#105 Book review 5 หนังสือเลี้ยงลูกสไตล์คนญี่ปุ่น ลงทุนอ่านวันนี้ สบายไปตลอดชีวิต
Khunbotan
25
15
สวัสดีค่ะ ตอนเทนต์วันนี้ขอเอาใจคุณแม่ทั้งหลาย โบตั๋นมีหนังสือแนะแนวการเลี้ยงลูกสไตล์คนญี่ปุ่น🎌 ที่อ่านแล้วคุ้มค่าแน่นอน เพราะทำให้การเลี้ยงลูกเป็นเรื่องง่ายและสนุกขึ้น 3,000% รับประกันว่า ถ้าอ่านจบ จะเป็นการลงทุนให้กับตัวคุณพ่อคุณแม่และลูกๆ ที่เกินคุ้มแน่นอนค่ะ
นำไปใช้ได้ตั้งแต่ลูก 0-10 ขวบ☝🏻✊🏻
แต่ผลลัพธ์จะอยู่ติดตัวลูกไปตลอดชีวิต😊
📔เล่มที่ 1 : หนูทำได้ สไตล์มอนเตสซอรี
หนังสือเล่มนี้จะพูดถึงการเลี้ยงเด็กรูปแบบหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมทั่วยุโรป ในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น นั่นก็คือ “มอนเตสซอรี” ที่เขียนโดยครูชาวญี่ปุ่นผู้มากประสบการณ์ในการโรงเรียนมอนเตสซอรี ความน่าสนใจของการเลี้ยงลูกสไตล์นี้ คือ เป็นเบื้องหลังความสำเร็จของบุคคลระดับโลกมากมาย อย่างเช่น มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก และอีกหลายๆ คนซึ่งถ้าเอ่ยชื่อ ทุกคนจะต้องรู้จักค่ะ
ผู้เขียนใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย และเป็นกันเอง ระหว่างอ่านเหมือนได้นั่งจับเข่าคุยระบายปัญหาเกี่ยวกับการเลี้ยงลูก และได้คำตอบกลับมาตามแนวทางของมอนเตสซอรีที่ยิ่งฟังยิ่งได้พบกับความสบายใจอย่างบอกไม่ถูก นอกจากจะได้แนวทางการเลี้ยงลูกไปใช้แล้ว ยังเหมือนได้อ่านหนังสือจิตวิทยาสำหรับแม่ไปด้วย ไม่รู้สึกเสียดายเงินและเวลาที่หมดไปกับพ็อคเก็ตบุ๊คเล่มนี้เลยค่ะ
📙เล่มที่ 2 : เล่นกับลูก สไตล์มอนเตสซอรี
เล่มนี้เขียนโดยมิกะ อิโต เป็นผู้ที่ทำงานในแวดวงเนิร์สเซอรีและโรงเรียนอนุบาลมานานกว่า 26 ปี จึงมีเคสมากมายมาเล่าให้ผู้อ่านอย่างเราฟัง อย่างที่บอกว่าเล่มนี้จะมาแนะแนวของเล่นต่างๆ ให้ผู้ปกครองนำไปเล่นกับลูกหลานมากมายในสไตล์มอนเตสซอรี ระหว่างทางที่เราอ่านนอกจากจะได้ไอเดียกิจกรรมต่างๆ ไปเล่นกับลูกแล้ว เนื้อหายังสอดแทรกแก่นของมอนเตสเซอรีไว้ด้วย เผื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนยังไม่เคยรู้จักการเลี้ยงลูกแบบมอนเตสเซอรี อ่านไปเรื่อยๆ ก็จะเข้าใจหัวใจหลักๆ ของมอนเตสเซอรีด้วยค่ะ
ของเล่นในแต่ละบทที่ผู้เขียนพูดถึงส่วนใหญ่จะทำมาจากของใช้ในบ้านที่มีอยู่แล้ว แบบไม่ต้องซื้อของเล่นแพงๆ มาให้ลูกเล่นแค่แปปเดียวแล้วก็เบื่อ ดีมากๆ เลยค่ะ ประหยัดไปเยอะ 555+ ระหว่างที่อ่านก็ได้หยิบไปลองเล่นกับลูกแล้ว 2-3 อย่าง ปรากฎว่าลูกชอบทุกอัน แต่ชอบมากชอบน้อยแตกต่างกันไป แต่พ้อยท์ไม่ได้อยู่ที่ว่าชอบหรือไม่ แต่สำคัญตรงที่ลูกได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ด้วยตัวเอง และแม่มีหน้าที่เล่นให้ดูจนลูกอยากมีส่วนร่วม สุดท้ายลูกก็อยากเล่นของเล่นที่แม่ประดิษฐ์เองกับมือ แม่แอบมีความภูมิใจเล็กๆ อิอิ
📒เล่มที่ 3 : พูดกับลูกสไตล์คุณแม่ญี่ปุ่น
พูดอย่างไรให้ลูกเติบโตอย่างมีความสุข เห็นคุณค่าและมั่นใจในตัวเอง นี่คือเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ หลังจากที่อ่านหนังสือเลี้ยงลูกที่เขียนโดยคนไทยมาหลายเล่ม เลยตั้งใจจะหาอะไรใหม่ๆ จากหนังสือแปลบ้าง อย่างเล่มนี้ “พูดกับลูกสไตล์คุณแม่ญี่ปุ่น 66 ถ้อยคำทำร้ายลูกที่คุณอาจไม่รู้” แม้ว่าจะเขียนโดยคนญี่ปุ่น แต่ด้วยวัฒนธรรมต่างๆ ที่มีลักษณะเฉพาะแบบตะวันออก ทำให้การสื่อสารกับลูกของเรากับชาวญี่ปุ่นค่อนข้างคล้ายกัน เกร็ดความรู้จึงนำมาใช้ในการเลี้ยงลูกแบบคนไทยได้เยอะเลยทีเดียว
หนังสือเล่มนี้ช่วยให้เราย้อนกลับมามองตัวเอง ว่าที่ผ่านมาเราสื่อสารกับลูกดีพอแล้วหรือยัง? ซึ่งส่วนตัวก็พอจะนึกออกส่วนที่พลาดไปได้เยอะเลยทีเดียว แต่ถ้ายังคิดไม่ออกว่าจะปรับปรุงการสื่อสารที่ทำร้ายลูกนั้นอย่างไร ในพ็อคเก็ตบุ๊คเล่มนี้มีคำตอบสไตล์คุณแม่ญี่ปุ่นให้ร้อง อ๋อ...!! ทุกพลิกหน้ากระดาษ พร้อมกับภาพประกอบน่ารักๆ ทุกหน้า ดีต่อใจนักอ่านขี้เบื่ออย่างโบตั๋นมากๆ ถ้ามีเวลาว่างทั้งวัน เล่มนี้สามารถอ่านจบได้ในวันเดียวค่ะ กับ 160 กว่าหน้า ราคา 190 บาท ที่มีประโยชน์มากสำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่
📕เล่มที่ 4 : ดับภูเขาไฟในใจแม่
“การที่โมโหง่ายในเวลาที่สภาพจิตใจไม่มั่นคงนั้นเป็นเหมือนกันทุกคน ไม่ใช่ว่านิสัยเปลี่ยนไปหรือเป็นการแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาเสมอไป”
ข้อความสั้นๆ จากหนังสือ ‘ดับภูเขาไฟในใจแม่’ ที่อ่านแล้วรู้สึกผ่อนคลาย เพราะหลายๆ ครั้งที่คนเป็นแม่มักมองแม่บ้านอื่นด้วยความริษยาในความสุขุมใจเย็น แล้วเมื่อย้อนกลับมามองตังเองแล้วทำให้รู้สึกว่า “เราเป็นแม่ที่ใช้ไม่ได้เลย” แต่จริงๆ แล้ว ทุกคนมีมุมเกรี้ยวกราดด้วยกันทั้งนั้น เพียงแค่เราไม่ได้เห็นเท่านั้นเอง ฉะนั้น อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าเราเป็นแม่ที่ความอดทนต่ำกว่าคนทั่วไป เพียงเพราะมีแม่ท่านอื่นมาเปรียบเทียบ
เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้จะพูดถึงวิธีจัดการความโกรธของคุณแม่โดยเฉพาะ เหมาะกับแม่ๆ ที่มีลูกเล็กตั้งแต่ 0-10 ขวบ หรืออาจใช้ได้ตลอดไปจนลูกโตเป็นผู้ใหญ่เลย โบตั๋นคิดว่างั้น ก็เป็นอีกเล่มที่เนื้อหาใช้ประโยชน์ได้ทันที เพราะในหนึ่งวันเราคนเป็นแม่ต้องมีอะไรมากวนใจให้หงุดหงิดได้ไม่หยุดหย่อน อิอิ
📘เล่มที่ 5 : คุณแม่นักจัดฉากสไตล์มอนเตสซอรี
เล่มนี้เขียนโดยคุณครูที่มีประสบการณ์ในเนิร์สเซอรีและโรงเรียนอนุบาลถึง 26 ปี ฉะนั้นไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีการยกตัวอย่างสถานการณ์จริงมาเล่าได้อย่างเห็นภาพ ตั้งแต่ต้นเล่มจนหน้าสุดท้าย แบบใครยังไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแนวทางการสร้างเด็กแบบมอนเตสซอรีคืออะไร ก็พอที่จะจับคอนเซ็ปหลักของมันได้ไม่ยากว่าคือ การเลี้ยงลูกแบบไว้ใจลูก เชื่อมั่นในตัวลูก ให้ลูกพึ่งพาตัวเองได้มากที่สุด เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำไมถึงเป็นเบื้องหลังความสำเร็จในการสร้างเด็กเก่งที่มีความสุขได้ คงต้องให้ไปอ่านต่อกันเองในรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ แต่ขอบอกว่าใครมีลูกช่วงวัย 0-4 ขวบ จะอ่านเพลินและเป็นประโยชน์มากค่ะ
คุณพ่อคุณแม่ที่ลูกเริ่มโตแล้วกลัวว่าจะสายเกินไป บอกเลยว่าไม่มีคำว่าสายค่ะ เนื้อหาในแต่ละเล่มจริงๆ อ่านแล้วก็เหมือนตัวเราก็ได้สำรวจและพัฒนาตัวเองไปด้วยในตัว
อ่านเถอะนะ นะ จะได้ไม่ต้องมา “รู้งี้” ทีหลัง 😉
#กิ่งกิ๊งช็อบชอบ #แม่และเด็ก #หนังสือน่าอ่าน #khunbotanreview #REVIEW #จีบันถามได้ #รีวิว #khunbotanreview