เมื่อทรานส์แมนต้องหุ่นล้ำบึ้ก แต่ปาร์คเกอร์ Transmasculine ขอแหวกแนวเป็นเด็กอีโมร่างบาง

Alice Kerdplanant 30 มิ.ย. 66 25 8

ทรานส์มาสคูลีน (Transmasculine) คือคำที่ใช้นิยามคนข้ามเพศที่มีลักษณะความเป็นชาย แต่ไม่ได้ดูเป็นผู้ชายแมนๆ 100% ซึ่งทรานส์มาสคูลีนจะเป็นชายข้ามเพศ หรือนอนไบนารี่ก็ได้

เอเซ็กชวล (Asexual) คือ ความรู้สึกที่ไม่ดึงดูดทางเพศกับใครเลย หรือมีน้อยมากๆ อาจจะนับได้ว่าเป็นรสนิยมทางเพศรูปแบบหนึ่ง เอเซ็กชวลไม่เท่ากับไร้สมรรถภาพทางเพศ และรสนิยมทางเพศแบบนี้เป็นเรื่องปกติ

เอโรแมนติก (Aromantic) คือ ความรู้สึกที่ไม่อยากมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว หรือที่หลากคนเรียกว่า "ไม่ฝักใจในรัก" แต่การเป็นเอโรแมนติกไม่ได้แปลว่ารักใครไม่เป็นนะ รักได้ รักเป็น แต่ไม่ใช่ในเชิงโรแมนติกเฉยๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

และนี่คือคำนิยามของคุณปาร์คเกอร์ ทรานส์มาสคูลีน เอเซ็กชวล เอโรแมนติก (Transmasculine Asexual Aromantic) ถึงจะฟังดูเปิดกว้างสุดๆ แต่ในความเป็นชายข้ามเพศนั้น ก็ยังมีมาตรฐานความงามที่ถูกกำหนดไว้อยู่

ทำความรู้จัก Transmasculine ผ่าน คุณปาร์คเกอร์

คุณปาร์คเกอร์ ภารวี อากาศน่วม (he / him / they / them) ว่าที่นิสิตปริญญาโท ภาควิชาภาษาอังกฤษ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เติบโตในครอบครัวที่สนับสนุนความเป็นตัวเองสุดๆ

คุณปาร์คเกอร์โตมาพร้อมกับความรู้สึก "ไม่เป็นผู้หญิง" และยิ่งชัดเจนขึ้นช่วงมัธยมปลายว่าตัวเองมีความเป็นชายมากกว่า แต่พอเรียนโรงเรียนรัฐบาล ทำให้เขาแสดงออกไม่ได้ สิ่งเดียวที่แสดงออกได้ตอนนั้นคือ "ทรงผมซอยสั้น" สไตล์ทอมบอย

ทรานส์แมนทุกคนต้องเล่นกล้าม (เหรอวะ?!)

เมื่อนึกไปถึงค่านิยมความงามในกลุ่มผู้หญิงข้ามเพศที่ต้องแสดงความสวย หุ่นดี แต่งหน้าเก่ง หรือขายขำเล่นใหญ่ไปเลย กลุ่มผู้ชายข้ามเพศก็มีค่านิยมความงามที่ "แมน" สุดๆ เลยเหมือนกัน

"ถ้ากลุ่มทรานส์ มันมีความแปลกประหลาดที่เราจะเห็นแต่คนเล่นกล้าม ทรานส์แมนทุกคนต้องเล่นกล้าม ซึ่งเราไม่เข้าใจว่ามันเป็นค่านิยมอะไร ทําไมทุกคนต้องกล้ามใหญ่ ต้องถอดเสื้อโชว์ตลอดเวลา เหมือนมีพิมพ์เดียวกันหมดเลย ถ่ายรูปออกมาก็ต้องโพสต์แบบเดียวกันว่า ฉันมีกล้ามนะ วันนี้ฉันไปฟิตเนสนะ"

"แต่เราก็เข้าใจว่าบางคนอาจจะเกิดมาด้วยสรีระที่มีความเป็นผู้หญิงมาก เช่น มีส่วนโค้งส่วนเว้าเยอะ เขาก็อาจจะพยายามเล่นกล้ามเพื่อให้มันดูแมนขึ้น ก็เป็นได้"

"ก็จะมีเราที่ตัวเล็กๆ ไม่มีกล้าม ไม่มีอะไรทั้งนั้น ไม่มีความคิดจะเล่นกล้ามด้วยซ้ำ เราก็จะงงกับชีวิตว่า เอ๊ นี่มันคืออะไร ฉันต้องทําสิ่งนี้เพื่อให้เข้ากับคนอื่นไหม"

เป็นทรานส์แมนแล้วออกสาวไม่ได้นะ โดนไล่ออกจากกลุ่มทันที

"กับทรานส์แมนนี่ถ้าแต่งหน้านี่คือไม่ได้เลยนะ อาจจะโดนไล่ออกมา เพราะว่าคอมมูนิตี้ทรานส์แมนในไทย เขาจะค่อนข้างพยายามทําให้ทุกอย่างแมนๆ ให้มากที่สุด ถ้ามือไม้เราตุ้งติ้งตลอดเวลา เขาก็จะเริ่มมองแปลกๆ แล้วว่าทําไมมันออกสาวตลอดเลย"

คุณปาร์คเกอร์เล่าให้ฟังเรื่องบิวตี้สแตนดาร์ดในกลุ่มชายข้ามเพศ อีกด้านนึงที่เราไม่เคยรู้มาก่อน

"สุดท้าย มันอาจจะเป็นเพราะความเป็นชายมองการแต่งหน้า หรือมองการแสดงออกแบบสาวๆ ในแง่ลบมากกว่า กลุ่มทรานส์มันเลยออกมาค่อนข้างแอนตี้ทุกอย่างที่ออกสาว"

เราก็คิดว่าตัวเองปกติ แต่คนอื่นเรียกเราว่า "เด็กอีโม"

ด้วยลุคผมซอยสั้นปิดหน้า เสื้อยืดวงร็อก (สีดำซะส่วนใหญ่) บางครั้งก็ทาเล็บสีดำ ทำให้คนรอบตัวนิยามคุณปาร์คเกอร์ว่ามีสไตล์แบบอีโม

"ส่วนหนึ่งคือที่เรามีเสื้อวงเยอะๆ ได้ เพราะว่าเราแบ่งกันใส่กับแม่ แม่ก็ใส่แนวนี้เหมือนกัน ก็คือซื้อมาตัวเดียว ใส่สองคน มันก็คุ้มนะ"

แชร์เสื้อผ้า รองเท้า แชมพู อุปกรณ์ทำผมกับแม่

"อย่างอื่นนอกจากเสื้อผ้าก็พวกสเปรย์แต่งผม บางทีแม่ก็จะขโมยไปใช้บ้าง มีพวกไดร์เป่าผม หวี ก็ใช้ด้วยกัน รองเท้า ถุงเท้า กางเกงบางทีก็ใส่ด้วยกัน เพราะว่าเราไซส์ตัวเท่ากัน อย่างรองเท้าเนี่ย แบ่งกันใส่กับแม่ตลอดเลย เคยขโมยกระโปรงของแม่ไปใส่เหมือนกัน"

ตกลงเธอจะเป็นเพศไหนกันแน่

ครอบครัวคุณปาร์คเกอร์สนับสนุนในการเปิดเผยอัตลักษณ์ทางเพศมาตลอด จึงไม่มีปัญหามากนัก แต่หลายคนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคุณปาร์คเกอร์จะเป็นเพศไหนกันแน่

"คือพอเห็นแล้วเขาก็จะงงว่า ตกลงคือมันเทคฮอร์โมน มันทําตัวเป็นผู้ชาย มันเปลี่ยนชื่อ มันชอบทําทุกอย่างเหมือนผู้ชายตลอด แต่พอเราแต่งตัวแล้วมันดูไม่แมนเท่าที่เขาคาดหวัง เขาก็จะตั้งคําถามว่า ทําไม ตกลงจะเป็นเพศอะไรกันแน่"

"ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องเข้าใจ เราก็แต่งตัวของเราปกติ แล้วเราแฮปปี้กับการแต่งตัวของเราดี ที่บ้านก็ไม่มีปัญหากับการแต่งตัวของเรา ก็โอเค เอาเลย จะแต่งอะไรก็แต่ง ส่วนคนข้างนอกก็ไม่มีผลอะไรกับชีวิต"

ความขี้เกียจชนะการแต่งตัวตลอด

คุณปาร์คเกอร์ชอบดูแฟชั่นสไตล์อีโมบนติ๊กต่อก ทั้งคลิปแต่งตัว ทรงผม แต่อุปสรรคใหญ่ของการแต่งตัวคือความขี้เกียจ และอากาศร้อนของเมืองไทย

ถ้าให้สรุป คุณปาร์คเกอร์แต่งตัวเน้นฟังก์ชั่น คือเสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ เพราะเคลื่อนไหวร่างกายสะดวก

"เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นลุคอะไร ถามว่าคนอื่นเขาใส่แบบนี้ไหม ก็ไม่ค่อย เพราะว่าไม่ค่อยเห็นคนใส่เสื้อวงกับกางเกงขาสั้น ส่วนใหญ่ทุกวันนี้ก็ไม่ได้คิดมากกับการแต่งตัวเท่าไหร่ ทุกวันนี้ก็คือหยิบเสื้อตัวไหนได้ก็ใส่ สีดำๆ เหมือนกันหมด"

3 ไอเท็มที่บ่งบอกความเป็นปาร์คเกอร์

Herbal Essence White Strawberry & Mint Clean Shampoo ชอบเพราะกลิ่นหอม สะอาด สดชื่น
Garnier Men Oil Control Match Deep Clean Foaming Gel โฟมล้างหน้าเนื้อเจล สัมผัสเบา สบายหน้า
เสื้อยืดวงร็อกสีดำ เอกลักษณ์ประจำตัว

ถ้าทุกคนแต่งตัวเหมือนกันตลอดเวลาคงน่ากลัวมาก

สุดท้าย สิ่งที่คุณปาร์คเกอร์อยากฝากถึงกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศที่ไม่สามารถแสดงออกให้ตรงกับเพศได้ คือ

"ถ้าเกิดคิดแล้วว่า ถ้าแสดงออกแล้วไม่ปลอดภัยกับชีวิต การไม่แสดงออกอาจจะดีกว่า เพราะสุดท้ายแล้วชีวิตเราก็ยังสําคัญกว่าการที่เราจะต้องอยู่ในอันตราย เราคิดว่ามันก็ไม่คุ้มกันเท่าไร ไว้ถ้าอนาคตเราอยู่ในจุดที่ออกจากตรงนั้นได้ ค่อยแสดงความเป็นตัวเองตอนนั้นก็ยังได้"

"แต่ถ้าคนที่ไม่ได้มีอุปสรรคในการแสดงออก แต่ว่ายังสับสนกับตัวเองหรือไม่กล้าอาจจะต้องคิดว่าโลกไม่ได้ใส่ใจเราขนาดนั้นหรอก มันอาจจะมีคนที่เขาพูดจาไม่ดีกับเราบ้าง แต่สุดท้ายเขาก็ห้ามเราไม่ได้ ถ้ากลัวว่าเราไม่ Fit In กับภาพจําในสื่อ แต่เราอยากแต่งของเราแบบนี้ ก็แต่งไปเถอะ"

"คนเราก็ไม่จําเป็นต้องแต่งตัวเหมือนกันตลอดเวลาอยู่แล้ว ถ้าทุกคนแต่งตัวเหมือนกันตลอดเวลา มันจะน่ากลัวมาก คนเราไม่ได้มีชีวิตอยู่กันนานขนาดนั้น เราจะมีเวลาแต่งตัวอย่างที่เราอยากแต่งได้สักกี่ปี เพราะฉะนั้นก็แต่งๆ ไปเถอะ"

ด้วยรูปร่างเล็ก บาง แฟชั่นที่ไม่ได้ดูแมนจ๋าๆ ไม่ตรงกับสแตนดาร์ดความแมน ทำให้คุณปาร์คเกอร์ไม่รู้สึกว่าตัวเองตรงกับคำนิยามของชายข้ามเพศซะทีเดียว และเลือกนิยามตัวเองว่าทรานส์มาสคูลีนนี่แหละ ใช่ที่สุดสำหรับตอนนี้แล้ว

ขอบคุณคุณปาร์คเกอร์ ภารวี ที่มาแชร์ประสบการณ์และพูดคุยกับเรา ไม่ว่าโลกจะเป็นยังไง อย่าให้กรอบของเพศมาจำกัดตัวตนหรือการแสดงออก

อ่านบทสัมภาษณ์ชาว LGBTQIA+ เพิ่มเติม