จะเริ่มต้นแก้ไขปัญหาผิว เริ่มยังไง? เริ่มจากอะไรก่อนดี?
Milady Ruyi 27 11
จะเริ่มต้นแก้ไขปัญหาผิว เริ่มยังไง? เริ่มจากอะไรก่อนดี?
จากประสบการณ์ที่อยากแชร์คือต้องเริ่มทีละจุดค่ะ เล่าสั้นๆคือพิจารณาก่อนว่าตอนนี้เราต้องการแก้ไขอะไร ลิสต์ออกมาก่อนค่ะ
ส่วนตัวไม่มีอะไรหวือหวาเลยค่ะตอนช่วงที่ผิวพังและมีปัญหามากๆ มักจะกลับมา keep hydrate and well moisturized เสมอค่ะ
อาการทุกอาการของผิวจะดีขึ้นได้คือเติมความชุ่มชื้นในผิว และกักเก็บให้อยู่ภายใต้ผิวให้ดีเพราะความชุ่มชื้นทำให้เซลล์+กระบวนการภายในร่างกายทำงานได้มีประสิทธิภาพและครบวงจรมากขึ้นค่ะ ไม่มีผลเสียใดๆ
ถัดจากการหา stable moisture routine แล้วคือการแก้ไขปัญหาทีละเปลาะค่ะ มีการอักเสบคือหาสิ่งที่แก้อักเสบ ถ้าแก้อักเสบไม่ได้ผล=ไม่ได้อักเสบ ทีนี้พิจารณาต่อค่ะว่าตอนนี้ผลลัพธ์มีอะไรบ้าง เช่นอาการลอก แดง แห้ง มาจากสาเหตุอะไร ลองหยิบสาเหตุที่คิดว่าเป็นไปได้มากที่สุด มาแก้ไขค่ะ ส่วนตัวใช้เหตุและผลแนวๆนี้แก้ไขปัญหาผิวค่ะ
และแน่นอนว่าผลการทดสอบใช้ระยะเวลานาน ส่วนตัวให้โควต้า 3 เดือนเพื่อพิจารณาสิ่งที่คิด ว่ายังไปต่อได้หรือไม่ ค่อยว่ากันอีกทีค่ะ
ถ้าสมมติว่าเจอตัวบำรุงที่ใช่แล้ว เจอแล้วดีใจด้วยค่ะ ลองใช้ไปก่อน ค่อยๆปรับทีละตัว ให้เวลาผิวได้ดื่มด่ำและค่อยๆฟื้นตัว (ตามระยะเวลาโควต้าที่เหมาะสม ห้ามใจร้อน)
ถ้าอยากสกินแคร์เพิ่มเติมหรือปรับเปลี่ยนที่ใช้เพราะดูไม่ถูกจริตไม่ถูกผิว เช่นหากันแดดที่ใช่อยู่ อยากแนะนำให้ลองด้วยตัวเองค่ะ การเลือกฟิสิคอลล้วนไม่ได้หมายความว่าจะไม่แสบไม่คันค่ะ บางทีเคมิคอลยังให้ฟีลลิ่งดีกว่า แต่ถ้าใช้ทั้งสองแล้วไม่เวิคเลย วนกลับไปที่การเติมน้ำให้ผิวค่ะ เช่นเดียวกับสกินแคร์ตัวอื่นที่ไม่ใช่ active (active=ช่วยสิวช่วยริ้วรอยช่วยกระจ่างใสเป็นต้น) ให้ระยะเวลาคือใช้จนเกือบหมดแล้วยังอยากไปต่อมั้ย ผิวให้รีแอคกลับมายังไงบ้าง พิจารณาอีกทีค่ะ
ถ้าอยากหาผลัดผิวที่ใช่ แอบอยากบอกว่าพักก่อนค่ะ เราควรหา stable routine ที่ไม่แฟนซี อย่าเพิ่งรีบร้อนแก้ไขปัญหา ถ้าพื้นฐานไม่แน่น(ซึ่งคือชุ่มชื้น) จะทำให้ยอดปิรามิดพังง่ายๆค่ะ
ส่วนวิตเอ เช่นเดียวกับผลัดผิวค่ะ อย่าใจร้อน
เห็นคำถามแนวนี้มาเยอะ คิดว่าทุกคนยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าจะแก้อะไรก่อนดี เริ่มต้นง่ายๆคือเติมความชุ่มชื้นค่ะ
Keep hydrate and well moisturized นะคะ 😊
ปล.ทั้งหมดนี้มาจากประสบการณ์ส่วนตัวค่ะ 😊
#กู้ผิวพัง
#ผิวพัง
#ปัญหาผิว
จากประสบการณ์ที่อยากแชร์คือต้องเริ่มทีละจุดค่ะ เล่าสั้นๆคือพิจารณาก่อนว่าตอนนี้เราต้องการแก้ไขอะไร ลิสต์ออกมาก่อนค่ะ
ส่วนตัวไม่มีอะไรหวือหวาเลยค่ะตอนช่วงที่ผิวพังและมีปัญหามากๆ มักจะกลับมา keep hydrate and well moisturized เสมอค่ะ
อาการทุกอาการของผิวจะดีขึ้นได้คือเติมความชุ่มชื้นในผิว และกักเก็บให้อยู่ภายใต้ผิวให้ดีเพราะความชุ่มชื้นทำให้เซลล์+กระบวนการภายในร่างกายทำงานได้มีประสิทธิภาพและครบวงจรมากขึ้นค่ะ ไม่มีผลเสียใดๆ
ถัดจากการหา stable moisture routine แล้วคือการแก้ไขปัญหาทีละเปลาะค่ะ มีการอักเสบคือหาสิ่งที่แก้อักเสบ ถ้าแก้อักเสบไม่ได้ผล=ไม่ได้อักเสบ ทีนี้พิจารณาต่อค่ะว่าตอนนี้ผลลัพธ์มีอะไรบ้าง เช่นอาการลอก แดง แห้ง มาจากสาเหตุอะไร ลองหยิบสาเหตุที่คิดว่าเป็นไปได้มากที่สุด มาแก้ไขค่ะ ส่วนตัวใช้เหตุและผลแนวๆนี้แก้ไขปัญหาผิวค่ะ
และแน่นอนว่าผลการทดสอบใช้ระยะเวลานาน ส่วนตัวให้โควต้า 3 เดือนเพื่อพิจารณาสิ่งที่คิด ว่ายังไปต่อได้หรือไม่ ค่อยว่ากันอีกทีค่ะ
ถ้าสมมติว่าเจอตัวบำรุงที่ใช่แล้ว เจอแล้วดีใจด้วยค่ะ ลองใช้ไปก่อน ค่อยๆปรับทีละตัว ให้เวลาผิวได้ดื่มด่ำและค่อยๆฟื้นตัว (ตามระยะเวลาโควต้าที่เหมาะสม ห้ามใจร้อน)
ถ้าอยากสกินแคร์เพิ่มเติมหรือปรับเปลี่ยนที่ใช้เพราะดูไม่ถูกจริตไม่ถูกผิว เช่นหากันแดดที่ใช่อยู่ อยากแนะนำให้ลองด้วยตัวเองค่ะ การเลือกฟิสิคอลล้วนไม่ได้หมายความว่าจะไม่แสบไม่คันค่ะ บางทีเคมิคอลยังให้ฟีลลิ่งดีกว่า แต่ถ้าใช้ทั้งสองแล้วไม่เวิคเลย วนกลับไปที่การเติมน้ำให้ผิวค่ะ เช่นเดียวกับสกินแคร์ตัวอื่นที่ไม่ใช่ active (active=ช่วยสิวช่วยริ้วรอยช่วยกระจ่างใสเป็นต้น) ให้ระยะเวลาคือใช้จนเกือบหมดแล้วยังอยากไปต่อมั้ย ผิวให้รีแอคกลับมายังไงบ้าง พิจารณาอีกทีค่ะ
ถ้าอยากหาผลัดผิวที่ใช่ แอบอยากบอกว่าพักก่อนค่ะ เราควรหา stable routine ที่ไม่แฟนซี อย่าเพิ่งรีบร้อนแก้ไขปัญหา ถ้าพื้นฐานไม่แน่น(ซึ่งคือชุ่มชื้น) จะทำให้ยอดปิรามิดพังง่ายๆค่ะ
ส่วนวิตเอ เช่นเดียวกับผลัดผิวค่ะ อย่าใจร้อน
เห็นคำถามแนวนี้มาเยอะ คิดว่าทุกคนยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าจะแก้อะไรก่อนดี เริ่มต้นง่ายๆคือเติมความชุ่มชื้นค่ะ
Keep hydrate and well moisturized นะคะ 😊
ปล.ทั้งหมดนี้มาจากประสบการณ์ส่วนตัวค่ะ 😊
#กู้ผิวพัง
#ผิวพัง
#ปัญหาผิว