เจาะลึก What went wrong? เกิดอะไรขึ้นในความสัมพันธ์ของ Britney-Justin

23 11
เหตุใด เหตุการณ์ความร้าวฉานของคู่รัก superstar ที่ผ่านมาเกินกว่า 20 ปีจึงยังสร้างความประทบกระเทือนใจให้กับแฟนๆมาจนถึงวันนี้   มาร่วมไล่เรียงเรื่องราวไปพร้อมกับเรากันเลยค่ะ

Iconic Couple: จากเพื่อนสมัยเด็กสู่คู่รักทีนไอดอล
เมื่อศิลปินขวัญใจแฟนๆวัยรุ่นตกหลุมรักกันย่อมดึงดูดความสนใจล้นหลามจากสาธารณชน  ยิ่งเป็น Britney & Justin คู่รักที่ถูกยกให้เป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม pop ในยุค Y2K ที่มีความผูกพันมายาวนานตั้งแต่ยังเป็นเด็กวัยใสก็ยิ่งสร้างความประทับใจให้กับเหล่าแฟนๆวัยรุ่น   ภาพพัฒนาการความสัมพันธ์ในอุดมคติจาก puppy love รายการ Micky Mouse Club มาเป็นคู่รักไอดอลทรงอิทธิพลได้จุดประกายความหวังที่จะได้เห็นพวกเค้าลงเอยกันด้วยความสุขตลอดไปดุจพล็อทเรื่องนิยาย romance  

ความรักที่ complete ความฝันของติ่ง

Timeline ความสัมพันธ์ของคู่นี้ฟังดูไม่แตกต่างจาก popstar รายอื่น  เมื่อสื่อระแคะระคายเรื่องพวกเค้าแอบคบกันมาตั้งแต่ปี 1999 หลังจากร่วมออกทัวร์ร่วมกัน  แต่ทั้งสองก็ยังบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับ   บอกได้เลยว่าแรงเชียร์ถล่มทลายเลยทีเดียว  หากสงสัยว่า  ไม่เกิดปัญหา fandom หวงศิลปินจนต่อต้านเรื่องความสัมพันธ์ของเค้าบ้างหรือไร?    

แทนที่ข่าวลือเรื่องคู่นี้แอบปิ๊งกันจะจุดชนวนดราม่า แต่ติ่งทั้งหลายต่างรู้สึก complete เมื่อ Brit และ JT ตัดสินใจประกาศให้โลกได้รับรู้ว่ารักกันจริงๆไม่ได้เป็นเพียงข่าวลือ   นั่นเป็นเพราะภาพลักษณ์ power couple ที่เหมาะสมกันทุกประการ   เธอคือนักร้องสาววัยทีนสุดมหัศจรรย์ที่สร้างความปรากฏการณ์ความสำเร็จจนได้รับการขนานนามว่าเจ้าหญิงแห่ง Pop  เขาคือสมาชิก boy band ที่สร้างความคลั่งไคล้ให้กับแฟนเกิร์ลจำนวนมากมาย   การเปิดตัวความรักหวานฉ่ำดูไม่ต่างจากการผนึกกำลังผลักดันให้พวกเค้ายิ่งโด่งดังขึ้นไปอีก
ถึงแม้ว่า ติ่งในยุค Y2K จะไม่ได้เข้าถึงข่าวสารของคู่รัก superstar  ผ่านการแชร์ใน platform ชื่อดังเหมือนในทุกวันนี้ แต่ก็พยายามเกาะติดความเคลื่อนไหวของพวกเค้า่จากนิตยสารและเว็บเพจข่าวบันเทิงต่างๆด้วยตามปลื้มปริ่ม  อย่างเรื่องที่พวกเค้าตั้งชื้่อเล่นมุ้งมิ้งคือ Pinky (ฺBrit) และ Stinky (JT) และภาพความสนิทกลมเกลียวของครอบครัวทั้งสองฝั่ง    Brit ยังได้ให้สัมภาษณ์ว่า  เธอหลงรัก JT หมดใจและมองเห็นอนาคตที่จะแต่งงานสร้างครอบครัวที่แสนสุขด้วยกัน เมื่อรวมกับข่าวลือโหมกระหน่ำว่าพวกเค้าตกลงใจซื้อบ้านเพื่ออาศัยร่วมกันและวางแผนจะเข้าพิธีวิวาห์กันอีกไม่ช้า ก็อาจจะชักนำให้แฟนๆฝันหวานตามไปด้วยว่า รักแท้ในวงการนี้มีอยู่จริง



ทีมงานวางแผนโพรโมทเรื่องความบริสุทธิ์จนภายหลังถูกเล่นงานอย่างหนัก  รวมถึงอดีตคนรักที่ฉวยโอกาสเยาะเย้ย


สิ่งที่กลับมาแว้งกัด Britney เป็นระยะเวลาหลายปีนับตั้งแต่แจ้งเกิดจนสร้างชื่อลือลั่นไปทั่วโลก นั่นคือการประกาศว่า เธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์และจะขอรักษาพรหมจรรย์ไว้จนกว่าจะถึงวันแต่งงาน  ในขณะที่หลายฝ่ายฟันธงว่า นี่คือกลยุทธ์ PR จากต้นสังกัดที่เพิ่มกระแสให้กับนักร้องสาวอย่างถล่มทลาย องค์กรทางศาสนาบางกลุ่มแสดงความชื่นชมที่เธอเป็นต้นแบบให้กับเยาวชนในการรักนวลสงวนตัว    ไม่ว่าจะเดินทางไปโพรโมทผลงานที่ใด สื่อจะตั้งคำถามเรื่องความบริสุทธิ์จนเธอรู้สึกกระอักกระอ่วน  มี magazine ที่พยายามวิเคราะห์ว่า ท่าเต้นและแฟชั่นที่ดูเย้ายวนใจของเธอช่างดูย้อนแย้งกับคำกล่าวอ้างนี้  ถึงขนาดที่มีชายร่ำรวยยื่นข้อเสนอเป็นเงินหลักล้านเพื่อขอเปิดบริสุทธิ์ !  ฝ่ายฟันธงว่า นี่คือแผนโพรโมทสาวน้อย Lolita ในแฟนตาซีของบุรุษน้อยใหญ่  เธอไร้เดียงสา อ่อนหวาน แต่ออดอ้อนจนรัญจวญใจ ดุจผลไม้ต้องห้ามที่ใครต่อใครต่างปรารถนาจะเด็ดมาเชยชม

แต่หลังจากเลิกรากับ JT เขาเคยโอ้อวดออกสื่อว่าเคยมีความสัมพันธ์ทางเพศกับเธอมาแล้ว  ทำให้เธอต้องเจอกับแรงกดดันว่า สร้างภาพเป็นสาวใสไร้ประสบการณ์บนเตียง  และถูกบีบคั้นให้ออกมามาอธิบายเรื่องการสูญเสียความบริสุทธิ์ หลายปีต่อมา แม่แท้ๆของเธอก็เขียนหนังสือแฉลูกสาวว่ามี sex ครั้งแรกตั้งแต่อายุ 14  และเจ้าของความคิดเรื่องการสร้างกระแสด้วยภาพลักษณ์สาวน้อย virgin สุดเซ็กซี่ ก็คือ Larry Rudolph อดีตผูู้จัดการที่ร่วมงานมาตั้งแต่ก่อนจะโด่งดัง  เชื่อกันว่า แผนการ marketing  ด้วยภาพลักษณ์ Lolita นี้เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความบิดเบี้ยวของอุตสาหกรรมบันเทิงที่เชิดชูการ sexualise ไอดอลสาววัยทีนจนส่งผลกระทบหนักต่อชีวิตของเธอในเวลาต่อมา

การตั้งครรภ์ในวัยเพียง 19 และการทำแท้งลับสุดยอดที่กลายเป็นรอยแผลฝังใจ

ความอับอายชายหน้าที่ที่ถูกคนที่รักนำเรื่องบนเตียงมาแฉและถูกตราหน้าว่าโกหกเพื่อสร้างภาพก็ฟังดูย่ำแย่เกินพอแล้ว แต่การเปิดใจผ่านหนังสือชีวประวัติของ Brit  ก็ยิ่งทำให้แฟนๆ ยิ่งเห็นใจเธอมากขึ้น   หนึ่งในนั้นคือความลับเรื่องการตั้งครรภ์ที่เก็บเงียบไว้นานกว่ายี่สิบปี

