เกาะติดความเคลื่อนไหวน่าสนใจจาก Cannes Film Festival 2023
candy 29 13
เทศกาลภาพยนตร์เมือง Cannes ประจำปี 2023 กำลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายแล้ว ไม่เพียงมีเพียงโมเมนท์แฟชั่นอลังการบนพรมแดงเท่านั้น ยังเกิดประเด็นสร้างเสียงวิจารณ์อีกหลายอย่าง มาติดตามกับเรากันเลยค่ะ
แม้จะ ban การประท้วงทุกรูปแบบ แต่ก็มีคนแฝงตัวมาแสดง statement สร้างความตกตะลึงให้กับคนในงาน
ผู้จัด Cannes ในปีนี้ได้ออกมาตรการเข้ม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวายจากผู้ประท้วงที่ต้องการใช้พื้นที่ภายในอีเวนท์ในการแสดงออกทางการเมือง จากความวิตกกังวลจากคำขู่ของสหภาพแรงงานว่าจะตัดไฟฟ้าสร้างความเสียหายให้กับเทศกาลภาพยนตร์เมือง Cannes เพื่อต่อต้านนโยบายปฏิรูปแผนเงินบำนาญของประธานาธิบดี Emmanuel Macron แต่การเคลื่อนไหวของผูู้ประท้วงไม่ได้จำกัดอยู่กับการเมืองฝรั่งเศสเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่า ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะควบคุมที่จะทำให้ Cannes เป็นเขตปลอดการประท้วงเพราะแม้แต่ดาราศิลปินที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเองก็เคยประท้วงกันจนเอิกเกริกมาแล้ว
สำหรับปีนี้ ผู้ที่แฝงตัวเข้ามาในกลุ่มแขกในงานได้สำเร็จก็คือ หญิงสาวไม่ทราบชื่อที่สวมใส่ชุดสวยสีเดียวกับธงชาติ Ukraine เข้างานพรมแดงของหนัง "Acide" เธอได้ล้วงเอาถุงเลือดปลอมที่ซุกซ่อนไว้ที่หน้าอกราดลงไปบนร่างกาย ก่อนที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะพาเธอออกจากงานอย่างรวดเร็ว
เมื่อปีที่แล้ว นักสร้างหนังและนักแสดงชาว Ukrainian ก็ได้ร่วมกันประท้วงด้วยการถือป้ายประท้วงความโหดร้ายของสงครามด้วยการตอกย้ำสังคมโลกว่า
"พวกคน Russian สังหารชาว Ukrainian พวกคุณคิดว่าการพูดในเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นี้เป็นเรื่องไม่เหมาะสมหรือน่ากลัวเกินไปเช่นนั้นหรือ?"
การละเลงเลือดของผู้หญิงคนนี้ ก็น่าจะเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านสงครามที่คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปมากมายใน Ukraine นั่นเอง
"พวกคน Russian สังหารชาว Ukrainian พวกคุณคิดว่าการพูดในเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นี้เป็นเรื่องไม่เหมาะสมหรือน่ากลัวเกินไปเช่นนั้นหรือ?"
การละเลงเลือดของผู้หญิงคนนี้ ก็น่าจะเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านสงครามที่คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปมากมายใน Ukraine นั่นเอง
ความ contrast ในลุคเลิศหรูของ Jennifer Lawrence
ความสง่างามดุจนางพญาในชุด Christian Dior Couture สีแดงร้อนแรงของ Jennifer Lawrence อาจจะทำให้แฟนๆชื่นชมว่าเธอทำหน้าที่ brand ambassador ได้อย่างสมราคา แต่ภายใต้ชุดก็มีความหักมุมเล็กๆรออยู่
อาจจะเห็นกันแค่แว้บสั้นๆ แต่ตอนที่ J. Law ยกชายกระโปรงขึ้นมา แทนที่จะเป็นส้นสูง high-end กลับเป็นน้องหูคีบสุดชิล ที่จริงดูจะไม่ได้เป็นเรื่องที่ชวนประหลาดใจ เพราะมันก็เข้ากับตัวตนที่ดูสบายๆของเธอดี ไม่ต่างจาก Kristen Stewart ที่เคยใส่ sneakers เดินบนพรมแดงงานนี้ หรือแม้แต่ถอดส้นเข็มเดินเท้าเปล่าบนพรมแดง K-Stew ก็เคยทำมาแล้ว
แต่ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ เคยมีรายงานว่า ผู้จัดเทศกาลหนังเมือง Cannes ได้กำหนด dresss code สำหรับแขกร่วมงานหญิงว่า 'ห้ามใส่รองเท้า flats' และเคยมีคนยืนยันว่า เคยถูกเจ้าหน้าที่ปฏิเสธไม่ให้เข้างานพรมแดงหากไม่เปลี่ยนเป็นรองเท้าส้นสูง ( producer หนังรายหนึ่งเผยว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหยุดเธอไม่ให้ร่วมงาน screening เพราะเธอไม่ได้ใส่ส้นสูง ทั้งๆที่เธอเป็นผู้พิการใส่ขาเทียมข้างหนึ่ง)
หากนางเอก A List เปิดเผยชัดเจนว่าเธอใส่หูคีบเข้างาน ก็อาจจะสื่อถึงความเปลี่ยนแปลงของ dresss code อันเคร่งครัดก็เป็นได้
Naked Style ยังมาแรง
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา เทศกาลหนังเมือง Cannes เคยได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ได้กลายเป็นศูนย์กลางการแสวงหาแสงจากคนทุกมุมโลก แม้แต่ผู้ที่ไม่ได้มี sponsor มาช่วยดูแลค่าใช้จ่ายเพื่อร่วมงาน ต้องควักกระเป๋าทุ่มทุนซื้อที่นั่งเข้าร่วมเดินพรมแดงการฉายหนังรอบปฐมทัศน์ ก็จะสร้างโอกาสให้กลายเป็นที่สนใจจากสื่อด้วยแฟชั่นสุดละลานตา แน่นอนว่า naked dress คือหนึ่งในกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพล้นเหลือบนพรมแดง ไม่จำเป็นต้องใส่ชุดฟูฟ่องลากหางยาวหลายเมตร เพียงแค่มาในชุดวาบหวิวที่บางราวกับไม่ได้ใส่อะไร ถึงจะเป็นเซเลบจากต่างประเทศที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักใน Cannes มากนักก็สามารถกลายเป็นหัวข้อข่าวสร้างความฮือฮาชั่วคราวได้
ทุกวันนี้ เทรนด์ที่ดูเปลือยสุดๆนั้นกลายเป็นเรื่องธรรมดาของคนดังจาก Hollywood แม้แต่ชาวเน็ทก็รู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ในอีเวนท์ยักษ์ใหญ่แบบนี้ naked dress ก็ยังเป็นเครื่องมือขโมยซีนอยู่ดี สาวมั่นเหล่านี้จึงไม่พลาดที่จะท้าทายทุกสายตาด้วยชุดที่โปร่งใสเผยเนื้อหนังแบบจัดเต็ม
ชุดท่อนบนที่ดูแปลกล้ำของ Julia Fox นั้นถูกออกแบบให้เหมือนแแก้วใสที่กำลังหยดย้อยลงเบื้องล่าง โมเมนท์แบบ 'free the nipple' ทำให้เธอผงาดเข้ามาสร้างชื่อในวงการแฟชั่นได้ยาวข้ามปี ไม่ใช่เป็น 15 minutes of fame เท่านั้น
หรือจะเป็นชุดประดับคริสตัล see through 100% ของ Irina Shayk ภายใต้ชุดบางใสแจ๋ว มีเพียงชุดชั้นในตัวจิ๋วจาก Gucci เธอสับขาเดินเข้าอีเวนท์อย่างมาดมั่นท่ามกลางสายตาลุกพรึ่บไปด้วยความตื่นเต้นของผู้คนรอบข้าง
"ฉันเคยเกิดความประหม่าตอนเดินพรมแดง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว ฉันรู้สึกมั่นใจในตัวเอง และฉันต้องการจะเลือกเสื้อผ้าสำหรับเทศกาลภาพยนตร์เมือง Cannes เพื่อพิสูจน์ให้เห็นกันว่า ฉันสามารถเป็นคุณแม่ทำงานเก่งไปพร้อมๆกับการเข้าร่วมงานนี้ด้วยความสวย stylish และแสดงตัวตนของฉันออกมา"
แฟชั่นแบบ 'free the nipple' ใน Cannes นั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่เมื่อเห็นชุดที่แทบจะประคับประคองหน้าอกของ Elle Fanning ไว้ไม่มิดก็อาจจะทำให้แฟนๆอดจะร้อง OH! เมื่อได้เห็นชุดระย้าขนนกสีเงิน metallic ไปไม่ได้ มันดูคล้ายว่า เธอใส่กระโปรงเอวสูงโดยเกือบจะปล่อยท่อนบนให้ว่างเปล่า มีแต่ส่วนที่เชื่อมต่อกับสร้อยที่ปกปิดสรีระไว้อย่างหมิ่นเหม่
รีวิวจากนักวิจารณ์ The Idol จากรอบปฐมทัศน์ ฉากเซ็กส์แรงและพร่ำเพรื่อเกินไป
หนึ่งงในอีเวนท์ที่สื่อจับตามองคือการฉายซีรีส์ The Idol รอบปฐมทัศน์ เพราะแค่เพียงตัวอย่างก็รู้ว่า นี่คือผลงานที่แรงสุดๆ จนได้รับความคาดหมายว่า มันอาจจะประสบความสำเร็จก้าวตาม Euphoria ด้วยเนื้อหาที่ตีแผ่ด้านมืดของวงการบันเทิง จากเรื่องราวนักร้องสาวผู้ถูกยกให้เป็น pop star ที่เซ็กซี่ที่สุดใน USA ชีวิตของเธอได้พบกับความเปลี่ยนแปลงเมื่อได้เข้ามาพัวพันกับกูรูผู้นำลัทธิสุดฉาว (นำแสดงโดย Lily Rose Depp และ Abel Tesfaye)
แต่ฉากเซ็กส์ในซีรีส์ก็มีอานุภาพช็อกสายตาผู้ชมจนเกิดเสียงวิจารณ์อื้ออึง ผลงานโพรดิวซ์ของ Abel Tesfaye (The Weeknd) ถูกเปรียบเทียบว่าโชว์เรื่องเพศจนล้ำเส้นความวิตถาร บางคนสับว่าขายความโป๊พร่ำเพรื่อ เห็นร่างเปลือยของ Lily Rose Depp ที่รับบทเป็น superstar จนตาแฉะ และยังนำเสนอ rape culture อย่างสุกเอาเผากิน!
ได้ยินมาว่า ฉากเปลืองเนื้อเปลืองตัวของนางเอกนั้นทำให้ภาพความเปลือยของ Cassie แห่ง Euphoria ดูเบาๆไปเลย!
หนึ่งในคำวิจารณ์ที่เผ็ดร้อนเป็นที่สุดมาจากนักเขียน the New York Times ซึ่งได้เปรียบเทียบซีรีส์เรื่องนี้ว่า มันเหมือนกับ 50 SHADES OF TESFAYE หรือมหากาพย์ Pornhub นำแสดงโดยปานหัวนมของ Lily-Rose Depp และผมหางเปียมันเยิ้มของ The Weeknd
แต่ตัวผู้กำกับ Sam Levinson มีความมั่นใจมากว่า The Idol จะประสบความสำเร็จ เมื่อภรรยาของเขาอ่านบทวิจารณ์จาก Rolling Stone ที่บอกว่ามันเหมือนกับผลงานหนังโป๊ทรมานและเติมเต็มแฟนตาซีรูปแบบข่มขืน เขาก็ตอบกลับไปว่า มันจะกลายเป็นซีรีส์ที่ดังที่สุดในช่วง summer
แม้จะสร้างความตะลึงพรึงเพริดด้วยฉากทางเพศ แต่ดูเหมือนว่า จะถูกใจผู้ชมใน Cannes ไม่น้อย เห็นได้จาก standing ovation ถึงห้านาที
เราเป็นอีกคนที่รอคอยจะพิสูจน์คุณภาพซีรีส์เรื่องนี้ด้วยตัวเอง ซี่งกำหนดการฉายทางช่อง HBO คือต้นเดือนหน้า นอกจาก Lily Rose ก็ยังมี Troye Sivan และไอดอลเกาหลีใต้ชื่อดัง Jennie Kim ร่วมแสดง
เคยได้ยินมาว่า นี่คือผลงานเดบิวท์ใน Hollywood ของ Jennie ก็จริง แต่เธอมีบทบาทไม่มากนัก รีวิวดุเดือดของนักวิจารณ์หนังก็อาจจะไปกระทบกับความรู้สึกเปราะบางของแฟนๆฝั่งเกาหลีใต้ที่ยังยึดกับแนวคิดอนุรักษ์นิยม และคาดหวังให้ไอดอลชื่อดังเลือกรับงานที่ไม่หมิ่นเหม่ด้านศีลธรรม แต่ก็อย่างบอกไว้แต่แรกว่า Jennie อาจจะไม่ได้ข้องเกี่ยวกับฉากแรงชวนอึ้ง เพราะต้นสังกัดน่าจะดูแลเรื่องนี้ค่อนข้างเข้มงวด
บทบาทของ Jennie ใน The Idol จะออกมาเป็นรูปแบบใดก็คงต้องรอคอยติดตามกันอีกสักนิด
หากถามถึงบรรยากาศ after party ใน Cannes เธอก็สนุกสนานกับเพื่อนฝูงชาว Hollywood อย่างเต็มที่ ทำให้นึกถึงภาพของ Lisa และ V ที่โชว์ skill เหวี่ยงตัวหมุนรอบเสาใน after party ของ Celine ครั้งก่อน เป็น vibe ของหนุ่มสาวที่ไม่ต้องคอยระมัดระวังตัวไปทุกย่างก้าว
ส่วนภาพจากงาน photocall ล่าสุดก็สร้างความฮือฮาในหมู่แฟนๆ เพราะแม้ว่า Jennie จะได้รับบทสมทบในซีรีส์เรื่องนี้ แต่หลังจากที่ถ่ายรูปหมู่กับทีมนักแสดงไปแล้ว ออร่าดาวเด่นแบบฉบับไอดอลสาวทำให้ช่างภาพก็ตะโกนเรียกให้เธอเดินกลับมาถ่ายรูปเดี่ยวดังลั่นไปหมด
ความเคลื่อนไหวที่แฟนๆจับตามอง การเข้าร่วมอีเวนท์ที่ Cannes ของ V BTS
หลังจากที่คลิปจับมือกับ Jennie อย่างหวานแหววที่ Paris ได้สร้างความตื่นเต้นในโลกออนไลน์จนกลายเป็นไวรัล (ตามมาด้วยคำชี้แจงแบบไม่รู้ไม่เห็นของต้นสังกัด) เมื่อมีรายงานว่า V BTS จะเข้าร่วมอีเวนท์ของ Celine พร้อมกับ Lisa และ Park Bogum ก็ได้ปลุกเร้าความสนใจจากกองเชียร์ เราจะมีโอกาสเห็นคู่รักไอดอลเปิดตัวความรักรึเปล่านะ? แม้จะรู้ว่า ความเป็นไปได้ที่พวกเค้าจะออกงานคู่กันนั้นดูริบหรี่เหลือเกิน แต่อาจจะมีภาพเด็ด confirm สถานะแบบชัดเจนกว่าคลิปเบลอๆก็ได้นะ??
ล่าสุด ในอีเวนท์ CELINE Cannes 2023 Dinner ที่ V ได้โคจรมาพบกับ Lisa เพื่อนร่วมวงสุดซี้ของ Jennie อีกครั้ง พวกเค้าเป็นผู้สร้างมูลค่าจาก Media Impact ที่สูงลิบลิ่ว ถึงจะไม่ได้มีส่วนร่วมในผลงานหนัง/ซีรีส์เหมือนกับ Jennie แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า จะมีคนค้นหาชื่อของไอดอลชื่อดังมากขึ้นกว่าเดิมแบบคูณไปอีกไม่รู้กี่เท่า หลังจากที่แสดงพลัง K Pop ให้ผู้คนได้เห็นใน fashion week ดึงดูดยอดขายให้พุ่งกระฉูดไปแล้ว จุดหมายต่อมาก็คือ Cannes นั่นเอง
คำถามว่า Cannes เป็นศูนย์กลางภาพยนตร์ชั้นเยี่ยมหรือแฟชั่น high end กันแน่?
Cannes ไม่ได้เป็นจุดศูนย์กลางของการนำเสนอศิลปะการสร้างสรรค์ภาพยนตร์เท่านั้น เพราะนี่คือพื้นที่สำหรับการแสดงผลงานทางแฟชั่นผ่านกองทัพคนดังที่หลั่งไหลเข้ามาเข้าร่วมพรมแดงและอีเวนท์สุดหรูไม่แตกต่างจากอีเวนท์เปิดตัวหนังคุณภาพ ความเติบโตของอุตสาหกรรมทั้งสองได้ก้าวเคียงข้างไปข้างหน้าด้วยกัน ช่วยเกื้อหนุนสร้างความสนใจจากผู้ติดตามจนเทศกาลภาพยนตร์แห่งนี้มีชื่อเสียงก้องโลก แม้จะเสียงทักท้วงจากคนบางกลุ่มว่า ชาวเน็ทต่างให้ความสำคัญกับแฟชั่นจนหลงลืมวัตถุประสงค์จริงๆของงาน หรืออาจจะรู้เรื่องชุดสุดเริ่ดของคนดังมากกว่าหนังที่ชนะรางวัลซะอีก แต่ในที่สุดแล้ว ผลงานที่ประสบความสำเร็จย่อมได้รับการยกย่องสร้างความตรึงตราใจให้กับกลุ่มคนรักหนัง ส่วนคนดังที่ถูกยกให้อยู่ใน best dressed list ก็ไม่ใช่กลุ่มที่ทำให้ศิลปะภาพยนตร์ถูกด้อยค่าลงไปแต่อย่างใด
Lisa เป็นหนึ่งในคนดังฝั่ง K-Pop ที่พวกเราอาจจะได้เห็นเธอกลับมาเยือน Cannes ซ้ำอีก จากการทำสัญญาเป็น brand ambassador ให้กับ Bulgari แบรนด์เครื่องประดับที่มี connection แนบแน่นกับเทศกาลภาพยนตร์ (แม้ว่า partner ของ Cannes อย่างเป็นทางการจะเป็น CHOPARD) และยังมี Celine ซึ่งแบรนด์หรูต่างๆต่างประชันอีเวนท์เพื่อเปิดตัวผลงานด้วย Engagement Rate ทาง social media คนดังจากฝั่ง Asia จึงมีบทบาทสำคัญในการ boost กระแสไม่แตกต่างจาก fashion week
global ambassador อีกคนของ Celine Park Bogum อาจจะดูห่างหายไปพักใหญ่จากที่ต้องไปรับใช้ชาติในกรม และปลดประจำการไปเมื่อปีที่แล้ว นอกจากอีเวนท์ของ Celine แฟนๆก็รอติดตามผลงานที่เขาจะจับคู่กับ superstar สาว IU มันถูกมองว่าเป็นซีรีส์ที่มีคนคาดหวังมากที่สุด เพราะเป็นผลงานของผู้กำกับ My Mister และนักเขียนบทซีรีส์โกยเรตติ้งสูง ในอนาคตข้างหน้า พระเอกหนุ่มหน้าหวานคนนี้อาจจะมีโอกาสหวนกลับมาในฐานะนักแสดงหนังเกาหลีที่ผ่านการคัดเลือกให้ฉายในเทศกาลภาพยนตร์ที่ลือลั่นแห่งนี้ก็เป็นได้
สื่อยังพยายามชงเรื่อง Johnny Depp ให้เป็นความมัวหมองของวงการบันเทิงอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่เปิดงานวันแรกมา สื่อจาก America ก็ได้ตีข่าวในประเด็นความอื้อฉาวที่เกิดจากการตัดสินใจของผู้จัดงานที่ได้อ้าแขนต้อนรับ Johnny Depp อย่างเต็มใจ ถึงขั้นที่สนับสนุนให้หนังของเขาได้เป็นผลงานเปิดงาน แต่หนัง Jeanne du Barry ที่เขานำแสดงนั้นสร้างกระแสยี้ในงานนี้จริงหรือ?
Eve Barlow นักข่าวที่สนิทสนมกับ Amber Heard เรียกร้องแทนเพื่อนสาวว่า ควรจะมีการชูประเด็นกระแสต่อต้านผู้กระทำผิดที่ได้รับเชิญมาร่วมเทศกาลภาพยนตร์เมือง Cannes และมันจะช่วยปลุกพลังใจยิ่งขึ้น หาก Amber ได้มีโอกาสกลับมาทำหน้าที่ L'Oreal ambassador (ซึ่งน่าจะหมายความว่า Amber ถูกกีดกันจากงานนี้ หลังจากร่วมงานมาแล้วหลายครั้ง) Barlow ยังพยายาม call out ผู้จัดงานว่า หากสนับสนุน Cannes ก็ถือเป็นการสนับสนุนพวกใช้ความรุนแรง และสร้างแฮชแทก #CannesYouNot เพื่อปลุกกระแสต่อต้าน Cannes ที่ไม่ยอม boycott นักแสดงและนักสร้างหนังที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น abuser
แต่เมื่อได้เห็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความชื่นมื่นตื่นเต้นของผู้ร่วมงานและแฟนๆที่มารอพบ Johnny Depp ก็อาจจะทำให้หลายคนสับสนว่า แล้วไหนล่ะกระแสต่อต้านที่สื่อพูดถึง?
Thierry Fremaux ผู้อำนวยการแห่งเทศกาลภาพยนตร์เมือง Cannes ระบุว่า
"ผมไม่รู้ว่า Johnny Depp มีภาพลักษณ์อย่างไรใน USA จะบอกอะไรให้นะ ในชีวิตผม กฎเดียวที่ผมยึดมั่นคือ การมีอิสระในความคิดและการพูดแสดงความเห็น ซึ่งมันต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย"
"ถ้า Johnny Depp ถูก ban จากการแสดงหนัง และหนังของเขาถูก banจริงๆ เราก็คงไม่ต้องมาพูดเรื่องเขากันอยู่ในตอนนี้หรอกครับ"
"ผมสนใจเขาในเรื่องการแสดงเท่านั้น"
"ผมไม่รู้ว่า Johnny Depp มีภาพลักษณ์อย่างไรใน USA จะบอกอะไรให้นะ ในชีวิตผม กฎเดียวที่ผมยึดมั่นคือ การมีอิสระในความคิดและการพูดแสดงความเห็น ซึ่งมันต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย"
"ถ้า Johnny Depp ถูก ban จากการแสดงหนัง และหนังของเขาถูก banจริงๆ เราก็คงไม่ต้องมาพูดเรื่องเขากันอยู่ในตอนนี้หรอกครับ"
"ผมสนใจเขาในเรื่องการแสดงเท่านั้น"
ผู้กำกับก็ถูกสื่อโจมตีเช่นกัน
Maïwenn ผู้กำกับหญิงที่เลือก Johnny Depp ให้มาแสดงเป็นพระเจ้า Louis ที่ 15 ประชันบทบาทกับตัวเธอที่รับบทนำของเรื่องคือสนมเอก Jeanne du Barry ก็ถูกเพ่งเล็งหนักจากสื่อเช่นเดียวกัน ไม่เพียงแต่ที่เธอจะถูกกล่าวหาว่า เชิดชูพระเอกที่มีพฤติกรรม abusive สร้างความมัวหมองให้กับวงการภาพยนตร์ ไม่นานก่อนหน้านี้ เธอตกเป็นข่าวฉาวโฉ่จากข้อกล่าวหาของนักข่าวชายผู้หนึ่งว่า เธอเข้ามาจิกผมและถ่มน้ำลายรดหน้าเขาในร้านอาหาร และเธอก็ยอมรับตรงไปตรงมาต่อหน้าสื่อว่า ทำเรื่องนี้ซะด้วย! แต่ก็ยังไม่มีคำอธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้เธอลงไม้ลงมือกับนักข่าวรายนี้
นักข่าววัย 70 ผู้ถูกกระทำเชื่อว่า เหตุผลที่ Maïwenn ใช้ความรุนแรงมาจาก การนำเสนอข่าวคดีล่วงละเมิดของ Luc Besson สามีเก่าของเธอซึ่งถูกนางเอกชาว Ducth และผู้หญิงจำนวนหนึ่งกล่าวหาว่าเขาข่มขืนพวกเธอ (อัยการยกฟ้องเพราะไม่มีหลักฐานเพียงพอ) และเมื่อนิตยสารของเขารื้อฟื้นข้อมูลต่างๆที่เธอให้การกับตำรวจเมื่อในอดีต ซึ่งเธออาจแค้นเคืองในถูกขุดคุ้ยเรื่องนี้
Maïwenn เป็นผู้กำกับและนักแสดงที่มีชื่อเสียงในฝรั่งเศส เธอสร้างความฮือฮาด้วยการโจมตีความเคลื่อนไหว MeToo แบบไม่แคร์สื่อว่า เป็นการกระทำของพวกผู้หญิงที่เกลียดผู้ชาย และทำให้เกิดความเดือดร้อนหนักเพราะมีผู้ได้รับลูกหลงที่เจอผลกระทบไปด้วย
สื่อตีข่าวโจมตีครึกโครม แต่ reaction ของผู้ชมในรอบปฐมทัศน์คือ standing ovation
ภาพของ Johnny Depp ที่ตื้นตันจนดูเหมือนว่าเขาต้องกลั้นน้ำตา หลังจากที่ผู้ชมในโรงภาพยนตร์แสดงความชื่นชมในผลงานด้วย standing ovation ถึงเจ็ดนาที มันดูย้อนแย้งกับกระแสโจมตีที่เกิดขึ้นในหน้าสื่อ Dior ทุ่มเงินหลายร้อยล้านเพื่อต่อสัญญาพรีเซนเตอร์น้ำหอม Dior Sauvage จากกระแสความนิยมในตัวเขาที่ทำให้น้ำหอมขายดี แต่เขาก็ยังถูกผูกติดกับภาพลักษณ์ย่ำแย่ ถึงขนาดว่า คนดังที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาในงานนี้ต้องพบคำถามคาดคั้นจากสื่อ ราวกัับว่า เขาเป็นตัวนำโชคร้ายที่คนอื่นไม่ควรเอาชื่อเสียงตัวเองไปพัวพัน
Brie Larson นางเอก Oscar ที่ถูกทาบทามมาเป็น jury ของงานต้องตอบคำถามนักข่าวว่า เธอตั้งใจจะไปชมผลงานหนังของ Johnny Depp หรือไม่? และดูเหมือนว่า มันได้สร้างความกระอักกระอ่วนให้เธออยู่บ้าง
"คุณถามฉันเหรอคะ? ขอโทษทีนะ ฉันไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวข้องกันยังไง หรือว่าทำไมต้องเจาะจงถามแต่ฉัน"
ผู้สื่อข่าวจี้เธอไม่ลดละว่า นั่นเป็นเพราะเธอคือหนึ่งในสมาชิกขององค์กรTime's Up ที่ถูกจัดตั้งขึ้นจากความเคลื่อนไหว MeToo ซึ่งเธอก็ได้แต่ตอบอย่างคลุมเครือว่า ถ้าเธอไปร่วมชมด้วย ก็คงจะได้เห็นกันเอง แต่เธอก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ ใ นที่สุดเธอก็ไปร่วมงานพรมแดงในการฉาย Jeanne du Barry รอบปฐมทัศน์ด้วยท่าทางสดใสมีชีวิตชีวา
แม้แต่นางเอกสาว Natalie Portman ที่ไม่ได้เข้าร่วมในงานฉายหนัง Jeanne du Barry ก็ถูกสื่อคาดคั้นให้แสดงความเห็นในเรื่อง Cannes ในปีนี้ที่ผลงานของผู้กำกับหญิงได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมในเทศกาลมากที่สุดเท่าที่เคยจัดงานมา แต่กลับเปิดงานอย่างอลังการด้วยหนังของ Johnny Depp 'ซึ่งทำให้บางคนแอบมองแรง'
และคงเดาออกว่า Natalie ไม่ได้ให้คำตอบแบบฟาดฟันไปที่ฝ่ายใดแบบเจาะจง เธอไเพียงเลี่ยงไปว่า ยังไม่ได้อ่านข่าวเรื่องนี้ แต่มองว่า เราสามารถผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าเดิมขึ้นมาได้
น่าจะเป็นไปได้ว่า นักแสดงหญิงที่ได้ประกาศตัวเป็นนักสิทธิสตรีใน Cannes จะถูกตั้งคำถามในประเด็นนี้ และดูเหมือนว่า จะมีความคาดหวังจากคนกลุ่มหนึ่งให้คนดังระดับแนวหน้าสักคน ออกตัวแรง call out ทั้ง Johnny Depp และ Cannes แบบไม่ต้องรักษาน้ำใจใคร หากใครเลือกจะแสดงความเห็นแบบบก้ำกึ่ง ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับ JD ก็พร้อมจะจิกกัดว่าพวกเค้าไม่ยอมต่อสู้เพื่อเหยื่อที่ถูกทำร้าย
นักแสดงอีกคนที่ถูกสื่อถามความรู้สึกที่ได้พบกับ Johnny Depp คือ Mads Mikkelsen หลังจากที่เขาได้แชร์ภาพโมเมนท์ที่ได้พบหน้ากันในรอบฉายเปิดตัว Jeanne Du Barry แล้วพระเอกหนุ่มมาดเท่ก็ยังบรรยายไว้ว่า Grindewald and Grindewald สร้างความปลาบปลื้มให้กับแฟนๆ จนกลายเป็นไวรัล
การแสดงท่าทีสนับสนุน Johnny Depp อย่างชัดเจน ก็ทำให้ Vanity Fair ตั้งคำถามกับ Mads ว่า นอกจากจะพวกเค้าทักทายกัน มันเกิดบรรยากาศที่อึดอัดตามมาหรือไม่? เพราะว่าเขาคือคนที่พระเอกที่เข้ามารับบท Grindewald แทนที่ JD ในหนังตระกูล Fantastic Beasts
"ไม่อึดอัดเลยแม้แต่น้อยครับ ผมเคยเจอกับเขาเมื่อไม่กี่ปีก่อน และเราก็เคยดินเนอร์ร่วมกันกับอีกหลายคน เขาดูเป็นคนที่นิสัยดีมากเลยล่ะ แล้วมันก็เกิดเรื่องราวนั้นขึ้นมา ผมได้รับการทาบทามให้รับแสดงบทนั้น ผมไม่มีเบอร์ติดต่อหาเขา และศาลก็ได้ตัดสินออกมาแล้ว ไม่ว่าผลของมันจะออกมารูปแบบใด ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามนั้น ผลก็ลงเอยอย่างที่ได้เห็นกัน เขาจึงได้หวนคืนสู่วงการ เมื่อได้เห็นเขากลับมาก็รู้สึกดีครับ"
"ตอนนั้นเขาเพียงแต่บอกว่า ผมโคตรดีใจเลยที่คนที่ได้มารับบทแทนผมเป็นคุณ เขาฟังดูเป็นคนน่ารักนะ"
ไม่ต้องแปลกใจที่สื่อตั้งคำถามกับ Mads เรื่องนี้ เพราะตั้งแต่ที่เห็นว่าเขาคือหนึ่งในแขกที่เข้าชมหนัง Jeanne Du Barry แทบลอยด์ดังจากอังกฤษ Daily Mail ก็จุดประเด็นขึ้นมาด้วยการโปรยหัวข่าวว่า มันนำไปสู่สถานการณ์ที่ชวนลำบากใจ เพราะเป็นการโคจรมาพบกันระหว่างพระเอกที่ถูกไล่ออกจากหนังดัง เพื่อสังเวย scandal ข้อกล่าวหาเรื่องความรุนแรงในครอบครัว และแีกฝ่ายคือพระเอกที่มาเสียบแทน แต่ Mads ได้พิสูจน์แล้วว่า พวกเค้าไร้ bad blood และไม่ได้รู้สึกไม่สบายใจที่เจอหน้ากันตรงๆอย่างที่สื่อตั้งข้อสงสัย
ขนาดนางเอกที่ยังไม่ได้เดินเฉียดกันในงานก็ยังถูกสื่อถามความเห็นในเรื่องที่เขาได้กลับมายัง Cannes มีหรือที่ JD จะไม่ได้เลี่ยงคำถามพวกนี้ไปได้? เขาได้แต่อธิบายว่า เรื่องราวของเขาที่ผู้คนได้อ่านจากสื่อในช่วง 5-6 มานี้เป็นแค่การปั้นเรื่องแบบกู่ไม่กลับจนน่าสะพรึง
"ความจริงก็ยังเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ" เขาได้ยืนยันถึงความบริสุทธิ์ หลังจากที่เอาชนะคดีหมิ่นประมาทแห่งศตวรรษ ทำให้อดีตภรรยาชดใช้ค่าเสียหายได้ แต่ก็มีถูกสื่อและชาวเน็ทกลุ่มหนึ่งโจมตีไม่เลิกรา
แม้ว่าจะมีเสียงกล่าวขวัญถึงการหวนคืนสู่วงการของเขา แต่เขาไม่ได้รู้สึกเลยว่าตัวเองจากไปไหน เพราะยังวนเวียนอยู่ที่เดิม แนวคิดที่ว่าเขาจะต้องทุ่มฝีมือเต็มที่เพื่อให้ผู้คนยอมรับการกลับมาจึงเป็นเรื่องราวน่าฉงน
หากพูดถึงโอกาสที่ JD จะกลับมาแสดงหนัง Hollywood เขาก็ดูจะปลงไปแล้ว เพราะแม้จะยอมรับว่าถูก boycott หลังจากถูกปลดจากการร่วมแสดงหนังดัง แต่ตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองถูกวงการ Hollywood boycott เพราะไม่ได้ใส่ใจมันอีกแล้ว
ผู้กำกับหนังฝรั่งเศสทาบทามเขามาร่วมงานยังเป็นประเด็นร้อนตามหน้าสื่อขนาดนี้ จะเกิดอะไรขึ้น หากนักสร้างหนังฝั่ง Hollywood สวนกระแสโจมตี แล้วเลือกเขามารับบทนำอีกครั้ง?
"ความจริงก็ยังเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ" เขาได้ยืนยันถึงความบริสุทธิ์ หลังจากที่เอาชนะคดีหมิ่นประมาทแห่งศตวรรษ ทำให้อดีตภรรยาชดใช้ค่าเสียหายได้ แต่ก็มีถูกสื่อและชาวเน็ทกลุ่มหนึ่งโจมตีไม่เลิกรา
แม้ว่าจะมีเสียงกล่าวขวัญถึงการหวนคืนสู่วงการของเขา แต่เขาไม่ได้รู้สึกเลยว่าตัวเองจากไปไหน เพราะยังวนเวียนอยู่ที่เดิม แนวคิดที่ว่าเขาจะต้องทุ่มฝีมือเต็มที่เพื่อให้ผู้คนยอมรับการกลับมาจึงเป็นเรื่องราวน่าฉงน
หากพูดถึงโอกาสที่ JD จะกลับมาแสดงหนัง Hollywood เขาก็ดูจะปลงไปแล้ว เพราะแม้จะยอมรับว่าถูก boycott หลังจากถูกปลดจากการร่วมแสดงหนังดัง แต่ตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองถูกวงการ Hollywood boycott เพราะไม่ได้ใส่ใจมันอีกแล้ว
ผู้กำกับหนังฝรั่งเศสทาบทามเขามาร่วมงานยังเป็นประเด็นร้อนตามหน้าสื่อขนาดนี้ จะเกิดอะไรขึ้น หากนักสร้างหนังฝั่ง Hollywood สวนกระแสโจมตี แล้วเลือกเขามารับบทนำอีกครั้ง?
หนังเรื่องใหม่ของ Leonardo DiCaprio และ Robert De Niro ได้รับรีวิวดีสุดๆ
พอได้เห็นว่า ผู้กำกับหนัง Killers of the Flower Moon คือ Martin Scorsese ชาวเน็ทไม่ต้องจินตนาการให้เหนื่อย ก็รู้ได้เลยว่า Oscar Race ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว! หนังของเขาเข้าชิง Oscar มาหลายครั้งหลายหน และรายชื่อนักแสดงที่เขาเลือกสรรก็มีแต่ระดับชั้นนำทั้งนั้น สำหรับผลงานล่าสุดนี้ Leonardo DiCaprio ได้หวนกลับมามาร่วมงานกันอีกครั้ง หลังจากที่เขาแสดงหนังสุดปังของ Scorsese มาหลายเรื่อง และยังมีพระเอกอาวุโสที่ร่วมงานกันมาเกินสิบรอบอย่าง Robert De Niro และ Brendan Fraser ที่เพิ่งจะคว้า Oscarไปในปีนี้
หนังยังอาจจะยังไม่ได้เข้าฉายในโรง แต่ก็ถูกคาดหวังว่า ได้ก้าวสู่เส้นทางไขว่คว้ารางวัลใหญ่ซะแล้ว เสียงตอบรับจากนักวิจารณ์นั้นเต็มไปด้วยความชื่นชม ได้รับ standing ovation ไปถึง 9 นาที!
นักวิจารณ์หนังบางคนบอกว่า Leonardo ได้ทำให้ประจักษ์ถึงฝีมือการแสดงที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา รวมถึงการแสดงทรงพลังของทีมนักแสดงทำให้คะแนนรีวิวสูงทีเดียว แต่ผลงานการกำกับของ Martin Scorsese ครั้งนี้ไม่ได้เข้าร่วมการชิงรางวัล Palme d'Or อย่างไรก็ตาม ย้อนไปเมื่อปี 1976 Scorsese .ในวัยหนุ่มฉกรรจ์ก็พาหนัง Taxi Driver ที่นำแสดงโดย Robert De Niro คว้ารางวัลอันทรงเกียรติอันนี้มาแล้ว เมื่อถูกถามถึงเหตุผลที่ไม่ได้ส่งหนังเข้ามาร่วมชิงชัยใน Cannes Scorsese ก็ตอบอย่างอารมณ์ดีว่า เขาอยากจะหลีกทางให้คนทำหนังรุ่นใหม่ ถึงเขาจะชอบเจ้ารางวัลสีทองเป็นอย่างยิ่ง แต่ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือ พลังสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจ