รีวิวสมัครแอร์ EVA Airs 2023
ยันถ่านAAA 27 13
วันนี้เราขอมาเล่า ขั้นตอนการสมัครคร่าวๆ ของ EVA Airs นะคะ เผื่อจะเป็นประโยชน์ในอนาคตของเพื่อนๆ เริ่มต้นเลย คือขออภัยด้วยในการเขียนของเรา เพราะเราไม่ค่อยถนัดค่ะ แต่จะเล่าแบบกระชับให้ได้ใจความและเข้าใจง่ายมากที่สุดนะคะ เริ่มกันเลย
1- Apply online ผ่านเว็บไซต์ของสายการบินเลยค่ะ ก่อนที่เราจะได้เข้าไปสัมภาษณ์ ก็ต้องส่งใบสมัครออนไลน์ก่อนนะคะ เบื้องต้น เอกสารที่ต้องเตรียมก็พวก ใบจบ คะแนนโทอิค (600+) รูปถ่ายแบบเป็นทางการ และแบบ Casual พาสปอร์ต อะไรประมาณนี้ค่ะ พอกรอกทุกอย่างเสร็จ อย่าลืม แคปตัวเลข เลขที่สมัครด้วยนะคะ มันสามารถเอามาเช็ค Status บนเว็บได้ทีหลัง ส่วนตัวเราลืมแคปค่ะ 😂 55555
2.รอประมาณ 2 อาทิตย์กว่าๆ ค่ะก็จะได้อีเมล์ตอบกลับมาว่า เราได้สัมภาษ์วันไหน เลขที่คิวสัม' คิวที่เท่าไหร่กี่ โมง เวลา สถานที่ (ของเราก็ไปสัม'ที่ ออฟฟิศแถว BTS พร้อมพงษ์ ชั้น 17 ค่ะ ) เอกสารที่ต้องนำไปมีอะไรบ้าง เราก็ลิสต์ๆเตรียมๆไป แล้วก็แต่งตัวกรูมมิ่งค่ะ ทำผมดีๆ แต่งหน้าเริ่ด เอาที่เรารู้สึกว่าสวยที่สุดและมั่นใจ (ที่นี่ตอนสมัครรู้สึกเหมือนว่าจะให้ใส่แขนสั้นด้วยนะคะ)
3.วันสัมภาษณ์มาถึงแล้ว ของ EVA โปรเสจทุกอย่างครบ จบวันเดียวค่ะ อันนี้เราชอบมากๆ ตอบโจทย์สำหรับคนที่ลางานยากแบบเราสุดๆ ขั้นตอนแรกก็ รันคิวกันค่ะ พี่เจ้าหน้าที่ก็จะเรียกไป กรุ๊ปละ 10 คน จากลำดับเลข จากนั้นก็นั่งรอคิว เอื้อมแตะ วัดส่วนสูง (160+) สำหรับส่วนสูงถ้าไม่ถึงจริงๆเหมือนพี่ๆเค้าก็พยามช่วยนะคะ แต่ถ้าเอื้อมแตะ ไม่โดนเส้นที่กำหนด อันนี้ไม่ได้จริงๆค่ะ ต้องกลับบ้านเลย
3.1 First interview อันนี้ใจเต้นมาก แล้ววัดชะตากันสุดๆ เพราะถ้าไม่ผ่านก็แจ้งกันมันตรงนั้นเลย ขั้นตอนก็คือเค้าจะเรียกเข้าห้องทีละ 10 คนค่ะ แล้วให้กระดาษมา สุ่มเลือกเอา ห้ามดู ห้ามอ่านก่อน ในกระดาษก็จะเป็นเหมือนเนื้อความข่าว ประมาณ 8-10 บรรทัดค่ะ เข้าไปปุ๊บ มีกรรมการ 2 คน เรียงคิวกันแนะนำตัว บอกหมายเลขแล้วเริ่มอ่านได้เลย เสร็จก็มารอหน้าห้อง ถ้าใครผ่านก็จะได้รับกระดาษ ใครไม่ได้คือไม่ผ่านแล้วต้องกลับบ้านเลย โปรเสจนี้เราว่าเค้า น่าจะดูจากบุคลิค ท่าทาง น้ำเสียงค่ะ สำเนียงไม่ต้องแป๊ะมากก็ได้ แต่ขอแบบฟังเข้าใจง่ายประมาณนี้ค่ะ
3.2 ของเราโดนลัดมาสอบ คณิตตศาสตร์ก่อนค่ะ จริงๆขั้นตอนนี้เป็นรอบสุดท้ายของวัน แต่เค้าเรียกกรุ๊ปเรามาทำก่อนก็เลยได้สอบก่อน โจทย์เลขก็ +,-หลัก 10ล้าน 100ล้าน ทศนิยมค่ะ มี5ข้อ 10นาที ห้ามลอกกันน้า ///สำหรับเราคือทำไม่ทันค่ะ ทำได้แค่ 2 ข้อ ขอเน้นคำตอบที่ถูกต้องไว้ก่อน ==*;
3.3 Final interview เร็วมากกก ไวมากก ห้องนี่จะมีกรรมการอาวุโส คนไต้หวันและคนไทยค่ะ 3 คน เข้าไปก็ทำตัวสบายๆ เหมือนคุยสัมภาษณ์งานทั่วไปเลย แล้วก็ๆ ตอนเข้าไปเค้าจะให้สุ่มเลือกกระดาษคำถามกับเลือกรูปภาพ (เราจะไม่เห็นอะไรทั้งนั้นนะคะ) เลือกไปแล้วก็ เปิดอ่าน คิดคำตอบในใจเค้าให้เวลา 1 นาที เสร็จแล้วก็ตอบคำถาม แล้วพูดบรรยายถึงรูปภาพที่ตัวเองได้รับ ทีละคน (ตรงนี้เราว่าเค้าน่าจะวัดทัศนคติของเราค่ะ ว่าเราเข้ากับบริษัทเค้าได้มั้ย) แนะนำว่าควรตอบเป็นแนวคิดของตัวเองที่สุดนะคะ จะได้ออกมาสมูทและดูจริงใจเป็นธรรมชาติไม่ประดิษฐ์ จากนั้นกรรมการก็ไล่ถาม ไล่คุยทีละคนเกือบ 10 นาที แต่ของเราอ่ะ ตอนข้าไปในห้อง final คือกรรมการแทบจะไม่คุยอะไรกับเราเลย คุยแต่กับคนข้างๆเรา เราก็แบบอืมมมม เค้าอาจจะไม่สนใจเรารึเปล่าเหมือนไม่ได้อยากรู้อะไรเกี่ยวกับเราเลยแง้งง ตอนนั้นแอบใจหวิว เพราะดูเค้าจอยกับผู้สมัครคนอื่นมากคุยกันขำคิกคัก แต่กับเราคือไม่ถามไรเลย5555555 =^=;* พอเสร็จประมาณ 20 นาทีกว่าออกห้องมาก็หงอยๆ แบบ สงสัยไม่ได้แน่เลย แต่ก็ทำเต็มที่แล้ว ออกมาก็ปล่อยวาง รอผลวนไปค่ะ
4.จากนั้นวันประกาศผลก็มาค่ะ เราผ่านเฉย !!!หลังจากสัม' เสร็จ1 อาทิต ก็ได้เมล์ notice ให้ไป ตรวจสุขภาพและทำประวัติอาชญากรรมค่ะ เสร็จแล้วก็รอออออ วนไปอีก 3 อาทิตย์กว่า คือช่วงนี้เราเครียดมาก เพราะเราอยากออกจากงานจะแย่แล้ว แถมสุขภาพค่าเลือดเป็นอะไรที่เราคอนโทรลไม่ได้ด้วย ต้องว่าตามมาตรฐานหมอไต้หวันเลย ตอนที่ไปตรวจ เราก็ดันไขมันในเลือดสูงปริ๊ดดดดด BMI ก็ต่ำมากๆ เครียดมากค่ะระหว่างนี้ก็สวดมนต์หนักมากกกกก
5.สุดท้าย เราก็ได้เมล์นัดไปปฐมนิเทศค่ะ หื้อดีใจสุดๆ แบบว่าในที่สุดเราสิ่งที่เราพยามมานานก็ได้สักที ยังเพื่อนๆที่มาอ่านถึงตรงนี้ มีจุดมุ่งหมายเดียวกับเราก็ขอให้โชคดีนะคะ และก็อย่าท้อค่ะ กว่าเราจะได้ เราก็ตุ้บมาหลายสายเหมือนกัน เป็นกำลังใจให้นะคะ ทุกคนและที่สำคัญเลยอยากจะบอกทุกคนว่า ความพยามมันไม่เคยทำร้ายใครจริงๆค่ะ :) //ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ สวัสดีค่ะ ༘♡
1- Apply online ผ่านเว็บไซต์ของสายการบินเลยค่ะ ก่อนที่เราจะได้เข้าไปสัมภาษณ์ ก็ต้องส่งใบสมัครออนไลน์ก่อนนะคะ เบื้องต้น เอกสารที่ต้องเตรียมก็พวก ใบจบ คะแนนโทอิค (600+) รูปถ่ายแบบเป็นทางการ และแบบ Casual พาสปอร์ต อะไรประมาณนี้ค่ะ พอกรอกทุกอย่างเสร็จ อย่าลืม แคปตัวเลข เลขที่สมัครด้วยนะคะ มันสามารถเอามาเช็ค Status บนเว็บได้ทีหลัง ส่วนตัวเราลืมแคปค่ะ 😂 55555
2.รอประมาณ 2 อาทิตย์กว่าๆ ค่ะก็จะได้อีเมล์ตอบกลับมาว่า เราได้สัมภาษ์วันไหน เลขที่คิวสัม' คิวที่เท่าไหร่กี่ โมง เวลา สถานที่ (ของเราก็ไปสัม'ที่ ออฟฟิศแถว BTS พร้อมพงษ์ ชั้น 17 ค่ะ ) เอกสารที่ต้องนำไปมีอะไรบ้าง เราก็ลิสต์ๆเตรียมๆไป แล้วก็แต่งตัวกรูมมิ่งค่ะ ทำผมดีๆ แต่งหน้าเริ่ด เอาที่เรารู้สึกว่าสวยที่สุดและมั่นใจ (ที่นี่ตอนสมัครรู้สึกเหมือนว่าจะให้ใส่แขนสั้นด้วยนะคะ)
3.วันสัมภาษณ์มาถึงแล้ว ของ EVA โปรเสจทุกอย่างครบ จบวันเดียวค่ะ อันนี้เราชอบมากๆ ตอบโจทย์สำหรับคนที่ลางานยากแบบเราสุดๆ ขั้นตอนแรกก็ รันคิวกันค่ะ พี่เจ้าหน้าที่ก็จะเรียกไป กรุ๊ปละ 10 คน จากลำดับเลข จากนั้นก็นั่งรอคิว เอื้อมแตะ วัดส่วนสูง (160+) สำหรับส่วนสูงถ้าไม่ถึงจริงๆเหมือนพี่ๆเค้าก็พยามช่วยนะคะ แต่ถ้าเอื้อมแตะ ไม่โดนเส้นที่กำหนด อันนี้ไม่ได้จริงๆค่ะ ต้องกลับบ้านเลย
3.1 First interview อันนี้ใจเต้นมาก แล้ววัดชะตากันสุดๆ เพราะถ้าไม่ผ่านก็แจ้งกันมันตรงนั้นเลย ขั้นตอนก็คือเค้าจะเรียกเข้าห้องทีละ 10 คนค่ะ แล้วให้กระดาษมา สุ่มเลือกเอา ห้ามดู ห้ามอ่านก่อน ในกระดาษก็จะเป็นเหมือนเนื้อความข่าว ประมาณ 8-10 บรรทัดค่ะ เข้าไปปุ๊บ มีกรรมการ 2 คน เรียงคิวกันแนะนำตัว บอกหมายเลขแล้วเริ่มอ่านได้เลย เสร็จก็มารอหน้าห้อง ถ้าใครผ่านก็จะได้รับกระดาษ ใครไม่ได้คือไม่ผ่านแล้วต้องกลับบ้านเลย โปรเสจนี้เราว่าเค้า น่าจะดูจากบุคลิค ท่าทาง น้ำเสียงค่ะ สำเนียงไม่ต้องแป๊ะมากก็ได้ แต่ขอแบบฟังเข้าใจง่ายประมาณนี้ค่ะ
3.2 ของเราโดนลัดมาสอบ คณิตตศาสตร์ก่อนค่ะ จริงๆขั้นตอนนี้เป็นรอบสุดท้ายของวัน แต่เค้าเรียกกรุ๊ปเรามาทำก่อนก็เลยได้สอบก่อน โจทย์เลขก็ +,-หลัก 10ล้าน 100ล้าน ทศนิยมค่ะ มี5ข้อ 10นาที ห้ามลอกกันน้า ///สำหรับเราคือทำไม่ทันค่ะ ทำได้แค่ 2 ข้อ ขอเน้นคำตอบที่ถูกต้องไว้ก่อน ==*;
3.3 Final interview เร็วมากกก ไวมากก ห้องนี่จะมีกรรมการอาวุโส คนไต้หวันและคนไทยค่ะ 3 คน เข้าไปก็ทำตัวสบายๆ เหมือนคุยสัมภาษณ์งานทั่วไปเลย แล้วก็ๆ ตอนเข้าไปเค้าจะให้สุ่มเลือกกระดาษคำถามกับเลือกรูปภาพ (เราจะไม่เห็นอะไรทั้งนั้นนะคะ) เลือกไปแล้วก็ เปิดอ่าน คิดคำตอบในใจเค้าให้เวลา 1 นาที เสร็จแล้วก็ตอบคำถาม แล้วพูดบรรยายถึงรูปภาพที่ตัวเองได้รับ ทีละคน (ตรงนี้เราว่าเค้าน่าจะวัดทัศนคติของเราค่ะ ว่าเราเข้ากับบริษัทเค้าได้มั้ย) แนะนำว่าควรตอบเป็นแนวคิดของตัวเองที่สุดนะคะ จะได้ออกมาสมูทและดูจริงใจเป็นธรรมชาติไม่ประดิษฐ์ จากนั้นกรรมการก็ไล่ถาม ไล่คุยทีละคนเกือบ 10 นาที แต่ของเราอ่ะ ตอนข้าไปในห้อง final คือกรรมการแทบจะไม่คุยอะไรกับเราเลย คุยแต่กับคนข้างๆเรา เราก็แบบอืมมมม เค้าอาจจะไม่สนใจเรารึเปล่าเหมือนไม่ได้อยากรู้อะไรเกี่ยวกับเราเลยแง้งง ตอนนั้นแอบใจหวิว เพราะดูเค้าจอยกับผู้สมัครคนอื่นมากคุยกันขำคิกคัก แต่กับเราคือไม่ถามไรเลย5555555 =^=;* พอเสร็จประมาณ 20 นาทีกว่าออกห้องมาก็หงอยๆ แบบ สงสัยไม่ได้แน่เลย แต่ก็ทำเต็มที่แล้ว ออกมาก็ปล่อยวาง รอผลวนไปค่ะ
4.จากนั้นวันประกาศผลก็มาค่ะ เราผ่านเฉย !!!หลังจากสัม' เสร็จ1 อาทิต ก็ได้เมล์ notice ให้ไป ตรวจสุขภาพและทำประวัติอาชญากรรมค่ะ เสร็จแล้วก็รอออออ วนไปอีก 3 อาทิตย์กว่า คือช่วงนี้เราเครียดมาก เพราะเราอยากออกจากงานจะแย่แล้ว แถมสุขภาพค่าเลือดเป็นอะไรที่เราคอนโทรลไม่ได้ด้วย ต้องว่าตามมาตรฐานหมอไต้หวันเลย ตอนที่ไปตรวจ เราก็ดันไขมันในเลือดสูงปริ๊ดดดดด BMI ก็ต่ำมากๆ เครียดมากค่ะระหว่างนี้ก็สวดมนต์หนักมากกกกก
5.สุดท้าย เราก็ได้เมล์นัดไปปฐมนิเทศค่ะ หื้อดีใจสุดๆ แบบว่าในที่สุดเราสิ่งที่เราพยามมานานก็ได้สักที ยังเพื่อนๆที่มาอ่านถึงตรงนี้ มีจุดมุ่งหมายเดียวกับเราก็ขอให้โชคดีนะคะ และก็อย่าท้อค่ะ กว่าเราจะได้ เราก็ตุ้บมาหลายสายเหมือนกัน เป็นกำลังใจให้นะคะ ทุกคนและที่สำคัญเลยอยากจะบอกทุกคนว่า ความพยามมันไม่เคยทำร้ายใครจริงๆค่ะ :) //ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ สวัสดีค่ะ ༘♡