เทรนด์สุดว้าว สาวแปลกฉีกกฎความ hot

"สวยแปลกๆ"
หากมีใครพูดกับเราแบบนี้ก็คงบรรยายไม่ถูกว่าเป็นคำชมหรือยังไงกันแน่ แต่สำหรับสาวโมเดิร์นหลายคน หากให้ยึดมาตรฐานความงามที่ผู้คนส่วนมากชื่นชมก็อาจจะไม่สามารถถ่ายทอดตัวตนออกมาได้อย่างเต็มที่ พวกเธอจึงเลือกจะฉีกกรอบความสวยตามพิมพ์นิยม และแสดงความสร้างสรรค์ สร้างเอกลักษณ์ประจำตัวโดยไม่หวาดหวั่นกับคำครหาว่าดูแปลกแตกต่างไปจากสาวงามคนอื่น

ในโลกที่ social media มีอิทธิพลต่อความคิดของผู้คนมากมายทั่วโลก อาจจะทำให้มีผู้มองว่า ยิ่งแสดงออกให้ดูแปลกมากเท่าไร ก็มีโอกาสจะก้าวไปสู่ความโด่งดัง และมันอาจจะทำให้คนดังแข่งกันแปลกเพื่อมีแสงเจิดจ้ากว่าเก่า ดังกรณีของเซเลบที่เคยถูกมองว่าเป็นนางเอกโนเนมอย่าง Julia Fox จากจุดเปลี่ยนที่ชาวเน็ทหันมาสนใจเธอในขณะที่มีความสัมพันธ์แบบ pubic กับ Kanye West และเธอไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดหายไป แฟชั่นที่แปลกจนถูกมองว่าดูบ้าระห่ำทำให้เธอสร้างเสียงกล่าวขวัญมาถึงตอนนี้ สื่อบางเจ้าได้ตั้งคำถามว่า หรือเทรนด์สาวแปลกกำลังมาแรง? แม้เซเลบรายอื่นจะไม่ได้ลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้าดีไซน์ชวนอึ้งกึ่งเปลือย หรือแต่งหน้าแหวกแนวกันรัวๆเหมือนกับ Julia แต่พวกเธอก็ดูมาดมั่นกับการสวนกระแสมากกว่าในอดีต

ยังมีเซเลบสาวอีกหลายคนที่ถูกมองว่าพวกเธอมีเสน่ห์โดดเด่นที่ความแปลก ลองมาติดตามกับเราสิว่า จะมีคนที่คุณนึกถึงอยู่รึเปล่า?

เธอคือแร็พเพอร์สาว Gen Z ที่กำลังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในวงการดนตรีถูกได้รับการเปรียบเทียบว่าเธอคือเจ้าหญิงเเพลงแร็พจาก New York    เธอได้ยินคอมเมนท์จากคนรอบข้างในเรื่องลุคที่ดูแปลกของเธอจนชาชิน   แต่มันกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เธอ stand out จากคนอื่น  และแทนที่จะรู้สึกจิตตก  เธอกลับค้นพบว่า  ความแปลกนี่เองที่ทำให้เธอมองเห็นลู่ทางแห่งความเป็นดาว!

"ตอนยังเรียนอยู่ ฉันดังสุดๆ ทั้งๆที่ฉันพยายามที่จะปลีกวิเวก ไม่คบหาใครมากนัก คือไม่รู้สินะ ทั้งที่ฉันชอบความรู้สึกที่มีเพื่อนน้อยๆ มีเพื่อนสองคนมี่ฉันชอบมากๆก็รู้สีก OK แล้ว และฉันมีรูปลักษณ์แปลกเอามากๆ   ไม่ว่าจะเรียนอยู่ชั้นไหน คนอื่นๆก็เอาแต่จ้องฉันอยู่นั่นแหละ ฉันจะได้รับความสนใจมากมาย จะอยู่ในโรงเรียนหรือเดินไปตามถนน หรือไปซื้อของ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็มีแต่คนสนอกสนใจ และทำให้ฉันได้เรียนรู้ว่า ฉันจะไปได้ไกลขนาดไหนในวันข้างหน้า"

ในขณะที่ Ice Spice ยึด Nicki Minaj เป็นแรงบันดาลใจ แร็พเพอร์วัย 23 จะมาจาก Bronx (เหมือนกับ Cardi B) เธอมีเชื้อสายลูกผสมเช่นเดียวกัน ที่ผ่านมานั้น แฟนๆเคยแสดงความสับสนเกี่ยวกับเรื่องเชื้อชาติของเธอ จน Spice ต้องอธิบายว่า พ่อมีเชื้อสาย Nigerian ส่วนแม่เป็นชาว Dominican

จากภาพในสมัยยังเป็นเด็กมัธยม จะเห็นว่า ผมสีเข้มของเธอดูเหยียดตรง ใบหน้าสวยคมแบบฉบับสาว Latina ภาพนี้สร้างความฮือฮาจนกลายเป็นไวรัล เพราะแฟนๆต่างอยากรู้ว่า ที่จริงแล้ว ทรงผมสั้นลอนหยิกฟูสีส้มที่กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของเธอนั้น ดูแตกต่างกับภาพจากหนังสือรวมรุ่นแบบสุดขั้วหรือไม่? พวกเค้าไล่ถาม Spice ว่า ที่จริงเธอไปดัดผมเพื่อสร้าง signature look หรือว่ามันเป็นวิกผมหยิกกันแน่?

และคำตอบของ Ice Spice คือ ทรงผมในภาพคือเวอร์ชั่นยืดมาแล้วเรียบร้อย เธอเลือกเปลี่ยนทรงผมด้วยการใส่วิกไม่ต่างจากสาวเชื้อสาย African คนอื่นๆ ตอนที่เริ่มเข้าวงการ เธอไม่ได้เปิดเผยผมที่แท้จริง จนกระทั่งปล่อยเพลง No Clarity ออกมา และเธอค้นพบว่า ตอนที่โชว์ลอนผมหยิกฟูตามธรรมชาติ กลับมีคนสนใจผลงานของเธอมากกว่าที่ผ่านมาซะอีก และเธอเชื่อว่า พวกแฟนๆชื่นชมที่เธอเป็นตัวเองได้เต็มที่ ซึ่งก่อนหน้านั้น เธอก็เคยนึกหวั่นใจที่จะเปิดเผยผมหยิกตามธรรมชาติ แต่กลายเป็นว่า มันยิ่งทำให้เธอโด่งดัง มีคน coverเยอะแยะไปหมด

ผู้ที่สร้างความเชื่อมั่นจนเธอเปิดใจชื่นชมลอนผมหยิกธรรมชาติของตัวเองคือพ่อนั่นเอง

"พ่อบอกว่า นี่คือสิ่งที่สวยงามนะลูก ลูกเป็นคนสวย ปล่อยผมให้เป็นธรรมชาติไปเถอะ ฉันเคยปลื้มตอนที่ตัวเองยืดผม และแกล้งทำเหมือนว่าผมไม่ได้หยิกหย็อง ถึงขั้นที่ฉันสวดมนต์ภาวนาต่อพระเจ้าก่อนเข้านอนเพื่อนท่านจะบันดาลให้ฉันมีผมตรงตอนที่ตื่นขึ้นมา นั่นเป็นเพราะว่าฉันเข้าโรงเรียนที่มีแต่เด็กผู้หญิงผิวขาว และฉันเป็นคนเดียวที่มีผมหยิกฟู แต่ในที่สุดที่ฉันตัดสินใจทำมัน ก็รู้สึกเหมือนกับดึงพลาสเตอร์ที่ติดบนแผลรวดเดียว ฉันไม่มีวันลืมครั้งแรกปล่อยให้ผมหยิกตามธรรมชาติไปโรงเรียน ฉันใช้เวลานานมากในห้องน้ำจ้องมองตัวเองในกระจกแล้วก็กลับเข้าไปเรียน  ฉันดันกังวลในเรื่องที่ไม่ได้สำคัญสักนิด แต่ตอนที่อายุแค่ 15 เสียงวิจารณ์จากเพื่อนร่วมห้องมันก็มีผลกระทบต่อเรา"


และเมื่อเธอสร้างความมั่นใจขึ้นมาได้แล้ว   ผมหยิกตามธรรมชาติได้กลายเป็นหนึ่งแรงผลักดันที่ทำให้เธอได้รับความนิยมในหมู่คนรุ่นใหม่   แฟนตัวจิ๋วที่ดูจะคลั่ง Ice Spice ออกหน้าออกตาก็คือ North West  ทายาทคนโตของ Kim K และ Kanye  ส่วน Lil Nas X  ศิลปินรุ่นราวใกล้เคียงกันก็แต่งตัวเลียนแบบ Spice ด้วยวิก Ginger และจริตที่เป๊ะสุด

เธอได้บรรยายลุคแปลกของตัวเองว่า

"นอกเหนือจากทรง Afro สั้นในปัจจุบัน ฉันก็เคยทำผมมาแล้วแทบทุกทรง ทุกครั้งที่เปลี่ยนทรงผม ฉันก็ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ใส่ทั้งวิกผมหยิก วิกผมตรง วิกผมสั้น วิกผมยาว ถักเปีย แสกข้างปาดเรียบ ผ่านมาหมดทุกรูปแบบ และในที่สุดก็ย้อนกลับมาจุดเริ่มต้นกับความเป็นธรรมชาติ สมัยที่ต้องใส่เครื่องแบบเข้าเรียนในโรงเรียน Catholic ฉันชอบใส่ครอปท็อป เดรส ทั้งยาวและสั้น กระโปรง ฉันจะเปลี่ยนสไตล์ไปเรื่อยๆจนค้นพบตัวเอง แต่คงพูดไม่ได้เต็มปากว่าสไตล์ของฉันมันดูแปลก ฉันก็แค่...มีลุคที่แปลก ประมาณว่าตัวตนของฉันมันแปลก คนเค้าพูดกันมาแบบนี้ ฉันดูแปลกประหลาดเอาการ"


"ฉันอยากรู้เหมือนกันว่าทำไมถึงคิดไปแบบนั้น โดยเฉพาะคนที่เข้ามาทำความรู้จักและสนิทกันภายหลัง พวกเค้าจะบอกตลอดว่า รู้มั้ย ตอนที่เราเจอกันครั้งแรก ฉันว่าเธอมีลุคที่แปลกมากๆเลย"

ช่วงไม่กี่เดือนก่อนที่สื่อแฟชั่นต่างนำเสนอเทรนด์คิ้วจาง จากภาพของคนดัง Hollywood ที่ย้อมคิ้วให้เป็นสีอ่อน หรือใช้คอนซีลเลอร์กลบคล้ายกับว่าคิ้วโล้น รวมถึงนางแบบที่เดินสับขาบน runway ด้วยลุคไร้คิ้ว อาจจะเป็นไปได้ว่า มีใครบางคนที่เห็นข่าวพวกนี้แล้วยักไหล่เบาๆ เพราะแต่ไหนแต่ไรมา เธอก็ปล่อยให้คิ้วบางจนเหมือนว่ามันไม่ได้อยู่ตรงนั้น

และเธอคนนั้นคือ Mia Goth เจ้าหญิงหนังเชือดที่กำลังสร้างเสียงกล่าวขวัญ...

เพราะสำหรับ Mia  นี่ไม่ใช่แค่การฟอกสีคิ้วตามเทรนด์ชั่วครั้งชั่วคราว  ไม่ว่าจะสถานการณ์ใด ไปเดท เดินพรมแดง ถ่ายแบบ ถ่ายหนัง    เธอก็รักษาคอนเสปท์คิ้วบางไว้ไอย่างเหนียวแน่น  หรือคงพูดได้ว่า หาก Mia เขียนคิ้วคมเข้มขึ้นมาเมื่อไร ก็คงดูแปลกตาแทบจำกันไม่ได้ขึ้นมาทันที 

เธอไม่ได้ฟอกสีคิ้วหรือจงใจทำให้มันบางจนเหมือนไม่มีคิ้ว แต่มันเป็นสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่แรก

"ฉันไม่ได้ทำอะไรกับคิ้วเลย มันไม่ได้เป็นคิ้วที่ถูกฟอกให้จางลง เพราะเป็นคิ้วบางตามธรรมชาติค่ะ น่าจะเป็นช่วงที่ยังเด็กที่ฉันเคยคิดว่า มันเป็นอะไรที่แปลกๆนะ แต่พอโตขึ้นก็ได้เรียนรู้ว่า สิ่งที่ทำให้เราดูแตกต่างออกไปจากคนอื่นนั้น เป็นคุณสมบัติที่ทำให้เรามีความพิเศษขึ้นมา  ฉะนั้นฉันจึงเปิดใจยอมรับมัน"

,

ก่อนที่เธอจะเริ่มโด่งดังนั้น ชาวเน็ทเคยพูดถึงเธอในหัวข้อ 'แฟนสาวไร้คิ้วของ Shia LaBeouf' สื่อดังจากอังกฤษ Tatler ก็เคยฟันธงว่าเธอเป็นสาวฟอกสีคิ้ว แต่เมื่อย้อนไปชมภาพสมัยวัยรุ่นก็จะพบว่า เธอคิ้วบางขนานแท้ ล่าสุดที่มีการประกาศจากสตูดิโอว่า เธอผ่านการออดิชั่นให้ร่วมแสดงหนังแอคชั่นรีเมค Blade Vulture ยังแซวเธอว่า เธอช่างเหมาะกับบทแวมไพร์ เพราะ 'No eyebrows, no mercy.' และยังมีเสียงวิจารณ์ว่า เพราะเธอไร้คิ้ว จึงทำให้ดูสวยแบบชวนหลอน   หลังจากตีบทแตกในหนังเชือดตระกูล X trilogy ก็ทำให้มีแฟนๆคอยติดตามผลงานอีกเพียบ บางคนยังลงความเห็นว่า คิ้วล่องหนนี่แหละที่เข้ากับเสน่ห์ของ Mia ที่สุด เพราะเคยเห็นตอนที่เขียนคิ้วชัดแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่ตัวเธอเลย!

นักข่าวที่เคยได้เจอตัวเป็นๆของเธอเคยชื่นชมว่า ขนาดไม่แต่งหน้า ไม่เขียนคิ้วเลยสักนิด แม้แต่คอนซีลเลอร์ก็ยังไม่ป้ายลงไป ผิวเธอก็สวย glow น่าอัศจรรย์ และความไร้คิ้วนี้ก็เป็น signature ซึ่งอยู่คู่กับตัวเธอมาตั้งหลายปี จู่ๆจะเปลี่ยนตัวเองก็คงดูฝืนเกินไป แม้แต่ตอนที่แสดงหนัง Emma ประชันกับ Anya Taylor Joy เธอก็ยังคิ้วบ้างไม่เปลี่ยน จากที่เป็นนักแสดงที่ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ก็ประสบความสำเร็จจากหนังเชือด และก้าวสู่หนังฟอร์มยักษ์ค่าย MCU ได้สำเร็จ

(พระเอกคิ้วบางชื่อดังอย่าง Matt Smith ก็ยังปังได้ใช่มั้ยล่ะ?) 

เราเคยได้เห็นบทวิจารณ์จากสื่อแฟชั่นเจ้าหนึ่งว่า   Bella พยายามจะปั้นเทรนด์คิ้วเรียวบางที่เคยอินสุดๆในยุค 90s  ให้กลับมาโด่งดังอีกครั้ง   บ้างก็เปรียบเทียบว่าเธอดำเนินรอยตาม Gwen Stefani ในสมัยยี่สิบกว่าปีก่อน     แต่เวลาผ่านไปนานข้ามปี   Bella ก็ยังมั่นคงกับคิ้วเส้นเล็กของเธอ  อาจจะเขียนคิ้วชัดตอนทำงานนางแบบบ้าง  แต่ไม่ว่าจะเป็นภาพ  street style หรือ  Instagram   Bella ก็ดูสบายใจกับลุคนี้มาก    จนชวนคิดว่า  แท้จริงแล้ว เธออาจจะไม่ได้ตั้งใจโชว์คิ้วบางเฉียบเพราะต้องการจะประกาศศักดา trendsetter  แต่มันอาจจะเป็นทางที่โดนใจเธอจริงๆ  

และหากจะบอกว่า เธออินกับเทรนด์คิ้ว skinny อันโด่งดังในยุค 90s หากพิจารณาจากความเรียวบางขอคิ้ว Bella ก็น่าจะเข้าใกล้กับเทรนด์ของอิทเกิร์ลยุค 1920s เช่นกัน เซเลบยุค 90s ต่างก็เขียนคิ้วเส้นเล็กเรียว แต่เส้นก็มีสีเข้มชัด ไม่ใช่ลุคแบบ bleached ให้จางเหมือนไร้คิ้วตามที่เราเห็นกันบ่อยๆในช่วงนี้

ช่วงที่ Bella ก้าวสู่วงการแฟชั่น  เธอก็เขียนคิ้วโก่งดูคมชัดตามความนิยม อาจจะไม่ได้เขียนเข้มจัดเต็มแนว KarJenner   แต่ถมขนคิ้วเยอะกว่าในปัจจุบันแน่นอน    ซึ่งในปัจจุบัน Bella โชว์ภาพคิ้วบางที่เป็น signature ได้อย่างมาดมั่น ไม่ต่างจาก Mia Goth    ในเวลาต่อมา ตามplatfor ดังๆอย่าง TikTok และ Youtube ก็มีผู้แชร์เทคนิคต่างๆเพื่อเขียนคิ้วบางแบบ Bella โดยไม่ต้องกันคิ้วออก


ในขณะที่ยังมีสาวๆอีกมากมายที่ต้องใช้เวลานานกับการ groom คิ้วและตกแต่งให้เรียงตัวสวยงามราวกับรีทัชมา หรือหลายคนเลือกใช้วิธีสักคิ้วเพื่ออำนวยความสะดวกในการแต่งหน้า เมื่อได้เห็นคิ้วเส้นบางเฉียบราวกับลากเส้นทีเดียวจบแบบ Bella มันทำให้สัมผัสถึงความชิล!

แต่เห็น  Bella มั่นใจกับคิ้วบางแบบนี้   มันกลับเป็นสิ่งที่เธอมองว่าเป็นปมด้อยมาก่อน

"ตอนที่เริ่มเติบโตขึ้นมา ฉันวิตกกังวลกับคิ้วตัวเองมาโดยตลอด แต่ไม่รู้เลยว่าจะต้องจัดการกับมันยังไง ฉันมีคิ้วบางมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ฉันได้รับถ่ายทอดมันมาจากพ่อ ตอนที่ยังเด็กก็ค่อนข้างจ้ำม่ำจนกระทั่งอายุ 15 ซึ่งฉันค่อยๆเปิดใจในหลายๆสิ่งเกี่ยวกับตัวเอง ฉันเริ่มรู้สึกชอบหน้าของตัวเองมากขึ้น ฉันไม่ค่อยมีความมั่นใจจนกระทั่งเมื่อเร็วๆนี้"


จากเดิมที่คิ้วเป็นสิ่งที่ทำให้เธอจิตตก Bella หันมาภาคภูมิใจกับมัน ไม่เพียงแต่เธอจะโชว์คิ้วบน Instagram ดูเหมือนว่า บรรดาแบรนด์ดังก็ชื่นชอบกับจุดเด่นของเธอ ทั้งงานถ่ายแบบและเดินแบบก็เต็มไปด้วยงานคิ้วบาง

 

นับตั้งแต่ Doja โกนศีรษะและกันคิ้วจนโล้นเลี่ยนไปหมด หลายคนก็วิพากษ์วิจารณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่? บ้างก็สันนิษฐานว่าเธอมีปัญหา mental health แต่เธอกลับให้คำตอบแบบไม่มีเหตุผลซับซ้อนว่า ผมเป็นภาระสุดๆ มาตลอด จนรู้สึกเบื่อหน่าย สำหรับผู้หญิงเชื้อสาย African ที่ต้องสรรหาวิธีซับซ้อนต่างๆเพื่อทำทรงผมสวยงาม สิ่งเหล่านั้นกลับทำให้ชีวิตยุ่งยากสำหรับบางคน Doja พบว่า กิจกรรมในชีวิตประจำวันอย่างการไป gym ก็มีทั้งวิกและเน็ตคลุมศีรษะเป็นอุปสรรค ทั้งเหนียวแฉะและลื่นหลุดไม่เป็นอันออกกำลังกาย

เธอยืนยันว่า ไม่ได้ชอบการมีผมแม้แต่น้อย ในเมื่อชีวิตดูยุ่งยากเพราะผม ก็โกนทิ้งซะ และเธอก็เฉิดฉายตามอีเวนท์ต่างๆ ต่อไป โดยไม่ได้ต้องยึดติดกับคติ Hair Is Everything, ที่ผู้หญิงจำนวนมากให้ความสำคัญ แต่ Doja กลับคิดว่า ไม่น่าเชื่อเลยที่ปล่อยให้เส้นผมสร้างความรำคาญใจมานานขนาดนี้

พอไม่มีผมแล้ว ดูเหมือน Doja จะยิ่งสนุกสนานกับการทดลองอะไรใหม่ๆ โดยเฉพาะ Body painting ที่ทำให้เธอกลายเป็น topic ร้อนแรงบนโลกออนไลน์รัวๆ    หากนึกอยากจะมีผมก็ใส่วิกชั่วคราว  ใช้ชีวิตแบบเบาหัวแบบนี้  พอจะออกงานสำคัญก็มีเวลาเหลืออีกเยอะสำหรับการแต่งตัวให้แปลกล้ำเหนือจินตนาการ    เรียกได้ว่างานไหนงานนั้น ใครนั่งข้าง  Doja  ก็ต้องถูกออร่ากลบกันบ้างล่ะ!

เมื่อไม่นานมานี้ แฟนๆอาจจะยังติดภาพ Dove Cameron  จากบทบาทนักแสดง Disney วัยใสที่สวยแบ๊วราวกับ Barbie    แต่การรักษาภาพลักษณ์นั้นกลับทำให้เธอรู้สึกร้าวรานใจที่ไม่สามารถเป็นตัวเองได้    เธอเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยการสลัดผมบลอนด์แพลตตินั่มที่ถูกมองว่าเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวออกไป   แล้วแทนที่ด้วยลุคสุดเฉี่ยวแตกต่างจากเดิมแบบเป็นคนละคน     แต่เสียงวิจารณ์จากคนที่มองว่า แบบเดิมนั้นดูดีอยู่แล้ว และลุคใหม่ของเธอนั้นแหกกรอบสาวใสจาก Disney จนเข้าขั้นแปลก    Dove ซึ่งประกาศตัวตนว่าเป็น bisexual ได้พูดถึงกระแสด้านลบที่เกิดจากความเปลี่ยนแปลงของเธอไว้ดังนี้

"ดูเหมือนผู้คนจะมองฉันว่าได้เข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนแปลงในระยะเวลาหกเดือน แค่เปลี่ยนสีผมให้เข้มและกลายเป็น gay หันมาเขียนเพลงจนฮิต และบอกทุกคนที่เคยยึดติดเก่าภาพเก่าๆให้ไปตายซะ ตอนนี้ฉันกลายเป็นนางร้ายแล้ว พวกคุณจะต้องปลื้มฉันแน่ คือมันดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น แต่มันไม่จริงเลย"

"ฉันเปลี่ยนภาพลักษณ์จากสาวน่ารักข้างบ้าน กลายมาเป็นสาวร้ายข้างบ้าน"
Dove พูดถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเองด้วยอารมณ์ขัน แต่ที่จริงแล้ว ชีวิตของนักแสดงวัยเยาว์นั้นทำให้ต้องเผชิญกับแรงกดดันและความเจ็บปวดจนเป็นแผลใจจนลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง


"ฉันรู้สึกจริงๆว่า เมื่อได้ย้อมผมเป็นสีเข้มก็ได้เปลี่ยนแปลง idenity ตัวเองอย่างแท้จริง ฉันต้องเผชิญกับความเจ็บปวดที่มาพร้อมกับผมสีบลอนด์"

"การย้อมผมเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อตัดสินใจแสดงตัวตนที่แท้จริงของฉัน ที่อยู่ตรงข้ามกับสิ่งที่ฉันถูกบีบให้เป็น"

"ฉันรู้สึกว่าตัวเองสามารถสนุกได้มากขึ้น และเข้าถึงตัวเองได้มากขึ้น มันเริ่ดสุดๆที่แค่การสิ่งเล็กๆน้อยๆอย่างการเปลี่ยนสีผมมีอิทธิพลต่อเราได้มากขนาดไหน"

ชาวเน็ทชี้ว่า ไม่เพียงแต่ภาพลักษณ์สาว Barbie ผมบลอนด์ของเธอจะหายไป แต่ Dove ได้เปลี่ยนแปลงทั้งสไตล์การแต่งหน้าและแฟชั่นที่แปลกใหม่ เธอดูสนุกสนานกับการทดลองสิ่งที่แตกต่างจากช่วงวัยรุ่น ลุคที่ดูไม่ซ้ำใครทำให้บางคนล้อเลียนว่าเธอดูเหมือนมนุษย์ต่างดาว และเธอก็ตอบรับคำวิจารณ์ด้วยการเลือกชุดที่มี Alien Energy ไปเดินพรมแดง Met Gala!

"ฉันสามารถใช้ชีวิตได้อย่างบ้าบิ่นกว่าเดิม ฉันปัดความหวาดกลัวของตัวเองทิ้งไป และได้สร้างโลกเล็กๆของตัวเอง เพื่อจะได้แสดงความเป็นมนุษย์และความเป็นศิลปิน"
"ฉันจะไม่ปิดบังตัวเองอีกต่อไป มันเป็นสิ่งที่ท้าทาย และเป็นการพัฒนาตัวตนไปอีกขั้น"


คำครหาไม่หยุดที่คำว่าแปลกเท่านั้น รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปมากจากตอนเป็นนักแสดง Disney ทำให้ชาวเน็ทร่ำลือว่า เธอทำศัลยฺกรรมหน้ามาจนไม่เหลือเค้าเดิม

"ภาพที่เห็นในช่วงที่เริ่มสร้างชื่อเสียงในวงการนั้น มาจากความไม่รู้จักตัวเอง และยอมให้คนอื่นมากำกับว่า ตัวตนของฉันคือใครและฉันควรทำตัวเช่นไร"

"ตอนนั้นฉันพอจะหาความสุขที่ได้แต่งตัวเป็นสาวน้อย Dove Cameron ทุกๆวัน และทำทุกอย่างที่คนอื่นคาดหวังให้ฉันเป็น พอต้องคอยทำให้คนอื่นรู้สึกดี ฉันก็แยกแยะความแตกต่างไม่ถูก  หลงคิดไปว่า นี่คือของจริงแท้แน่นอน จนกระทั่งฉันได้ตระหนักว่า ฉันเป็นได้มากกว่านั้น ฉันสามารถจริงใจกับตัวเองและฝ่าฟันจนรอดพ้นไปได้"

"ฉันพบกับบทสรุปของตัวเองว่า ตัวตนของฉันถูกผูกมัดไว้กับความเป็นสาวบลอนด์และภาพลักษณ์เดิมในวัยเยาว์ ฉันจึงเปลี่ยนสีผมซะ และหยุดพักจากการออกสื่อไปราวๆสองเดือน"


จากเดิมที่เธอวิตกว่า ไม่มีสิทธิ์คิดเปลี่ยนภาพลักษณ์  หรือหากทำไปแล้วก็จะส่งผลกระทบรุนแรง   ในที่สุด Dove ก็ได้ปลดปล่อยตัวเองจากการแสร้งเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง