แฟนช็อค! พบคำใบ้ความลับบีบหัวใจของ Britney จาก MV 'EVERYTIME'
candy 25 12
อีกเพียงไม่กี่วัน หนังสือ 'The Woman in Me' ที่จะถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของเจ้าหญิงเพลง pop จากเจ้าตัวโดยตรงกำลังจะถูกปล่อยตัวสู่ตลาด และคาดการณ์ว่า นี่จะเป็นหนังสือชีวประวัติคนดังที่สร้างยอดขายสูงลิบลิ่ว เพราะนับตั้งแต่ถูกจัดให้อยู่หมวด New Release ของ Amazon ก็ติดอันดับ 1 ของยอด pre-order ซะแล้ว แน่นอนว่า มีผู้คนจำนวนมากมายที่รอคอยจะได้รับฟังข้อมูลจากเจ้าของเรื่องราวจริงๆ หลังจากที่สื่อได้นำเสนอสารคดีและคอนเทนท์เกี่ยวกับ Brit ในรูปแบบต่างๆจนกลายเป็นกระแสฮือฮาในสังคมออนไลน์มาแล้วหลายครั้ง และมีข่าวลือมานานว่า เธอได้รับข้อเสนอจากพิธีกรทรงอิทธิพลแห่งอเมริกาเพื่อจะให้สัมภาษณ์แบบเปิดใจทุกแง่มุม แต่ในที่สุด เธอได้ตกลงทำสัญญาเพื่อร่วมเขียนชีวประวัติมูลค่า $15 ล้าน และแค่ครั้งแรกที่เปิดเผยข้อมูลบางส่วนจากหนังสือเล่มนี้ก็ทำให้แฟนๆต้องตกตะลึงซะแล้ว...
ความลับการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ที่ซุกซ่อนไว้นานกว่ายี่สิบปี
"ฉันรัก Justin เหลือเกิน ฉันปรารถนาเสมอมาว่าสักวันหนึ่งจะได้มีครอบครัวด้วยกัน แต่มันเกิดขึ้นเร็วกว่าที่ได้คาดหมายไว้มาก"
"แต่ Justin แสดงออกชัดเจนว่าไม่ได้ยินดีกับการตั้งครรภ์ เขาบอกว่า พวกเรายังไม่พร้อมที่จะมีลูกเข้ามาในชีวิต เรายังอายุน้อยเกินไป"
"ฉันแน่ใจว่าผู้คนต้องเกลียดฉันที่ทำเรื่องนี้ แต่ฉันยอมตกลงที่จะไม่ตั้งครรภ์ต่อ ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ถูกหรือเปล่า หากจะต้องต้องสินใจตามลำพัง ฉันไม่มีทางจะทำมัน แต่ Justin แน่ใจอย่างมากว่าเขาไม่ต้องการจะเป็นพ่อคน"
"จนกระทั่งทุกวันนี้ มันคือหนึ่งในเรื่องที่สร้างความเจ็บปวดมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยประสบมาในชีวิต"
Daily Mail ยืนยันข้อมูลเพิ่มว่า มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่ออดีตคู่รัก superstar มีอายุราวๆ 19 ปี ในสายตาหลายคน การยุติการตั้งครรภ์เนื่องจากวุฒิภาวะที่ไม่พร้อมสำหรับการทำหน้าที่พ่อแม่ฟังดูเป็นการตัดสินใจที่น่าจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป และศิลปินดาราหลายคนก็เคยเปิดเผยประสบการณ์ยุติการตั้งครรภ์เพราะไม่พร้อมมาแล้ว แต่สื่อกอสสิปได้ชี้เรื่องราวจากหนังสือชีวประวัตินี้ว่า Brit ได้รับการเลี้ยงดูมาให้มีแนวคิดไม่เห็นด้วยกับการทำแท้ง ซึ่งมาจากความเชื่อทางศาสนาและคำอบรมสั่งสอนจากครอบครัว (Jamie Lynn น้องสาวของเธอตั้งครรภ์ตอนอายุ 16 และตัดสินใจคลอดและเลี้ยงดูลูกจนเติบใหญ่) และสิ่งนี้เองที่ทำให้แฟนๆเชื่อว่า การตัดสินใจในครั้งนั้นทำให้เธอโทษตัวเองมานานกว่าสองทศวรรษ
ทฤษฎีชาวเน็ท: Everytime คือเพลงที่สื่อประสบการณ์ทำแท้งและความเจ็บปวดจากการโทษตัวเอง
'Cry Me A River' ที่มีเนื้อหาเคืองแค้นคนรักที่ทรยศด้วยการนอกใจมักจะได้รับเครดิตว่า เป็นเพลงที่ผลักดันความสำเร็จให้กับผลงาน solo ครั้งแรกของ Justin ในปี 2002 แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไปหลายปี ความเคลื่อนไหว Free Britney และสารคดีจากสื่อดังทำให้ผู้คนหันมาตระหนักว่า Britney ตกเป็นจำเลยสังคมจากแผน PR ปั่นกระแส shaming ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสาวที่มีรูปร่างหน้าตาและการแต่งตัวคล้ายกับ Brit มาร่วมแสดงใน MV หรือจะเป็นการให้สัมภาษณ์รายการ TV ด้วยสีหน้าตรอมตรมกับประสบการณ์ความรักที่ชอกช้ำ (Barbara Walters ถามเค้าเน้นๆว่า เลิกกัยเพราะ Britney ทำเรื่องร้ายกาจมากอย่างการนอกใจใช่หรือไม่?) แต่ในขณะนั้น มหาชนไม่ได้ใส่ใจนักว่า ความสำเร็จของ 'Cry Me A River' เป็นกลยุทธ์แบบ smear campaign ทำให้อีกฝ่ายให้เป็นผู้ร้ายในสายตาของผู้คนมากมายและฉวยโอกาสกอบโกยผลประโยชน์ในขณะที่ผู้คนกำลังอินกับเรื่องการเลิกราของพวกเค้าและมีการปล่อยข่าวชี้เป้าโจมตี Britney ออกมาแทบไม่หยุด ในขณะที่เธอจะชี้แจงเช่นไรก็ถูกพิพากษาไปแล้วว่าเป็นผู้หญิงหลายใจ กระแสสังคมหักเหพุ่งโจมตีฝ่ายชายเมื่อสองปีได้กดดันให้เขาออกมาประกาศขอโทษอดีตคนรักในที่สุด
แต่ดูเหมือนว่า เนื้อหาในหนังสือชีวประวัติของ Britney จะทำให้ Justin ตกเป็นเป้าหมายของชาวเน็ทอีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากภาพใน MV และเนื้อเพลง Everytime ว่า นี่เป็นสิ่งที่ถ่ายทอดสิ่งที่สร้างความเจ็บปวดฝังใจของศิลปินสาวที่เธอเก็บไว้มาเนิ่นนาน นั่นคือการตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์นั่นเอง
แต่ดูเหมือนว่า เนื้อหาในหนังสือชีวประวัติของ Britney จะทำให้ Justin ตกเป็นเป้าหมายของชาวเน็ทอีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากภาพใน MV และเนื้อเพลง Everytime ว่า นี่เป็นสิ่งที่ถ่ายทอดสิ่งที่สร้างความเจ็บปวดฝังใจของศิลปินสาวที่เธอเก็บไว้มาเนิ่นนาน นั่นคือการตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์นั่นเอง
มีเสียงร่ำลือมานานว่า 'Everytime' เพลงบัลลาดที่มีเนื้อหาเศร้าสร้อยเป็นผลงานตอบกลับ Cry Me A River แต่มันมิใช่ diss track ที่แต่งขึ้นมาประจานหรือโจมตีอดีตคนรักหนุ่มแต่อย่างใด จากเนื้อเพลงที่วิงวอนขออภัย เธอบอกเล่าเบื้องหลังของการเขียนเพลงนี้ว่า อยู่ในช่วงที่กำลังเผชิญกับเรื่องราวสะเทือนอารมณ์อย่างหนัก และนักแต่งเพลงที่ร่วมขัดเกลา Everytime กับ Britney เป็นผู้ยืนยันได้ว่า ที่มาของเพลงนี้ตรงกับข่าวลือ
"มันเคยเป็นความสัมพันธ์ที่สำคัญมากสำหรับเธอ แต่กระแแสจากสื่อและตัวเขาที่นำเสนอผลงานศิลปินเดี่ยวครั้งแรกในชีวิตด้วยการพูดเรื่องเธอในด้านแย่ๆ วิธีที่ใช้มันเหมือนเด็กอมมือทำกัน ฉันรู้ว่านี่เป็นสิ่งที่ทำให้เธอเจ็บปวดมากๆ"
คงพิสูจน์ได้จากคลิปสั้นๆ ที่เผยภาพของ Brit ในขณะอัดเสียงเพลงนี้ปรากฏใน social media เธอสะเทือนใจอย่างหนักจนต้องหยุดแล้วนั่งลงร่ำไห้ และขอทีมงานเพื่อร้องใหม่อีกครั้ง
"มันเคยเป็นความสัมพันธ์ที่สำคัญมากสำหรับเธอ แต่กระแแสจากสื่อและตัวเขาที่นำเสนอผลงานศิลปินเดี่ยวครั้งแรกในชีวิตด้วยการพูดเรื่องเธอในด้านแย่ๆ วิธีที่ใช้มันเหมือนเด็กอมมือทำกัน ฉันรู้ว่านี่เป็นสิ่งที่ทำให้เธอเจ็บปวดมากๆ"
คงพิสูจน์ได้จากคลิปสั้นๆ ที่เผยภาพของ Brit ในขณะอัดเสียงเพลงนี้ปรากฏใน social media เธอสะเทือนใจอย่างหนักจนต้องหยุดแล้วนั่งลงร่ำไห้ และขอทีมงานเพื่อร้องใหม่อีกครั้ง
หลังจากที่ได้รับรู้เรื่องการตั้งครรภ์ในวัย 19 บรรยากาศที่ปรากฏ MV ดูหน่วงจนแฟนๆอาจจะน้ำตาไหลตามไปด้วย จากภาพของปัญหาความสัมพันธ์ที่ถูกสื่อตามเกาะติดทุกความเคลื่อนไหว ถูกกดดันจากกระแสความสนใจที่หลั่งไหลเข้ามาจนกลายเป็นความขัดแย้ง ภาพที่เธอจมน้ำลงไประหว่างแช่อ่างนั้นทำให้ใจหายเลยทีเดียว และลงเอยด้วยความโล่งใจที่เธอพุ่งจากน้ำขึ้นมาด้วยรอยยิ้มในฉากจบ คล้ายจะสื่อว่า เธอได้ตื่นจากฝันร้ายแล้วและจากนี้เธอจะไม่เป็นไร
หลายคนยอมรับว่า ความรู้สึกเมื่อได้ฟังเพลง Everytime จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
แต่สิ่งที่ทำให้สังคมออนไลน์กล่าวขวัญคือ ฉาก Britney ที่เห็นภาพนิมิตเป็นเหตุการณ์ในโรงพยาบาล เธอเข้าไปในห้องคลอดและจ้องมองคุณแม่ที่ได้กอดทารกที่เพิ่งลืมตาดูโลกอย่างทะนุถนอมรงมถึงทำนองขอเปียโนที่ฟังคล้ายกับเพลงกล่อมเด็ก ชาวเน็ทจำนวนไม่น้อยเลยที่เชื่อแน่วแน่ว่า ไม่เพียงแต่นี่จะเป็นเพลง response อดีตคนรักที่ส่งผลงานโจมตีเธอเพื่อความโด่งดัง แต่ยังมีความทรงจำที่ปวดร้าวที่ตั้งครรภ์และไม่ได้ให้กำเนิดลูกน้อยจนเธอต้องจินตนาการความสุขของแม่ที่มีโอกาสโอบกอดชีวิตน้อยๆในห้องคลอด
ในหนังสือชีวประวัติ Brit ได้เผยถึงความปรารถนาในใจของเธอไว้ว่า "การที่ได้เป็นแม่คนคือความฝันที่กลายเป็นจริง" เมื่อแฟนๆได้ประจักษ์ว่า ครอบครัวแท้ๆปฏิบัติกับเธอเช่นไร ก็ช่วยอธิบายได้ชัดเจนว่า เหตุใดเธอจึงโหยหาความรักจากครอบครัวและอยากเป็นแม่คนถึงขนาดนี้
ในหนังสือชีวประวัติ Brit ได้เผยถึงความปรารถนาในใจของเธอไว้ว่า "การที่ได้เป็นแม่คนคือความฝันที่กลายเป็นจริง" เมื่อแฟนๆได้ประจักษ์ว่า ครอบครัวแท้ๆปฏิบัติกับเธอเช่นไร ก็ช่วยอธิบายได้ชัดเจนว่า เหตุใดเธอจึงโหยหาความรักจากครอบครัวและอยากเป็นแม่คนถึงขนาดนี้
เนื้อหาใจสลายของเพลง Everytime
มองกันหน่อย
จับมือฉันไว้
เพราะอะไรเราจึงกลายเป็นคนแปลกหน้าทั้งๆที่ความรักของเราช่างเข้มแข็ง?
เพราะอะไรเธอจึงก้าวต่อไปโดยที่ไม่มีฉัน?
ทุกครั้งที่ฉันพยายามจะโบยบินก็ร่วงหล่นลงมา
เมื่อไร้ปีกแล้วฉันรู้สึกหมดพลัง
ฉันว่า ฉันจำเป็นต้องมีเธอ ที่รัก
ทุกครั้งที่ฉันพบเธอในความฝัน ฉันได้เห็นใบหน้าของเธอ
ฉันไม่อาจจะลืมไปได้เลย
ฉันว่า ฉันจำเป็นต้องมีเธอ ที่รัก
ฉันแสร้งว่าเธออยู่ตรงนี้
มันเป็นเพียงหนทางเดียวที่จะทำให้ตระหนักรู้
ฉันทำผิดตรงไหน?
ดูเหมือนว่าเธอจะก้าวต่อไปอย่างง่ายดาย
ฉันอาจจะเป็นตัวการที่ทำให้เกิดฝน*
โปรดให้อภัยฉันด้วยเถอะ
ความอ่อนแอของฉันได้สร้างความเจ็บปวดให้กับเธอ
และบทเพลงคือคำขอโทษจากฉัน
ฉันภาวนาในยามค่ำคืน
เพื่อใบหน้าของเธอจะลบเลือนไปจากใจ
*ท่อนนี้ทำให้แฟนๆมั่นใจว่า เป็นเพลงตอบกลับ Cry Me A River ที่มีฉากฝนตกทั้งเรื่องและความหมายของเพลงที่ว่า คราวนี้ถึงตาเธอร้องไห้น้ำตาหลั่งไหลเป็นสายน้ำบ้าง ซึ่งเป็นการยอมรับอย่างเศร้าสร้อยว่า เธออาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเสียใจ ซึ่งตอนนี้มีเริ่มมีคนสันนิษฐานกันขึ้นมาแล้วว่า ต้นตอของปัญหาความสัมพันธ์ของพวกเค้าอาจจะเริ่มมาจากการยุติการตั้งครรภ์ก็เป็นได้
แฟน Brit เปิดฉากโจมตี Justin ทาง social media
กลุ่มแฟนๆที่มีอคติในตัว Justin ตั้งแรกนั้นยิ่งไม่พอใจมากกว่ากว่าเดิมเมื่อได้รับรู้ประสบการณ์ของ Britney แม้จะเป็นคนที่ที่อยู่ฝั่ง pro-choice(สนับสนุนให้ผู้หญิงมีทางเลือก ด้วยสิทธิ์ในร่างกายของตัวเองเพื่อเข้าถึงสิทธิด้านสุขภาพและอนามัยเจริญพันธุ์และตัดสินใจด้วยตัวเองว่าจะตั้งครรภ์หรือยุติการตั้งครรภ์) ก็ยังโจมตีดุเดือดว่า ในขณะที่เขารับรู้อยู่แล้วว่า Britney ต้องทุกข์ใจจากความรู้สึกผิดที่เลือกทำแท้ง แต่ก็ยังเหยียบย่ำซ้ำเติมเธอด้วยเพลง Cry Me A River และให้สัมภาษณ์ประจานเรื่องประสบการณ์บนเตียงแบบหมดใจให้เกียรติกันอย่างสิ้นเชิง บ้างก็กล่าวหาว่า การกระทำในอดีตของเขาส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของ Britney อย่างหนักจนเธอไม่สามารถกลับมามีความสุขอย่างเต็มที่ได้อีก
เพียงไม่นานหลังจากพวก Britney และ Justin เลิกรากัน เธอต้องผจญกับการเล่นงานจากสื่อไร้ที่สิ้นสุด เธอกระโดดเข้าสู่ความสัมพันธ์และแต่งงานกับผู้ชายที่ยังไม่รู้จักกันดี แม้ภายหลังเธอจะกลายเป็นคุณแม่ลูกสองและพยายามสร้างครอบครัวแสนสุขตามที่ใฝ่ฝัน แต่ภายหลังก็ต้องรับมือกับปัญหาที่รุมเร้า ทั้งการหย่าร้าง สูญเสียสิทธิการเลี้ยงดูลูก ผจญกับการคุกคามจากสื่อจนสภาพจิตใจย่ำแย่หนักลงไปอีก ถูกลิดรอนสิทธิอันชอบธรรมในร่างกายและทรัพย์สินของตัวเองจากสภาพที่ตกอยู่ภายใต้การดูแลของผู้พิทักษ์เกือบ 14 ปี หมดทรัพย์สินไปมากมายกับค่าใช้จ่ายทางกฏหมาย หนำซ้ำ เมื่อลูกเติบใหญ่ก็เกิดปัญหาในครอบครัวจนพวกเค้าวางตัวเหินห่างจากเธอ
ปัญหา abuse และถูกรุมล้อมด้วยกลุ่มคนที่เข้าหา Britneyเพื่อแสวงผลประโยชน์ตั้งแต่ยังเป็นสาววัยทีนได้ผลักเธอให้ดำดิ่งสู่หุบเหวแห่งความทุกข์ แม้เธอจะพยายามก้าวผ่านวันคืนที่โหดร้ายมาได้ แต่บาดแผลที่ฝังลึกนั้นก็ยังสร้างความเสียหาย เธอหลุดพ้น conservatorship มาได้แล้ว แต่ก็ยังต้องกดดันกับสายตาจ้องจับผิดจากคนนอกที่ไม่ได้รู้จักกัน
มาคราวนี้ Britney ขอสัมผัสกับอิสระที่แท้จริง เธอสามารถแบ่งปันเรื่องราวชีวิตโดยไม่ได้ถูกควบคุมอีกต่อไป เธอตกลงใจถ่ายแบบขึ้นปกนิตยสาร People เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีและประกาศว่า
"จะไม่มีทฤษฎีสมคบคิด ไม่มีการปั้นแต่งเรื่องเท็จอีกต่อไป มีแค่ตัวฉันที่เป็นเจ้าของ อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของตัวเอง"
มาคราวนี้ Britney ขอสัมผัสกับอิสระที่แท้จริง เธอสามารถแบ่งปันเรื่องราวชีวิตโดยไม่ได้ถูกควบคุมอีกต่อไป เธอตกลงใจถ่ายแบบขึ้นปกนิตยสาร People เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีและประกาศว่า
"จะไม่มีทฤษฎีสมคบคิด ไม่มีการปั้นแต่งเรื่องเท็จอีกต่อไป มีแค่ตัวฉันที่เป็นเจ้าของ อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของตัวเอง"