เบื้องหลังเทศกาล Coachella ที่หลายคนยังไม่รู้
candy 37 17หลายปีที่ผ่านมา เทศกาลดนตรี Coachella ได้กลายมาเป็นจุดหมายปลายทางที่สาวกดนตรีหลายคนต้องใช้เวลาเตรียมตัววางแผนล่วงหน้าเป็นเดือนๆ เพื่อเข้าร่วมหกรรมดนตรีที่ล้อมรอบไปด้วยหุบเขาบนผืนทะเลทราย Colorado แม้โลเคชั่นที่แห้งแล้งจะฟังดูไม่ชวนสบายเนื้อสบายตัวนัก แต่เสน่ห์ของเทศกาลนี้สามารถได้ดึงดูดใจผู้คนมากมาย แม้แต่คนดังระดับ superstar ก็ไม่ยอมพลาด จากที่เคยสร้างความสุขให้กับแฟนๆบนเวที ก็ขอเปลี่ยนบทบาทมาเป็นผู้ชมและร่วม party สุดมัน
จากจุดเริ่มต้น เมื่อวง Pearl Jam ตอบโต้ Ticketmaster ที่บวกชาร์จการจำหน่ายตั๋วคอนเสิร์ตจนมีราคาแพงเกินเอื้อมสำหรับแฟนๆหลายคน จึงไม่ยอมขึ้นแสดงใน LA แต่เปลี่ยนสถานที่จัดงานเป็นสโมสร Polo ที่ Indio และกลายเป็นโชว์ครั้งใหญ่ที่มีแฟนดนตรีเข้าร่วมชมราวๆ 25,000 คน และมันก็ได้จุดประกายให้ Goldenvoice promoterของคอนเสิร์ตครั้งนั้นได้เล็งเห็นลู่ทางในการจัดเทศกาลดนตรีที่สามารถรองรับผู้คนได้เรือนหมื่นเรือนแสน หลังจากความพยายามที่จัดคอนเสิร์ตแข่งขันกับ promoter เจ้าใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะเงินทุนไม่ถึง แต่เมื่อปิ๊งไอเดียทาบทามศิลปินหลายคน/วงเข้ามาร่วมแสดงใน event เดียวกัน ก็ได้สร้างให้เทศกาล Coachella เป็นรูปเป็นร่างสำเร็จขึ้นมาในปี 1999 ซึ่งสิ่งที่ทำให้มันกลายมาเป็นอีเวนท์ดนตรีที่มีชื่อเสียงก็แตกต่างจากปัจจุบันอย่างชัดเจน เพราะ promoter ได้คัดสรรศิลปินร็อค, ฮิปฮอปและ DJ ที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องฝีมือทางดนตรีรวมถึงวงอินดี้โดยไม่เน้นที่ความสำเร็จบนชาร์ทเพลง จนชื่อดังยกย่องว่า นี่คือเทศกาลดนตรีที่ได้เปิดประสบการณ์อันแสนศิวิไลซ์ ด้วยดนตรีคุณภาพเลิศเลอต่างจากเพลงฮิตที่เกลื่อนกลาด แต่การบริหากจัดการกลับทำให้ผู้จัดขาดทุนไปเป็นเงินก้อนใหญ่ ต้องล้มลุกคลุกคลานกันอีกหลายครั้ง จนกระทังปี 2003 เมื่อสามารถทาบทามศิลปินโด่งดังอย่าง Red Hot Chilli Peppers, Beastie Boys และ Iggy and the Stooges มาขึ้นแสดงในฐานะ headliners จนสามารถดึงดูดผู้เข้าชมมากกว่าหกหมื่นคน ชื่อเสียง Coachella ก็เริ่มขจรขจายขึ้นไปสู่ระดับโลก และในที่สุดก็กลายมาเป็นเทศกาลดนตรีขายตั๋วหมดเกลี้ยงติดต่อกันหลายปี ยอดผู้ชมทพยานสู่หลักแสน และศิลปิน Headliners ต่างก็มีชื่อเสียงระดับโลกและประสบความสำเร็จสุดอลังการทั้งนั้น
กล่าวคือ สถานะ headliner แห่ง Coachella ก็เปรียบเหมือนสัญลักษณ์ความสำเร็จที่ศิลปินหลายคนถวิลหา ดังที่ Jennie สมาชิกวง Blackpink ได้ประกาศบนเวที Coachella ปีนี้ว่า "เรามีความสุขมากมายที่ได้กลับมาที่นี่ มันน่าเหลือเชื่อที่ในเวลาแค่สี่ปี เราที่เริ่มจากเวที Sahara ก็ได้ข้ามมาแสดงบนเวทีหลักได้" พวกเธอได้มอบความสุขให้กับแฟนๆเหมือนกับศิลปินชั้นนำระดับโลก Madonna, Beyonce, Ariana Grande, Lady gaga และอีกหลายคน ด้วย background จากดนตรี K Pop ที่มี fanbase แข็งแกร่งอยู่ในหลายประเทศทั่วโลกทำให้มีเสียงวิเคราะห์ว่า นี่คือ marketing move ที่สุดปราดเปรื่อง เพราะไม่เพียงแต่มีแฟนๆเข้ามาร่วมชมอย่างล้นหลาม แต่สถิติทาง social media ก็พุ่งปรี๊ดแบบไม่มีอะไรเหนี่ยวรั้งไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขเข้าชม livestreaming หรือ trending ทาง platform ชื่อดัง จนทำให้หลายคนเชื่อว่า ในอนาคตข้างหน้า แฟนๆ K Pop จะได้พบกับความสุขสมหวังเมื่อศิลปินในดวงใจวงอื่นๆได้พิสูจน์ความสามารถให้โลกได้ประจักษ์
ในขณะที่หลายคนมองว่า Coachella ได้เปลี่ยนแปลงอุดมการณ์จากจุดเริ่มต้น จากขึ้นชื่อเรื่องการสนับสนุนวงอินดี้ที่มีแฟนๆเฉพาะกลุ่ม ก็หันมานำเสนอศิลปิน mainstream hit แต่การฟันธงเช่นนั้นอาจจะไม่ถูกไปซะหมด ยกตัวอย่างจากรายชื่อศิลปินที่ขึ้นแสดงในปีนี้ ก็ยังปรากฏชื่อของ Björk, The Chemical Brothers ที่ถูกยกให้เป็นขาประจำเทศกาลดนตรีมาตั้งแต่ยุค 90s รวมถึงศิลปินจากหลากหลายแนวดนตรี DJ ดังๆก็มาเพียบ เรียกว่าเสพดนตรีกันได้ตามใจชอบ ไม่ได้มีแต่ศิลปินที่พบชื่อกันได้ตามชาร์ทเพลงเท่านั้น
เปิดโอกาสให้กับคนที่อยากเจอคนดังแบบใกล้ๆ
Coachella เปรียบเหมือนกับแหล่งทรัพยากร gossip ชั้นดี ยืนยันจากการแแชร์ประสบการณ์ของ influencer รายหนึ่งว่า วันๆหนึ่ง เจอคนดังหลายครั้ง และแม้แต่นางแบบ Victoria's Secret ก็ต้องมาต่อคิวยาวๆเหมือนกับคนอื่น หรือถ้าเป็นคนที่มีงบไม่อั้นเพื่อซื้อ VIP pass และ features อำนวยความสะดวกต่างๆ นอกจากความสนุกสนานจากการเสพดนตรีแบบยาวนานข้ามวันข้ามคืน Coachella น่าจะฟังดูเร้าใจขึ้นมาอีก เมื่อผู้ชมมีโอกาสที่จะได้พบเห็นคนดังระดับ top เข้าร่วมชมการแสดงอยู่ไม่ห่าง แม้ว่าพวกเค้าจะมีบอดี้การ์ดคอยประกบ หรือพยายามพรางตัวในฝูงชน แต่ก็ยากจะหลบเลี่ยงจากสายตาเหยี่ยวของแฟนๆไปได้
มีคนพบเห็น Justin Bieber เต้นปลดปล่อยอารมณ์ท่ามกลางผู้คนที่จ้องมองอย่างอึ้งๆ และรีบยกโทรศัพท์มาเก็บภาพเพื่อแชร์ให้โลกได้รับรู้ว่าได้เจอ superstar ในระยะเผาขน ไม่ว่าจะเป็นพระเอก A List อย่าง Leonardo DiCaprio ที่เป็นขาประจำงานนี้ หรือ Kendall - Kylie Jenner ที่มาสนุกในงานพร้อมเพื่อนฝูง ด้วยเนื้อที่กว้างขวางของงาน ไม่ว่าคนดังจะได้รับการอำนวยสะดวกด้วยรถกอล์ฟ และพักเหนื่อยใน VIP area ก็ยังมีช่วงที่ต้องเดินไปในจุดต่างๆ และร่วมชมดนตรีท่ามกลางผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะแสดงท่าทางเช่นไรก็กลายมาเป็นหัวข้อข่าว
อย่างล่าสุด Kendall Jenner และ Bad Bunny ที่ทำให้ชาวเน็ทข้องใจว่า ตกลงพวกเค้าคบหากันเกินกว่าความเป็นเพื่อนหรือว่ากำหนดสถานะไว้เช่นใดกันแน่? ที่ผ่านมา paparazzi พยายามเกาะติดภาพที่จะยืนยันความสัมพันธ์ แต่ก็กดชัตเตอร์มาได้แบบเบลอๆ เท่านั้น แต่เมื่อถึงเทศกาลดนตรี Coachella ก็ปรากฏภาพให้เห็นกันชัดเจนว่า พวกเค้าดูสนิทสนมกันมาก และข่าวลือเดทอาจจะมีความเป็นไปได้ ด้วยฝูงชนที่มากมายเป็นแสนและมีกล้องนับแสนเช่นเดียวกัน นี่จึงไม่ใช่สถานที่ที่จะออกเดทกันแบบลับๆนั่นเอง
Hookup Festival
บางคนอาจจะอินกับบรรยากาศที่ร้อนแรงของ Coachella จนปล่อยใจแสดงความรักกันท่ามกลางผู้คนมากมาย เหมือนกับคู่ถ่านไฟเก่าร้อนๆ Shawn & Camila ที่ทั้งเต้นเบียดชิดและกอดจูบกันอย่างหวานซึ้งไม่ต่างจากก่อนที่จะประกาศเลิกรา แต่สื่อดังอย่าง Page Six ก็รายงานตามมาว่า พวกเค้าไม่ได้ตัดสินใจกลับมาคืนดีกัน ภาษาร่างกายสุดสวีทในภาพนั้นเป็นเรื่องของเผลอใจไปกับโมเมนท์แค่ครั้งเดียว (แต่จะมีครั้งอื่นตามมารึเปล่า ไม่มีใครยืนยันได้)
ภาพ PDA ถือเป็นเรื่องปกติสุดๆของ Coachella แม้แต่คนดังที่หวง privacy ก็ยังอดเคลิ้มไปกับบรรยากาศไม่ได้
บรรยากาศของงานชวนเคลิ้มไปได้ขนาดไหน? มันก็เคยทำให้ Aaron Schock อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาฝั่งอนุรักษ์นิยมที่เคยโหวตต่อต้านนโยบายเพื่อสิทธิของชาวเพศทางเลือกกลายมาเป็น scandal เมื่อมีคนแชร์ภาพที่เขากำลังกอดจูบลูบล้วงหนุ่มหุ่นล่ำกลาง party ที่เทศกาล Coachella ในขณะที่คนรอบข้างไม่รู้ถึงอัตลักษณ์ทางเพศที่แท้จริงของเขาและเจ้าตัวเคยยืนยันมาก่อนว่าไม่ได้เป็น gay สิ่งที่ตามมาคือกระแสโจมตีว่าเขาเป็นพวกปากว่ามือขยิบที่ด้อยค่าคนรักร่วมเพศเพื่ออำนาจทางการเมือง ทั้งๆน่าจะเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งถึงหัวอกของกลุ่ม LGBTQ ที่เผชิญกับความยากลำบากเพื่อจะเป็นที่ยอมรับในสังคม เขาเก็บตัวอยู่พักใหญ่แล้วตัดสินใจเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง และกล่าวขอโทษ LGBTQ community โดยที่ชี้แจงว่า ความเชื่อทางศาสนาทำให้ต้องปิดบังอัตลักษณ์ทางเพศ และใช้เกมการเมืองเพื่อเบี่ยงเบนความวิตกกังวล เขายังประกาศว่า หากได้กลับมาทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง ก็จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อสนับสนุนสิทธิความเท่าเทียมของชาวเพศทางเลือก
ไม่เพียงแต่จะเป็นอีเวนท์ดนตรีที่คนดังควงคนรักมาสวีทกัน แต่มันยังขึ้นชื่อลือชาว่าเป็น hookup festival, มีโอกาสที่ผู้ชมจะได้สัมผัสประสบการณ์ความสัมพันธ์แบบชั่วข้ามคืน เมื่อ Leonardo ปรากฏตัวใน VIP areaและถูกล้อมล้อมหน้าล้อมหลังไปด้วยสาวงามและนางแบบดัง ก็ไม่แคล้วต้องถูกจับผิดว่า เขากำลังล่าเหยื่อเพื่อความสำราญตามประสา playboy หรือจะเป็นพระเอก A List รุ่นน้อง Timothee Chalamet ที่เคยถูกปล่อยข่าวลือว่ากอดจูบสาวปริศนาในงาน มันอาจจะไม่ทำให้คุณแปลกใจ เพราะนี่คือเทศกาลดนตรีที่ผู้คนนับแสนหลั่งไหลเข้ามาร่วมสนุกสนาน การทำความรู้จักกับผู้คนหน้าใหม่ๆ ก็อาจจะนำไปสู่บางอย่างที่มากกว่าการพูดคุย จากการสำรวจข้อมูลถึงสถานที่ต่างๆที่ผู้ร่วมงานเลือกทำกิจกรรมสุดแซ่บกัน ไม่ว่าจะเป็นในแคมป์ที่จอดรถที่ไม่ค่อยลับตา ตามมุมมืดต่างๆ รวมถึงคนที่อดใจไม่ไหวบรรเลงรักกันท่ามกลางหมู่คน หรือแม้แต่ชิงช้าสวรรค์ที่คนมากมายมองเห็นคนข้างในได้ทะลุปรุโปร่ง ก็เคยมีคู่ที่โชว์ฉากเด็ดกลายเป็นประเด็นร้อนในสื่อมาแล้ว (เสียงเล่าลือปากต่อปากทำให้มันกลายมาเป็น spot ในตำนานที่ยั่วยุให้คนมาหาโอกาสสัมผัสประสบการณ์ลอยฟ้า!)
ผู้หญิงหลายคนตกเป็นเหยื่อล่วงละเมิดทางเพศ
ย้อนไปเมื่อปี 2018 นักข่าวรายหนึ่งได้จองตั๋วเข้าร่วมเทศกาลนี้เพื่อตรวจสอบข้อมูลเรื่องการกระทำผิดทางเพศ และเธอก็ต้องพบกับประสบการณ์เลวร้ายซะเอง ในสิบชั่วโมงแรกที่อยู่ใน Coachella ก็ถูกล้วงจับร่างกายไปถึง 22 ครั้ง! ทั้งถูกผู้ชายตามคุกคาม และใช้คำพูดโอ้โลม หากปฏิเสธไม่ให้กอดจูบก็แสดงท่าทีก้าวร้าวรุนแรงใส่ คนต่ำทรามพวกนี้ได้ฉวยโอกาสจากสภาพแวดล้อมของเทศกาลดนตรีที่เบียดแน่น เสียงดังจนไม่เสียงร้องขอความช่วยเหลือไปไม่ถึงคนอื่น และเหมารวมว่าแฟชั่นเปิดเผยเนื้อหนังของสาวๆในงานเปรียบเหมือนคำเชิญชวนให้ผู้ชายเข้ามาระบายความใคร่ ซ้ำร้ายเหยื่อหลายคนยังเมามายจนไม่สามารถปกป้องตัวเองได้
จากการสำรวจของ The Desert Sun พบว่า ผู้หญิง 1ใน6คนถูกลวนลามใน Coachella มีอีกหลายคนที่แชร์เรื่องราวการถูกล่วงละเมิด แต่เลือกไม่เอาเรื่องเพราะไม่อยาก และทำให้ชายเหล่านั้นยิ่งได้ใจและมองว่านี่เป็นเรื่องปกติ ในคอนเสิร์ตที่มีผู้ชมมากๆ ผู้หญิงต้องพยายามเลี่ยงหนีผู้ชายที่เข้ามาเต้นถูไถเบียดชิด แค่เดินผ่านกันก็ถูกบีบจับของสงวนเอาดื้อๆ หรือแค่เห็นหน้าแล้วถูกใจก็ชวนไปมี sex ในห้องน้ำ แม้ผู้จัดจะพยายามรณรงค์ต่อต้านการคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศ แต่หลายฝ่ายยอมรับว่า นี่ไม่ใช่ปัญหาที่แก้ไขได้เพราะการ call out เท่านั้น ถึงขนาดมีคนที่มองว่า การตัดสินใจเข้าร่วมเทศกาลดนตรีคือการเอาตัวเองไปเสี่ยงอยู่ใกล้กับผู้กระทำผิดทางเพศที่ไม่หวาดหวั่นต่อการถูกดำเนินคดี
Tiktoker ดังแฉ นี่คือสถานที่ที่ influencers พลาดไม่ได้ แต่จะเข้าร่วมงานจริงๆรึเปล่า เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ไม่กี่วันมานี้ Tiktoker ชื่อดัง Loren Gray ได้เปิดประเด็นฮือฮาเรื่องเทรนด์การเข้าร่วมเทศกาลดนตรีโด่งดังของเหล่า influencers ว่า หลายกรณีเป็นเรื่องจัดฉากเพื่อดึงยอด view
"Coachellaก็เหมือนกับการแข่งขัน Olympics ของพวก influencers ใช่มั้ยล่ เป็นงานที่ต้องไป แต่ influencers หลายคนไม่ได้เข้าร่วมเทศกาลแต่อย่างใด"
Loren อธิบายว่า คนเหล่านี้จะหาที่พัก BNB มาพร้อมกับเสื้อผ้าหน้าผมจัดเต็ม และหาที่เหมาะๆโพสสวยโดยที่ไม่ได้เข้าไปในงาน
"พวกเค้าไม่มีริสต์แบนด์ ก็แค่ขับรถไปทางทะเลทรายเพื่อถ่ายภาพลง Instagram ถ่าย Tiktok บอกผู้ติดตามว่า พร้อมจะไปเทศกาลดนตรีกับฉันรึยังอะไรแบบนั้น แล้วก็ขับรถกลับเป็นเสร็จ"
Mae Karwowski ผู้บริหาร Obviously Influencer marketing agency ยืนยันว่า นี่คือเทศกาลที่สำคัญมากที่สุดสำหรับเหล่า influencers แทบทุกคนต่องดิ่งตรงไปที่นั่นด้วยใจวาดหวังว่าจะได้ทำข้อเสนอกับแบรนด์ที่ดีที่สุด แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้รับการปฏิบัติแบบ VIP แน่นอนว่า แบรนด์จัดลำดับความสำคัญของแขกในงานตามความโด่งดัง บางคนอาจจะไม่มีผู้ติดตามถึงเจ็ดหลัก แต่ก็ได้รับการสนับสนุนค่าเดินทาง ที่พัก และริสต์แบนด์เข้างานเพื่อแลกกับคอนเทนท์โพรโมทอีเวนท์ของแบรนด์ แต่บางคนอาจจะได้รับการปฏิบัติย่ำแย่จนสาปส่ง อย่างเมื่อปีที่แล้วที่ E-Commerce Retailer ชื่อดัง Revolve ทุ่มทุนเพื่อดึง Kim Kardashian และ Kendall มาร่วมอีเวนท์ แต่สำหรับ influencer ที่ตกลงรับข้อเสนอว่า จะได้รับริสต์แบนด์ระดับ VIP เข้าเทศกาลดนตรีและเครดิตเพื่อแลกซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ แต่บริการบัสที่มารับ influencers นั้นล่าช้าจนทุกคนต้องรอคอยนานกว่าสองชั่วโมงกลางแดดที่ร้อนระอุ ไร้ที่นั่งพักและน้ำคอยบริการจนบางคนเป็นลมไป ในที่สุดเมื่อได้เข้างาน ริสต์แบนด์ที่ได้รับก็เป็นแบบทั่วไป ไม่ใช่ VIP ทำให้พวกเค้าออกมาแชร์ประสบการณ์ย่ำแย่ว่า นี่ไม่ต่างจากหายนะเทศกาล Fyre Fest ที่อื้อฉาว
เมื่ออีเวนท์ใน Coachella มีดราม่าแบบนี้ออกมา เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า แม้ฉากหน้าจะดูดึงดูดใจ influeners แต่ที่จริงมีเบื้องหลังเป็น content farm ที่ไม่ได้สวยงามนัก แต่ถึงตอนนี้มันจะยังครองตำแหน่งเทศกาลดนตรีที่มีคนโพสต์ Instagram มากที่สุด influencers ได้แสวงหาโอกาสในช่วงเวลาไม่กี่วันเพื่อสร้างสรรค์ content ให้ตรงใจแบรนด์ แม้จะหอบหิ้วทั้งตากล้องและผู้ช่วยไปด้วย แต่อาจจะต้องหัวหมุนจนบางคนแทบไม่มีเวลาชมการแสดงดนตรีของศิลปินคนโปรด แต่สำหรับอีกหลายคน นี่เหมือนกับ trip กึ่งท่องเที่ยวกึ่งทำงานที่มีสปอนเซอร์ดูแลค่าใช้จ่ายอยู่กิน รวมไปถึงเรื่อง entertainment แล้วยังได้รับค่าตอบแทนที่ฟังดูน่าอิจฉา
Coachella cough อาการป่วยที่เลี่ยงยากจากเทศกาลดัง
สภาพแวดล้อมที่แห้งแล้ง ร้อนอบอ้าวและลมฝุ่นของทะเลทราย และซ้ำเติมด้วยควันบุหรี่ลอยปะปนในอากาศ รวมเป็นตัวแปรของของความเจ็บป่วยทำให้ผู้ชมงานเกิดอาการคล้ายกับหวัด ทั้งเจ็บคอ มีไข้ ไอจาม น้ำมูกน้ำตาไหล เมื่อเข้าชมศิลปินคนโปรดก็เต้นกันยาวๆ เมื่อดิื่มเหล้าอดหลับอดนอนทำให้ร่างกายที่ขาดน้ำและสารอาหาร หรือจะบอกว่าร่างพังหลังสนุกก็คงไม่ผิด ภาพของเทศกาล Coachella ที่เราเห็นกันตาม social media นั้นดูสวยงามสะดุดตา แต่จริงๆแล้วเรื่องสุขอนามัยก็ดูน่าเป็นห่วง ในงานไม่ได้มีที่นั่งพักมากนัก สวนทางกับอากาศร้อน หลังจากเดินสวนกับผู้คนล้นหลามในงานตลอดทั้งวันย่อมเกิดความเหนื่อยล้า อาจจะมีคนเตรียมผ้าปูรองนอนมาด้วย แต่คนที่ไม่มีก็ต้องนั่งนอนลงไปบนพื้น นั่งปลางแดดรอชมดนตรีครั้งละนานๆ หากทนแสงแดดไม่ไหวก็คอยหามุมร่มเงา บ้างก็หลับไปบนพื้นดินที่ชวนไม่สบายตัว ถึงจะเตรียมไอเท็มป้องกันตัวเองอย่าง หมวก ผ้าปิดปาก/จมูก และเจลล้างมือมาด้วยก็อาจจะไม่รอดจาก Coachella cough แต่เมื่อเห็นภาพผู้คนนอนกลางดินกินกลางทรายนั้นทำให้นึกขึ้นมาทันทีว่า 'ไม่ป่วยสิแปลก!' หากไม่ใช่ผู้ชมที่จ่ายเงินเพิ่มเพื่อสิทธิ์เข้าถึงพื้นที่ VIP ก็ต้องสู้ชีวิตไม่น้อย
Coachella อาจจะเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของคนที่มีใจรักในดนตรี แต่ก็มีคนไม่น้อยที่ออกมาบอกเล่าเรื่องราวที่ช่วยนำมาประกอบการตัดสินใจว่า มันอาจจะไม่ได้ดูสวดสดงดงามหรือตามที่คาดหวังกันไว้และต้องใช้พลังงานพลังใจสูงเพื่อรับมือกับอุปสรรคต่างๆ สิ่งที่ขาดไปไม่ได้ในการเอาตัวรอดจากปัญหาสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจ คือการเตรียมตัวแบบแน่นๆและสติเต็มร้อย
แล้วคุณล่ะคะ อยากจะสัมผัสประสบการณ์แบบ Coachillingกันบ้างรึเปล่า?
The End