพวกเขา"
เธอยังชี้ว่า มุก GI Jane นั้นย่ำแย่ขนาดไหน
"ฉันจำได้ว่าตอนที่หนังเข้าฉาย และคนก็ใช้ชื่อนี้มาดูถูกดูแคลนผู้หญิงค่ะ เหยียดอัตลักษณ์ทางเพศ เหยียดรูปร่าง เป็นคำที่ใช้เรียกผู้หญิงว่าเป็นพวกรักร่วมเพศ ฉันจำได้ว่าในสมัยเรียนมีคนเหยียดกันแบบนั้น มันเป็นเรื่องย่ำแย่เอาการ"
Nicki Minaj: คนจริงที่ลุกขึ้นมาปกป้องภรรยาที่ต้องเจ็บปวดจากคำพูดพิธีกร
"ฉันชอบ Chris Rock ฉันไม่คิดว่าเขาจะเล่นมุกนี้ถ้าเขารู้ว่า เรื่องโรคที่ Jadaได้เปิดเผยไปไม่นานมานี้ แต่มันก็เป็นเรื่องที่ตัวเขากับทีมงานจะต้องทำการบ้านกันเอง คุณจะบอกเหรอว่าในกลุ่มของคุณไม่มีใครเลยที่ได้ยินเรื่องที่ชวนใจสลายของเธอมาก่อน ไม่เอาน่า คนเป็นสามีได้มาเป็นประจักษ์พยานใกล้ชิดเห็นความเจ็บปวดของภรรยา เขาย่อมเป็นคนแรกที่จะต้องปลอบใจเธอ เขาต้องเช็คดน้ำตาให้เธออยู่เบื้องหลังเมื่อไม่ได้อยู่ต่อหน้ากล้อง "
"คุณต้องมองให้ชัดถึงจิตใจผู้ชายที่ได้เห็นผู้หญิงที่เขารักกำลังกลั้นน้ำตาเพราะ'มุกเบาๆ'เกี่ยวกับตัวเธอ นี่เป็นสิ่งที่ผู้ชายตัวจริงทุกคนจะต้องรู้สึกขึ้นมาทันที ในขณะที่คุณเห็นเป็นเรื่องตลก เขามองเห็นความเจ็บปวดของเธอ"
"ลองนึกจินตนาการความรู้สึกกันสิว่าจะเป็นอย่างไร หากผมคุณร่วงถึงขั้นที่ต้องโกนจนโล้น คุณว่ามันเป็นอะไรที่รับมือได้ง่ายดายงั้นเหรอ คุณไม่คิดเหรอว่าเธอร้องไห้จากเรื่องนี้มามากมายหลายหนแล้ว "
ยังมีคนดังอย่าง Viola Davis Naomi Campbell และ Tyra Banks ที่เคยประสบกับปัญหาโรคผมร่วงเป็นหย่อม พวกเธอต่างเปิดใจถึงความวิตกกังวลที่ต้องสูญเสียผมซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของเพศหญิงไป บางคนอาจจะหาทางแก้ไขจนผมขึ้นมาเต็มช่องว่างที่เว้าแหว่ง แต่บางคนก็ต้องทำใจยอมรับว่าจะต้องใส่วิก หรือโกนหัว ในกรณีของ Jada ด้วยฐานะการเงินที่มั่งคั่งย่อมทำไม่ทำให้เธอลำบากลำบนเรื่องการรับทรีทเมนท์ต่างๆให้หายจากอาการผมร่วง แต่เมื่อพยายามแล้วก็ไม่ประสบผล ในที่สุดเธอก็ต้องยอมรับ และโกนผมออก ซึ่งสำหรับผู้หญิงจำนวนมากมาย นี่คือเรื่องชวนใจสลายที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง และเข้าใจถึงความรู้สึกเจ็บปวดได้เป็นอย่างดี
Wanda Sykes : ผิดหวังที่ Will Smith ไม่ถูกดึงตัวออกไปจากงาน
เธอคือหนึ่งผู้ใกล้ชิดกับเหตุการณ์เพราะทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการร่วมบนเวที Oscars (คนละช่วงกับ Chris Rock) เธอได้เผยความรู้สึกในรายการ Ellen DeGeneres ว่า
"ฉันรู้สึกแย่ไปกับ Chris เพื่อนของฉัน มันช่างเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจอย่างแท้จริง"
"ร่างกายของฉันรู้สึกป่วยไปเลยค่ะ ถึงตอนนี้ฉันยังรู้สึกกระทบกระเทือนใจอยู่บ้าง"
"ส่วนพวกเขาที่ปล่อยให้เขาอยู่ในงานอย่างเพลิดเพลินใจแล้วก็ยังขึ้นไปรับรางวัล มันทำให้ฉันคิดว่า น่าขยะแขยงอะไรขนาดนี้ มันเป็นการส่งสารที่ผิดๆออกมา"
"ถ้ามีคนทำร้ายร่างกายใครสักคน ก็จะถูกพาตัวออกไปจากอาคาร จบนะ พอพวกเค้าปล่อยให้เขาอยู่ต่อไป ฉันคิดว่ามันน่าเกลียดค่ะ"
Wanda เผยว่า แม้จะเห็นว่า Will ประกาศขอโทษ Chris แล้ว แต่เขาไม่ได้ขอโทษผู้ดำเนินรายการคนอื่น ฝ่าย producer ในงานไม่ได้ขอโทษเพวกเค้าที่ตั้งใจมาสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ชม คนที่เอ่ยปากขอโทษเธอและเพื่อนผู้ดำเนินรายการทำได้ยอดเยี่ยมบนเวที แต่สังคมก็จะสนใจแต่เรื่องเขากับ Will
ทางด้านAmy Schumer ที่ร่วมดำเนินรายการเคียงข้าง Wanda ก็ทวีทระบายความรู้สึกแบบตรงกันราวกันลอกการบ้าน! เธอบอกว่าตอนนี้ก็ยังรู้สึกกระทบกระเทือนทางจิตใจ และชื่นชม Chris ว่ารับมือกับสถานการณ์ได้อย่างเป็นมืออาชีพ
ทางด้านAmy Schumer ที่ร่วมดำเนินรายการเคียงข้าง Wanda ก็ทวีทระบายความรู้สึกแบบตรงกันราวกันลอกการบ้าน! เธอบอกว่าตอนนี้ก็ยังรู้สึกกระทบกระเทือนทางจิตใจ และชื่นชม Chris ว่ารับมือกับสถานการณ์ได้อย่างเป็นมืออาชีพ
บนsocial media นั้นดุเดือดเลือดพล่าน อย่างกรณีของ Zoe Kravitz ที่ทวีทเหน็บแนมเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายบนเวทีOscars ก็ถูกถล่มจากชาวเน็ทที่ถือหางฝ่าย Will ว่า เธอไม่มีสิทธิ์พูดเรื่องความรุนแรง เพราะเธอยังสนิทสนมกับr Alexander Wangดีไซน์เนอร์ดังที่ถูกกกล่าวหาเรื่องล่วงละเมิดทางเพศ และมีผู้หยิบเอาบทสัมภาษณ์ที่เธอชื่นชม JadenลูกชายของWill ที่อายุน้อยกว่าเธอ10ปี ว่าดูหล่อเท่เกินวัย14 มาแดกดัน Zoe ว่า เธอเคยแสดงพฤติกรรมแบบพวกชอบเด็ก แต่ยังกล้ามาวิจารณ์เรื่องความรุนแรงในงานOscars
ชาวเน็ทขุด Will เคยล้อชายหัวล้านมาก่อน
ในโลก social media scandal ระดับใหญ่ยักษ์นี้ย่อมมาพร่อมกับการขุดหาข้อมูลเพื่อโจมตีฝ่ายที่ตัวเองไม่เห็นด้วย ทั้งการหยิบยกเอาโมเมนท์ที่ Will ล้อเลียนชายหัวล้านในรายการ TV show ในยุค 90s มาโจมตีเขาเป็นพวกปากว่าตาขยิบที่เห็นปมด้อยคนอื่นเป็นเรื่องตลกเหมือนกัน แต่เมื่อเกิดกับภรรยาตัวเองกลับอดทนไม่ได้
แต่ก็ยังมีหลายคนที่เชื่อว่า เราไม่ควรนำพฤติกรรมสมัยสามสิบปีที่แล้วมาตัดสินว่าเป็นตัวตนของ Will ในปัจจุบัน เพราะไม่ว่าใครก็เคยผ่านโมเมนท์ในชีวิตที่ทำตัวห่ามๆไม่ค่อยใช้หัวคิดมาแล้วทั้งนั้น
อีกภาพเหตุการณ์ที่ถูกแชร์ผ่านโลก internetคือ การปกป้องตัวเองจากนักข่าวผู้ขึ้นชื่อเรื่องแกล้งคนดังบนพรมแดง หลังจากชายคนนี้ปรี่เข้ามาจูบ Will ก็ผลักเขาออกแล้วตบไปที่แก้มด้วยความไม่พอใจที่ถูกรุกล้ำ และหันไปบอกคนอื่นว่า ผู้ชายคนนี้โชคดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ถูกเขาต่อย
ในขณะที่มีผู้ตั้งข้อกังขาว่าหรือพระเอกดังจะมีปัญหาในการควบคุมโทสะ? ชาวเน็ทจำนวนไม่น้อยก็ปกป้องเขาว่า นี่ไม่ต่างจากกรณี Chris Rock ที่เป็นฝ่ายล้ำเส้นก่อน ไม่น่าแปลกใจที่ Will ต้องปกป้องตัวเองและคนที่เขารักจากคนที่แสดงพฤติกรรมล่วงละเมิด แม้แต่คนทั่วไป ถ้าคนแปลกหน้าพุ่งเข้ามาจูบ ก็คงฟาดกลับไปหนักกว่า Will ซะอีก
สื่อยังจุดประเด็นเรียกร้องความสนใจไปอีกหลายหัวข้อ
นักแสดงตลกที่เหยียดคนอื่นเพื่อเสียงหัวเราะ ถือว่าเป็น verbal violence ที่ต้องต่อต้าน หรือต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องปกติของวงการนี้?
Chris จงใจยั่วยุคู่สามีคนดังเพราะความขัดแย้งในอดีตหรือไม่?
เรื่องสุขภาพจิตคือสาเหตุหลักที่ Will ควบคุมความโกรธไม่ได้ หรือว่าจะเป็นปัญหาในชีวิตคู่ของ Will & Jada ที่มีส่วนทำให้เกิดความเครียด?
สมควรหรือที่ Will จะต้องถูกคว่ำบาตร?
ยิ่งมีความพยายามปั่นกระแสไปมากเท่าไร ก็ทำให้มันกลายเป็น scandal ที่ไปไกลกว่ายิ่งกว่าการแบ่งฝักฝ่ายว่าจะเข้าข้างใคร แต่ไม่ว่าคุณจะมองว่า ใครกันแน่ที่เป็นคนผิดมากกว่า หรือผิดกันทั้งสองคนก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่พระเอกดังเฝ้ารอมานาน กลับถูกเหตุการณ์นี้กลบแสงรางวัลสีทองที่ควรเปล่งประกาย จากนี้ไป เมื่อใดก็ตามที่มีผู้พูดถึงโมเมนท์ในความทรงจำจาก Oscar ตัวแรกในชีวิตของWill Smith แทนที่ผู้คนจะนึกถึงการแสดงที่ควรค่าต่อรางวัลทรงเกียรติ ก็ถูกภาพตบกลางเวทีเบี่ยงเบนความสนใจไปจนหมด
นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริงๆ ...
The End