วัยรุ่นอายุ 19 ปี ในสายตาบางคนแล้วอาจจะไม่ได้ฟังอ่อนต่อโลกจนไม่ประสีประสา หากไม่ศึกษาต่อระดับมหาลัยก็เริ่มทำงานหาเลี้ยงตัวแล้ว แต่ในขณะที่เด็กวัยรุ่นมากมายใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียนและสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตด้วยการอยู่ร่วมในสังคมทั่วไปจนค่อยๆเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ เส้นทางชีวิตของ Brit มีความแตกต่างออกไป เธอทำหน้าที่ผู้หาเลี้ยงครอบครัวมาเนิ่นนาน ด้วยวัยเพียง 15 ปี Britเดินทางเข้ากรุงเพื่อตระเวนออดิชั่นกับผู้จัดการ เธอต้องพยายามนำเสนอความสามารถเพื่อกลุ่มผู้บริหารวัยกลางคนได้ประเมินเธอจากหัวจรดเท้าและต้องโชว์เสน่ห์ที่ดูโตเกินวัยด้วยเดรสสั้นกับรองเท้าส้นสูง เธอสร้างความประทับใจให้กับกลุ่มผู้บริหาร Jive Records จนพวกเค้าเรียกตัวเธอมาเริ่มงานทำเพลงทันที

จากเด็กสาวที่ยังขาดประสบการณ์ Brit ต้องเร่งรีบโตเป็นผู้ใหญ่ ทุ่มเททำงานหนักเพื่อสร้างฝันให้เป็นจริง แม้จะต้องนำเสนอภาพลักษณ์ที่แตกต่างจากตัวตนของเธอ ผลงานเพลงของเธอทุบสถิติยอดขายจนทำให้เธอกลายเป็นเศรษฐีร้อยล้านในเวลาเพียงไม่นาน อายุไม่ถึงยี่สิบ เธอก็มีอนาคตที่แสนรุ่งโรจน์รออยู่ แต่ชื่อเสียงเงินทองที่หลั่งไหลเข้ามานั้นต้องแลกเปลี่ยนบทเรียนอันแสนเจ็บปวด เมื่อเธอตั้งครรภ์โดยไม่ได้คาดหมายและยากจะเปิดเผยให้ใครรับรู้ ก็ต้องคิดหาวิธีแก้ไขปัญหากับแฟนหนุ่มที่อายุไม่ห่างกันนัก ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ เธอก็ยังไม่แน่ใจว่าตัดสินใจถูกต้องหรือไม่


หากลองนึกถึงความเป็นจริง  หากนักร้องสาววัยทีนที่เพิ่งสร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จได้ไม่นานปรารถนาจะรักษาความโด่งดังให้ยาวไกลในอนาคตข้างหน้า  มันเก็บเด็กในครรภ์ไว้ดูจะเป็นเรื่องที่ยากจะเป็นไปได้  หากเธอตัดสินใจจะเป็นคุณแม่ยังสาว  ย่อมเลี่ยงไม่พ้นจะกลายเป็นประเด็นข่าวอื้อฉาวจนอาจจะกระทบกับความนิยม  ฝ่าย Justin พ่อของเด็กในท้องก็ยืนยันชัดเจนว่า เขาไม่พร้อมรับผิดชอบและโน้มน้าวเธอว่า พวกเค้ายังอายุน้อยเกินไปหากจะปล่อยให้เด็กถือกำเนิดขึ้นมา  ทำให้เธอยอมตกลงยุติการตั้งครรภ์  และเนื่องจากเธอจำเป็นต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับสุดยอด จึงเลือกจะใช้ยายุติการตั้งครรภ์ที่บ้าน ไม่ใช่การเข้ารับกระบวนการทางแพทย์ในคลีนิคเวชกรรมหรือโรงพยาบาล   เธอร่ำไห้ตลอดเวลาที่ตัวยาออกฤทธิ์  และบรรยายผลข้างเคียงทางร่างกายหลังจากใช้ยาว่า สร้างความเจ็บปวดอย่างรุนแรงถึงขั้นที่เธอยังจดจำความความรู้สึกเจ็บปวดและหวาดกลัวมาได้ถึงทุกวันนี้


ฝ่ายชายส่งข้อความสั้นๆ มาบอกเลิก

Chris Applebaum ผู้กำกับวีดีโอ Overprotected (Darkchild Remix) คือพยานสำคัญที่ยืนยันได้ว่า Britney ใจสลายถึงขนาดไหนเมื่อได้รับข้อความสั้นๆจากแฟนหนุ่มว่า 'มันจบแล้ว' หลังจากถ่ายทำกันมาทั้งวันทั้งคืน  Britmey ก็หายไปเฉยๆ  เมื่อเขาไปตามตัวเธอจากในรถเทรลเลอร์ ก็พบว่า เธอช็อคที่ Justin ส่งข้อความมาบอกเลิกกัน  ผู้กำกับพยายามปลอบใจและกระตุ้นให้เธอก้าวข้ามความทุกข์หนักหน่วงไปให้ได้ ทำให้เธอกล้ำกลืนความโศกเศร้าและพยายามลุกขึ้นมาสู้ต่อจนงานเสร็จลุล่วง  


