การเติบโตของ PP Krit ไอดอล T-Pop ชื่อดังที่พุ่งสู่ความเป็น International Star

ย้อนไปราวสักหลายๆปีก่อน หากใครสักคนได้ตั้งคำถาม เคยเห็นนึกภาพออกบ้างหรือไม่ว่า ศิลปินนักแสดงไทยจะคว้าโอกาสสร้างชื่อเสียงโด่งดังข้ามประเทศจนสามารถเดินทางไปโพรโมทผลงานที่ต่างประเทศตามคำเรียกร้องของแฟนๆ รวมไปถึงการเข้าชิงรางวัลบันเทิงในระดับนานาชาติและขยายอิทธิพลทางแฟชั่นจนได้รับการทาบทามจากแบรนด์ดังให้มาร่วม ambassadorship ?   หลายคนก็อาจจะส่ายหน้าทันที เพราะฟังแล้วช่างเป็นเรื่องที่ไกลตัว หากคุณอยู่ในวัยผู้ใหญ่ ก็คงได้ประจักษ์ถึงความรุ่งโรจน์ของธุรกิจบันเทิงเอเชียนข้ามยุคสมัย นับตั้งแต่ยุครุ่งโรจน์ของหนังฮ่องกง ส่งไม้ต่อมายัง J-Pop/Drama, Taiwanese Pop/Drama และในที่สุด K-Pop/Drama ก็ได้ผงาดขึ้นมาครอบครองพื้นที่ความนิยมมายาวนานจนก้าวสู่ระดับโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ ช่วงเเวลาเนิ่นนานที่ผ่านมา แฟนๆที่บ้านเรามักเป็นฝ่ายชื่นชมมองความเติบโตของชาติอื่นที่ส่งออกศิลปินมาสร้างความสำเร็จอย่างไม่หยุดยั้ง แม้ว่าจะเคยมีศิลปินไทยที่เคยสร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อนานาชาติหรือที่พวกเรามักพูดติดปากว่า'โกอินเตอร์' มาหลายคน แต่อาจจะไม่ได้ปลุกกระแสความฮือฮาทางโลกออนไลน์จนกลายเป็นไวรัลได้มากนัก

จวบจนเมื่อไม่กี่ปีมานี้ พวกเราได้ประจักษ์ถึงความสำเร็จของดาราศิลปินสัญชาติไทยจากการสร้างชื่อเสียงขจรขจายนอกประเทศ กระแสความคลั่งไคล้ไม่ได้จำกัดอยู่บน online platform เท่านั้น พวกเค้าสามารถจัด fan meeting ในหลายประเทศแถบเอเชีย ไม่เพียงแต่จะคว้าสัญญาเป็น presenter โฆษณากับแบรนด์ดังในประเทศ แต่แบรนด์ยักษ์ใหญ่จากยุโรปก็ยังยื่นข้อเสนอเพื่อร่วมงานกันในฐานะ brand ambassador นับเป็นพัฒนาการแบบก้าวกระโดดที่หลายฝ่ายจับตามอง

ในคราวนี้ เราขอชวนมาเกาะติดเรื่องราวของ PP กฤษฎ์ ศิลปิน T-Pop ที่มี character เปล่งประกายเจิดจรัส จากนักแสดงไอดอลหน้าใสจากนาดาวบางกอกกลายมาเป็นดาวเด่นที่น่าจับตามองในฐานะ The Face Of New Generation ที่พิสูจน์ความสามารถทลายกำแพงความแตกต่าง  

 ด้วยความโด่งดังเพียงนี้ ก็ชวนให้น่าทึ่งว่า  PP เพิ่งจะเริ่มผลงานการแสดงและร้องเพลงเพียงไม่กี่ปี   นับตั้งแต่ดึงดูดความสนใจจากบท 'ทิวเขา'แห่งซีรีส์ดัง 'รักฉุดใจนายฉุกเฉิน'  ทำให้หลายคนปิ๊งเด็กนิสิตหน้าใสจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และทักกันเกรียวกราวว่า  เค้าช่างดูน่ารักเหมือน 'ต่อ ธนภพ'  รุ่นพี่นักแสดงตัว top จากนาดาวบางกอก แต่เพียงไม่นานต่อมา PP ก็ถูกเปรียบเทียบด้วยตำแหน่งตัว top ไม่แตกต่างกัน

แต่ผลงานที่ทำให้ spotlight สาดส่องมาจนเจิดจ้าพร่างพรายย่อมเป็น 'แปลรักฉันด้วยใจเธอ'  ซีรีส์วายเรื่องแรกจากนาดาวบางกอกที่ไม่เพียงแต่จะได้รับความนิยมจากแฟนๆในประเทศ  แต่เปรียบเหมือนประตูที่เปิดกว้างเพื่อ BILLKIN & PP KRIT  นักแสดงนำทั้งสองได้รับพลังสนับสนุนล้นหลามจากแฟนเบสต่างประเทศ จากเสียงชื่นชมว่า  นี่คือผลงานที่สามารถยกระดับซีรีส์วายจากประเทศไทยจนสามารถเป็นหน้าเป็นตาให้กับอุตสาหกกรรมบันเทิงใน genre นี้    เกิดเป็นกระแสตอบรับที่พร่างพรูในโลกออนไลน์   ไวรัลจาก Twitter และกล่องคอมเมนท์ใน Youtube เต็มไปด้วยการแสดงความรู้สึกปลาบปลื้มจากชาวเน็ทต่างชาติต่างภาษา  จากกระแสร้อนแรงของคู่จิ้น  'หมอเต่า-ทิวเขา' มาสู่การเติบโตไปด้วยกันของ 'เต๋ -โอ้เอ๋ว'  

การ casting สองนักแสดงเพื่อนสนิทมาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวความรักที่งดงามแต่แฝงไปด้วยความเจ็บปวดแนว coming of age เรื่องนี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่ดีสุดของนาดาว   และยังสร้าง impact ต่อแฟนๆต่างชาติด้วยเพลง 'หรูเหอ'เวอร์ชั่นจีนของ 'กีดกัน (Skyline)' เพลงประกอบซีรีส์ที่สอดคล้องกับเรื่องราวความรักของสองหนุ่มนักเรียนเตรียมสอบในซีรีส์ ซึ่ง PP ยังร่วมทำหน้าที่ขับร้องเพลงนี้ ดึงดูดเสียงชมจากเจ้าของภาษาว่าโชว์ผลงานได้ดี แม้ต้องพบกับความท้าทายที่มีเวลาฝึกฝนวิธีออกเสียงในเวลาจำกัดและในขณะเดียวกันก็สามารถสื่ออารมณ์ความสุขสมระคนขมขื่น   ปรากฏการณ์แบบความสำเร็จชั่วข้ามคืนนั้นได้แพร่กระจายกระแสหวีดไปสู่ประเทศอื่นๆ   จนทำให้เกิดความเสียดายว่า ผลงานที่มีเพียง 5 ตอนจบยังไม่อิ่มเอมไม่พอ  เรียกร้องชมโมเมนท์ฟินจิกหมอนและน้ำตาท่วมยิ่งกว่านี้   ไม่ต้องรอนานก็มีการประกาศสร้าง part 2 เพื่อเดินทางมาสู่บทสรุปที่ช่วยเติมเต็มความซาบซึ้งตรึงใจ

ภาพความสำเร็จของดาราศิลปินไทยที่เกิดขึ้นในประเทศนั้นเป็นเรื่องที่พวกเราคุ้นเคยกันอยู่แล้ว นักแสดงคู่ขวัญที่ดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากมายมักรับงานอีเวนท์และโพรโมทผลงานทางสื่อต่างๆพร้อมกัน จุดเปลี่ยนสำคัญคือความนิยมจากต่างประเทศนั่นเอง ยิ่งเมื่อมีแฟนเบสทรงพลังจากจีน ซึ่งเห็นได้ชัดจากการลงคะแนนซีรีส์เรื่องนี้สูงพอๆกับซีรีส์ฟอร์มยักษ์จากแผ่นดินใหญ่ เริ่มตั้งแต่ตอนแรกที่ 9.1 และสูงขึ้นไปถึง 9.5 ซีรีส์อาจจะอวสานไปแล้ว แต่ความเนื้อหอมในฐานะไอดอลไม่ได้เจือจางลงไป

เมื่อพูดถึงแฟนเบสของนักแสดงไอดอลจากซีรีส์วาย ก็อาจจะทำให้หลายคนนึกถึง 'แม่จีน' แต่ภาพจาก BILLKIN & PP KRIT Asia Fan Meeting ที่สามารถดึงดูดแฟนๆจากประเทศญี่ปุ่นเกาหลี เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ให้มาร่วมชมการแสดงของพวกเค้าอย่างแน่นขนัด แฟนสายทุ่มเทบางคนที่อาศัยในประเทศอื่นก็จองตั๋วและเดินทางมาเจอพวกเค้าตัวเป็นๆ น่าจะเป็นสิ่งที่ชี้ชัดว่า ความนิยมของไอดอลทั้งสองอยู่ในระดับปรากฏการณ์ที่ไม่ได้จำกัดอยู่ในวงแคบๆ แต่เป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนที่จุดประกายให้ศิลปินบ้านเราฝันให้ไกลไปให้ถึงระดับ international

ความสำเร็จของซีรีส์เรื่องได้ไปสะดุดตาสื่อตะวันตกเช่นกัน Refinery29 ได้ต่อสายมาพูดคุยกับ PP เพื่อไถ่ถามถึงความเป็นมาของ 'แปลรักฉันด้วยใจเธอ' ซึ่งในขณะนั้น PP ยังเป็นดาวรุ่งที่ใหม่มากในวงการก็ได้ฝากให้ผู้ชมให้เปิดใจ เพราะนี่ไม่ใช่ผลงานสำหรับกลุ่ม LGBTQ+ เท่านั้น แต่หวังว่ามันสร้างความตรึงตราใจให้กับผู้ชมที่อาจจะเคยผ่านประสบการณ์ที่คล้ายกัน และมันอาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้บางคนหันมาเปิดใจกับการสร้าประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ทุกคนควรลองชมและเรียนรู้ถึงแง่มุมใหม่ๆในการใช้ชีวิต ซึ่งผลงาน coming of age เรื่องนี้ยังได้เน้นที่ประเด็นการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้คนอื่นได้รับรู้เข้าใจอีกด้วย

เราต่างก็รู้ว่าการยอมรับในสิ่งที่เป็นและต่อสู้กับอคติภายนอกนั้นไม่ใช่เรื่องเบาๆ แต่ทำให้หลายคนเจ็บปวดมานักต่อนัก การสะท้อนปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริงผ่านการแสดงในซีรีส์ได้ทำให้แฟนบางคนรู้สึกเหมือนมองชีวิตตัวเอง หรือแม้ว่าจะไม่ได้มีประสบการณ์ที่คล้ายกัน แต่ก็นำแง่คิดและแรงบันดาลใจมาปรับใช้กับตัวเองได้

PP ได้บอกเล่าความรู้สึกจากความสำเร็จเหนือความคาดคิดกับนิตยสาร Men's- Folio ว่า

"ย้อนไปเมื่อก่อนนั้น ผมไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลยครับ ผมไม่แน่ใจว่าผู้ชมจะชื่นชอบผลงานการแสดงของผมหรือไม่ สำหรับผมแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างอย่างเป็นเรื่องใหม่และฉันก็ม่ีประสบการณ์น้อยมาก ผมไม่ได้นึกฝันมาก่อนว่าจะกลายมาเป็นนักแสดง จึงไม่ได้ตั้งความหวังไว้สูงนัก คิดแต่เพียงว่าจะทำให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม กระแสตอบกลับนั้นเหนือความคาดหมายไว้มาก ผมนึกว่าตัวเองฝันไปซะอีก มันเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ"

PP เผยว่า feedback ที่ดีงามของผลงานดนตรีและการแสดงนั้นได้จุดประกายให้เค้ามุ่งมั่นสร้างผลงานให้ดียิ่งขึ้น แต่ก็ได้แนะนำให้ทุกคนอย่าลืมหาความสุขที่เกิดขึ้นจากสิ่งรอบตัวและรักษามันไว้เป็นความทรงจำ เพราะเค้ามองว่า ตัวเองวิตกกังวลมากไปจนพลาดที่จะชื่นชมเรื่องราวดีๆที่อยู่ใกล้ตัว จึงต้องพยายามปรับทัศนคติของตัวเองเพื่อมองโลกในแง่มุมที่แตกต่างจากเดิม

นอกเหนือจากผลงาน perform บนเวทีและหน้ากล้อง สื่อแฟชั่นดังในเอเชียและตะวันตกหลายเจ้าต่างรายงานความเคลื่อนไหวของเขาไม่ต่างจากศิลปินดาราจากประเทศมหาอำนาจทางบันเทิงอย่างเกาหลี จีน และญี่ปุ่น ลุคใหม่จากผลงาน solo ของ PP ก็โดดเด่นสะดุดตาจน Teenvogue ยกย่องถึงการถ่ายทอดตัวตนด้วยแฟชั่นโดยไร้ขีดจำกัดในกรอบเดิมๆ ไม่นานมานี้ PP เพิ่งจะสวมชุด Balenciaga ขึ้นปก Men's- Folio นิตยสารจากสิงคโปร์ และยังปรากฏบนบทความชื่นชมจากนิตยสารเป็นภาษาอังกฤษหลายเจ้า

ขึ้นแท่นเป็นนักแสดงนำซีรีส์เรื่องแรกก็ถูกเสนอชื่อให้เข้าชิง Asian Star Prize จากเวที Seoul International Drama Awards ปี 2021 และยังคว้ารางวัลกลับบ้านได้ ปีต่อมา ผลงาน แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2 ก็ได้รับคะแนนจากการโหวตของแฟนๆทำให้รับรางวัล Outstanding Asian Star Prize อีกครั้ง และตอกย้ำความนิยมจากเวทีนานาชาติใน Asia Artist Awards ที่ญี่ปุ่นด้วยรางวัล Asia Celebrity สาขานักแสดง ซึ่งรางวัลสุดเริ่ดพวกนี้ได้เพิ่มความเป็นสง่าราศรีให้กับโพรไฟล์ของ PP  ไม่ว่าจะเป็นบทบรรยายที่ปรากฏในหน้าสื่อต่างประเทศและคำอวยจากแบรนด์ไฮเอนด์ก็ไม่ขาดคำว่า 'ศิลปินเจ้าของหลายรางวัลที่สร้างความโด่งดังไปหลายประเทศ'

สถานะ Balenciaga  Brand Ambassador  นั้นอาจจะเป็นสิ่งที่ตอกย้ำความทรงอิทธิพลในโลกแฟชั่น  แต่การถ่ายทอดตัวตนที่ชัดเจนต่างหากที่ทำให้เค้าโดดเด่นสะดุดตาขึ้นมาจากคนดังในแถบเอเชีย  PP ได้ให้สัมภาษณ์กับ Vogue ฮ่องกงว่า   การแต่งตัวของเค้าจัเผยถึงอารมณ์ความรู้สึกและ character ที่อยากเสนอในวันนั้นหรือในอีเวนท์  และไม่ได้เจาะจงสไตล์แบบตายตัว แต่เชื่อว่า หากมีความมั่นใจในตัวเอง มันยิ่งช่วยให้เค้าเปล่งประกายในระหว่างการแสดง

ชัดเจนว่า หลายลุคของ PP จะให้ความรู้สึกของคนกล้าได้กล้าเสี่ยงกับสไตล์ที่อยู่นอกกรอบ ไม่ว่าจะเป็นด้านที่ดูอ่อนหวาน feminine , fierce ร้อนแรง หรือยั่วเย้าซุกซน เค้าจะไม่แสดงท่าทีอึดอัดฝืนใจ แต่โปรยเสน่ห์ตามธรรมชาติจนเป็นศูนย์กลางความสนใจทุกของทุกสายตา

สื่อบางเจ้าวิเคราะห์ว่าสไตล์ที่โดดเด่นของ PP ดูเข้าทาง Balenciaga ชัดเจน ทั้งชุด monochrome และดีไซน์ cut out เย้ายวนใจ ทั้งยังมีแนวโน้มในการสร้างมูลค่าทาง social media สูง แต่เค้ายังเป็นไอดอลที่สื่อถึงความพลังสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ ซึ่งน่าจะเข้ากับกลยุทธ์ฟื้นฟูภาพลักษณ์ให้เป็นที่ยอมรับอีกครั้ง หลังจากเกิดดราม่านำเสนอภาพนายแบบนางแบบเด็กที่ไม่เหมาะสม ซึ่งแม้ว่าทั้ง Creative Director และแบรนด์จะออกมายอมรับผิดและขออภัย เรียกร้องให้ผู้คนให้โอกาสเพื่อให้ปรับปรุงเรื่องการเพิ่มความระมัดระวังด้านจริยธรรมการทำงานในรูปแบบปฏิวัติใหม่หมดจด แต่มลทินที่เกิดขึ้นก็ยังเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจผู้คน เหล่าคนดังอาจจะกลับมาสวมใส่ Balenciaga หลังจากดราม่าเริ่มบางเบาลงไปแล้ว แต่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน Lyst Index ผู้จัดอันดับความนิยมของแบรนด์ชั้นนำก็ระบุลำดับของ Balenciaga ห่างไกลจากที่เคยสร้างความสำเร็จไว้ได้ หลังจากที่ถูกยกให้เป็นแบรนด์ No.1 ในปี 2021 แต่หลังจากถูกโจมตีเรื่องแคมเปญเสื้อผ้าเด็กสุดฉาว   อันดับล่าสุดร่วงไปอยู่ที่ 18 ทั้งๆที่เคยติด top 3 มาหลายปีติดต่อกัน

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้บางคนคิดว่า แบรนด์จำเป็นต้องวาง strategy ใหม่เพื่อเรียกความเชื่อถือคืนมา การตัดสินใจร่วมงานกับคนดังที่มี image สวยงามและได้รับการยกย่องเรื่องการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนน่าจะมี impact มากกว่าการตลาดแบบเดิมๆ คือ การสร้างกระแสด้วย shock value หรือ shockvertising ที่ทำให้ชื่อเสียงมัวหมองเมื่อไม่กี่เดือนก่อน

หลังจาก Balenciaga ลบภาพเก่าๆบน Instagram จนเหลือเพียงไม่มากนัก ราวกับจะบ่งชี้ถึงการ rebrand เพื่อลบล้างความมัวหมองจากดราม่าในปีก่อน  แบรนด์fy'ก็ได้สร้างความเซอร์ไพรส์ด้วยการประกาศแต่งตั้ง PP Krit เป็นหนึ่งในสอง brand ambassador เซเลบ  นอกจากจะเป็นการแต่งตั้งตำแหน่งนี้อย่างเป็นทางการครั้งแรกของ Balenciaga ( เป็นตำแหน่งที่มีความแตกต่างจาก Global Ambassador ของนางเอกเกาหลีมาดเท่ ฮัน โซฮี และ partnership กับคนดัง Hollywood ที่เป็นรูปแบบแคมเปญโฆษณาและ muse) เมื่อแบรนด์ไฮเอนด์เล็งเห็นถึงแรงขับเคลื่อนของไอดอลชาวไทยที่จะสร้างยอดมูลค่าทางสื่อและเพิ่มพูนรายได้ไม่ต่างไอดอล K- Pop ซึ่งไอดอลจากต้นสังกัดใหญ่เหล่านี้ได้ก้าวมาครอบครองอิทธิพลในอุตสาหกรรมแฟชั่นจนถูกเรียกว่า K-Pop Effect   การร่วมงานครั้งนี้จึงเป็นปลุกความตื่นเต้นของแฟนๆ ที่ประจักษ์ถึงความเติบโตของ T-Pop  หากได้รับการสนับสนุนเพื่อแสดงศักยภาพได้ถูกทาง ศิลปินสัญชาติไทยอาจจะก้าวสู่เส้นทางความสำเร็จในฐานะ international star ได้มากขึ้น  ซึ่งนอกจาก PP  ศิลปิน/นักแสดงชื่อดังอีกหลายคนก็ได้รับคำทาบทามทำสัญญาจากแบรนด์ดังแล้วเช่นกัน

PP อาจจะยังดูเป็นหน้าใหม่ใน high fashion scene  แม้จะเคยได้รับเชิญให้เข้าร่วม fashion week มาก่อน แต่หากพิจารณาการแสดงจุดยืนจากแบรนด์ที่จะก้าวสู่ทิศทางใหม่ด้วยการผนึกกำลังกับศิลปินบันเทิงเพื่อเปิดกว้างพื้นที่สำหรับทุกคนโดยไม่แบ่งแยกความแตกต่างหลากหลาย มันน่าจะประกาศเจตนารมณ์ที่เข้ากับตัวตนของ PP  อย่างลงตัว

ที่ผ่านมา partnership กับคนดังทรงอิทธิพลอย่าง Kanye และ Kim Kardashian นับเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ Balenciaga สร้างความความโด่งดังบน social media แต่หลังจากที่ระงับความสัมพันธ์กับทั้งสองไป หนำซ้ำยังได้รับความเสียหายทางภาพลักษณ์จากแคมเปญสุดฉาวในครั้งนั้นทำให้เกิดผลกระทบด้านรายได้   จึงต้องพยายามปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้คนให้เปิดใจยอมรับแบรนด์มากขึ้น นางเอกระดับตำนานจากฝรั่งเศส Isabelle Huppert และ PP popstar ชื่อดังจากไทยจึงถูกทาบทามมารับหน้าที่ brand ambassador  ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า นี่คือ move ของแบรนด์ที่น่าจะคาดหวังผลได้   เซเลบทั้งสองอาจจะไม่ได้มีตัวเลข platform ระดับหลายสิบล้านหรือร้อยล้าน แต่ช่วยเสริมสร้างความโดดเด่นจาก refreshing vibe และการ empower ผู้คนด้วยพลังงานความสร้างสรรค์และความคิดแง่บวก

จากบรรยากาศ fashion show ในปีนี้ของ  Balenciaga ก็พบว่า  คนดังระดับ top ยังให้ความสนใจแบรนด์นี้ ไม่ได้ปล่อยให้ show เงียบเหงา จึงเป็นเรื่องที่น่าติดตามว่า  project ของ PP ร่วมกับแบรนด์ดังในอนาคตจะน่าสนใจและดึงดูดใจผู้บริโภคมากขึ้นเท่าใด

ท่ามกลางเสียงชื่นชมและพลังสนับสนุนให้ PP ก้าวต่อไปเพื่อสร้างความสำเร็จโดยไม่ทิ้งตัวตนในแบบที่ต้องการจะเป็น  เค้าก็ต้องพบกับถ้อยคำถากถางเรื่องเพศวิถีด้วยทัศนคติย่ำแย่ จากดราม่าศิลปินอินดี้ที่ว่าร้ายเหยียดหยาม PP และ Billkin ที่ได้รับการติดต่อให้ไปขึ้นเวทีแสดงบนเวที Summer Sonic Festival ที่ญี่ปุ่น  แม้กระแสสังคมที่โอบอุ้มปกป้องทำให้ PP รู้สึกซาบซึ้งจนหลั่งน้ำตา  แต่ก็ยอมรับว่ตรงๆว่ารู้สึกเสียใจและเห็นใจทั้งpartner คนสำคัญคือ Billkin ที่ถูกพาดพิงและทีมงานที่ร่วมทุ่มเทให้ project นี้เป็นไปด้วยดีแต่กลับต้องเสียกำลังใจ  เพราะไม่จำเป็นเลยที่จะต้องเห็นดีเห็นงามกันไปหมดทุกอย่าง แต่สิ่งสำคัญคือการเคารพให้เกียรติกัน และพึงระลึกไว้ว่า การแสดงความเห็นของเราไม่ควรสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น


สำหรับยุคสมัยที่เจริญก้าวหน้ามาจนทุกวันนี้ พวกเราหลายคนก็คงไม่คาดจะเห็นพลังงานสุดลบอย่างการด้อยค่าเรื่องเพศในสังคมอีกต่อไป แน่นอนว่า ทุกครั้งที่ได้เห็นเหตุการณ์แบบนี้ ไม่เพียงแต่แฟนๆที่รัก PP เท่านั้น แต่ผู้ที่มีจิตใจเที่ยงธรรมก็ต้อง call out และ educate กันหนักๆ เพื่อให้กระตุ้นให้เกิดการปรับทัศนคติให้มีอารยะมากพอจะหยุดปาก/มือพิมพ์ว่าร้ายคนอื่น แต่มันอาจจะไม่เพียงพอที่จะยกระดับจิตใจคนกลุ่มนั้น ที่ผ่านมานั้น PP ที่ต้องรับมือกับ cyberbullying จากชาวเน็ทที่ลามปามไปคุกคามถึงครอบครัวคนใกล้ชิด จนถึงจุดที่เค้าจะไม่ยอมทนต่อไป ตัดสินใจมอบหมายให้ทนายดำเนินตามกฎหมายเพื่อเอาผิดให้ถึงที่สุด

แต่คงไม่มีผู้ที่ประสบความสำเร็จคนใดที่ไม่ต้องผ่านความท้าทายจากอุปสรรคที่ทำให้เสียกำลังใจมาก่อน  PP  ไม่ได้ปล่อยให้แนวคิดด้านลบมาฉุดรั้งการสร้างความฝันให้เป็นจริง  เส้นทางเบื้องหน้านั้นมีความรุ่งโรจน์ซะยิ่งกว่านี้รออยู่   PP ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในการพลิกโฉมบันเทิงเมืองไทย ซึ่งพวกเราต่างประจักษ์ถึงทิศทางความเปลี่ยนแปลงจากความพยายามยกระดับจนมีสัญญาณความพัฒนาที่ไม่จมปลักวนอยู่กับที่  ดังที่เห็นศิลปินดาราไทยได้รับความสนใจจากแฟนๆต่างชาติมากขึ้นชัดเจน

การเดินทางของ Troye Sivan มายังประเทศไทยเพื่อถ่าย MV ตัวใหม่ ทำให้แฟนๆ รู้สึกใจเต้นขึ้นมา เพราะหนุ่มออสซี่หน้าสวยได้แชร์คลิปในขณะที่ยืนเคียงข้างกับไอดอล T-Pop ชื่อดังผ่าน Instagram แม้จะเป็นภาพที่ปรากฏภายในเสี้ยววินาที ก็ทำให้แฟนๆ เกิดความคาดหวังว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะได้เห็น PP กระทบไหล่ร่วมงานกับศิลปินชื่อดังของโลก???

จากตัวอย่าง MV ที่ Troye ได้เผยให้ชมแบบเป็นน้ำจิ้มรสเด็ดนั้น เต็มไปด้วยการ empower การใช้ชีวิตและความสัมพันธ์โดยไม่จำกัดตัวเองยอมแพ้ต่อกำแพงการแบ่งแยกความแตกต่าง ด้วย concept การปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ แรงปรารถนาและความรัก เพียงแค่ปล่อยเพลงบางส่วนออกมาก็สัมผัสได้ถึงความ sexy ร้อนแรงไฟลุก ดูเข้ากับ Fire Boy ของพวกเราเลยใช่มั้ยล่ะ?

ปล่อยภาพมาแบบไม่เฉลยว่าเพียงการนัดพบปะกันหรือเป็นการร่วมงาน ก็ทำให้แฟนๆอยากรู้จนทนรอแทบไม่ไหว  ซึ่งก่อนหน้านี้ PP ก็เคยนำเสนอคัฟเวอร์เพลง 'Angel Baby' ของ Troye  ในเวอร์ชั่น Visualiser ทาง Instagram Reels มาแล้ว  ขณะนั้นก็มีผู้แสดงความหวังที่จะได้เห็นพวกเค้าร่วมงานกันจริงๆ

ถึงจะยังไม่แน่ใจนักว่าเราจะได้เห็น PP ใน Got Me Started  MV หรือไม่  แต่ไม่นานก่อนหน้านี้  PP ก็ได้ส่ง MV 'เส้นเรื่องเดิม (RERUN)' ที่ดึงตัวพระเอกดัง นาย ณภัทรมาร่วมประชันบทบาท  หลังจากที่เรียกเสียงฮือฮาจากหนังสั้นบอกเล่าเส้นเรื่องความรักฝังใจของคนที่ผิดหวังแบบซ้ำๆ move on ไม่ได้จนหวาดหวั่นกับความรักที่จะลงเอยด้วยความเจ็บปวดเช่นเดิม  อารมณ์ของหนังสั้นหวานปนขมอาจจะทำให้ผู้ชมเรื่องราวในความทรงจำ แค่ไม่นานคอนเมนท์แสดงความปลาบปลื้มก็ผุดขึ้นพรึ่บ  ถึงขนาดที่แฟนชาวต่างชาติบางคนได้ยืนยันหนักแน่นว่า  ถึงจะให้แสดงคู่กับหิน PP ก็โชว์เคมีเข้ากันแบบเริ่ดๆได้  จับคู่กับใครก็ชวนอินไปหมด!  

เป็นกำลังใจให้ให้รอคอยติดตามความ shine ของ PP (และความหล่อแซ่บของพระเอก MV ทุกคนของน้อง) ขออวยพรให้ mass วัน mass คืน!