เบื้องหลังBeauty Look แบบฉบับ royal

38 16


The English Roses

บรรดาสื่อได้นำเสนอเรื่องข้อปฏิบัติตามธรรมเนียมราชสำนักสำหรับเชื้อพระวงศ์อังกฤษในหมวด beauty & fashion   ซึ่งแม้ว่าจะไม่มีการประกาศเรื่องกฎเกณฑ์ยิบย่อยต่างๆออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร  แต่เสียงเล่าลือจาก 'วงใน'  ก็ทำให้ราชวงศ์อังกฤษยังถูกมองว่า รักษาแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยมไว้ค่อนข้างเหนียวแน่นเมื่อเปรียบเทียบกับราชวงศ์อื่นๆในยุโรป          เชื้อพระวงศ์หญิงมักถูกเปรียบเทียบกับ'กุหลาบอังกฤษ'  ดอกไม้ประจำชาติอังกฤษ  ดุจหญิงสาวผู้มีความงามตามธรรมชาติและท่วงท่ากิริยาที่ดูสูงค่า





อาจจะมีผู้ตั้งข้อสงสัยว่า หากราชวงศ์อังกฤษยังเคร่งครัดกับธรรมเนียมดั้งเดิม เหตุใดเจ้าหญิง Diana จึงถูกยกให้เป็น fashion icon แห่งโลกสมัยใหม่ (จากยุค 80s-90s) ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปชมวิวัฒนาการเรื่อง beauty ของเจ้าหญิงผู้เลอโฉม จะพบกับ phase ความเปลี่ยนแปลง จากที่ถูกตั้งฉาขาว่า Diขี้อายที่ทำให้ผู้คนหลงรักด้วยความสวยใสแบบสาวแรกแย้ม ก็หันมาสั่นสะเทือนวงการ hair salon ด้วย volume ผมที่ได้รับความนิยมระดับ fever รวมถึง makeup counter ที่ต้องคอยบริการลูกค้าที่เข้าคิวถามหา product เพื่อเนรมิต look ให้เหมือนกับเจ้าหญิง อย่าง eyeliner สีน้ำเงิน และ Max Factor lipstick สีชมพู เป็นต้น


แม้จะกลายมาเป็น  trendsetter ที่คนทั้งโลกจับจ้อง  แต่มีเพียงน้อยครั้งที่เจ้าหญิงก็ทาปากด้วย lipstick สีแดง  จะได้เห็นกันก็ช่วงที่ก้าวออกจากราชวงศ์แล้ว   ยิ่งถ้าเป็นสีแบบไวน์หรือ berry สุกงอมยิ่งยากจะได้เห็น  สีส่วนใหญ่ที่เจ้าหญิงเลือกใช้จะให้ความรู้สึกของสีปาดธรรมชาติที่ดูระเรื่อ  หากเป็นงานกลางคืนก็จะเพิ่ม gloss เพิ่มความชุ่มเงาสะดุดตาขึ้นมาอีก    เมื่อขึ้นยุค 90s  ที่เทรนด์ลิปสติกสีน้ำตาลแมทท์อินสุดๆในหมู่คนดัง เจ้าหญิงก็ยังยึดมั่นกับเฉดชมพูอมส้ม หรือมากสุดก็ coral  

สื่อรายงานว่า แม้ราชสำนักจะเน้นธรรมเนียมการนำเสนอความงามตามธรรมชาติ แต่ก็ไม่ใช่ธรรมชาติแบบหน้าสดขนาดเพิ่งตื่นแล้วล้างหน้าทาครีมก็ออกมาเจอผู้คนได้เลย แต่ต้องดูสวยเป๊ะแบบลงตัวตัวโดยหลีกเลี่ยงเลเยอร์ในระดับ'เค้ก' (ฉ่ำโบ๊ะ) โดยเฉพาะเจ้าหญิงDiana ที่ตกอยู่ในความสนใจของชาวโลกจนถูกยกให้เป็นผู้หญิงที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุด makeup คือสิ่งที่สื่อถึงความสมบูรณ์แบบ แม้จะดูเหมือนจะแต่งหน้าเพียงไม่มาก แต่ดูสวยเป๊ะราวกับ shot ที่ได้รับเลือกลง fashion magazine ดังภาพจาก ski trip ช่างแต่งหน้าของเจ้าหญิงเผยว่า จะใช้ cream blush เพื่อขับความงามของสีแก้มสวยดุจกลีบกุหลาบ และดูอ่อนเยาว์ราวกับเป็นสีแก้มตามธรรมชาติ



ผู้อยู่เบื้องหลังหลากหลาย iconic look ของเจ้าหญิง Diana  คือช่างแต่งหน้า Mary Greenwell   และช่างทำผม  Sam McKnight

ซึ่งช่างแต่งหน้าผู้รู้ใจเจ้าหญิงได้เผยว่า

  • เจ้าหญิงจะไม่แต่งหน้าฉูดฉาดเกินไปและเลือกแต่งให้ดูเก๋ไก๋ทันสมัยเสมอ
  • เธอจะเลือกวิธีแต่งหน้าที่เสริมให้จุดที่ดูดีอยู่แล้วยิ่งโดดเด่นขึ้นมาอีก โดยที่ไม่ใช่การเปลี่ยนลุคจนดูแตกต่างไปเป็นคนละคน
  • เลือกแต่งให้เข้ากับกาลเทศะตามปกติ หากเป็นงานพรมแดงก็จะเพิ่มความ  glamorous   แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเน้นlookที่ทำให้เจ้าหญิงรู้สึกสบายใจกับความเป็นตัวของตัวเอง







มาพูดถึง generation ใหม่กันบ้าง อีกหนึ่งlookที่คิดว่าตรงกับคำว่า 'กุหลาบอังกฤษ'เต็มๆ คือ look เจ้าสาวของเจ้าหญิง Eugenie นั่นเองค่ะ แม้ว่า scandal ของเจ้าชาย Andrew จะทำให้พิธีแต่งงานของธิดาทั้งสองต้องดูเงียบลงไปเมื่อเทียบกับเชื้อพระวงศ์คนอื่นๆ แต่สถานีโทรทัศน์ก็ได้ถ่ายทอดภาพจากงานของเจ้าหญิงEugenie สร้างเสีนงฮือฮาจาก beauty look จนสื่อต้องควานหาตัวผู้อยู่เบื้องหลัง เธอผู้นั้นคือ Hannah Martin ที่เคยแสดงฝีมือในวันวิวาห์ของ Zara Tindall (Phillips) ญาติผู้พี่ของเจ้าหญิง Hannah คือ pro จาก Bobbi Brown ที่แสดงฝีมือน่าประทับใจจนหลายฝ่ายชื่นชมว่า แต่งหน้าเจ้าสาวได้งดงามดูเป็นธรรมชาติแต่ก็มีออร่าโดดเด่น ทุกอย่างลงตัวไปหมดสมกับที่เป็นนางเอกของงาน ไม่ว่าจะเป็น ตา ปาก แก้ม สีสันจะมาในรูปแบบธรรมชาติเน้นโชว์ผิวสวย รวมถึงขนคิ้วที่ไม่เน้นการเรียงตัวแบบเป๊ะๆ แต่ขับให้ประกายดวงตาสีเขียวยิ่งดูสดใสเข้ากับอัญมณีบนมงกุฎอันเลอค่า

(เจ้าหญิงเป็นแฟนของ Bobbi Brown อยู่ก่อนแล้ว)

เจ้าหญิงน่าจะปลื้มกับผลงานของ Hannah มากจนดึงตัวมาร่วมงานกันในช่วงเฉลิมฉลอง Platinum Jubilee อีก และกำลังไปได้สวยในฐานะช่างแต่งหน้าที่เชื้อพระวงศ์โปรดปราน  เพราะไม่เพียงแต่เจ้าหญิงพี่น้องแห่ง York  และ  Zara Tindall   เธอยังเคยร่วมงานกับดัชเชส Kate และ Carole แม่ของเธออีกด้วย 

เจ้าหญิง Beatrice และเจ้าหญิง Eugenie ไม่ได้มีสถานะของ senior royal หรือที่เรียกว่า working royal ซึ่งรับรายได้จากเงินปีส่วนพระมหากษัตริย์จากการทำหน้าที่ต่างๆเพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้กับราชวงศ์ (เชื้อพระวงศ์ที่ทำหน้าที่นี้เหลืออยู่น้อยมากแล้ว โดยเฉพาะเมื่อเจ้าชาย Harryและชายาถอนตัวออกไป) อาจจะเป็นไปได้ว่า เพราะเหตุนี้ พวกเธอจึงไม่ต้องปฏิบัติตามธรรมเนียมอย่างเคร่งครัดนัก เราจะได้เห็นเจ้าหญิงทั้งสองแต่งหน้าในโทนที่ดูร้อนแรง ทาlipstick และทาเล็บสีเข้ม, ใส่mini skirt หรือชุด see-through เมื่อไม่นานมานี้ กล้องก็ได้จับภาพรอยสักเล็กๆที่หลังใบหูของเจ้าหญิง Eugenieไว้ได้ ในขณะที่ senior royal อย่างดัชเชส Kate (หรือดัชเชส Meghan ผูเคยเป็นอดีตsenior royal) จะต้องปฏิบัติตามธรรมเนียมต่างๆจนมีภาพที่ดูสำรวม อย่างไรก็ตาม หากเป็นอีเวนท์สำคัญสำหรับเชื้อพระวงศ์ เช่น การเข้าร่วมพิธีทางศาสนา, royal ascot และการพบปะเยี่ยมเยือนประชาชน แม้จะไม่ใช่ senior royal ก็จะจะปรากฏกายด้วยเสื้อผ้าหน้าผมที่ตรงกับธรรมเนียมต่างๆ เช่น สีปากและเล็บที่ดูเป็นธรรมชาติ เสื้อผ้าที่ดูมิดชิด ไม่เปิดเผยเนื้อหนังมากนัก

สังเกตได้อีกอย่างคือ แม้ว่าจะไม่ทาปากสีเจ็บๆ เชื้อพระวงศ์หลายคนจะเลือกแต่งตาให้ดูคมเข้ม   เชื่อว่า พวกเธอจะต้องสวมใส่ item สำคัญอย่างหมวกใน event  กลางวัน  ซึ่งดีไซน์ของหมวกนั้นอาจจะดึงความสนใจหรือเกิดเป็นเงาเบียดบังใบหน้าไปหมด  การแต่งตาให้โดดเด่นจึงมีความสำคัญ ถึงจะเป็นช่วงกลางวัน การจัดเต็ม  smokey eye  และกรีด eyeliner ทั้งขอบตาบนและล่างเป็นเรื่องปกติสุดๆ

  Makeup Evolution  ของดัชเชส Kate



ประเด็น makeup ของดัชเชสคนงามนี่ถือว่า controversial ในระดับหนึ่ง เนื่องจากช่วงแรกๆที่เธอก้าวเข้าสู่ราชวงศ์ signature look ของเธอคือการกรีดตาทั้งขอบตาบนและล่างโดยที่ไม่ได้เขียน inner อย่างไรก็ตาม กระแสตอบรับกับ eyeliner ของ Kate ก็ฟังดูขัดแย้งกัน มีทั้งเสียงชื่นชมว่าเธอแต่งตาได้สวยคมราวกับ Elizabeth Taylor และเสียงท้วงว่า เมื่อกรีด eyeliner ที่ทั้งเข้มและหนาโดยไม่ได้ถม inner นั้นทำให้ดูมีอายุและเหน็ดเหนื่อย อย่างดีไซน์เนอร์ชื่อดังจากอังกฤษVivienne Westwood ที่วิจารณ์ว่า เธอเขียนรอบตาด้วยเส้นคมจนทำให้ดูกร้าน เธอควรจะเบลนด์ให้ดูฟุ้งหรือไม่ต้องกรีดเลยจะสวยกว่า หรือจะเป็น Pati Dubroff ช่างแต่งหน้าชื่อดังในหมู่A Listers ที่ให้เหตุผลว่า การเขียน eyeliner หนักมือที่ใต้ขอบตานั้นยิ่งทำให้ตาดูเล็กลง หากใช้ eye shadow สีพลัมหรือน้ำตาลอมแดงทาบริเวณที่ติดกับไลน์ขนตาจะช่วยให้ดูนุ่มนวลมากขึ้น และยังช่วยทำให้ดวงตาสีเขียวยิ่งดูโดดเด่น



นี่ถือเป็นภาพของดัชเชสแห่ง Cambridgeที่หลายคนคุ้นเคย   ไม่ว่าจะเป็น event เป็นทางการ  สานความสัมพันธ์ต่างประเทศ  เยี่ยมเยือนประชาชน ไปจนถึงงานพรมแดง จนหลายสื่อต้องไปทำการบ้านหาข้อมูลมานำเสนอว่า เธอใช้ eyeliner ยี่ห้อใดจึงไม่เคยเกิดอาการแพนด้าตามมา แม้จะแต่งหน้าเกือบทั้งวัน ความเข้มก็ยังติดแน่นโดยไม่เลอะจากขอบตา

แต่ช่วงปีหลังๆ  สื่อต้องเปิดประเด็นความเปลี่ยนแปลง เพราะดัชเชสเริ่มเปลี่ยนแปลงรูปแบบของ makeup   หลายฝ่ายทักว่า เธอดูสดใสขึ้น  แม้จะอายุมากขึ้นและกลายเป็นคุณแม่ลูกสาม  แต่เมื่อไม่ได้กรีดเส้นใต้ขอบตา ก็ทำให้ดูอ่อนวัยลง  เมื่อบวกกับการเปลี่ยนแปลงทรงคิ้วก็ยิ่งดูละมุน ให้ความรู้สึก refreshing 

ดัชเชสยืนหนึ่งเรื่องลอนผมเด้งดึ๋งเงางามมีชีวิตชีวาอยู่แล้วค่ะ พอเปลี่ยน makeup ก็ดูขับให้ยิ่ง glow สีสันของ eye shadow ที่ฟุ้งเบาๆก็ดูเข้ากับผิวสีแทนของเธอ




คุณผู้อ่านชื่นชอบ Kate แบบมี eyeliner คมเข้ม หรือแบบ soft หวานๆมากกว่า?



The Queen Of Style


หากให้ยกชื่อของเชื้อพระวงศ์ทีเหมาะสมกับสถานะ fashion icon ในยุคใหม่ เราก็ยังไม่เห็นใครอื่นนอกจาก พระราชินี Letizia แห่ง Spain ความ modern ของเธอทำให้สื่อ fashion และชาวเน็ทต้องทึ่ง เธอคือราชินีที่ใส่ชุดหนังสุด chic ไปเปิดเทศกาลศิลปะ บางครั้งก็ใส่บู๊ทยาว จับคู่โค้ทตัวงามราวกับเป็น fashionista ใน Paris fashion week ชุด cocktail สวยเริ่ดไม่ต่างจากคนดัง A List ชุดราตรีที่สวยแพงดูนำสมัย ขนาด summer dress แบบพริ้วๆยังเหมือนกับนางแบบใน magazine เมื่อบวกกับ posture สุดเป๊ะ (ซึ่งน่าจะได้มาจากประสบการณ์ทำงานเป็นผู้ประกาศข่าวช่องดัง) เธอจับอะไรมาใส่ก็ดูดีงามไปหมด

เมื่อเป็นเรื่องของ makeup ก็ไม่ต่างกัน...



ในขณะที่ฝั่งอังกฤษยังยึดมั่นกับภาพลักษณ์ของ English rose ด้วยความเคร่งครัดกับธรรมเนียมต่างๆ ราชวงศ์สเปนดูจะเปิดรับความ modern ชัดเจน     ราชินี Letizia สร้างเสียง  wow ด้วย  beauty look  ที่หลากหลาย   ในขณะที่เธอมักทำผมที่ดูสวยsimple ไม่ว่าจะเป็นมวยผมต่ำ รวบเรียบหรู ปล่อยยาวสลวย หรือตัดผมบ็อบสุด sleek    แต่ makeup  ของเธอจะทำให้สัมผัสถึงพลังความเป็นผู้นำ  ดูเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและคมปลาบไปด้วยสติปัญญา

เราสังเกตว่า หลายๆครั้ง  ราชินี Letizia ก็ไม่ได้ใช้รูปแบบที่ซับซ้อนเพื่อนำเสนอความงามของเธอ  แต่เป็นวิธี  matching  เธอสวมใส่ชุดสีอะไร โทนสีของ makeup ก็ดูกลมกลืนกัน  จึงเป็นเรื่องไม่แปลกใหม่เมื่ดได้เห็นเธอทาลิปสติกสีสีแดงสด หรือเมื่อตอนที่ใส่ชุดสี plum  สีลิปสติกและสี eye shadow ก็เป็นสีแดงอมม่วงไปด้วย

สิ่งหนึ่งที่ราชินีผู้เลอโฉมจะขาดไปไม่ได้เลยคือขนตาที่ยาวเด้ง  ไม่ว่าจะแต่ง smokey eye หรือไม่  ยังไงขนตาก็ต้องพุ่งไปด้านบนเสมอ

หลายคนเห็นพ้องต้องกันกันว่า เธอคือผู้หญิงที่ยิ่งมีอายุมากขึ้นก็ยิ่งดูดี    จากช่วงก่อนเข้าราชวงศ์ที่ดูเป็นเป็นผู้ประกาศข่าวสาวสวยก็กลายมาเป็น  trendsetter  แห่งสเปน  เมื่อใดก็ตามที่เธอปรากฏอยู่บนหน้าสื่อ  ก็จะตามมาด้วยภาวะ sold out ของ item ที่เธอเลือกสวมใส่  รวมถึงเทรนด์การแต่งหน้าที่สร้างเสียงโจษจันมาหลายครั้ง

แม้ว่าจะมีชื่อเสียงเรื่องความ glamorous   แต่เธอคือราชินีที่ยิ้มแย้มด้วยลุค no-makeup ในขณะไปส่งเจ้าหญิงทั้งสองที่โรงเรียน  รวมถึงเผยผมหงอกอย่างมั่นใจเมื่อไปเยี่ยมเยือนเชื้อพระวงศ์สวีดิชอย่างเป็นทางการ    


Edgy-Princess Vibe


เพราะเจ้าหญิง  Charlene เสกสมรสเข้าสู่ราชวงศ์ Grimaldi แห่ง Monaco จึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะถูกเปรียบเทียบกับเจ้าหญิง Grace ผู้ล่วงลับไปได้  แม้ว่าเธอจะมาจากประเทศอัฟริกาใต้ และมี background เป็นนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติ มิใช่นางเอก  Hollywood ชื่อดัง  ผมสีบลอนด์ รูปร่างสูงและบุคลิกที่สง่างามนั้นทำให้เรานึกถึง  Charlize Theron มากกว่า

signature ของเจ้าหญิงคือผมสั้น ไม่ว่าจะเป็น pixie cut   bob   ไปจนถึงทรงไถข้าง   เธฮมาพร้อมกับ lipstick ที่มี pigment จัดจ้านใกล้เคียงกับสีนีออนตัดกับผิวขาวจัด

scandalจากชีวิตส่วนตัวของเจ้าชาย Albert นั้นทำให้สื่อมุ่งนำเสนอประเด็นว่าเธอดูเศร้าสร้อยแค่ไหน รวมถึงตั้งข้อสงสัยเรื่องการแยกห่างจากครอบครัวรวมถึงเจ้าหญิงเจ้าชายฝาแฝดไปเป็นเวลาหนึ่งปีเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยลึกลับ แต่เมืาอพูดถึงเรื่อง style เธอมีความโดดเด่นในบรรดาเจ้าหญิงในยุโรป เพราะนอกจากรูปร่างหน้าตาแล้ว ยังแต่งกายสวย chic ไม่ต่างจากนางแบบ แม้แต่ event เป็นทางการของราชวงศ์ก็ดู chic ในสไตล์สาวปารีเซียง 


เพราะอยู่ใกล้ฝรั่งเศสแค่เอื้อม  เราจึงได้เห็นเชื้อพระวงศ์Monacoเดินทางไปร่วม event ของแบรนด์ high-end อยู่เรื่อยๆ  แต่ภาพจาก front row  ของเจ้าหญิงอาจจะทำให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นภาพการเตรียมตัว  backstage ของนางแบบได้เลย

ความโดดเด่นของเจ้าหญิงจะอยู่ห่างไกลจากคำว่าอนุรักษ์นิยมพอสมควร เธอปรากฏกายในงานสังคมใน style ที่ไม่ต่างจาก supermodel หากไม่ทาปากสีร้อน เธอจะเน้นแต่งตาให้มีมิติ อย่างตอนที่สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัวทรงผมไถข้าง แม้จะมีหน้ากากปิดไปครึ่งใบหน้า แต่ smokey eye ที่เพิ่มความedgy ออกนอกกรอบของภาพลักษณ์เจ้าหญิงจากหลายประเทศ


หลังจากฟื้นฟูจากการรักษาอาการเจ็บป่วยทั้งทางร่างกายและจิตใจ เจ้าหญิง Charlene ได้เดินทางกลับ Monaco โดยที่ยังมีเสียงซุบซิบถึงต้นตอของโรคที่ทำให้เธอผ่ายผอม และดูแตกต่างไปจากเดิมราวกับเป็นคนละคน เจ้าหญิงเปลี่ยนลุคเป็นผมสั้น pixie cut สี platinum blonde และกลับเข้าสู่งานสังคมด้วยรอยยิ้ม แต่ก็ยังถูกจับจ้องด้วยสายตาที่ทั้งเป็นห่วงและสงสัยใครรู้

สำหรับใครที่ยังข้องใจกับ scandal ของเจ้าชาย Albert และการตั้งทฤษฎีต่างๆเกี่ยวกับความเจ็บป่วยที่ทำให้เจ้าหญิงแยกห่างเจ้าครอบครัวร่วมปี   ในคราวหน้าเราจะมาเล่าให้ฟังค่ะ


The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE