เกิดอะไรขึ้นกับเหล่าคนดังเจ้าของฉายา America's Sweetheart
candy 40 11
เป็นเวลานับศตวรรษที่ฉายา America’s Sweetheart หรือหวานใจอเมริกาได้ถูกหยิบยกมาบรรยายคนดังที่สร้างชื่อเสียงมาจากบุคลิกที่น่ารักสดใสจนกลายมาเป็นคนดังทรงอิทธิพลในสังคมอเมริกัน ส่วนใหญ่แล้ว ผู้ที่มีฉายานี้จะเป็นceleb เพศหญิงที่หลายคนมองว่า พวกเธอมีคุณสมบัติหญิงที่แฟนหนุ่มอยากจะพาไปแนะนำตัวกับพ่อแม่
แล้วคุณสมบัติที่ว่าครอบคลุมสิ่งใดบ้าง?
แล้วคุณสมบัติที่ว่าครอบคลุมสิ่งใดบ้าง?
- ความสวยสะดุดตา รอยยิ้มที่ดูจริงใจ สร้างความประทับใจทันทีที่ได้เห็น
- อารมณ์ขันที่ทำให้รู้สึกเข้าถึงง่าย แต่ก็ไม่กระโชกโฮกฮากล้ำเส้นผู้อื่น
- มีออร่าของสาวจิตใจอบอุ่น ดูติดดิน ไม่ถือตัว
- มี fashion sense ที่โดดเด่น จนสามารถชักจูงใจให้คนอื่นอยากจะเอาอย่าง
หากไล่เรียงนามของผู้ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น America's Sweetheart จากยุคทองของ Hollywood ก็จะพบกับ Elizabeth Taylor, Grace Kelly, Audrey Hepburn และนางเอกในตำนานอีกหลายคน พวกเธอสร้างปรากฏการณ์จากความสามารถอันโดดเด่น และยังมีบุคลิกทรงเสน่ห์ที่ดึงดูดให้ผู้คนหลงรัก ทั้งยังโด่งดังจากภาพลักษณ์ fashion icon ที่ยังรักษาความนิยมไว้แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน
แต่สถานะAmerican's Sweetheart ของคนดังในยุคหลังนั้นอาจจะมีรูปแบบที่แตกต่างออกไป บางคนอาจจะพุ่งสู่ความ peak ทางอาชีพการงานในวงการบันเทิง แต่กลับต้องพบกลับความหักมุม จนผู้คนแทบจะหลงลืมไปแล้วว่า เมื่อก่อนนั้นพวกเธอเคยสร้างปรากฏการณ์ความนิยมสูงลิบลิ่วจนเคยได้รับฉายานี้
Meg Ryan
ขวัญใจอเมริกาหลายต่อหลายคนก้าวเข้าสู่อ้อมใจแฟนๆด้วยบทบาทนางเอกหนัง romantic comedy ยอดฮิต สำหรับคอหนังหวานจากยุค 80s-90s ภาพของ Meg Ryan อาจจะยังตรึงตราใจกับฉาก iconic ใน When Harry Met Sally เมื่อเธอแสร้งทำเป็นถึงจุดยอดในร้านอาหารจนหญิงชราโต๊ะอื่นต้องบอกว่า "I'll Have What She's Having " และยังมีหนังดังอย่าง Sleepless in Seattle, When a Man Loves a Woman ,City of Angel ,You've Got Mail และอีกหลายเรื่อง ผลงานของเธออาจจะไม่กอบโกยรายได้สูงถึงหลักร้อยล้านไปหมด แต่เมื่อหนังมีชื่อ Meg Ryan การันตีเป็นนางเอกก็กลายเป้นแม่เหล็กดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้มากมาย
Meg จะรูปลักษณ์ของสาวสุด popular เธอมีดวงตากลมโตใสแป๋วที่ดูไร้พิษภัย สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆด้วยแฟชั่นนำสมัย และยังดูเป็นสาวเท่ที่มีเสน่ห์ทั้งในสายตาชายและหญิง ยืนยันจาก Nora Ephro นักเขียนบทเจ้าของรางวัล Oscar Nora เจ้าของผลงาน When Harry Met Sally และ Sleepless in Seattle ที่ได้ประกาศชื่นชมว่า Megนี่แหละที่เป็นขวัญใจอเมริกาตัวจริง!
แต่เธอเป็นนางเอกอีกคนที่ชื่อเสียงดำดิ่งจาก scandal หลังจากที่ได้ใช้ชีวิตคู่กับ Dennis Quaid มาราวๆ 9 ปี เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2000 พวกเค้าก็ต้องพัวพันกับเรื่องราวการคบชู้ จากการตีแผ่ว่า Meg กำลังแอบคบหากับ Russell Crowe ที่เกิดต้องตาต้องใจระหว่างถ่ายทำหนัง Proof Of Life
ไม่นานหลังจากที่ถูกสื่อตามโจมตีว่าเป็นนางเอกที่หักหลังสามีและลูกชายวัยประถม Meg และ Dennis ก็ประกาศแยกกันอยู่ตามมาด้วยหย่าร้างกันตามกฎหมาย จากที่ถูกมองว่าเป็นสาวสวยแสนดี ชื่อเสียงของเธอต้องดิ่งลงไปจากข่าวฉาวโฉ่นี้ แม้จะมีผลงานตามมาอีกหลายเรื่อง แต่ก็มีบรรยากาศที่ห่างไกลจากช่วงที่เธอเฉิดฉายในวงการในฐานะ America's Sweetheart
หลายปีจากนั้น เธอได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อเพื่อยอมรับว่า มีความสัมพันธ์กับ Russell Crowe ในขณะที่ยังมีสถานะแต่งงานอยู่กับ Dennis จริงๆ แต่การนอกใจไม่ได้เป็นสาเหตุของการเลิกราแต่อย่างใด เพราะ Russell เข้ามาในชีวิตของเธอในช่วงเวลาที่ชีวิตแต่งงานใกล้พังทลายลงไปทุกที นั่นเป็นเพราะว่า ตลอดหลายปีที่ใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน Dennis เป็นฝ่ายนอกใจเธอก่อนจนสร้างความเจ็บปวดให้อย่างหนัก ถึงขนาดว่า หย่ากันไปแล้ว เธอก็มารู้เรื่องราวการนอกใจของเขาเพิ่มขึ้นมาอีก
(Dennis ยืนกรานปฏิเสธคำกล่าวหานี้ว่า ไม่อยากจะเชื่อที่เธอจะลุกขึ้นมาพูดออกสื่อเพื่อพลิกเรื่องราวเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเค้าหลังจากเลิกรากันไปถึงแปดปี มันยังเป็นการซ้ำเติมลูกชายที่ต้องทุกข์ใจจากความขัดแย้งเมื่อพ่อแม่หย่าร้างกันอยู่แล้ว)
หลังจากที่ Meg เริ่มเงียบหายไปจาก Hollywood ก็ได้รับเชิญมาพูดคุยกับ Gwyneth Paltrow เปิดเผยถึงความรู้สึกต่อฉายาลือลั่นติดตัวอันนี้ และเธอก็ยอมรับตรงไปตรงมาว่า ไม่ได้ปรารถนาจะเป็นหวานใจอเมริกาแต่อย่างใด เพราะการตั้งฉายานี้ ไม่ได้สื่อถึงความฉลาดเฉลียวหรือคุณสมบัติใดๆ แต่เป็นการตีตราให้ผู้คนคาดเดาเรื่องตัวตนจริงๆของเจ้าของฉายากันไปเอง ทั้งๆที่ไม่รู้จักคนผู้นั้นเลย
Julia Roberts
ถัดจาก Meg Ryan เธอผู้นี้คือราชินีหนังหวานที่่พสูจน์จากความสำเร็จล้นหลามของผลงานช่วงยุค 90 - 2000s Julia มักสร้างเสียงกล่าวขวัญจากออร่าสาว modern ที่ไม่จำเป็นต้องคอยตามกระแส หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ตรงกันว่า เธอไม่ใช่สาวงามหยาดฟ้ามาดิน แต่ยิ่งได้มองก็ยิ่งพบแง่มุมที่น่าสนใจ ทั้งรอยยิ้มกว้างขวาง(มากกกกก) เสียงหัวเราะก๊ากที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ขอให้หัวเราะออกมาย่อมจดจำเธอได้ การแสดง statement ผ่านเครื่องแต่งกายแบบไม่แคร์สื่อ บางครั้งเธอก็ยกแขนโชว์ขนรักแร้บนพรมแดง หรือใส่สูทสุดเท่ออกงานคู่กับแฟนหนุ่มรูปงาม เธอเป็นที่รักจากแฟนๆมากซะจนข่าวฉาวเรื่อง 'เจ้าสาวผู้กลัวฝน' ไม่สามารถทำอะไรเธอได้
เหตุการณ์คราวนั้น คือการเลิกราที่ไม่ต่างจากพล็อทหนังrom-com เมื่อเธอตกหลุมรักกับ Kiefer Sutherland พระเอกมาด bad boy พวกเค้ามีความสัมพันธ์จริงจังถึงขั้นวางแผนสร้างครอบครัวด้วยกัน และประกาศจัดงานวิวาห์อย่างเป็นทางการ แต่เพียงไม่กี่วันก่อนจะถึงพิธีจริง ก็มีข่าวว่า งานนี้ถูกเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด และมีคนตาไวเก็บภาพของ Julia ที่เดินทางไปต่างประเทศไปพักที่โรงแรมในต่างประเทศกับเพื่อนของKiefer ซะอย่างงั้น!
สื่อเล่นข่าวกันอย่างเมามันว่า นางเอก A List ผู้นี้คือ runaway bride ในชีวิตจริง เรื่องที่เธอหนีไปกับเพื่อนคู่หมั้นก็เป็นจริง แม้จะมีการเปิดเผยว่า นี่ไม่ใช่การตัดสินใจหนีวิวาห์แบบนาทีสุดท้าย แต่เกิดจากปัญหาความสัมพันธ์ที่เรื้อรังยากแก้ไข นอกจากนั้น สาธารณชนยังเลือกเห็นใจฝ่ายหญิง เพราะ Kiefer ยังมีชื่อเสียงไม่สวยงามนักจากข่าวคราวเรื่องยาเสพติดและอาการติดสุรา ในขณะที่ Julia ถูกยกย่องให้เป็นเจ้าหญิง Hollywood ที่ยากจะมีใครโค่นล้ม ในขณะนั้น แฟนๆของเธอโล่งอกซะด้วยซ้ำที่เธอยกเลิกการแต่งงานกับพระเอกเจ้าปัญหา
(Kiefer และเพื่อนคนดังกล่าวสามารถปรับความเข้าใจและกลับมาทำงานร่วมกันได้ ทุกวันนี้ พวกเค้ามองว่านี่เป็นเรื่องตลกร้ายที่เกิดขึ้นในช่วงวัยหนุ่มเท่านั้น)
ลองสังเกตสิว่า หนังหวานบางเรื่องที่ Julia ได้นำเสนอพล็อทที่ไม่ต่างจากเรื่องราวที่ผู้คนได้ยินจากสื่อ ดัง Notting Hill ที่เธอขโมยหัวใจแฟนๆด้วยบทนางเอก superstar ที่ถูกข่าวฉาวเล่นงาน หรือบทว่าที่เจ้าสาวคนสวยที่หวาดกลัวการแต่งงานจนต้องหนีจากพิธีการแต่งงานมาแล้วสามครั้งใน Runaway Bride และอย่าลืมหนัง America's Sweetheart ที่ดูเหมือนจะเป็นการล้อเลียนสถานะในชีวิตจริงของเธอเอง
แต่ฉายา America's Sweetheart ของ Julia ต้องถูกสั่นคลอนจนไม่เหลือรูปเดิม เมื่อเธอพบกับ Danny Moder สามีคนปัจจุบันที่ครองรักกันมานานกว่า 20 ปี
แต่แม้ว่าพวกเค้าจะรักษาความสัมพันธ์ยั่งยืนซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่พบมากนักในวงการนี้ แต่หลายคนกลับไม่สามารถยกย่องให้เป็น couple goal ได้เต็มปาก เนื่องจากจุดเริ่มต้นของความรักครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อฝ่ายชายยังเป็นผู้ช่วยช่างภาพที่มีภรรยาอยู่แล้ว!
ข่าวลือเรื่องความรักผิดศีลธรรมของนางเอกชั้นนำกับตากล้องโนเนมได้กลายมาเป็น scandal ที่ผู้คนคอยติดตามแบบห้ามใจไม่อยู่ เรื่องมันเผ็ดร้อนไปถึงอีกขั้น เมื่อเธอตอบโต้ฝ่ายภรรยาของคนรักที่ไม่ยินยอมตกลงหย่าร้างให้เขาเป็นอิสระด้วยเสื้อยืดสโลแกน ' A Low Vera' ที่ใช้คำพ้องเสียงคำว่าว่านหางจรเข้เพื่อโจมตี Vera คู่กรณีที่ให้ข่าวกับสื่อว่าถูกเธอแย่งสามี
แม้จะมีแหล่งข่าววงในชี้ว่า เรื่องราวที่แท้จริงไม่ได้เหมือนกับที่ปรากฎตามหน้าสื่อ Julia ไม่ได้แย่งสามีใคร เพราะช่วงที่พบรักกับ Julia ระหว่างถ่ายทำหนังเรื่อง The Mexican Danny กับภรรยากำลังอยู่ในช่วงแยกกันอยู่ เขาจึงมีอิสระในเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่โดยไม่ผิดกฎหมายหรือผิดศีลธรรม แต่ข่าวลือเสียหายก็ยิ่งเกรียวกราวมากขึ้นไปถึงจุดที่ผู้คนโอนเอนไปเชื่อข่าวจากแทบลอยด์ว่า Julia ทุ่มเงินเพื่อจะให้ฝ่ายตรงข้ามเซ็นใบหย่าและเพื่อปิดปากไม่ให้แฉเรื่องของเธอออกสื่อ!
Juliaได้เข้าพิธีสาบานรักกับชายหนุ่มที่เธอเชื่อว่าเป็นรักแท้ แต่ในตอนนั้น ภาพลักษณ์ในสายตาของสาธารณชนก็ดูไม่ต่างจากนางร้ายนอกจอ และกว่า scandal นี้จะซาลงไปก็ผ่านไปนานพอสมควร
กระแสกดดันนั้นกระทบต่อตัวเธอมากพอที่จะตอบคำรับเชิญไปให้สัมภาษณ์ในรายการของOprah เพื่ออธิบายว่า ช่วงที่ทำความรู้จักกันในการถ่ายทำหนัง พวกเค้ายังไม่โสด และคบหากันเป็นแค่เพื่อน และรอจนกระทั่งเขาได้ไปเคลียร์ตัวเองจากความสัมพันธ์กับภรรยา ส่วนเธอก็ไปจัดการกับเรื่องตัวเอง เมื่อถูกตั้งคำถามตรงๆว่า เธอเป็นสาเหตุที่เขาเลิกรากับภรรยาหรือไม่ เธอก็เลือกตอบแบบหลบเลี่ยงไม่ตรงกับคำถาม แล้วชี้ว่า เพราะพวกเค้าต้องฝ่าฟันกับคำว่าร้ายจากสื่ออย่างหนักหน่วง จึงก่อให้เกิดความผูกพันกันลึกซึ้ง
และเมื่อมาถึงประเด็นเสื้อสโลแกน A Low Vera นางเอกชื่อดังไม่ได้พยายามเฉไฉไปทางอื่น เธอตอบอย่างมั่นใจว่า ยังยืนกรานตามความหมายที่แสดงออกผ่านเสื้อยืดตัวนั้น!
Julia ไม่ได้สูญเสียภาพลักษณ์นางเอกชั้นนำไปแต่อย่างใด เธอยังดึงดูดใจนักสร้างหนังทั้งยังก้าวมาเป็น producer ซะด้วยซ้ำ แต่มุมมองของคนในสังคมที่ยกย่องเธอว่าเป็นแบบอย่างของผู้หญิงยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความมาดมั่นไม่หวั่นต่อแนวคิดชายเป็นใหญ่นั้นเปลี่ยนไปสิ้นเชิง ฉายา America's Sweetheart กลับถูกแทนที่ด้วยคำว่า Home Wrecker แม้ว่าเธอและสามีจะสร้างครอบครัวแสนสุขมายาวนาน แต่ผู้ที่ยังจดจำ scandal ในอดีตได้ก็มักจะพูดถึงความสัมพันธ์ของพวกเค้าอย่างคลางแคลงใจอยู่เสมอ แม้แต่แทบลอยด์ก็ยังคอยปล่อยข่าวโจมตีออกมาเรื่อยๆ
แต่เมื่อถามว่ามีฉายา America's Sweetheartมีความหมายมากกับเธอมากแค่ไหน เธอกลับมองว่า เธอก็แค่ได้ฉายานี้มาเพราะนำแสดงในหนังที่มีชื่อเหมือนกันเท่านั้น
"ฉันไร้ความรู้สึกกับเรื่องพรรค์นี้อย่างสิ้นเชิง ฉันไม่ได้มีความคิดว่าจะต้องทำตามความคาดหวังของใคร มันจะเป็นแรงกดดันหรือก่อให้เกิดความเข้าใจในตัวตนของฉันแบบไหน"
Jennifer Aniston
4 ปีหลังจากที่Jenniferได้เดบิวท์งานแสดงทางโทรทัศน์ แต่ก็ยังไม่สร้างชื่อเสียงโด่งดังมากนัก แม้ว่าพ่อของเธอจะเป็นนักแสดงละคร soap opera ที่มีชื่อเสียงพอสมควร แต่ก็ไม่ใช่พระเอกทรงอิทธิพลในวงการขนาดที่ผลักดันให้ลูกสาวเปรี้ยงปังในวงการ แต่เมื่อเธอผ่านการออดิชั่นจนคว้าบท Rachel Green แห่งซีรีส์ Friends ก็ได้พบจุดพลิกผันในชีวิต ก้าวเข้าสู่เส้นทางของ Hollywood A List อย่างเต็มตัว
ไม่เพียงแต่ซิทคอมเรื่องนี้จะประสบความสำเร็จล้นหลามจสร้างต่อติดต่อกันถึงสิบซีซัน แต่ยังเป็นผลงานที่มีอิทธิพลต่อสังคมในหลายแง่มุม หนึ่งในนั้นคือปรากฏการณ์ที่เรียกว่า The Rachel Effect...
ทรงผมบ็อบซอยไล่ระดับของ Rachel กลายมาเทรนด์ร้อนแรงที่อินกันไปทั่วทุกแห่ง บรรดา salon จะต้องอวดฝีมือเพื่อให้ลูกค้าแน่ใจว่า สามารถเนรมิตทรงผม Rachel ให้กับพวกเค้าได้อย่างสวยเป๊ะ เซเลบอย่าง Mariah Carey และ Jessica Alba ก็ยอมรับว่า เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนรักทรงผม Rachel หรือจะเป็นผู้อำนวยการฝ่ายแฟชั่นนิตยสารดังที่รำลึกได้ว่า ในยุคนั้นมี Rachelเดินชนกันเกลื่อนไปหมด ซึ่งมันเคยเกิดขึ้นกับทรงผมซอยสั้นของ Meg Ryan มาแล้ว
(แฟนๆอาจจะประหลาดใจ เมื่อเจ้าตัวได้เปิดเผยว่าเกลียดทรงผมนี้มาก เพราะกว่าจะจัดทรงได้ก็ยุ่งยากจนต้องสบถสาบานทุกครั้งที่ต้องเป่าผม และผลลัพธ์ที่ออกมาก็ไม่ได้สวยโดนใจแต่อย่างใด)
เมื่อ phase ความนิยมของทรง Rachel ได้จางหายไป ลุคของ Rachel ที่เปลี่ยนแปลงไปตามพัฒนาการในแต่ละซีซันก็กลายมาเป็นหัวข้อดึงดูดความสนใจจากแฟนๆได้เสมอ กระแสความนิยมของ Jennifer ยิ่งพุ่งสูงไปอีกเมื่อเธอได้เปิดเผยความสัมพันธ์กับ Brad Pitt พระเอกที่หลายคนยกให้เป็นหนุ่มสุด hot แห่งศตวรรษ เรียกว่าได้ว่าสมใจกองเชียร์จนอิ่มเอมไปถ้วนหน้า แน่นอนว่า แฟนๆของนางเอกเจ้าของฉายา America's Sweetheart ย่อมคาดหวังให้เธอพบรักกับชายหนุ่มที่ดู perfect ทุกแง่มุม พวกเค้าไม่ได้คอยปิดบัความรักที่หวานฉ่ำ Brad ยังเคยมาร่วมแสดงใน Friends ในฐานะนักแสดงรับเชิญซะด้วย เมื่อตัดสินใจสละโสดก็เรียกได้ว่าฟินกันไปถ้วนหน้า ทั้งภาพจากพิธีวิวาห์และคำสาบานรักที่น่ารักกุ๊กกิ๊กก็ถูกกล่าวขานอยู่นานสองนาน พวกเค้ากลายมาเป็นคู่สามีภรรยาทรงอิทธิพลแห่งวงการโดยที่ดูไม่ต้องพยายามสร้างแบรนด์ซะด้วยซ้ำ
จนกระทั่ง Brad ก้าวสู่กองถ่าย Mr. & Mrs. Smith...
กรณีของคนดังเจ้าของฉายา America's Sweetheart สองคนที่กล่าวถึงในเบื้องต้น ข่าวลือเรื่องพฤติกรรมนอกใจคือตัวแปรที่ทำให้คนในสังคมเปลี่ยนแปลงมุมมองต่อพวกเธอ แต่สำหรับ Jennifer เธอได้ไปอยู่ในวังวนของรักสามเส้าเช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ เธอถูกมองว่าเป็นภรรยาผู้ถูกสวมเขา จาก scandal ครั้งใหญ่ที่แทบจะเป็นวาระแห่งชาติทำให้ผู้คนแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเพื่อโต้เถียงกันอย่างดุเดือด!
ต้นตอสาเหตุของดราม่าครั้งนี้ก็คงสรุปได้สั้นๆว่า ผลงานหนังเรื่องนี้ทำให้ Brad โคจรมาพบกับ Angelina นางเอกที่สื่อมักชี้ว่าเธอเป็นสาวร้อนแรงสุดอันตราย ระหว่างถ่ายทำ พวกเค้ามีใจให้กันเก็บอาการไม่อยู่จนลือระฉ่อนว่าเกิดการสวมเขากลางกองถ่าย หลังจากนั้น Brad และ Jenniferก็พยายามปรับความเข้าใจเพื่อแก้วิกฤติชีวิตคู่ แต่ก็ไปต่อไม่ไหว ตัดสินใจหย่าร้างกันในเวลาไม่นานต่อมา ส่วน Brad ก็เดินหน้าสร้างความสัมพันธ์จริงกับ Angelina อย่างเต็มตัว
คนที่ยังไม่ทันกระแสความฉาวสะเทือน Hollywood ครั้งนี้อาจจะเข้าใจว่า ตัว Jennifer ที่สังคมเชื่อว่าเป็นฝ่ายถูกนอกใจจะได้รับกระแสความเห็นใจและแรงสนับสนุนอย่างล้นหลาม แต่นั่นค่อนข้างห่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นในความเป็นจริง เพราะถึงแม้จะมีแฟนๆที่ยืนหยัดให้กำลังใจเธอเพื่อก้าวข้ามความเจ็บปวดไปให้ได้ แต่ก็มีกระแสต่อต้านที่รุนแรงตามมาเช่นกัน ...
สาเหตุต่างๆที่ภาพลักษณ์ของสาวคนโปรดของ Jennifer เกิดความเสียหายจากการแยกทางจาก Brad ก็คือ
- คำกล่าวหาว่าเธอไม่ยินยอมมีลูกเพราะไม่ต้องการเสียสละอาชีพนักแสดงที่กำลังรุ่งโรจน์เพื่อแลกกับการเป็นแม่ บ้างก็ปล่อยข่าวลือว่าเธอเกลียดเด็ก
- เสียงเล่าลือว่าเธอมีพฤติกรรม toxic จน Brad ต้องทนทุกข์ใจ ไม่ประหลาดใจที่เมื่อเขาพบกับผู้หญิงคนใหม่ที่มีจิตใจเสรีและปรารถนาจะเป็นแม่คนจึงตกหลุมรักกันอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
- ยิ่งเธอเปิดเผยถึงความพยายามเยียวยาตัวเองจากบาดแผลลึกที่ชีวิตแต่งงานล้มเหลว ก็ถูกโจมตีว่า พยายามเรียกร้องความสนใจด้วยการแสดงบทเหยื่อ
- สื่อกระพือให้เปลวไฟความขัดแย้งยิ่งลุกลามด้วยการปล่อยข่าวโจมตีว่าเธอแสดงความเป็นจอมบงการ แม้แต่เพื่อนสาวจาก Friends ก็ยังรับนิสัยเธอไม่ได้
- ผู้คนเลือกข้าง แบ่งเป็น Team Aniston VS Team Jolie ขุดคุ้ยหาข่าวลือเรื่องแย่ๆของฝ่ายตรงข้ามมาโจมตีกัน
เมื่อหลายปีก่อ Oprah ได้ถามกับเธอในรายการสัมภาษณ์ว่า
"คุณถูกมองว่าเป็นAmerica’s sweetheart เมื่อนานมาแล้ว ด้วยภาพสาวข้างบ้านแสนดีของใน Friends แต่ถึงแม้คุณจะไม่ได้ปรากฏตัวทางซีรีส์เรื่องนี้สัปดาห์ละครั้งเหมือนที่ผ่านมา แต่ผู้คนก็ยังคอยติดตามความเป็นไปในชีวิตของคุณและพวกเค้าต่างก็อยากเห็นคุณมีความสุข คุณคิดรึเปล่าว่ามันจะเป็นเช่นนี้อีกเสมอไป?"
ใช่แล้ว แม้ Jennifer จะเผชิญกับเสียงวิจารณ์ในแง่ลบมาหลายครั้ง แต่ก็หลายฝ่ายก็ชื่นชมว่าเธอเป็นคนคุณภาพของวงการ ปัจจุบันเธอได้สร้างความสำเร็จจากผลงานใหม่ที่ห่างไกลจากภาพความสดใสน่ารักแบบ Girl next Door ของ Rachel โดยเฉพาะบทผู้ประกาศข่าวสุด fierce แห่ง The Morning Show สื่อหลายเจ้าก็ยังเรียก Jennifer ว่า America's Sweetheart ไม่แปรเปลี่ยนจากในยุคที่ผู้คนคลั่งไคล้ทุกอย่างที่เป็นเธอ อาจจะเป็นเพราะหลายคนได้เปิดใจยอมรับแล้วว่า ชีวิตจริงย่อมแตกต่างไปจากบทที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อความบันเทิงของผู้ชม เธออาจจะไม่ได้มาพร้อมกับสูตรสำเร็จแบบหนังหวานด้วยการค้นหารักแท้ แต่งงาน มีทายาทแล้วก็ใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขตลอดไป แต่เธอก็ยังเป็นที่รักของแฟนๆโดยที่ไม่ต้องเดินตามวิถีของคนอื่นเพื่อ 'เติมเต็ม'ชีวิตให้ดูสมบูรณ์แบบในสายตาใครๆ
"คุณถูกมองว่าเป็นAmerica’s sweetheart เมื่อนานมาแล้ว ด้วยภาพสาวข้างบ้านแสนดีของใน Friends แต่ถึงแม้คุณจะไม่ได้ปรากฏตัวทางซีรีส์เรื่องนี้สัปดาห์ละครั้งเหมือนที่ผ่านมา แต่ผู้คนก็ยังคอยติดตามความเป็นไปในชีวิตของคุณและพวกเค้าต่างก็อยากเห็นคุณมีความสุข คุณคิดรึเปล่าว่ามันจะเป็นเช่นนี้อีกเสมอไป?"
ใช่แล้ว แม้ Jennifer จะเผชิญกับเสียงวิจารณ์ในแง่ลบมาหลายครั้ง แต่ก็หลายฝ่ายก็ชื่นชมว่าเธอเป็นคนคุณภาพของวงการ ปัจจุบันเธอได้สร้างความสำเร็จจากผลงานใหม่ที่ห่างไกลจากภาพความสดใสน่ารักแบบ Girl next Door ของ Rachel โดยเฉพาะบทผู้ประกาศข่าวสุด fierce แห่ง The Morning Show สื่อหลายเจ้าก็ยังเรียก Jennifer ว่า America's Sweetheart ไม่แปรเปลี่ยนจากในยุคที่ผู้คนคลั่งไคล้ทุกอย่างที่เป็นเธอ อาจจะเป็นเพราะหลายคนได้เปิดใจยอมรับแล้วว่า ชีวิตจริงย่อมแตกต่างไปจากบทที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อความบันเทิงของผู้ชม เธออาจจะไม่ได้มาพร้อมกับสูตรสำเร็จแบบหนังหวานด้วยการค้นหารักแท้ แต่งงาน มีทายาทแล้วก็ใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขตลอดไป แต่เธอก็ยังเป็นที่รักของแฟนๆโดยที่ไม่ต้องเดินตามวิถีของคนอื่นเพื่อ 'เติมเต็ม'ชีวิตให้ดูสมบูรณ์แบบในสายตาใครๆ
แรงเชียร์จากแฟนๆที่อยากจะเห็นเธอมีความสุขสมหวังนั้นทำให้เกิดข่าวลือเรื่องลมมพัดหวนกับอดีตสามีตามมาทันทีเมื่อพวกเค้าแสดงท่าอัธยาศัยของกัลยาณมิตร ไม่ได้ผูกใจเจ็บกับเรื่องราวในอดีต ภาพการแสดงความยินดีกันใน award show จุดประกายความหวังให้กับกลุ่มคนที่คิดถึงยุคเรืองรองของ Brad & Jen แต่เธอวางตัวอย่างสงบนิ่ง และยืนยันชัดเจนว่า พวกเค้าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ยังพูดคุยกันดี และไม่ได้มีเกินเลยให้ตามจับผิด
Jennifer Lawrence
ดราม่าของคนอื่นๆอาจจะวนเวียนเกี่ยวข้องกับ scandal รักนอกใจ แต่สำหรับนางเอกสุด hot รายนี้ ความคาใจต่อสถานะ America's Sweetheart ของเธอนั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องชีวิตรัก แต่เป็นเรื่องการแสดงตัวตนของเธอที่หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า real แค่ไหน?
นางเอกที่ได้รับการตั้งฉายา America's Sweetheart หลายคนไม่ได้มีภาพลักษณ์ของสาวแสนดีไร้ที่ติ แต่พวกเธอจะมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้แฟนๆตกหลุมรัก เรื่องราวของ J. Law อาจจะแตกต่างกับนางเอกรุ่นพี่จากช่วงเวลาที่เธอแจ้งเกิดอย่างเปรี้ยงปังและคว้าใจของแฟนๆในขณะ social media กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้คนยากจะขาดไปได้ ภาพความแก่นซ่าน่ารักของเธอถูกแชร์ออกไปนับครั้งไม่ถ้วน ผู้คนต่างชื่นชมว่า เธอดูโดดเด่นสะดุดตาจากนางเอกร่วมวงการเพราะบุคลิกที่ดูเข้าถึงได้ ไม่ห่วงรักษาฟอร์มนางเอกคนงาม คล้ายๆกับจะบอกว่า แม้จะประสบความสำเร็จจนคว้า Oscar ได้ตั้งแต่อายุยี่สิบเศษๆ แต่เธอก็ไม่ต่างจากคนทั่วไป มีโมเมนท์สุดโก๊ะชวนหยิกแก้มเบาๆ หรือตอนที่เจอกับไอดอลในดวงใจ เธอก็ออกอาการคลั่งไคล้เหมือนกับแฟนเกิร์ลคนอื่นๆ และอย่าลืมตอนที่เธอเผยความหวั่นไหวไปกับความหล่อเหลาของ Timothée Chalamet ด้วยการเล่นjokeว่า ขอรอให้น้องโตเป็นหนุ่มฉกรรจ์วัย 30 ก่อนเถอะ เธอจะหม่ำไม่เกรงใจ!
ไม่เพียงแต่ปล่อยความสดใสอย่างเป็นธรรมชาติจนเรียกรอยยิ้มต่อผู้พบเห็นได้บ่อยๆ หลายคนยังปลาบปลื้มที่เธอยืนหยัดต่อต้านแนวคิดเรื่อง Hollywood beauty standards จากการประกาศว่า จะไม่ยอมลดน้ำหนักเพื่อบทหนัง และชักจูงให้ผู้คนเปลี่ยนมุมมองต่อเรื่องความงามเพื่อยุติปัญหา body- shaming ความมาดมั่นนี้ทำให้นิตยสาร Rolling Stone ขนาดนามเธอไว้ว่า America’s Kick-Ass Sweetheart ยิ่งเธอไปออกรายการ TV เพื่อบอกเล่าประสบการณ์ที่โบ๊ะบ๊ะห่างไกลจากความหรูเริ่ดแบบนางเอก Oscar อย่างเรื่องอึราดกางเกง หรืออาเจียนเรี่ยราด นั่นก็ทำให้หลายคนร้อง WOW! กับการเปิดเผยด้านที่ไม่ perfect ด้วยอารมณ์ขัน และเชื่อว่า เธอมีบุคลิกไม่ต่างจากเพื่อนสาวสุดฮาในกลุ่มที่สร้างเสียงหัวเราะให้กับคนรอบข้างได้เสมอ
กระแสความนิยมในตัว J. Law ทำให้มีคนจับเธอไปเปรียบเทียบกับนางเอกผู้เป็นเจ้าของฉายามาก่อนจนได้ Julia Roberts ได้รับคำถามจากสื่อว่า รู้สึกเช่นไรที่ได้เห็นนางเอกรุ่นน้องได้ก้าวเข้ากลุ่ม America's Sweetheart ที่นับเป็น elite ของวงการ เธอให้คำตอบด้วยการชื่นชม J. Law ว่าดูเจ๋งเกินกว่าตัวเธอหลายขุม และเจ๋งเกินไปที่จะถูกเรียกด้วยฉายานี้ซะด้วยซ้ำ แล้วยังเล่นมุกเสียดสีด้วยการตั้งคำถามว่า มีสมาชิกร่วมชมรม America's Sweetheart อีกกี่คน? และชี้ว่าสถานะสมาชิกของเธอคงถูกยกเลิกและไม่สามารถต่ออายุได้ซะแล้ว
Julia ก็คงพูดไม่ผิดเกินไปนัก สถานะนี้มันถูกถอนไปได้จริงๆ
แต่ข้อกังขาเรื่องแง่มุมสาวซุ่มซ่ามที่น่าเอ็นดูของ J. Law เริ่มถูกตั้งข้อสงสัยมาเรื่อยๆ นับตั้งแต่ที่เธอล้มในขณะขึ้นไปรับรางวัล Oscar ถึงจะมีคนชี้ว่า ความตื่นเต้นดีใจจนยากจะควบคุมการเคลื่อนไหวต่างหากที่ทำให้เธอล้มจนตกเป็นข่าวดัง แต่เมื่อเธอสะดุดในงานอื่นๆ ก็ทำให้เริ่มการจ้องจับผิด กระแสโจมตีจากเรื่องล้มกลางงานนั้นแรงถึงขนาด Jared Leto เปรยว่า เมื่อได้เห็นเธอสะดุดล้มซ้ำสองก็เริ่มคิดแล้วว่าที่ผ่านมาเป็นการแสดง หรือจะเป็น Anderson Cooper ที่กล่าวกลางรายการช่อง CNN ว่า เธอแสร้งทำเป็นล้มอย่างชัดเจน ในภายหลัง เธอเผยว่า รู้สึกสะเทือนใจและอับอายจากข้อกล่าวหานี้มานาน และตัดสินใจเข้าไปทวงถามความยุติธรรมจากผู้ประกาศข่าวชื่อดังเมื่อมีโอกาสได้พบหน้ากันว่า เขาเคยผ่านประสบการณ์สวมชุดอออกงานอลังการแล้วต้องเดินขึ้นบันไดมาแล้วหรือไร เขาจะมาเข้าใจสถานการณ์ได้ยังไง เธอจึงได้รับคำขอโทษขอโพยจากอีกฝ่าย
ในระยะหลัง การแสดงความเห็นแบบไม่ใส่ใจภาพลักษณ์ เช่น เมื่อที่เธอยืนยันว่า หากมีแฟนๆมาขัดจังหวะตอนกำลังรับประทานอาหารในร้าน เธอจะชักสีหน้าใส่ด้วยความรำคาญหรือไม่ก็ปฏิเสธแรงๆเพื่อปกป้องเวลาอันเป็นส่วนตัว หรือจะเป็นการเล่นมุกตลกเสียดสี แต่บางครั้ง ชาวเน็ทหลายกลับรู้สึกว่า โทนเสียงของเธอไม่ทำให้รู้สึกขำไปด้วย แต่ฟังเหมือนเธอกำลังจิกกัดแบบเนียนๆ และมีการวิเคราะห์ว่า ตัวตนของเธอที่ผู้คนนิยมชมชอบนั้นเป็นเพียงสิ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้คนว่าเธอดู real และแตกต่างไปจากความฉาบฉวยของคนร่วมวงการ ไม่เพียงแต่จะมีกลุ่มคนที่วิจารณ์J, Law ด้วยความหมั่นไส้ราวกับว่าจะกลอกตาทะลุผ่านตัวอักษรออกมาได้ แต่เมื่อใดก็ตามที่เธอถูกกล่าวหาว่าแสดงความพฤติกรรมไม่เหมาะสม หรือแม้กระทั่งหนังที่เธอแสดงนำไม่ประสบความสำเร็จ เหล่า haters ก็ซ้ำเติมอย่างสาแก่ใจ
ในขณะที่มีเสียงถกเถียงว่าเธอ fake ให้ตัวเองมี story น่าสนใจหรือว่านี่คือตัวตนที่มีเอกลักษณ์อย่างแท้จริง แต่ในบางครั้ง ก็มีผู้ปล่อยภาพออกมาทางโลกออนไลน์ ทำให้สัมผัสได้ว่า J. Law เคยมีโมเมนท์แบบ'สุดเหวี่ยงไม่แคร์สื่อ' ตามที่เคยบอกเล่าออกสื่อจริงๆ เธอเคยกอดคอ Adele เข้าไปเล่นเกมและร่วมดื่มกับคนแปลกหน้าใน gay bar ใน partyวันเกิดของเพื่อน เธอปล่อยใจไปกับ alcohol ใน club เปลื้องผ้าแล้วกระโดดขึ้นไปเต้นรูดเสาแบบเมาจนทรงตัวไม่ค่อยไหว เมื่อถูกวิจารณ์เรื่องภาพที่ดูเมาเรื้อน เธอก็ยืนยันว่า มันเป็นค่ำคืนที่สนุกสนานมากจริงๆและจะไม่ขอโทษที่มีภาพเช่นนี้ออกมา
จากข้อขัดแย้งเกี่ยวกับพฤติกรรมคนดังที่สั่นคลอนฉายา America's Sweetheart ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่า มันได้สื่อความคิดที่ล้าสมัยจนไม่ควรจะนำมาใช้เรียกยกย่องคนดังอีกต่อไป เพราะแม้ว่าพวกเค้าจะสร้างชื่อเสียงที่เกิดจากคุณสมบัติที่โดนใจผู้คนมากมาย ทั้งได้รับเสียงชื่นชมอื้ออึงจากสื่อรวมถึงพลังสนับสนุนจาก fanbase ที่แข็งแกร่ง แต่ไม่มีใครที่จะใช้ชีวิตอย่างไร้ที่ติได้ตลอดเวลา เมื่อทำผิดพลาดไม่ว่าจเป็นเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ หรือถูกโจมตีด้วยข่าวโคมลอยไร้หลักฐานพิสูจน์ ความคาดหวังสูงลิบลิ่วจะกลายมาเป็นอาวุธทิ่มแทงอย่างไม่ปราณี แม้แต่ผู้ที่มีภาพลักษณ์ดีงามทุกมิติจนถูกยกให้เป็นสมบัติแห่งชาติก็อาจจะร่วงหล่นจากสถานะขวัญใจประชาชนมาเป็นคนที่ถูกรุมเกลียด นี่อาจจะเป็นนิยามความโด่งดังที่มาพร้อมกับแรงกดดันที่ superstar หลายคนไม่ปรารถนาก็เป็นได้