พบการกำเนิดตัวตนใหม่ของ Rihanna ผ่านนิตยสาร Vogue
candy 28 12
แม่ค้า superstar ผู้งดงามผู้นี้อาจจะเพิ่งกลับมาขึ้นแสดงบนเวที Super Bowl Halftime เมื่อให้แฟนๆคลายความคิดถึงกันแบบหอมปากหอมคอไม่กี่วันก่อน แต่เธอก็เกี่ยวก้อยหนุ่มคนรู้ใจอุ้มเบบี้วัย 9 เดือนมาขึ้นปกและเปิดอกให้สัมภาษณ์กับนตยสาร Vogue บอกเลยว่าออร่าคุณแม่เจิดจ้ากระแทกตาสุดๆ
การถือกำเนิดตัวตนใหม่ของ Rihanna หลังจากที่ได้ทำหน้าที่แม่คนเต็มตัวจะเปลี่ยนไปจากการขึ้นปก Vogue ครั้งที่แล้วอย่างไรบ้างนะ?
การถือกำเนิดตัวตนใหม่ของ Rihanna หลังจากที่ได้ทำหน้าที่แม่คนเต็มตัวจะเปลี่ยนไปจากการขึ้นปก Vogue ครั้งที่แล้วอย่างไรบ้างนะ?
ประสบการณ์คลอดและการเลี้ยงดูเบบี้ในช่วงเริ่มแรก
"มันช่างงดงาม"
Riri เผยว่าเธอช่างโชคดีที่ได้สัมผัสช่วงเวลาแห่งการให้กำเนิด แต่มันก็หนักหนาสาหัสจนยากจะทำใจเชื่อว่าผ่านมาได้
"จากที่มีตัวตนหนึ่งเดียว ฉันแบ่งร่างออกเป็นสอง ตอนที่เข้าโรงพยาบาล เรายังเป็นคู่รัก แต่พอออกมาก็เปลี่ยนสถานะมาเป็นครอบครัว มันเป็นอะไรที่ยุ่งเหยิงมาก คุณพระคุณเจ้า ช่วงวันแรกๆนั้นบ้าไปเลยค่ะ จะนอนก็ยังไม่ได้ถึงจะอยากนอนก็เหอะ พอกลับมาบ้านก็มีแต่เราสองที่กลายมาเป็นพ่อแม่และลูกน้อย เวลาส่วนใหญ่แล้วเราก็คือซอมบี้นั่นแหละ"
"เราก็ต้องหัดทำกันอย่างสะเปะสะปะไป ถึงแม้จะคอยระแวงว่า นี่พวกเค้าวางใจปล่อยพวกเราพาเบบี้กลับมาที่บ้านจริงๆเหรือเนี่ย? นี่คือการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่? มีแต่พวกเราเนี่ยนะ? ไม่มีหมอหรือพยาบาลอยู่ใกล้ๆ แค่ตรงดิ่งกลับบ้านไปเลยก็ได้เหรอ?"
Rihanna และ Rocky ยังไม่ได้ประกาศชื่อของลูกชายให้ภายนอกได้รับรู้ และเรียกเค้าว่าเบบี้ตลอดเวลาจนทำให้นักข่าวนึกสงสัยว่า หรือว่าชื่อของหนูน้อยคนนี้จะเป็น Baby จริงๆ! เธอเคยแชร์ภาพรอยยิ้มไร้เดียงสาของเบบี้ให้แฟนๆได้ชื่นชมทาง social media มาแล้ว สำหรับการเปิดตัวกับสื่อทรงอิทธิพลแห่งโลกแฟชั่น แน่นอนว่าเราจะได้ยลความน่ารักใสแบ๊วกันได้แจ่มแจ๋ว
ไม่ต่างจากพ่อแม่มือใหม่คนอื่นๆ Riri ดูแลลูกน้อยจนโต้รุ่งเป็นเรื่องปกติ ถึงขนาดว่า ช่วงเวลาที่เธอว่างพอจะเปิดบ้านพบกับนักเขียนจาก Vogue ได้ ก็เวลาล่วงเลยไปเกือบๆตีสามครึ่งไปแล้ว! เธออดตาหลับขับตานอนจนเคยชิน ยามดึกดื่นค่ำคืนก็ชง Espresso ชมเรียลลิตี้โชว์ดังอย่าง Housewives ฆ่าเวลา แม้ว่าเบบี้จะปรับเวลาจนนอนยาวในเวลากลางคืนได้แล้ว แต่คงจินตนาการได้ว่า คุณแม่ยังตื่นตัวยามดึกดื่นค่ำคืนเพราะความเป็นห่วงนั่นเอง
"ต้องวนเวียนทำอะไรในรูปแบบซ้ำๆ ต้องอุทิศตัวรับใช้ให้บริการ บรรยายแบบนั้นได้ตรงตัว แค่ฉันได้อาบน้ำฝักบัวก็รู้สึกปลื้มปริ่มแล้ว"
"จำได้ว่าในช่วงแรกๆ ฉันต้องลากเปลของลูกเข้าไปในห้องอาบน้ำด้วย และต้องคอยถูไอน้ำจากฝ้ากระจกเพื่อคอยส่องเค้า ยามเช้าเป็นช่วงเวลาที่ฉันโปรดปรานมากที่สุด ใบหน้ากระจ้อยร่อยยามตื่นของเค้า ได้เฝ้ามองตอนที่เค้ากำลังเปลี่ยนสีหน้า ความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายเหล่านี้"
Riri ยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในขณะที่เธอกำลังถ่ายแบบกับ Vogue เธอยังไม่รู้ตัวสักนิดว่าได้มีชีวิตใหม่จุติในครรภ์แล้ว! และนั่นเป็นเวลาเพียงไม่กี่เดือนหลังจากคลอด baby คนโต ช่างควรคู่กับฉายา ASAP ของคุณพ่อจริงๆ!
เธอเคยกังวลเกี่ยวกับสไตล์คุณแม่หลังคลอด เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงที่อุ้มท้อง มันกลับดูยุ่งยากกว่ามาก เสื้อผ้าดูไม่พอดีไปหมด ถ้าไม่แน่นไปก็หลวมไป แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้อีกหลายเดือน เพราะตั้งท้องลูกคนที่ 2 อย่างรวดเร็วสายฟ้าฟาด หลายคนคงไม่คาดคิดว่า เราจะได้เห็น Riri กลับมาแต่งตัวด้วย maternity style ติดๆกันถึงขนาดนี้
ความสัมพันธ์กับคู่ชีวิตที่ยิ่งแนบแน่นหลังจากมีลูก
"เราคือเพื่อนสุดซี้ที่มีลูกด้วยกัน" Rihanna ได้ให้คำนิยามชีวิตคู่กับแร็พเพอร์หนุ่มไปพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เธอไม่ได้ลดสถานะจากแฟนเหลือแค่ความเป็นเพื่อน ดังที่คุณอาจจะได้ยินจากคู่รักชื่อดังรายอื่นๆที่แชร์วิธีที่ช่วยให้ดำเนินความสัมพันธ์ได้อย่างราบรื่นว่า พวกเค้าคือเพื่อนสนิทที่รู้ใจกันที่สุด
"พวกเราต้องเห็นพ้องต้องกันในการเลี้ยงลูก แต่ที่จริง เราก็ปฏิบัติต่อกันแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทุ กสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเรามีลูกด้วยกัน แต่จะให้พูดไปเป็นอื่นไม่ได้ นอกเสียจากจะบอกว่า มันยิ่งทำให้พวกเราสนิทสนมแนบแน่นกว่าเดิม"
"ฉันเอาแต่มองพ่อลูกคู่นี้อยู่ด้วยกันราวกับหญิงสาวที่พยายามจะเข้าร่วมชมรมหนุ่มๆ เฝ้ารอจะถึงคิวตัวเองสักที เด็กคนนี้ติดพ่อของเค้าแจ จนฉันต้องถามว่า นี่ไม่ใช่ว่าแม่เป็นคนคลอดหนูมาหรอกเหรอ? นี่มันอะไรกัน?"
"สัญชาตญาณความผูกพันของพวกเค้านั้นเห็นได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง ทันทีที่ Rocky กับลูกสบสายตากัน ลูกก็จะลัลล้าขึ้นมาทันที ที่คนอื่นเค้าเล่าสู่กันฟังว่าแม่ลูกผูกพันกันยิ่งกว่านั้นเป็นเรื่องของความเชื่อ สายใยพ่อลูกเค้าท่วมท้นจริงๆ ฉันได้ค้นพบว่า เด็กผู้ชายคนหนึ่งจำเป็นจะได้รับสิ่งนั้นจากคนเป็นพ่อ"
Rocky ปรารถนาจะมีลูกชาย และทำให้พวกเค้าตัดสินใจรับการตรวจเพื่อระบุเพศของเบบี้ในท้อง และเธอก็ได้ขอร้องต่อเป็นพระผู้เป็นเจ้าให้เขาสมหวัง
แล้วเบบี้คนที่ 2 ล่ะ?? นักเขียน Vogue ยิงคำถามใส่
"ฟังนะ จะมีลูกกี่คนฉันก็รับได้หมด ฉันก็หวังว่าจะมีลูกอีกแต่ไม่ว่าพระเจ้าจะประทานสิ่งใดมาฉันก็รับไว้ ฉันเปิดกว้าง ลูกสาว ลูกชาย ไม่ว่าจะแบบไหนได้หมด"
หากให้ลองเดา หลังจากที่เธอให้สัมภาษณ์ไปแล้ว ก็คงนึกได้ ลองตรวจสอบการตั้งครรภ์จนพบว่า baby no.2 มาทันใจ!
"พวกเราต้องเห็นพ้องต้องกันในการเลี้ยงลูก แต่ที่จริง เราก็ปฏิบัติต่อกันแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทุ กสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเรามีลูกด้วยกัน แต่จะให้พูดไปเป็นอื่นไม่ได้ นอกเสียจากจะบอกว่า มันยิ่งทำให้พวกเราสนิทสนมแนบแน่นกว่าเดิม"
"ฉันเอาแต่มองพ่อลูกคู่นี้อยู่ด้วยกันราวกับหญิงสาวที่พยายามจะเข้าร่วมชมรมหนุ่มๆ เฝ้ารอจะถึงคิวตัวเองสักที เด็กคนนี้ติดพ่อของเค้าแจ จนฉันต้องถามว่า นี่ไม่ใช่ว่าแม่เป็นคนคลอดหนูมาหรอกเหรอ? นี่มันอะไรกัน?"
"สัญชาตญาณความผูกพันของพวกเค้านั้นเห็นได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง ทันทีที่ Rocky กับลูกสบสายตากัน ลูกก็จะลัลล้าขึ้นมาทันที ที่คนอื่นเค้าเล่าสู่กันฟังว่าแม่ลูกผูกพันกันยิ่งกว่านั้นเป็นเรื่องของความเชื่อ สายใยพ่อลูกเค้าท่วมท้นจริงๆ ฉันได้ค้นพบว่า เด็กผู้ชายคนหนึ่งจำเป็นจะได้รับสิ่งนั้นจากคนเป็นพ่อ"
Rocky ปรารถนาจะมีลูกชาย และทำให้พวกเค้าตัดสินใจรับการตรวจเพื่อระบุเพศของเบบี้ในท้อง และเธอก็ได้ขอร้องต่อเป็นพระผู้เป็นเจ้าให้เขาสมหวัง
แล้วเบบี้คนที่ 2 ล่ะ?? นักเขียน Vogue ยิงคำถามใส่
"ฟังนะ จะมีลูกกี่คนฉันก็รับได้หมด ฉันก็หวังว่าจะมีลูกอีกแต่ไม่ว่าพระเจ้าจะประทานสิ่งใดมาฉันก็รับไว้ ฉันเปิดกว้าง ลูกสาว ลูกชาย ไม่ว่าจะแบบไหนได้หมด"
หากให้ลองเดา หลังจากที่เธอให้สัมภาษณ์ไปแล้ว ก็คงนึกได้ ลองตรวจสอบการตั้งครรภ์จนพบว่า baby no.2 มาทันใจ!
ลั่น จะปั้นลูกให้มีสไตล์สุดล้ำ
คงเดากันออกว่าเสื้อผ้าเบบี้ทั่วไปไม่สามารถทำให้แม่ค้าซุปตาร์ประทับใจได้แต่อย่างใด หนึ่งในชุดลูกชายที่เธอชื่นชอบนั้นเป็นเวอร์ชั่นที่ถอดแบบมาจากคุณพ่อ เสียดายที่เรายังไม่เห็นกระโปรง kilt ลายตารางที่เธอสั่งทำมาเป็นพิเศษ จับคู่กับกางเกง jeans ที่เธอตัดให้ขาดเป็นรูปด้วยตัวเอง
"ฉันชอบเลือกสิ่งที่ดูไม่เหมือนกับชุดเด็กอ่อนมาให้ลูกใส่ ฉันเป็นพวกชอบลอง อย่างเสื้อผ้าลายดอกมาหรือพวกสีชมพูสดใส ฉันปลื้มแนวนี้มากเลย ฉันว่าแฟชั่นไม่ระบุเพศนั้นยอดเยี่ยมที่สุด ฉันไปช็อปในแผนกผู้ชายตลอดแหละ"
เพราะเธอมีไอเดียบรรเจิดเรื่องสไตล์ของลูกน้อย เธอจึงต้องสั่งตัดอยู่บ่อยครั้ง
"พอมีความคิดดีๆปิ๊งขึ้นในหัวทีไรก็หาซื้อไม่ได้เพราะเสื้อผ้าเด็กนั้นดูน่าเบื่อมว้ากกก! ฉันงงเลยว่า นี่เป็นเสื้อผ้าที่พวกคุณออกแบบมาให้พวกเด็กๆใส่มาโดยตลอดงั้นเหรอ?"
และเมื่อพบว่า เสื้อผ้าเด็กเจ้าอื่นๆไม่ถูกใจ เธอก็อาจจะทำ fashion line สำหรับเบบี้ก็เป็นได้!
"หนูน้อยเหล่านั้นคู่ควรกับความเจ๋งนะ" เธอประกาศดังลั่น
ยอมรับคำเชิญชวนขึ้นแสดง Halftime Super Bowl เพราะได้รับแรงกระตุ้นจาก show ปีที่แล้ว
Rihanna กลายเป็นหัวข้อข่าวใหญ่เมื่อปี 2018 เมื่อเธอตัดสินไม่แสดงดนตรีช่วง halftime อันลือลั่น หลังจากที่เกิดข้อโต้แย้งในสังคม เมื่ออดีตนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลในลีก NFL ลูกครึ่งผิวดำ Colin Kaepernick คุกเข่าระหว่างการเปิดเพลงชาติในการแข่งขันเพื่อประท้วงต่อความไม่เป็นธรรมที่ถูกเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติและการใช้ความรุนแรงของตำรวจ ทำให้นักกีฬาอีกหลายคนแสดงออกด้วยการคุกเข่าเช่นเดียวกัน แต่ทำให้หลายคนที่ยึดมั่นอุดมการณ์อนุรักษ์นิยมออกมาโจมตีความเคลื่อนไหวนี้อย่างดุเดือด เธออธิบายว่า ไม่เห็นด้วยกับวิธีปฏิบัติของ NFL จึงไม่ขอสนับสนุนองค์กรแห่งนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เธอเปลี่ยนใจ หลังจากที่ได้รับการทาบทามจาก NFL มาหลายปีติดต่อกัน ในที่สุดเธอก็เปลี่ยนใจ เพราะได้เห็นศิลปินที่ร่วมกันแสดงจุดยืนในปีที่แล้ว ทั้ง, Dr Dre, Snoop Dogg, Mary J Blige, Kendrick Lamar และ Eminem (ที่คุกเข่าระหว่างแสดงดนตรี)
"การนำเสนอ urban community สู่สายตาคนทั่วโลกมีความทรงพลัง เป็นการแสดงจุดยืนที่แข็งแกร่ง"
และอีกเหตุผลที่สำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้เธอตัดสินใจร่วมงานกับ NFL ก็คือ การสัมผัสบทบาทความเป็นแม่
"การเลี้ยงดูเด็กผู้ชายผิวดำให้เติบโตขึ้นมาเป็นหน้าที่รับผิดชอบที่สร้างความหวาดหวั่นให้มากที่สุดในชีวิต"
"ต้องคอยคิดว่า เราจะมอบสิ่งใดให้กับลูกๆได้บ้าง? นี่หรือคือโลกที่พวกเค้าจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไป? สิ่งเหล่านี้กระตุ้นให้ฉันมองอะไรแตกต่างไป"
"การเป็นแม่ทำให้ตระหนักว่าเราสามารถทำได้ทุกอย่าง แม้แต่เรื่องสุดยอดอย่างการแสดง Super Bowl หลังคลอด ฉันคิดบ้าบออะไรไปแล้ว? แต่ก็ตอบรับความท้าทายนี้เพราะได้รู้แล้วว่าร่างกายของเราทำอะไรได้บ้าง(เมื่อได้เป็นแม่คน) สัมผัสถึงความรู้สึกที่ว่า ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้"
"ฉันไม่ได้ขึ้นเวทีมาเจ็ดปี เจ็ดปีเชียวนะ! ให้เริ่มต้นใหม่จากศูนย์กระโดดมา Super Bowl เลย นี่มันบ้าไปแล้ว"
ภายหลัง Riri รู้ตัวว่าท้องสองมาแล้วก็ยิ่งพบความท้าทายมากกว่าเดิม อีกเพียงไม่กี่สัปดาห์ก็ต้องแสดงต่อหน้าผู้ชมมากมายและถ่ายทอดสดไปทั่วโลกในขณะอุ้มท้อง เธออาจจะสร้างเซอร์ไพรส์ให้ผู้คนร่วมยินดีกับทายาทคนใหม่ในการแสดงเพียงไม่กี่นาที แต่เบื้องหลังก็น่าจะกดดันไม่น้อย
ความสำเร็จของ Fenty
สถานะผู้ก่อตั้งแบรนด์พันล้านทำให้มีเสียงประชดอย่างน้อยอกน้อยใจว่า เริ่มจะดูห่างจากภาพของศิลปินสาวระดับ top ไปทุกที และเธอไม่พลาดโอกาสจะบรรยายอย่างภาคภูมิใจว่า "ตอนนี้ทุกอย่างมาแรงจัดหนักจัดเต็ม ทั้งเมคอัพ สกินแคร์ การต่อยอดสินค้าทั้งหลาย และ Savage ต่างก็เริ่ดมากๆ เพราะเราไม่ได้นำเสนอสินค้าแยกประเภทเหล่านี้เท่านั้น แต่ล่ะประเภทก็จะมีสินค้าสำหรับผู้ชายด้วย ชุดนอน ชุดลำลอง ชุดกีฬา ที่มีเพื่อผู้หญิงและผู้ชาย เมื่อได้เห็นพัฒนาการจึงเป็นเรื่องที่ดีงาม ถึงจะเป็นการทำงานที่ท้าทาย แต่ฉันก็สนุกไปพร้อมๆกันมากจริงๆ ฉันปลื้มมากที่ได้เห็นแบรนด์เติบโตได้ถึงเพียงนี้"
(แทบจะจินตนาการเงาธนบัตรเป็นฟ่อนสะท้อนจากนัยน์ตาสี hazel อันงดงามคู่นั้นของเธอ!)
Vogue รายงานว่า Fenty Corp ได้รับการประเมินมูลค่าถึง $2,800 ล้าน และ Riri เป็นเจ้าของหุ้นถึงครึ่งหนึ่ง และเธอได้พุ่งสู่ทำเนียบเซเลบมหาเศรษฐีด้วยทรัพย์สิน $1,700 ล้าน
การเป็นแม่คนทำให้มีมุมมองใหม่ในฐานะผู้บริหาร
"เมื่อมีลูกแล้วก็ทำให้ปลดล็อคให้เข้าสู่อีกด้านของชีวิต เมื่อได้มาอยู่ในโลกของคนที่ลูก มีผู้หญิงที่เป็นแม่อยู่ในทีมงานของฉันเยอะมาก" และมันให้เธอรู้สึกตกตะลึงเมื่อได้รู้ว่า ทีมงานที่มีภาระเหล่านี้ต้องทุ่มเทมากมายในการทำงานและเลี้ยงลูกไปในเวลาเดียวกัน ถึงขนาดว่าประชุมทั้งคืนจนขึ้นวันใหม่
"มันทำให้เรามองคนเป็นพ่อแม่ด้วยความนับถือแตกต่างจากเดิม"
ก่อนจะรู้ว่าตั้งท้อง ยังมอบความหวังเรื่องอัลบั้ม แต่แฟนเพลงก็ต้องค้างเติ่งกันต่อไป
"ฉันอยากจะส่งผลงานภายในปีนี้ เอาจริงๆเลยนะ " ถ้าไม่มีผลงานในปีนี้มันก็คงบ้าบอไปแล้วล่ะ ฉันก็แค่อยากจะสร้างความสนุกสนาน อยากทำดนตรีและถ่ายวีดีโอ ในตอนนี้สิ่งที่ฉันอยากได้ที่สุดคือดนตรี background และการนำเสนอ visuals คือว่าจะถ่ายทำวีดีโอเพลงแล้วจะมาคุยจ้ออย่างเดียวก็คงไม่ได้ใช่มั้ย"
แฟนเพลงอาจจะเลิกหวังเรื่องผลงานปีนี้ แต่แฟน beauty product ก็ตามสอยได้รัวๆ ดังที่เห็นจาก Halftime show ที่หยิบแป้ง Invisimatte มาตบปุๆ จนเป็นไวรัล แบรนด์อื่นอาจจะต้องจ่ายให้ NFL หลายล้านดอลลาร์เพื่อฉายโฆษณาเพียงไม่กี่วินาที แต่เมื่อแม่ค้าตอบรับคำข้อเสนอจาก NFL ที่ตื้อให้มาขึ้นแสดงติดต่อกันเป็นสิบปีทั้งที แป้งของนางก็ถูกยกว่าเป็น Touchdown ของจริงในเกมไปซะแล้ว
ไม่เสียราคาแม่ค้าแห่งยุคจริงๆ...
The End