"ขอโทษ"

24 11
                                     "อย่าทะเลาะกันได้ไหมฉันขอโทษ  อย่าเคืองขุ่นถือถือโกรธกันเลยหนา  ลูกของฉันผิดที่จาบจ้วงด้วยวาจา  ให้อภัยกันเถิดหนาฉันขอโทษ"                                                                                นี่คือที่มาของเรื่องนี้ เรื่องมีอยู่ว่า "ย่านอนหลับและฝันไป ฝันว่าลูกชายของย่าทะเลาะกับคนข้างบ้าน ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมกัน ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก  (ลูกชายของย่าอายุน้อยกว่าคู่กรณีย์มากโขอยู่ )  ย่าจึงออกมาดูและซักถามว่าเกิดอะไรขึ้น ต่างคนต่างเล่า ย่าสรุปได้ว่าสาเหตุของการทะเลาะกันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันเล็กๆน้อยด้วยความที่ว่าย่าเป็นคนโบราณที่ไม่นิยมให้ผู้น้อยล่วงเกินผู้ที่อาวุโสกว่า จึงกล่าวคำขอโทษแทนลูกชายและให้ลูกชายขอโทษด้วย  ลูกชายก็ยอมขอโทษโดยดี(ไว้หน้าแม่อยู่นะอิอิ)                                                                                                                                                                                                                          เมื่อต่างคนต่างเข้าบ้านแล้ว ลูกชายย่าก็ถามว่าทำไมต้องขอโทษเขาด้วย  ผมไม่ผิดนะแม่ เขาไม่เข้าใจเอง ย่าก็เลยตอบว่า การที่เราไม่มีเรื่องกับใครมันดีกว่าไม่ใช่หรือ คำโบราณเค้ายังบอกว่า"มีเพื่อนบ้านที่ดีเหมือนมีรั้วบ้านที่แข็งแรง"ลูกเข้าใจไหมว่า เวลาที่ลูกไม่อยู่บ้าน แม่ก็ได้เขานี่แหละ เวลาแม่ลืมปิดนำ้ น้ำไหลนอง ก็เขานี่แหละ เวลาต้นกล้วยล้มก็เขานี่แหละ มิหนำซ้ำเวลามีคนแปลกหน้ามาจอดรถหน้าบ้านถามโน่นนี่นั่น เขานี่ก็เดินมาสังเกตอยู่ห่างๆ หลายๆเรื่องที่เขาใส่ใจและให้ความช่วยเหลือแม่ตลอด                                                                                                                                                                                                            ย่าพูดอะไรกับลูกอีกมากมายจนรู้สึกหิวน้ำ จึงลุกขี้นมาดื่มน้ำย่ารู้สึกชาที่ปลายลิ้น สงสัยว่าตัวเองเป็นอะไรหนอแต่พอคิดไปคิดมาเลยคิดได้ว่าสงสัยในฝันคงพูดมากไป เลยคอแห้ง ลิ้นชาคงเพราะนอนหันหน้าให้พัดลม พัดลมเป่าลิ้น   ตอนเช้าเลยเล่าให้ลูกสะใภ้ฟัง
เค้าก็ไปเล่าให้ลูกเค้า(หลานย่า) ฟัง พอดีกับหลานของย่ามาฝึกงานที่สถานีอนามัยใกล้ๆบ้าน หลานสาวจึงเล่าอาการของย่าให้คุณหมอฟัง คุณหมอแนะนำให้พาย่าไปโรงพยาบาลเพราะที่โรงพยาบาลจะมีหมอเฉพาะทางที่เก่งๆ และแล้วเรื่องนี้ก็ถึงหูลูกชายของย่า รู้ปุ๊บโทรมาหาปั๊บ ย่า : โหล ..ว่าไง ลุูกชาย :พรุ่งนี้ไปหาหมอนะ (ไม่พูดพล่ามทำเพลงเลยหละ นี่แหละลูกชายย่า) ย่า:หาเพื่อ ลูกชาย:เรื่องลิ้นชาไง ย่า: อ้าว...แม่ก็บอกแล้วว่าแม่พูดมาก เลยคอแห้ง ลิ้นชา ลูกชาย :ไม่ได้ ไม่ได้ ยังไงก็ต้องไปโรงพยาบาล พรุ่งนี้นะ ย่า:เค (เป็นไงละ ใจร้อนแบบนี้ไแหละถึงมีเรื่องขัดใจกับลูก กับเมียบ่อย ๆ) เมื่อถึงโรงพยาบาล คุณหมอซักถามอาการ ย่าก็เล่าตั้งแต่นอนฝัน จนถึงตื่นมาชาลิ้น คุณหมอซักถามต่อว่า คุณหมอ : คุณป้า (เรียกซะสาวเลย 555) นอนกรนไหมคร้บ ย่า : กรนค่า(หลานบอก) คุณหมอ :นอนอ้าปากไหมครับ (ย่าจะรู้ได้ไงน้อ หลานก็ไม่เคยบอก) สงสัยอ้าปากค่า (เดาเอาเพราะบางทีมีน้ำลายไหลอยู่ข้างแก้ม) คุณหมอ : เวลานอนกลางคืนตื่นบ่อยไหมคร้บ ย่า :ไม่บ่อยค่า คุณหมอสรุปให้ฟังว่าอาการปากแห้ง หิวนำ้ และลิ้นชา น่าจะมาจากการพูดมาก นอนอ้าปาก (เหมือนย่าคิดเลย) แต่ย่าควรมาทดสอบการนอนที่โรงพยาบาล จะได้ทราบว่า ย่ามีปัญหาอะไรบ้าง เพราะคนที่ไปทำงานต่างประเทศแล้วไหลตาย นั่่นคือการหยุดหายใจตอนนอนทำให้ขาดอากาศหายไจ ย่าเลยตกลงไปนอนทดสอบการนอนที่โรงพยาบาล ตอนประมาณ3ทุ่ม คุณหมอมาใส่สายอีรุงตุงนังรอบศีรษะย่า รอบอก และเสียบสายวัดที่นิ้วกลาง ในภาพดูน่ากลัวนะคะ แต่จริงๆแล้วไม่น่ากลัว ย่าตื่นนอนตอนตีสี่กดกริ่งเพื่อให้คุณหมอทราบว่าย่าตื่นแล้วจะได้มาถอดสายต่างๆ ย่าสอบถามคุณหมอว่ามีอะไรผิดปกติมากไหมคะ คุณหมอบอกว่ามีหยุดหายใจสั้นๆ2ครั้ง ซึ่งนับว่าปกติ                                                                                                                                                                                             คุณหมอนัดให้ย่ามาฟังผลอย่างละเอียดในวันที่11เมย66นี้จ้า  



ย่ารี จริงๆ

ย่ารี จริงๆ

FULL PROFILE