เหตุผลชวนอึ้งที่นักแสดงดังออดิชั่นไม่ผ่าน

26 13


Elle Fanning:  ตอนอายุ 16 ปิ๋วบท comedy เพราะดูไม่ค่อยน่าหม่ำ


"ฉันไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังมาก่อน แต่ฉันพยายามทดสอบบทเพื่อแสดงหนังเรื่องหนึ่งและก็ไม่ผ่านค่ะ ฉันไม่คิดว่าพวกเค้าสร้างหนังเรื่องนี้ออกมาด้วยซ้ำไป มันเป็นหนังทีเกี่ยวกับพ่อ-ลูกขับสาวรถออกทริปด้วยกัน ฉันไม่ได้ยินสาเหตุที่ทดสอบบทไม่ผ่านจากเอเจนซี่เพราะพวกเค้าจะไม่ปริปากบอกฉันเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ ขั้นตอนการคัดกรองความเห็นต่างๆนั้นเป็นเรื่องสำคัญเพราะมันอาจจะมีพวกความเห็นแรงๆที่สร้างความเสียหายได้ยิ่งกว่า แต่เรื่องนี้มันกระทบกระเทือนใจฉันไปเลยค่ะ ฉันเพิ่งจะอายุ 16 ปี และมีใครบางคนบอกไว้ว่า เธอพลาดบทในหนังคอเมดี้พ่อลูกขับรถท่องเที่ยวด้วยกัน นั่นเป็นเพราะเธอดูไม่น่าหม่ำเอาซะเลย (แปลคำให้เบาลง ความหมายจริงก็ตามที่หลายคนนึกถึง) มันโคตรจะน่ารังเกียจ ตอนนี้ฉันสามารถหัวเราะขำกับเรื่องนี้ได้แล้วล่ะ เจ้านี่ทุเรศซะไม่มี"

sexualisation หรือการใช้เรื่องทางเพศมาเป็นจุดขายในวงการภาพยนตร์ถูกจับมาเป็นหัวข้อที่สร้างการโต้เถียงมากกว่าในอดีต โดยเฉพาะในกลุ่มดาราศิลปินที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แม้โลก Hollywood ในช่วงเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา การสร้าง sex symbol วัยทีนจะเป็นสิ่งที่สังคมมองเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับยุคโมเดิร์น หลายคนได้ออกมาปกป้องเด็กสาวเหล่านั้นจากการตลาดที่นายทุนมุ่งใช้ความอ่อนเยาว์ของพวกเธอมาดึงดูดรายได้ราวกับเป็นวัตถุทางเพศ เรื่องราวของ Elle นั้นสะท้อนถึงปัญหานี้ได้อย่างชัดเจน ด้วยวัยเพียง 16 ปี หากเป็นในประเทศไทย เธอก็เพิ่งจะจบมัธยมต้นได้ไม่นานเท่านั้น ส่วนหนังที่เธอเข้าออดิชั่นก็เป็นแนวตลกเรื่องการเดินทางของพ่อและลูกสาว เหตุไฉนฝ่าย casting จึงมองหาเด็กสาวที่ดูเย้ายวนใจชวนให้คิดในแง่ของกามารมณ์ แทนที่จะให้ความสำคัญเกี่ยวกับความสมจริงและทักษะการแสดง?



มียอดผู้ติดตามน้อยจึงหลุดจากบทหนังฟอร์มยักษ์

Online platform คือเครื่องมือสำคัญต่อการยึดเกาะสถานะความดังไม่ให้หลุดกระแส เพียงแค่ post เดียวของเซเลบทรงอิทธิพลอาจจะมีมูลค่าหลายสิบล้านบาท หรือกลายเป็น viral ต่อยอดให้ยิ่งโด่งดัง แต่อีกทางหนึ่ง ยังมีนักแสดงระดับ A List อีกไม่น้อยที่มองไม่เห็นความจำเป็นในการตั้ง account ให้เป็นสาธารณะ หรือบางคนที่หวงความเป็นส่วนตัวสุดๆ ก็ยืนยันว่า ไม่สนใจจะสร้าง account เพื่อแชร์ภาพ lifestyle ให้โลกได้รับรู้ แต่แม้ว่าจะไม่มี social media ของตัวเองผลักดัน แต่พวกเค้าเหล่านั้นสามารถใช้กลยุทธ์อื่นๆ ทั้งผลงานที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง  รูปแบบ PR จนสามารถครอบครองเส้นทางอันรุ่งโรจน์ในวงการมาได้ยาวนาน  (ลองนึกถึง  Keanu Reeves และ Scarlett Johansson)   หรืออาจจะบอกได้ว่า ใครถนัดวิธีใด ก็เอาตามที่สบายใจ


แต่ Elle ก็เคยผ่านประสบการณ์พลาดหวังจากหนังฟอร์มใหญ่ เพราะยอดผู้ติดตามทาง social media ของเธอน้อยเกินไป  แน่นอนว่าเธอต้องเฟลสุดๆ
เธอเล่าให้ Variety ฟังว่า  

"ฉันพยายามเข้าทดสอบบทหนังเรื่องหนึ่ง ซึ่งขอไม่พูดละกันว่ามันเป็นหนังเรื่องใด แต่ฉันพลาดบทในผลงานฟอร์มใหญ่ไป ที่จริงมันก็อาจจะไม่ได้เป็นเพราะเหตุผลนี้ซะทีเดียว แต่ฉันได้ยินฟีดแบคมาว่า ฉันมีผู้ติดตามทาง Instagram ไม่มากพอ"
"ฉันไม่เชื่อถือแนวทางคัดเลือกนักแสดงด้วยเหตุผลแบบนั้นเอาซะเลย มันเป็นหนังฟอร์มใหญ่ขึ้นอีกระดับ เป็นหนังแฟรนไชส์"

เธอยืนยันว่า ไม่ได้ปิดกั้นจากการออดิชั่นหนังฟอร์มยักษ์ แต่จะต้องคิดถี่ถ้วนและเจรจากันให้ถ่องแท้ถึงตัวหนัง เพราะยังดีที่เธอไม่ต้องรับมือกับสิ่งที่ Nicholas Hoult ต้องเผชิญมาแล้ว เพราะเขาออดิชันบท Batman ไปถึงขั้นที่ฝ่าย casting ขอให้เขาใส่ชุด superhero ไปเรียบร้อย แต่ลงท้าย Robert Pattinson ก็คว้าบทนั้นไป





Andrew Garfield:  ไม่หล่อพอจะรับบทเจ้าชายใน Narnia


เมื่อเอ่ยถึงเจ้าชาย หลายคนอาจจะนึกภาพชายหนุ่มรูปงามที่มีบุคลิกองอาจสง่างามทุกท่วงท่า ไม่ว่าจะเป็นขี่ม้า ฟันดาบ หรือเต้นรำกับเจ้าหญิงผู้เลอโฉม แต่คำๆ นี้อาจจะแทงใจพระเอกหนุ่มชาวอังกฤษ เพราะเขาต้องอกหัก

"ผมจำได้ว่าตัวเองพยายามจะคว้าบทนี้อย่างเอาเป็นเอาตาย ผมเจ้าออดิชั่นบทเจ้าชาย Caspian แห่ง The Chronicles of Narnia และก็คิดว่า มันเป็นไปได้นะ มันเป็นไปได้สิน่า"





"และพระเอกหนุ่มหล่อมากฝีมือ Ben Barnes ก็คว้าบทนั้นไป ผมเชื่อว่า ตอนนั้นการคัดเลือกไปถึงรอบสุดท้ายแค่พวกเราสองคนแล้ว และผมก็คลั่งไปเลย"

เมื่อ Andrew อกหักที่ได้รู้ผลแล้ว เขาจึงไปไล่ถามเอาเหตุผลกับตัวแทน

"ทำไมถึงไม่เป็นผมล่ะ? หลังจากที่เธอต้องฟังผมพล่ามไม่สิ้นสุด ในที่สุดเธอก็ยอมบอกว่า เหตุผลก็คือ พวกเค้าไม่คิดว่าคุณหล่อมากพอ Andrew"

"Ben Barnes เป็นผู้ชายที่หล่อเหลาเอามากๆและยังเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ เมื่อย้อนมองกลับไป ผมก็ไม่ได้รู้สึกเศร้าสักเท่าไรที่เขาถูกเลือก และผมคิดว่าเขาแสดงบทนั้นได้ยอดเยี่ยม"

เรากลับคิดว่า Andrew เลิกเศร้าที่ไม่ได้รับบทเจ้าชายหนัง Disney เมื่อ 15 ปีก่อน  เพราะในเวลาต่อมา เขาก็สอยบท Spider-Man มาได้  แม้จะได้รับการต่อสัญญาแสดงเพียงสองภาค แต่เส้นทางการเติบโตในวงการ Hollywood นั้นสวยงามไม่แพ้พระเอก A List คนอื่นๆ   เขาเป็นเจ้าของรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเวทีลูกโลกทองคำ  และเข้าชิง Oscar มาแล้วสองครั้ง    ส่วนงาน TV ก็มีซีรีส์ Under the Banner of Heaven ที่ทำให้เข้าชิงรางวัล Emmy   เป็นนักแสดงสายรางวัลเต็มตัวนั่นเอง



Lucy Hale:  พลาดบทนางเอก 50 Shades เพราะประหม่ากับบทพูดติดเรทจนไปไม่เป็น


หนังที่สร้างจากนวนนิยายชื่อดังซึ่งมี fanbase แข็งแกร่งนั้นมักดึงดูดเสีบงวิพากษ์วิจารณ์มาตั้งแต่เริ่มประกาศ casting    จากความคาดหวังของผู้อ่านที่ปรารถนาจะติดตามชมตัวละครทีสร้างความคลั่งไคล้ผ่านตัวอักษรในภาพของคนที่มีชีวิตจิตใจ   บท Anastasia Steele  แห่งหนังไตรภาค Fifty Shades of Grey   เคยสร้างเสียงถกเถียงในโลกออนไลน์ถึงตัวนางเอกที่เหมาะกับบทนี้มากที่สุด    ในสายตาแฟนนิยายหลายคน Lucy Hale  คือตัวเก็งที่มีรูปลักษณ์และ charisma ที่ถอดแบบของนางเอกที่สวยใสไร้เดียงสา    ส่วนฝ่ายชายนั้น  Ian Somerhalder  จาก The Vampire Diaries  ได้รับเสียงเชียร์อื้ออึง หรือจะเป็น  Chace Crawford ที่ยอมรับว่า อยากจะร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้ด้วย    แต่ผลออดิชั่นนั้นตกไปอยู่กับนักแสดงซึ่งหลายคนไม่คาดคิดมาก่อน   หลังจากที่หนังสามภาคได้สร้างรายได้ที่สวยงาม (การลงทุนหนัง  erotic drama ไตรภาคนี้ค่อนข้างน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับหนังฟอร์มยักษ์เรื่องอื่นๆ)    นางเอกที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวเต็งของบท  Ana  ก็ออกมายอมรับว่า  เธอได้เข้าร่วม casting จริงๆ   แต่กลับประหม่าจนรู้ตัวว่าไม่ผ่านอย่างแน่นอน 
"ตอนนั้นฉันยังอายุน้อยอยู่เลย  มันอาจจะไม่ถึงกับผ่านมาแล้วเป็นสิบปี แต่ก็หลายปีเหมือนกันนะ   และฉันก็ตื่นตระหนกไปหมดค่ะ   ฉันไม่ได้แสดงตามบทที่อยู่ในหนัง แต่ต้องแสดงบทที่ต้องสื่อเรื่องทางเพศอย่างตรงไปตรงมา ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพูดอะไรออกไประหว่างออดิชั่น  คือฉันดูไม่ประสีประสาไปบ้าง  แต่ใช่แล้วค่ะ ฉันไปออดิชั่นบทนี้  และเห็นชัดเจนว่าฉันไม่ได้รับบทนี้ไป    อันที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องทีดีต่อฉันนะ เพราะเพียงแค่ออดิชั่นก็ทำให้อกสั่นขวัญหายไปซะขนาดนั้นแล้วค่ะ" (หากได้เล่นหนังที่โป๊เปลือยติดเรทจริงๆจะขนาดไหน)


เราเป็นคนหนึ่งที่เห็นต่างตอนที่มีกระแสเชียร์ Lucy Hale ให้ได้รับเลือกแสดงบท Ana   นั่นเป็นเพราะว่า เธอเป็นสาวที่หน้าเด็กสุดๆ  รูปร่างก็เล็ก petite  คล้ายกับจะจับเอาสาวมัธยมมาแสดงบทบนเตียงสุดเดือด    ในตอนนี้ เธออายุ 33 แล้ว  พอโคจรกลับมารวมตัวกับเพื่อนนักแสดง Pretty Little Liars  เธอก็ยังดูเด็กที่สุดอยู่ดี     บทนี้อาจจะสร้างชื่อให้ Dakota Johnson  ดังเปรี้ยงปร้าง  แต่ก็ดูเป็น casting ที่ดูเข้ากันกับความแรงของหนังแล้วล่ะ


Harry Styles: ไม่ได้รับเลือกให้แสดงบท  Elvis เพราะเป็น Pop Icon อยู่แล้ว

ตัวศิลปินหนุ่มยอดนิยมอาจจะไม่ได้เปิดใจว่าเขาอยากจะแสดงบทราชา  rock 'n' roll  มากแค่ไหน  แต่ก็ได้พูดถึงความรู็สึกที่พลาดหวังจากการออดิชั่นว่า

"บทนี้ได้ดึงดูดผมเข้าไปเต็มเปาครับ ผมคิดว่าผู้กำกับไม่ได้มองผมในฐานะนักแสดงที่ดีที่สุดที่จะแสดงบทนี้ ถ้าพวกเค้าคิดว่า หากใช้นักแสดงคนอื่นมาแสดง หนังจะไปได้สวยกว่า ผมก็ไม่ต้องการแสดงบทนี้แล้วครับ เพราะผมไม่อยากจะกลายมาเป็นเวอร์ชั่นที่ดีไม่เข้าขั้น"



เป็นตัวผู้กำกับหนัง Oscar ที่ออกมาชี้แจงข่าวลือเรื่องการออดิชั่นบทครั้งนี้ด้วยแนวคิดด้านบวกว่า

" Harry เป็นนักแสดงที่มีความสามารถมากจริงๆครับ ผมอยากจะร่วมงานกับเขาสักเรื่องนะ แต่ปัญหาของ Harry ก็คือ เขาเป็น Harry Styles ไงครับ เขาเป็น icon อยู่แล้ว Harry และผมได้หารือกันอย่างเปิดอก เขามุ่งมั่นเต็มที่เพื่อจะใส่สูท(แบบ Elvis) และเรียนรู้เสาะหา เขาทีกำลังใจที่ยอดเยี่ยมและผมก็มีแต่เรื่องดีงามที่จะพูดถึงเขา"




บทนี้ลงเอยที่ Austin Butler นักแสดงที่วนเวียนในวงการมาหลายปี แต่ก็ยังไม่รุ่งเต็มตัว   แต่ความสำเร็จจากการสวมวิญญาณ Elvis  ทำให้เขาก้าวไปเป็นผู้ท้าชิงรางวัลใหญ่หลายเวที     แม้จะพลาดรางวัล Oscar  แต่ก็คว้ารางวัลลูกโลกทองคำมาได้     คงไม่น่าแปลกใจนักหาก  Harry จะพยายามเต็มที่เพื่อจะได้นำแสดงในหนังตัวเก็งรางวัลเรื่องนี้  แต่พอจะมองเห็นภาพว่า  คนที่เข้าไปดูหนังอาจจะนึกถึงแต่  Harry ที่แต่งตัวเหมือนกับ Elvis  เพราะเขาสร้างชื่อเสียงเป็น superstar อยู่แล้ว ยากนักที่จะกลบออร่า Icon ของยุคโมเดิร์นไปได้

Tom Holland:  ออดิชั่นไม่ไหวเพราะหลุดหัวเราะจนหยุดไม่ได้

 Spider-Man ไม่ใช่หนังฟอร์มยักษ์เรื่องเดียวที่   Tom Holland หมายตา     เขามีโอกาสจะก้าวไปถึงบท Finn  อีกหนึ่งฮีโร่คนสำคัญแห่งแฟรนไชส์ตำนานหนังอวกาศ Star Wars  

"ผมออดิชั่นบทที่John Boyega แสดงครับ จำได้ว่า ต้องแสดงกับสุภาพสตรีคนหนึ่ง ขอพระเจ้าคุ้มครองเธอด้วย เธอแสดงเป็นโดรนครับ แล้วผมก็พูดบทว่า พวกเราต้องรีบกลับไปที่ยาน แล้วเธอก็ตอบกลับมาว่า บลี๊บ บลู๊บ บลู๊บ บลี๊บ บลู๊บ"
"ผมหยุดหัวเราะไม่ได้เลย ผมว่ามันตลกมาก แต่ก็รู้สึกสงสารเธอ เพราะเธอพยายามอย่างหนักที่จะแสดงเป็นแอนดรอยด์หรือไม่ก็โดรน หรืออะไรสักอย่างที่พวกเค้ากำหนดไว้  ใช่เลย ผมพลาดบทนี้ไปเห็นๆ มันไม่ใช่โมเมนท์การแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดของผมนัก"




คุณอาจจะสงสัยว่า หากไม่มี บลี๊บ บลู๊บ บลู๊บ บลี๊บ บลู๊บ Tom จะมีโอกาสมากสักเพียงใดที่จะคว้าบท Finn ? ที่ผ่านมาเขาเคยพิสูจน์แล้วว่า แสดงดราม่าได้ charisma ก็โดดเด่น แต่ Tom ได้ให้เหตุผลว่า ถึงผู้หญิงคนดังกล่าวจะไม่ใช้เสียงสุดฮาโต้ตอบในออดิชั่น เขาก็คงไม่ได้รับเลือกอยู่ดี

"ผมไม่คิดว่ามันเป็นเหตุผลที่ผมไม่ใช่คนที่คว้าบทนี้ไป ผมเชื่อว่า John Boyega เหมาะสมกับบทมากกว่าผมครับ"



Jennifer Lawrence:  เด็กเกินไป

สำหรับเคสนี้ เหตุผลที่นางเอกดังถูกปฏิเสธนั้นไม่ได้ชวนอึ้งเท่ากับคำบอกเล่าว่า เธออยากจะเล่นบท Serena แห่ง Gossip Girl เอามากๆ   ตัว J Law  ไม่ได้เปิดใจเรื่องนี้เอง แต่เป็นผู้จัดรายการTVที่ยืนยันว่า เธอมาออดิชั่นจริงๆ และอกหักที่ไม่ได้รับเลือก   ซึ่งฝ่าย casting เองก็จำเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ  เพราะในตอนนั้น เธอยังเป็นนางเอกวัย15-16 ที่ยังโนเนม   แม้ว่าจะเป็นอายุที่ไม่ห่างจากตัวละคร Serena มาก     แต่ตอนที่ซีรีส์เริ่มออนแอร์ ตัวนางเอกที่ได้รับเลือกให้แสดงบทนี้คือ Blake Lively ก็อายุเต็ม 20 แล้ว  เมื่อนักจัดรายการ TV มาทราบในภายหลังก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย  เพราะนางเอกที่พวกเค้าลืมไปกันแล้วได้กลายมาเป็น A Lister ที่มีทั้งหนังแฟรนไชส์รายได้สูงและคว้ารางวัล Oscar ในวัยยี่สิบเศษๆเท่านั้น





Jennifer ยังเคยถูกปฏิเสธจากการออดิชั่นบท Bella Swan แห่ง Twilight ซึ่งดูเหมือนกว่า ความสำเร็จของ Kristen Stewart ไม่ได้กระทบใจเธอนัก เพราะเธอชี้ว่า ตอนที่ไป cast ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหนังเกี่ยวกับอะไร มีหน้าที่แสดงให้ฝ่าย casting ดูก็ลองมาแล้วทุกอย่าง ให้แสดงเป็นลิงเป็นค่างก็ทำ พอได้เห็นว่าหนังสร้างกระแสร้อนแรงขนาดไหนก็ตกใจ เพราะเธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าหนังเรื่องนี้จะสร้างความคลั่งไคล้ paparazzi คอยติดตามนางเอกไปทุกหนทุกแห่ง เพราะสำหรับเธอมันเป็นเพียงการออดิชั่นทั่วไป และมันทำให้เธอรู้สึกโล่งใจที่ไม่ได้รับบทนี้

อีกบทหนึ่งที่ Jennifer ได้ร่วมออดิชั่นเพราะอยากจะแสดงใจจะขาด แต่ก็พ่ายให้กับ Emma Stone คือ Olive แห่ง Easy A นางเอกสองทั้งสองกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน และหยิบยกเรื่องนี้มาเย้ยใส่กันออกสื่อมาแล้ว เรื่องความ A List ของทั้งคู่คงกินกันไม่ลง สร้างชื่อจากหนัง superhero, หนังฟอร์มยักษ์ และหนังรางวัล Oscar ห่างไกลจากอดีตที่ต้องวิ่งออดิชั่นหนังไม่เลือก



Taylor Swift: ถึงรู้ตัวอยู่แล้วว่ายังไง cast ไม่ผ่าน แต่ขอลองเพื่อประสบการณ์




ย้อนไปสิบเอ็ดปีที่แล้ว หนัง Les Misérables ได้ดึงดูดนักแสดงให้เข้ามาพิสูจน์ฝีมือ และแม้ว่า Taylor swift จะคาดเดาได้อยู่แล้วว่า เธอมีโอกาสน้อยที่จะเอาชนะนางเอกมืออาชีพเพื่อคว้าบทโดดเด่นในหนังตัวเก็ง Oscar นี้ได้ ก็ขอลองสักตั้ง

"ฉันเข้าทดสอบสำหรับสองบท เห็นว่าเรื่องรูปลักษณ์ของฉันนั้นไปทาง Cosette ส่วนเสียงขับร้องนั้นเข้ากับ Eponine จึงตั้งใจไว้ว่า ฉันจะเข้าออดิชั่นเพื่อตักตวงช่วงเวลาดีๆไม่ใช่จะไปอยู่กองถ่ายนานๆ  เพราะฉันคงไม่ผ่านอยู่แล้ว คิดซะว่า มันเป็นประสบการณ์ที่จะหาอีกไม่ได้แล้วในชีวิตนี้ ฉันจึงตอบตกลงเข้าร่วม"

แต่เธอพบว่า การออดิชั่นมีความจริงจังเต็มรูปแบบจนต้องแต่งตัวให้เป็นหญิงสาวมอซอยากไร้ในศตวรรษที่ 19 และทาสีฟันให้ดูเหลืองสกปรกตรง character

"ฉันถามพวกเค้าว่า พวกคุณจะจับฉันแต่งแบบนั้นหลังจากที่ฉันได้เจอ Eddie Redmayne ใช่มั้ย? แต่ไม่ใช่เลยค่ะ พวกเค้าแต่งหน้าให้ฉันเหมือนกับคนที่ใกล้ตายแล้ว และมันกลายเป็นฝันร้ายของฉันในทันที"
จากเดิมที่ตั้งใจมาออดิชั่นเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์  Taylor ก็ต้องแต่งโทรมจัดเต็มแบบไม่ได้คาดมาก่อน   เมื่อได้พบกับพระเอกชื่อดัง  Taylor อับอายกับลุคนี้มาก เธอแทบจะไม่ยอมเปิดปากพูดคุยกับเขา    ที่จริงแล้ว Eddie มีแนวคิดบวกในการออดิชั่นคู่กับ Taylor ในครั้งนั้น  และชื่นชมเธอออกสื่อว่า พวกเค้ามีโอกาสได้ร้องเพลงคู่กัน มันเป็นโมเมนท์ที่ทำให้เขาประทับใจล้นเหลือ     แม้หลังจากนั้น เขาจะคว้าบท  Marius  ส่วนบท Eponine ตกไปเป็นของ Samantha Barks    แต่หนึ่งในความประทับใจนั้นอาจจะเกิดขึ้นเพราะว่า เขาเป็นเพียงไม่กี่คนที่ได้เห็น Taylor เวอร์ชั่นที่หมองสุดๆนั่นเอง!



candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE