ส่องlifestyle ทายาทขุนนางBritish
candy 39 14สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยติดตาม Downton Aิbey ก็อาจจะประหลาดใจเหตุใดซีรีส์เรื่องนี้กวาดเรตติ้งสูงทั้ง 5 seasons และสร้างเป็นหนังแล้วสองภาค แม้จะเต็มไปด้วยตัวละครผู้ใหญ่และวัยกลางคน รวมถึงไม่ได้มีจุดขายเรื่องรูปลักษณ์เย้ายวนใจและเนื้อหาร้อนแรงแบบ Bridgerton หลายคู่ ทั้งเจ้านายผู้สูงศักดิ์และบริวารข้ารับใช้นั้นสูงวัยแล้วทั้งนั้น ความสำเร็จของซีรีส์พีเรียดที่ถ่ายทอดเรื่องราวของตระกูลขุนนางที่ก้าวเข้าสู่ความเป็น modern ของต้นศตวรรษที่ 20 นั้นก็ได้พิสูจน์ว่า ยังมีผู้ชมอีกมากมายที่ติดอกติดใจ lifestyle อันโดดเด่นของเหล่าผู้ดี British แม้ว่าจะได้พบกับแนวคิดอนุรักษ์นิยมที่ยังฟังดูล้าหลังและขัดแย้งกับแนวคิดความเท่าเทียมของคนรุ่นใหม่ แต่มันก็ยังเป็นการจำลองภาพอดีตพร้อมกับเรื่องราวในจินตนาการที่ดูน่าตื่นตาตื่นใจ
นอกจากจะมีการนำเสนอเรื่องราวของชนชั้นขุนนางในยุโรปผ่านหนังและซีรีส์ฝั่งตะวันตก เรายังได้เห็นความเคลื่อนไหวแบบ romanticizing ในประเทศทางตะวันออก ลองนึกภาพของ Maid café, Butler café การแต่ง cosplay ผลงานการ์ตูนทั้ง manga และ anime หรือจะเป็น manhwa จากฝั่งเกาหลีที่นักประพันธ์ได้นำวิถี nobility และ royal ในยุโรปมาประยุกต์เพื่อสร้างเป็นนิยายพีเรียดและแฟนตาซี ตามมาด้วย adaptation เป็นผลงานการ์ตูนที่ติดตามกันได้ง่ายดายผ่าน online apps จนทำให้วงการนี้กำลังมาแรงสุดๆ ว่ากันว่า มันได้กลายมาเป็นคู่แข่งสำคัญที่กำลังสั่นสะเทือนวงการ shojo manga ของญี่ปุ่นจนต้องปรับตัวรับมือเต็มที่
แต่ในชีวิตจริง ชนชั้นขุนนางเค้าใช้ชีวิตเหมือนกับที่เราได้เห็นผ่านผลงานในจอมากแค่ไหน? มาติดตามชมต่อได้เลย
Aristocrats แตกต่างจากกลุ่ม elite ในความคิดของหลายคน
ในขณะที่หลายคนมองว่า ชนชั้นสูง คือกลุ่มคนที่มีทรัพย์สินอันมั่งคั่งและใช้ชีวิตแบบมีอภิสิทธิ์ชน ถูกยกให้เป็นกลุ่มหัวกะทิที่สามารถเข้าถึงความเป็นเลิศหลากหลายแขนง หรือในสำหรับสังคมอังกฤษจะเรียกคนกลุ่มนี้ว่า posh แต่สำหรับnobility หรือ aristocrat นั้นจะมีความเจาะจงกว่านั้น เพราะพวกเค้ามาจากตระกูลขุนนางที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระมหากษัตริย์ที่สืบทอดบรรดาศักดิ์กันมายาวนานนับศตวรรษ ไม่เพียงแต่คำนำหน้าที่แสดงถึงความสูงศักดิ์ ยังได้รับพระราชทานอาณาเขตที่ดินให้ปกครองและสร้างผลประโยชน์สืบต่อกันหลายชั่วคน หรือที่มีผู้เรียกว่า พวกผู้ดีเงินเก่านั่นเอง
นั่นเป็นเหตุผลว่า เหตุใด Benedict Cumberbatch ที่สื่อมักจะบรรยายถึงคุณสมบัติของพระเอกสุด posh ได้ออกตัวชัดเจนว่า เขาไม่ได้อยู่ในกลุ่มชนชั้นสูงเต็มขั้น แต่เป็นชนชั้นกลางที่ค่อนมาทางชนชั้นสูง ไม่ได้รับมรดกตกทอดแบบผู้ดีเงินเก่า ที่เห็นเรียนโรงเรียนประจำเก่าแก่ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่ผู้ดีนั้น ก็เป็นเพราะความพยายามของพ่อแม่ที่ทำงานส่งเสียเต็มที่ แม้ว่าปู่ของเขาจะเป็นนายทหารที่มีชื่อเสียงในวงสังคมผู้ดี และมีบรรพบุรุษเป็นเศรษฐี หรือแม้จะเคยถูกสื่อตีข่าวว่า เขาเป็นญาติลำดับห่างๆ(มาก)ของพระเจ้า Richard ที่ 3 แต่ไม่ถือว่าเขาอยู่ชนชั้นขุนนางแต่อย่างใด
การสืบทอดตระกูลด้วยกฎลูกชายคนโต
หากคุณเป็นแฟนซีรีส์ Bridgerton ก็คงจดจำความเคร่งเครียดของ Anthony หรือ Viscount Bridgerton สุด hot ที่ต้องแบกรับความรับผิดชอบดูแลครอบครัวขนาดใหญ่ รวมถึงทรัพย์สินและบริวาร และหน้าที่สำคัญคือการเสาะหาภรรยาผู้สมบูรณ์แบบมาร่วมปกครองตระกูลและให้กำเนิดทายาทเพื่อสืบทอดบรรดาศักดิ์Viscount คนต่อไป
ปัจจุบัน ชนชั้นขุนนางอังกฤษก็ยังใช้กฎลูกชายคนโตในการคัดเลือกผู้จะก้าวมาเป็นประมุขของตระกูลที่มีความเป็นมาหลายร้อยปีอยู่ ในขณะที่ในประเทศสเปน บุตรีสามารถสืบทอดบรรดาศักดิ์และทำหน้าที่ประมุขของตระกูลได้!
ลำดับของบรรดาศักดิ์ขุนนางใน the United Kingdom ที่ได้ยินกันบ่อยๆ
Duke ขุนนางระดับสูงสุด
- แบ่งเป็นทั้ง Duke ที่เป็นเชื้อพระวงศ์ และ Duke ที่ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์
- คนผู้เดียวอาจจะมีหลายบรรดาศักดิ์ด้วยกัน จะเกิดขึ้นเมื่อบรรพบุรุษทำความดีความชอบและได้รับการแต่งตั้ง dukedom รวมถึงบรรดาศักดิ์อื่นๆตามมา และสืบทอดบรรดาศักดิ์เหล่านี้ในวงศ์ตระกูลลงมาเรื่อยๆ
- บุตรชายคนโตที่เป็นทายาท(heir) มักจะได้รับ title เป็น Marquess หรือEarl ตามกฎว่า ทายาทจะมี title รองมาจากประมุขครอบครัวอย่างน้อย 1ลำดับ และมักเป็น title เก่าของบิดา
- หาก Duke ผู้เป็นประของตระกูลวายชนม์ บุตรชายคนโตก็จะได้รับการสืบทอด title นี้ต่อไป
- เมื่อแต่งงาน ผู้เป็นภรรยาจะได้รับ title ว่าDuchess
- ลูกชายคนรองจะถูกเรียกว่า Lord นำหน้าชื่อ และลูกสาวจะถูกเรียกว่าLady
Marquess ขุนนางระดับรองลงมา
- บุตรชายคนโตที่เป็นทายาท(heir) มักจะได้รับ title เป็น Earl ตามกฎว่า ทายาทจะมี title รองลงมาจากประมุขครอบครัวอย่างน้อย 1ลำดับ
- titleจะเลื่อนสู่ Marquess หลังจากผู้เป็นพ่อสิ้นชีวิต ไม่ต่างจาก dukedom
- เมื่อแต่งงานผู้เป็นภรรยาจะได้รับ title ว่า Marchioness
- ลูกชายคนรองจะถูกเรียกว่า Lord นำหน้าชื่อ และลูกสาวจะถูกเรียกว่าLady
- ตระกูลที่รักษาบรรดาศักดิ์ Earl ไว้ได้นานที่สุดจนถึงปัจจุบันคือ Earl แห่ง Shrewsbury ที่สืบทอดกันมาถึง 580 ปี
- บุตรชายคนโตที่เป็นทายาท(heir) มักจะได้รับ title เป็น Viscount แล้วตามด้วยนามที่พ่อเคยใช้ในช่วงที่ยังเป็นViscount หรือทายาทบางคนจะใช้ Lord
- titleจะเลื่อนสู่ Earl หลังจากผู้เป็นพ่อสิ้นชีวิต
- สิ่งที่แตกต่างจากสองบรรดาศักดิ์คือ title ของภรรยา จะไม่มีคำเรียกของ Earl เพศหญิง ซึ่งเป็นคำที่มาจากภาษาเก่าแก่ที่ใช้เรียกผู้นำทางทหารที่สตรีไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เมื่อเทียบบรรดาศักดิ์แล้ว Earl คือมีศักดิ์ให้เคียงกับผู้ปกครองมณฑลหรือ Count ดังนั้นผู้เป็นภรรยาจึงได้รับtitleว่า Countess
- Earl ที่เป็นเชื้อพระวงศ์อังกฤษปัจจุบันคือ เจ้าชาย Edward หรือ Earl แห่ง Wessex ในขณะที่เจ้าชายที่เป็นเชื้อพระวงศ์อาวุโสส่วนใหญ่จะได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ duke สำนักราชวังชี้ว่า บรรดาศักดิ์ของเจ้าชายจะเปลี่ยนแปลงเป็น Duke หลังจากมีการผลัดเปลี่ยนผู้ปกครองราชวงศ์อังกฤษ
- ลูกชายคนรองจะถูกเรียกว่า Lord นำหน้าชื่อ และลูกสาวจะถูกเรียกว่าLady
Duke ผู้ร่ำรวยที่สุดแห่ง The United Kingdom
จากพิธีเสกสมรสของเจ้าชาย William และ Kate Middleton เมื่อหลายปีก่อน เกิดกระแสฮือฮาในตัว Hugh Grosvenor หรือ Duke แห่ง Westminster เนื่องจากรูปลักษณ์และทรัพย์สินหมื่นล้าน (£ คิดเป็นบาทไว้ที่ประมาณX 42 แบบปัดเศษออก) หรือว่ากันว่า มีความมั่งคั่งมากกว่าสมเด็จประราชินี Elizabeth ที่ 2 ร่่วมๆยี่สิบเท่าตัว และเป็นชายที่ติด top 20 คนที่รวยที่สุดในอังกฤษ Duke ที่แสนร่ำรวยเคยให้ครอบครัวราชนิกูลแห่ง Cambridge ยืมเครื่องบินส่วนตัวไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ในขณะที่ทุกประเทศต้องเผชิญกับวิกฤติ COVID เขาบริจาคเงินให้กับ NHS ของอังกฤษ extra £12.5 ล้าน พูดชัดๆคือ นอกจากบรรดาศักดิ์ duke ที่สืบทอดมา 7 ชั่วคน เขาก็ยังเป็นหนึ่งใน 1% จากสถานะประธาน Grosvenor Group กลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดสาขาในหลายประเทศทั่วโลกและมีพนักงานนับหมื่นคน
ฟังดูแล้วแตกต่างกับภาพ Anthony Bridgerton ที่เคร่งเครียดกับการตรวจสอบตัวเลขการใช้จ่ายของตระกูลอย่างสุดขั้วใช่มั้ยล่ะ?
ชนชั้นขุนนางถูกมองว่าเป็นกลุ่มอภิสิทธิ์ชน แต่ความรวยของ Hugh นั้นถูกยกให้อยู่เป็นอีกระดับไปเลย หากมองภาพเบื้องล่างแบบไม่ใส่ใจเรื่องคำบรรยาย จะมีใครคาดคิดว่า เด็กชายหน้าตาน่ารักที่เดินตามเจ้าชาย William จะกลายมาป็นเจ้าของธุรกิจที่มีตึก 1500 แห่งทั่วโลก กิจการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ รวมถึงเป็นเจ้าของที่ดินกว้างใหญ่ไพศาลทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ชีวิตในวัยเด็กของเขากลับไม่เหมือนกับทาทายาทขุนนางบรรดาศักดิ์สูงที่หลายคนได้ยินมา Hugh และพี่สาวเข้าเรียนในโรงเรียนใกล้คฤหาสน์ที่หมู่บ้านชนบท*ในCheshire และเข้าเรียนมัธยมซึ่งไม่ห่างไกลกันมา และจบปริญญาตรีสาขาcountryside management จาก Newcastle University นั่นคือ ตั้งแต่เด็กจนโต เขาก็เรียนอยู่ที่ภาคเหนือตลอด ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม Etonians หรือศึกษาต่อในOxBridge ตามแพทเทิร์นลูกหลานขุนนางสูงศักดิ์
แม้ว่าจะถูกจับตามองจากสื่อgossipสังคมผู้ดีว่าเป็น Duke ที่หล่อและรวยมากกกกกก และยังใกล้ชิดกับเชื้อพระวงศ์ในฐานะพ่อทูนหัวของเจ้าชาย George แต่เขาค่อนข้างเก็บตัวเงียบจาก spotlight อาจจะปรากฏตัวในงานการกุศลบ้าง แต่ถือว่าเป็นผู้ดีที่รักษาความเป็นส่วนตัวไว้มากหากเปรียบกับเหล่าหนุ่มสาวชนชั้นขุนนางที่โชว์ lifestyle เลิศเลอผ่านนิตยสาร Tatler แต่ยิ่งไม่เปิดเผย ก็ยิ่งถูกค้นหา จนถูกยกให้เป็นมหาเศรษฐีหนุ่มโสดเนื้อหอมที่สุดคนหนึ่งของอังกฤษ (แม้จะมีรายงานว่าเขาจะมีคนรักแล้ว แต่ก็ยังไม่แต่งงาน หรือเลื่อนฐานันดรเป็น Duchess คนใหม่แห่ง Westminster)
*คำว่าชนบทของอังกฤษ ไม่ได้สื่อเรื่องความล้าหลัง สาธารณูปโภคไม่เข้าถึง แต่เป็นชุมชนที่มีความสวยงามทั้งธรรมชาติและสถาปัตยกรรม หมู่บ้านชนบทหลายแห่งกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวโด่งดัง และราคาที่พักในหมู่บ้านน่ารักๆเหล่านั้นก็แพงระยับ ตระกูลขุนนางที่ร่ำรวยจะต้องมีบ้านที่ชนบทที่รักษาสืบต่อกันมาหลายชั่วคน อาจจะเป็นคฤหาสน์ที่มีสนามหญ้าและสวนสวยเนี้ยบกว้างสุดลูกหูลูกตา หรือมีโบสถ์และฟาร์มเลี้ยงสัตว์ในอาณาเขตเดียวกันหรือแม้กระทั่งทะเลสาป สำหรับ Eaton Hall สมบัติประจำตระกูล Duke แห่ง Westminster นั้น มีสวนสุดอลังการที่ในหน้าร้อนจะเปิดให้คนนอกเข้าชมเพื่อรวบรวมรายได้ไปบริจาคให้กับการกุศลเพียงสามวันเท่านั้น ส่วนภายในคฤหาสน์นั้นไม่ได้เปิดเผยให้ผู้อื่นได้เห็นมากนัก จากเพียงไม่กี่ภาพที่เผยแพร่ออกมาก็ทราบเลยว่า ภายในหรูหราสุดๆ และต้องใช้งบประมาณมากมายเพื่อรักษาสภาพของที่อยู่อาศัยอายุเป็นร้อยๆปีไว้
จริงหรือที่ผู้ดีเก่าเชื้อสายขุนนางยังเข้าสังคมแต่เฉพาะกลุ่มเดียวกัน?
หลายคนคงได้ยินกิตติศัพท์เรื่องวิธีจิกกัดชีวิตชนชั้นสูงด้วยอารมณ์ขันร้ายๆแบบอังกฤษมาแล้ว เมื่อมองมายังฝั่งชนชั้นขุนนางในยุคโมเดิร์น การยึดมั่น lifestyle ที่ยึดจากธรรมเนียมสืบต่อกันมาหลายชั่วคนนั้นอาจจะถูกมองว่า เป็นเส้นทางที่ดูคับแคบแบบฉบับอภิสิทธิ์ชน ไม่เปิดโอกาสให้สัมผัสกับ ความ real ของโลกภายนอก พวกเค้าส่งลูกหลานเข้าโรงเรียนประจำชั้นนำแบบแยกชายหญิง อันเป็นสังคมแวดล้อมไปด้วยผู้ที่มาจากตระกูลเก่าแก่และผู้ทรงอิทธิพลของประเทศ ส่วนระดับอุดมศึกษาก็ไม่ต่างกัน จะต้องเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงว่าเป็นตัวเลือกระดับต้นๆของชนชั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมสันทนาการ การกีฬา งานสังคมต่างๆ ที่หมุนเวียนพบกับกลุ่มคนหน้าเดิมที่อยู่ในระดับเดียวกัน
เส้นทางชีวิตของ George Spencer-Churchill Marquess แห่ง Blandford และผู้สืบทอด Duke แห่ง Marlborough นั้นฟังดูไม่ต่างจากนิยายromance เขาเป็นผู้ดีหนุ่มที่เข้าศึกษา Harrow ในวัยเด็กและสร้างความโดดเด่นจากการทำหน้าที่ captain ของทีม Polo หลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก UCL ก็ทำอาชีพ broker ด้านการบินใปพร้อมกับรับหน้าที่ดูแลมรดกที่ตกทอดมาจากปู่ อดีต Duke แห่ง Marlborough ที่ตัดพ่อของเขาจากกองมรดกนับร้อยล้านจากปัญหาพฤติกรรมที่สร้างความฉาวโฉ่ให้กับวงศ์ตระกูล มรดกดังกล่าวรวมถึงวัง Blenheim สถานปลูกสร้างขนาดมหึมาที่ Duke แห่ง Marlborough คนแรกของตระกูลได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระราชินี Anne เพื่อเป็นรางวัลแห่งชัยชนะในศึกสงครามสืบราชบัลลังก์สเปน ทั้งประวัติศาสตร์และความงดงามนั้นทำให้ได้รับคัดเลือกจากยูเนสโกเพื่อเป็นแหล่งมรดกโลก และวัง Blenheim แห่งนี้ก็ได้ปรากฏเป็น background ของ wedding album ของเขาและภรรยา Marchioness แห่ง Blandford เป็นสาวไฮโซจากตระกูล baronet ที่คุ้นเคยกับครอบครัวของเขามามานาน พวกเค้าจุดประกายความรักวัยรุ่นระหว่างร่วมทริปครอบครัวที่เกาะอันสวยงามทางใต้ของอังกฤษและสานต่อความสัมพันธ์จนได้กลายมาเป็นคู่ชีวิต
ซีรีส์โด่งดังอาจจะทำให้หลายคนอาจจะจินตนาการภาพทายาทขุนนางที่มีโอกาสใกล้ชิดกับเชื้อพระวงศ์ระดับสูงจากงาน ball หรูหรา ส่วนในชีวิตจริง พวกเค้าทั้งร่ำเรียนในสถานศึกษาเดียวกัน ทำกิจกรรมแบบชนชั้นสูงด้วยกัน เล่นกีฬาที่สื่อถึงความเป็นชนชั้นสูงด้วยกัน กีฬาขี่ม้า Polo และแม้ว่าจะอาศัยอยู่ห่างไกลจากพระราชวัง ก็จะได้รับคำเชิญให้ร่วมงานสำคัญของเชื้อพระวงศ์ แม้แต่ทายาทขุนนางที่ยังเป็นเด็กชายตัวเล็กๆก็อาจจะได้รับหน้าที่สำคัญอย่างการเดินตามหลังเพื่อยกผ้าคลุมให้กับสมเด็จพระราชินีเพื่อเข้าสู่พิธีการทางศาสนา รวมถึงโอกาสที่จะเป็นที่จับจ้องจากสื่อในevent ใหญ่โต เรื่องราวเหล่านี้อาจจะทำให้มีผู้มองว่า ผู้ที่มาจากตระกูลขุนนางย่อมคบหาสมาคมกันเอง และช่างเป็นเรื่องปกติการเลือกคู่ก็จะเป็นประเภทกลุ่มลูกท่านหลานเธอด้วยกัน
Jemma Kidd อาจจะระบุอาชีพในโพรไฟล์เป็น makeup artist และstylist แต่ก็มีพื้นเพชนชั้นขุนนางจากฝั่งพ่อและแม่ แม้จะไม่ได้มีบรรดาศักดิ์สูง แต่คำนำหน้าชื่อของเธอก็เปลี่ยนแปลงหลังจากเข้าพิธีวิวาห์กับ Arthur Wellesley, Earl แห่ง Mornington ทายาทของ Duke แห่ง Wellington นอกจากสามีของเธอจะรูปงามแล้วก็ยังมีเชื้อสายราชวงศ์จากแม่ที่เป็นเจ้าหญิงจาก Prussia เธอโลดแล่นตามหน้าข่าวสังคมผู้ดีในฐานะ Countess แห่ง Mornington อยู่หลายปี ก่อนจะหย่าร้างกับสามี แม้จะยังรักษา title ไว้ได้ แต่ในอนาคตเมื่อเขากลายเป็น Duke แทนที่พ่อ เธอจะไม่เปลี่ยนเป็น Duchess แต่อย่างใด
แต่การเลือกคู่จากชนชั้นเดียวกันไม่ใช่ข้อบัญญัติสำหรับทายาทขุนนางสมัยใหม่ ยังมีผู้ที่พบรักกับผู้ที่อยู่นอกแวดวงเดียวกัน เช่น ขุนนางที่แต่งงานกับนักแสดง (ไม่ได้มีแต่เจ้าชาย Harry เท่านั้น) หรือจะเป็นสตรีที่สร้างความฮือฮาให้กับแวดวงผู้ดีอังกฤษ คือ Jule Montagu ครูสอนโยคะที่กลายมาเป็น Viscountess หลังจากเธอสมรสกับ Luke Montagu, Viscount Hinchingbrooke หรืออนาคต Earl แห่ง Sandwich และหมายความว่า ในวันข้างหน้า เธอก็จะกลายเป็น Countess นั่นเอง
ขุนนางยุค modern ทำมาหากินด้วยอาชีพอะไรกันบ้าง?
ยุค digital กันแล้ว อาชีพของบรรดาทายาทขุนนางก็ย่อมแตกต่างจากสิ่งที่เราได้เห็นจากในซีรีส์กันอยู่บ้าง แม้หลายคนจะมองว่า พวกเค้าเป็นพวกเงินเก่าที่บริหารจัดการทรัพย์สินที่ดิน นำเงินไปลงทุนสร้างกำไรโดยไม่ต้องทำงานหนักให้ลำบากตัวเอง และเรามักได้ยินเรื่องคนกลุ่มมี title ที่ทำงานด้านการเงินหรือเปิด firm ของตัวเอง แต่ที่จริง ผู้ที่มีบรรดาศักดิ์สูงอย่าง Duke, Marquess และ Earl รวมถึงสมาชิกครอบครัวหลายคนก็มีอาชีพที่อยู่นอกเหนือ field การเงินนะ
Timothy Bentinck Earl แห่ง Portland เป็นนักแสดงละครTVและนักพากย์วีดีโอเกมมาแล้วมากมายและยังรับจ็อบเขยนหนังสืออีกด้วย
Charles Courtenay Earl แห่ง Devon เป็นทนายและหุ้นส่วน law firm
William Cavendish Earl แห่ง Burlington เป็นช่างภาพ
David Armstrong-Jones, Earl แห่ง Snowdon (โอรสแห่งเจ้าหญิง Margaret ผู้ล่วงลับ) เป็นนักออกแบบเฟอร์นิเจอร์และเจ้าของสำนักประมูล
เสน่ห์ชนชั้นขุนนางกับบทบาทsocialite
ผู้ดีชนชั้นขุนนางอาจจะดึงดูดความสนใจจากผู้คนเฉพาะกลุ่ม ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มที่เพลิดเพลินกับการติดตามนิตยสาร Tatler หรือเว็บTown & Country ซึ่งมีจุดขายเรื่อง gossip ของเหล่าเชื้อพระวงศ์และขุนนาง แต่จะให้พูดตรงๆ ดีกรีความแซ่บของ gossip วงการบันเทิงนั้นแรงกว่ากันเห็นๆ ขยับตัวทีก็มีดราม่าติด trending ให้ติดตามกันตาแฉะ แต่ถ้าเป็นแวดวงชนชั้นสูงในอังกฤษ จะเรียกพวกเค้าว่าเป็น celeb ก็คงไม่ใช่ จะได้เห็นหน้าค่าตากันก็ตาม event ใหญ่ สใครที่มีดูมีออร่าและพื้นเพที่น่าสนใจจะได้รับความสนใจจากสื่อ ดัง Louis Spencer ผู้มีศักดิ์เป็นหลานชายของเจ้าหญิง Diana เขามีบรรดาศักดิ์เป็น Viscount Althorp ทายาทของ Earl Spencer น้องชายของเจ้าหญิงDiana ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า Spencer คือ ตระกูลที่ใกล้ชิดกับเชื้อพระวงศ์มาช้านาน
หรือจะเป็นฝั่งพี่สาว Lady Kitty (Katherine) ที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงามสมกับอาชีพนางแบบแ เธอสร้างความฮือฮาให้กับวงสังคมด้วยการเข้าพิธีวิวาห์กับเศรษฐีวัยกลางคนจากอัฟริกาใต้ที่มีอายุมากกว่าพ่อของเธอ
ปัจจุบัน ผู้ดีเงินเก่าอาศัยในปราสาทเหมือนกันซีรีส์ Downton Abbey หรือไม่?
การใช้ชีวิตในปราสาทอันงดงามซึ่งเป็นมรดกตกทอดที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์นั้นฟังดูแล้วไม่ต่างจากเทพนิยาย หลายตระกูลขุนนางก็ยังเป็นเจ้าของปราสาทที่อาศัยกันมาหลายชั่วคน แต่ความเปลี่ยนแปลงทางค่าครองชีพนั้นทำให้การดูแลอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ยักษ์นี้เป็นภาระหนักอึ้ง แม้เราจะได้เห็นชนชั้นขุนนางยืนโพสถ่ายรูปกับปราสาทและโชว์การตกแต่งภายในด้วยศิลปะอันสูงค่าด้วยความภาคภูมิใจ แต่การบูรณะปรับปรุงเคะสถานที่ทั้งเก่าแก่และเปราะบาง(แม้ว่าโครงสร้างจะมั่นคงเพียงใด)ย่อมมีค่าใช้จ่ายสูงลิบลิ่ว หากจัดการบริหารทางการเงินอย่างเต็มที่แล้ว การรักษาทรัพย์สินประจำตระกูลไว้อาจจะได้ไม่คุ้มเสีย บางตระกูลจึงตัดสินใจขายปราสาทให้กับผู้ที่มีทรัพย์สินมากกว่า หรืออาจจะปรับเปลี่ยนที่อยู่เป็นกิจการสร้างเม็ดเงินนำไปใช้บำรุงรักษา ไม่ว่าจะเป็นการเปิดสถานที่ให้เช่าเพื่อจัด party พิธีแต่งงาน หรือเปิดให้แขกเข้าชม ที่โด่งดังมากๆ คือปราสาท Highclere ที่เป็นโลเชั่นถ่ายทำ Downton Abbey นั่นเอง
ก็แค่ The Crown มาขอใช้ปราสาทสมบัติประจำตระกูลเป็น location ถ่ายทำฉากหรูเริ่ดเท่านั้นเอง!
ครอบครัว Manners นั้นสร้างเสียงกล่าวขวัญบนหน้าข่าวสังคมบ่อยๆ เพราะนอกจากพี่น้องสามสามใบเถาที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเลดี้สาย party สุดเฟี้ยวถึงขนาดที่ได้รับฉายาว่า bad-Manners sisters บ้างก็มีคนเปรียบเทียบว่าพวกเธอเป็น Crawley Sisters จาก Downton Abbey ยุคใหม่ฝ่ายพ่อแม่ก็ให้สัมภาษณ์ออกสื่อเปิดเผย lifestyle ที่เลิศเลอมาแล้วหลายครั้ง พวกเค้าได้ใช้ชีวิตที่ปราสาทใหญ่โตที่มีถึง 356 ห้อง แม้จะแยกย้ายออกมาใช้ชีวิตสุด chicในเมือง แต่ก็กลับมาพบปะร่วมกิจกรรมแบบผู้ดีกัน ไม่ว่าจะเป็นขี่ม้า ล่าสัตว์ ปิคนิค แม้แต่ทำงานแบบ work from home ที่มีพื้นหลังเป็นภาพวัดที่มีอายุหลายร้อยปี ฝั่งduchess นั้นไม่ปล่อยตัวเองตกยุค เธอเปิด podcast ถ่ายทอดความเป็นมาของปราสาท Belvoir สมบัติประจำตระกูล และเรื่องราวน่าสนใจของชนชั้นขุนนาง ความหรูหราของปราสาทแห่งนี้ยังต้องตาต้องใจผู้สร้าง The Crown จนเลือกมาใช้ถ่ายเพื่อสื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวัง Windsor หลายฉาก