การจบกับคนรักด้วยข้อความสั้นๆ โดยที่ไม่หลงเหลือความรู้สึกดีๆให้แก่กันนั้นถูกมองว่า เป็นพฤติกรรมที่ขาดความเห็นอกเห็นใจ ไม่เห็นคุณค่าของอีกฝ่ายแแม้แต่น้อย  ซึ่งการปฏิบัติต่อคนเคยรักกันอาจจะไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัว และอาจจะผ่านเรื่องราวที่ทำให้รู้สึกแค้นเคืองกันแทบจะไม่อยากเห็นหน้ากันต่อไป แต่อย่างน้อยก็น่าจะนึกถึงช่วงเวลาดีๆที่ผ่านมา และรับฟังเพื่อเปิดโอกาสให้อธิบายหรือร่ำลากันเป็นครั้งสุดท้าย


เมื่อรักขม: สื่อเข้าข้างผู้ชายชัดเจน

จะมีวัยรุ่นสักกี่คนที่ได้พบรักแท้รักเดียวในใจและร่วมใช้ชีวิตยืนยาวจนแก่เฒ่าด้วยกัน?  การลิกราของคนหนุ่มสาวที่เพิ่งผ่านวัยเด็กมาได้เพียงไม่กี่ปีฟังดูเป็นเรื่องธรรมดาเหลือเกิน  แม้ว่าจะมีฝ่ายที่ใจรวนเรจนอกหักรักสลาย ชอกช้ำฝังใจอีกนานหลายปี แต่สุดท้าย มันก็อาจจะเป็นเรื่องราวเก่าๆ  ที่ไม่ได้ผูกใจเจ็บกันอีกต่อไป  


 แต่เมื่อมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคู่รัก  superstar มันก็กลายเป็นอีกเรื่องไปเลย  ระยะเวลาความสัมพันธ์สองปีกว่าๆจบลงท่ามกลางข่าวอื้อฉาว  สื่อมีบทบาทชัดเจนในการโน้มน้าวสาธารณชนให้รุมพิพากษาฝ่ายหญิงว่าเป็นฝ่ายผิดเต็มประตูและโจมตีเธอรุนแรงราวกับเธอทำร้ายความรู้สึกของคนทั้งประเทศไปด้วย


Justin ถูกนำเสนอในภาพของชายหนุ่มใจสลายเพราะสาวคนรักนอกใจ ส่วน Brit ถูกปฏิบัติย่ำแย่จากสื่อ

แฟนๆของ Brit ยืนกรานมานานหลายปีว่า พฤติกรรมจองเวรต่อเนื่องเป็นเวลายาวนานของ Justin ปรากฏชัดเจนในรูปแบบ smear campaign  เริ่มตั้งแต่การให้สัมภาษณ์กับ Barbara Walter  พิธีกรชื่อดังได้ยิงคำถามชี้นำว่า  "เธอได้ทำสิ่งร้ายกาจที่สร้างความเจ็บปวดกับคุณใช่หรือไม่?" ซึ่งหากเป็นสื่อดังในยุคใหม่  ย่อมไม่พ้นต้องถูกชาวเน็ท call out เรื่องการเลือกปฏิบัติแบบ misogynist  เนื่องจากคนภายนอกไม่ได้เข้าไปสัมผัสรับรู้ปัญหาความสัมพันธ์ของศิลปินทั้งสอง  เพียงแต่ไหลไปตามกระแสข่าวลือโจมตีฝ่ายหญิง หลายคนก็ฟันธงอย่างอย่างมั่นอกมั่นใจแล้วว่า   เธอคือฝ่ายทรยศหักหลัง ส่วนเขาคือเหยื่อของความรักที่ช่างน่าสงสาร และควรสนับสนุนให้เขาให้บทเรียนหนักๆกับเธอ


ระหว่างให้สัมภาษณ์ Justin ให้คำตอบคลุมเครือคล้ายๆกับจะสื่อว่าเป็นการเลิกกันแบบสันติและให้เกียรติแฟนเก่าเป็นอย่างยิ่ง แต่มีเหน็บเนียนๆทุกดอก

  •  จงใจบรรเลงและขับร้องเพลง 'Horrible Woman' ซึ่งใครๆก็รู้ว่า นี่คือการให้สัมภาษณ์ที่เจาะประเด็นหลักไปที่ความสัมพันธ์ของเขากับ Britney  โดยเฉพาะท่อน "At least you gave me another song about a horrible woman And that's you, but its true "  ( เพียงไม่กี่วันจากนั้นก็ปล่อยเพลง  Cry Me A River ออกมา  boost กระแสให้กับอัลบั้ม Justified ให้เกรียวกราว)
  • พูดจาเป็นนัยๆชี้นำว่าคนมองว่าฝ่ายหญิงทำผิดด้วยการบอกว่า "สัญญากับเธอไว้แล้วว่าจะไม่เล่าให้คนอื่นรับรู้สาเหตุที่เลิกรากัน" คล้ายกับจะสื่อว่า  เธอได้กระทำย่ำแย่จนไม่กล้าเปิดเผยให้ใครรู้ได้ แต่จากนั้นก็ใช้เพลงโจมตีเธอแบบไม่ไว้หน้ากัน จนชาวบ้านชาวช่องเข้าใจกันถ้วนหน้าว่าเหตุใดจึงจบกันแบบไม่สวย
  • ยืนยันว่าไม่ขอตัดสินการกระทำของใคร แต่ถ้าอยากรู้ว่าคนรักของเขาเป็นคนแบบไหน ก็ไปลองฟัง 13 เพลงในอัลบั้มนี้ดู  
  • พิธีกรตั้งคำถามจาบจ้วงไปถึงฝ่ายหญิงว่า  เธอได้รักษาความบริสุทธิ์ไว้ตามที่ประกาศหรือไม่  Justin เลือกตอบว่า 'แหงล่ะ' ตามด้วยด้วยท่าทางหัวเราะแบบเจ้าเล่ห์ 

ไม่เพียงแต่พิธีกรทรงอิทธิพลเท่านั้นที่ช่วยสุมไฟข่าวโจมตี Brit ให้ดูย่ำแย่  แต่สื่ออื่นๆ ก็ซ้ำเติมเธอหนักไม่แพ้กัน


Brit บอกเล่าประสบการณ์ถูกบังคับให้สัมภาษณ์กับพิธีกรดังหลังเลิกกับ JT

แทนที่ Britney จะได้รับโอกาสเพื่อชี้แจงข้อกล่าวหาจากสังคมในการให้สัมภาษณ์กับ  Diane Sawyer แต่เมื่อย้อนกลับไปชมราบการนี้ หลายคนยอมรับว่า  มันไม่ได้แตกต่างจากการชมถ่ายทอดเชือดเหยื่ออย่างเลือดเย็นหน้ากล้อง  พิธีกรดังใช้สายตาคมกริบมอง Brit อย่างคาดโทษระคนยิ้มเยาะ แล้วยิงคำถามใส่เธอว่า

"คุณได้ทำบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เขาเจ็บปวดสาหัส ต้องพบทุกข์ทรมานใจล้นเหลือ คุณทำอะไรลงไป?"

แม้ว่าพิธีกรปากกล้าคนนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องมีความใกล้ชิดกับคู่รัก superstar หรือมีหลักฐานชี้ชัดว่า Brit เป็นนางร้ายที่ล่อลวงแฟนหนุ่มแสนดี หนำซ้ำยังโจมตีเธอว่า เป็นตัวอย่างที่เลวร้ายสำหรับเยาวชนและสร้างความผิดหวังให้กับแม่ชาวอเมริกัน การเหยียบย่ำกันแบบไม่แคร์เรื่องความเห็นอกเห็นใจกันเลวร้ายจนถึงขั้นที่เธอต้องหลั่งน้ำตากลางรายการ


Kevin Tancharoen ผู้จัดการทัวร์คอนเสิร์ตของเธอได้วิพากษ์วิจารณ์การเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อ Brit ผ่านสารคดี Framing Britney Spears ว่า

"สื่อได้นำเสนอภาพลักษณ์ของเธอให้ดูแย่ผ่านการตั้งคำถามว่า นี่ตกลงเธอไปทำอะไรมาถึงต้องเลิกกัน? เธอต้องทำผิดมาแน่ๆ เขาย่อมไม่ได้เป็นฝ่ายผิด"








Diane ไม่จบด้วยคำคำพูดและสายตาถากถางเพียงเท่านี้ เธอยังตอกย้ำ Brit เรื่องพรหมจรรย์ของเธอว่า

"คุณเคยบอกว่า ในชีวิตนี้ เคยหลับนอนกับคนๆเดียว ซึ่งคุณคบกับ Justin เป็นเวลาสองปี แต่เขาแสดงออกว่า คุณไม่ได้ซื่อสัตย์และเป็นฝ่ายทรยศในความสัมพันธ์"

พิธีกรหญิงกระทุ้งให้ Brit 'สำเหนียก' ต่อการตัดสินใจมี sex กับอดีตแฟนหนุ่มว่า มีเรื่องอยากจะฝากไปถึงน้องสาววัย 12 ของเธอ รวมถึงเด็กสาววัยเยาว์ที่ตั้งใจจะไม่มี sex ก่อนแต่งงานบ้างหรือเปล่า!


Brit เปิดเผยในภายหลังว่า เธอถูกพ่อและผู้จัดการบีบบังคับให้สัมภาษณ์เปิดใจกับ Diane Sawyer ทั้งๆที่สภาพจิตใจยังไม่พร้อมและไม่ได้เตรียมตัวใดๆมาก่อน

"มันได้สร้างความอับอายเป็นที่สุด ฉันไม่รู้มาก่อนว่าจะมีการตั้งคำถามแบบไหนบ้าง และมันก็ลงเอยด้วยความน่าอัปยศอดสูเต็มขั้น ในขณะนั้น ฉันยังเปราะบางและอ่อนไหวมากเกินไปที่จะให้สัมภาษณ์แบบนี้"


หาก Brit ทำผิดพลาดไปจริงๆ มันย่อมไม่ใช่พฤติกรรมที่เหนือความคาดหมายของวัยรุ่นที่อยากรู้อยากลองที่อาจจะถูกดึงดูดให้เข้าสู่ทางที่ไม่เหมาะสม พวกเค้าต้องใช้เวลาในการเรียนรู้สั่งสมประสบการณ์ชีวิต จะมีใครบ้างที่ใช้ชีวิตอย่างมีศีลธรรมไร้ที่ติ 100% สมควรหรือที่สาวที่พ้นวัยทีนไปได้ไม่นานจะต้องถูกประจานกลายเป็นตัวตลกในรายการ TV ระดับชาติให้คนหลายล้านเยาะเย้ยถากถาง??


ภาพลักษณ์นางร้ายจาก Cry Me A River

Cry Me A River นำมาซึ่งความสำเร็จให้กับ JT ทั้งยอดขายระดับ platinum และ รางวัล Grammy สาขา Best Male Pop Vocal Performance  แต่ในปัจจุบัน  หลายคนที่มีมุมมองให่หลังจาก'เบิกเนตร' กันแล้ว น่าจะเห็นพ้องต้องกันว่า  นี่คือบทเพลงที่ทำให้ภาพลักษณ์ Mr. Nice Guy ของเขามัวหมอง  แม้จะต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าที่จะถูกกระแสสังคมออนไลน์กดดันจนต้องออกมายอมรับผิดและขอโทษ Britney    แต่ในที่สุด JT ก็น่าจะเข้าใจความรู้สึกขออดีตแฟนสาวที่ถูกรุมถล่มอย่างทะลุปรุโปร่ง   สื่อบันเทิงที่เคยแสดงท่าทีถือหางเขาอย่างเต็มที่หันมาแว้งกัดแบบไม่ปล่อย


Brit ได้เผยถึงความรู้สึกย่ำแย่จากกระแสโจมตีจากเพลงนี้ว่า

"MV ได้นำเสนอตัวฉันผ่านภาพของนางแพศยาที่หักอก golden boy ขวัญใจอเมริกา ซึ่งในความเป็นจริง ฉันรักษาแผลใจจากความเจ็บปวดสาหัสอยู่ที่บ้านเกิด แต่เขากลับตระเวนทั่ว Hollywood ด้วยท่าทางลัลล้ามีความสุข"

Justin ออกมาปฏิเสธตามธรรมเนียมว่า เขาไม่ได้พาดพิงถึงใครใน Cry Me A River ทั้งที่เห็นกันอยู่ชัดๆว่า เขาจงใจเล่นงานเธอแบบไม่ไว้หน้า แต่หลังจากกอบโกยความสำเร็จจากเพลงนี้เกือบๆสิบปี เขาก็ยอมรับว่า เขียนเพลงนี้ขึ้นมาหลังจากทะเลาะกับ Brit ระหว่างโทรศัพท์หากัน พอเดินกลับเข้าสตูดิโอก็โกรธเกรี้ยวซะจนโพรดิวเซอร์สังเกตเห็น

แย่ไปกว่านั้น Cry Me A River ไม่ใช่แต่สิ่งเดียวที่แสดงถึงพฤติกรรมฝ่ายชายที่ฉกฉวยประโยชน์จากความสัมพันธ์ที่แตกหักกันไปแล้ว...



ข้อกล่าวหาเรื่อง Wade Robson

ในขณะที่หลายคนเชื่อว่า Cry Me A River คือเครื่องมือ boostกระแสจนอัลบั้มโซโล่ประสบความสำเร็จอลังการ  ประเด็นมือที่สามเป็นสาเหตุความสัมพันธ์ที่แตกร้าวก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก  ชื่อของ Wade Robson นักเต้นและนักออกแบบท่าเต้นที่เคยร่วมงานกับ Britney และ Justin กลายเป็นประเด็นเกรียวกราว และฉากใน MV ก็ยิ่งทำให้ชาวเน็ทมั่นใจ เมื่อ Justin โชว์ภาพชายหนุ่มปริศนาที่ดูแนบแน่นกับผู้หญิงที่ดูคล้ายกับ Brit ไม่มีผิด  แม้จะเป็นภาพที่ไม่ชัดเจนเพียงแว้บเดียว แต่ดวงตาและคิ้วคมเข้มของชายในภาพนั้นก็ไม่ได้ต่างจากการชี้เป้าว่า Brit นอกใจเขาไปมีอะไรกับ Wade  ตามที่เล่าลือกัน


Brit ยอมรับ เคยนอกใจ Justin

หลังจากที่ถูกครหามาเกินกว่ายี่สิบปี ในที่สุด Brit ก็เปิดเผยเรื่องราวแบบหมดเปลือกว่า เธอเคยเผลอใจไปกับ Wade จริงๆ แต่เป็นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแบบบรรยากาศพาไป เพราะเป็นการกอดจูบแนบชิดระหว่างเต้นรำในคลับเพียงครั้งเดียว จากนั้นเธอได้สารภาพผิดกับ JT และพยายามปรับความเข้าใจกันจนสามารถ move on จากเรื่องการออกนอกลู่นอกทางในค่ำคืนนั้นไปได้ เธอยืนยันว่า นอกจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เธอก็ซื่อสัตย์กับ Justin มาตลอด


Brit ถูกโยนความผิดว่าเป็นผู้ทรยศเพียงฝ่ายเดียว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้  paparazzi จับภาพตอน JT แอบนัดกับ Nicole Appleton จากวง  All Saints ไว้ได้

จากยุคสมัยที่ยังมีคนเชื่อว่า สาสมแล้วที่ Brit ต้องถูกประจาน  เพราะเขาสามารถใช้สิทธิ์ของเหยื่อที่จะโต้ตอบอดีตคนรักที่หักหลังจนเจ็บปวด  แต่ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้คนตระหนักว่า  ฝ่ายชายก็มีพฤติกรรมน่าสงสัยเช่นเดียวกัน เขาเคยนัดพบกับ Nicole Appleton สมาชิกเกิร์ลแบนด์จากอังกฤษในยามค่ำคืนแบบหลบๆซ่อนๆ พยายามก้มหลบกล้องชัดเจน ซึ่งในขณะนั้น เขายังไม่ได้เลิกรากับ Brit แต่อย่างใด  แต่ดูเหมือนว่า ช่วงนั้นสื่อจะไม่ได้สนใจขยี้ประเด็นนี้นัก  หลังจาก move on ไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่น  Justin ก็เป็นฝ่ายที่มีข่าวนอกใจแฟนสาวมาแล้วเช่นกัน

มีรายงานจากสื่อว่า พฤติกรรมไม่ซื่อสัตย์คือเหตุผลสำคัญทำให้ที่เขาเลิกรากับ Cameron Diaz ซึ่งตัวเขาเองยังบรรยายถึง timeline ความสัมพันธ์กับ Jessica Biel ที่ครองคู่กันมาถึงทุกวันนี้ว่า ประทับใจเธอมากจนขอเบอร์เธอกลาง Golden Globes party ซึ่งในขณะนั้น เขาก็ยังคบหาคาราคาซังกับ Cameron เจ้าตัวเปิดเผยแบบไม่แคร์สื่อว่า จุดประกายความคิดเรื่องการเริ่มต้นความสัมพันธ์กับ Jessica ตั้งแต่แรกที่เริ่มถูกตาต้องใจกันใน party นั้น แม้ว่าพวกเค้าต่างก็มีคนที่คบหาอยู่แล้ว ซึ่งหลายปีก่อนที่ Justin จะออกมาเปิดเผยโมเมนท์หลงเสน่ห์ว่าที่ภรรยา สื่อชื่อดังหลายเจ้ารายงานเหตุการณ์ในคืนนั้นเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาพูดคุยกับ Jessica อย่างสนิทสนม กระทั่ง Cameron เข้ามาขัดจังหวะจน Jessica ต้องรีบถอย  ปล่อยให้ JT และ Cameron ถกเถียงกันอยู่นานมาก และไม่นานจากนั้นก็แยกทางกัน ไม่หวนกลับมาคืนดีอีก



เรื่องรักสามเส้าครั้งนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมานานมากจนผู้คนหลงลืมเรื่องความสองมาตรฐาน Britney ต้องทนทุกข์จากการประจานดุจลากมาตบกลางสี่แยกท่ามกลางสายตาผู้คนมาเนิ่นนาน แต่ฝ่ายชายสามารถประกาศได้อย่างมาดมั่นว่า เมื่อตัวเองพบเจอสาวถูกใจ ถึงต่างคนต่างจะมีสถานะไม่โสด เขาก็เฟลิร์ตใส่และขอเบอร์เธอแบบไม่ต้องลังเล และดูเหมือนว่า ชาวเน็ทไม่ได้ใส่ใจ call out เรื่องนี้นัก

หลังจากที่เขาได้พัฒนาความสัมพันธ์ถึงขั้นสร้างครอบครัวกับ Jessica อยู่กินมีลูกเต้ากันหลายปี JT ก็ตกเป็นข่าวฉาวจากภาพนั่งจับมือแนบแน่นกับเพื่อนนักแสดงสาวสวย ในตอนนั้น ผู้คนเริ่มตระหนักรู้แล้วว่า เขาได้ให้ร้าย Brit มามากถึงขนาดไหน ก็หันมารุมวิจารณ์ว่า เขาสร้างความสำเร็จด้วยการเอาแฟนเก่ามาขาย แต่ตัวเองก็ไม่ได้เป็นพวกรักเดียวใจเดียว ทัวร์ลงหนักจนเขาต้องประกาศขออภัยภรรยาที่แสดงกิริยาไม่เหมาะสม และบ่ายเบี่ยงว่า ไม่ได้นอกใจ เพียงแต่ดื่มมากไปจนขาดสติ

สื่อรายงานล่าสุด  Britney เผยในหนังสือชีวประวัติว่า ถูก Justin นอกใจ


เพื่อนสนิทของ Britney ยืนยันว่า ภาพ Justin ที่พบปะกับกับนักร้องสาวชาวอังกฤษในปี 2000 ได้สร้างปัญหาความเชื่อใจขึ้นมาจริงๆ เธอทั้งหึงหวงและคอยติดตามไถ่ถามว่าเขาจะไปที่ไหนและแอบไปเจอกับใคร แต่หนังสือชีวประวัติของ Britney ก็สร้างฮือฮาอีกครั้ง เมื่อมีการกล่าวอ้างว่า Justin นอกใจเธอกับสองสาวเซเลบ คนหนึ่งเป็น popstar ยุค 90s อีกคนเป็นคนดังในระดับ high profile ที่แต่งงานมีครอบครัวแล้ว แน่นอนว่า ชาวเน็ทจะต้องเพ่งเล็งไปที่ Nicole Appleton ทันที และคาดเดาไปต่างๆนานาถึงตัวตนของหญิงสาวอีกคน

ซึ่งหากคำพูดของเธอเป็นความจริง 100% มันก็ไม่ต่างจากการกระชากหน้ากากเหยื่อผู้ถูกกระทำของ JT จากยุค 2000s อาจจะเคยมีแฟนๆออกมาปกป้องเขาว่า เมื่อถูกสาวคนรักทรยศจนต้องเจ็บปวดฝังใจ ก็ต้องเอาคืนด้วยบทเพลงเพื่อระบายความแค้นเป็นเรื่องธรรมดา ดูได้จากคำให้สัมภาษณ์ของเขาหลังจากที่เลิกกันไปได้สี่ปีว่า Brit เคยมีโอกาสที่จะยืนหยัดสู้เพื่อเขา แต่เธอกลับไม่ยอมทำ เขาจึงขอเอาคืนด้วยการใช้มันสมองกลั่นกรองความรู้สึกออกมาเป็นเพลง Cry Me A River และชี้ว่า เขาใช้ความนิยมชมชอบในหมู่สาวๆ มาช่วยให้รู้สึกดีขึ้นหลังจากจบแบบเจ็บๆ โดยที่สื่อเมินเฉยที่จะ call out เขาว่า เขาได้สร้างความนิยมขึ้นมาจากความเจ็บปวดของอดีตคนรัก

แต่ล่าสุดที่ฝ่ายหญิงตัดสินใจเอ่ยปากเล่าเรื่องราวฝ่ายตัวเองว่า เขาเคยไม่ซื่อสัตย์กับเธอเช่นเดียวกัน มันก็ทำให้หลายคนหันมาปะติดปะต่อข่าวลือเรื่องพฤติกรรมนอกใจของเขาในช่วงเวลาหลายปีมานี้ แต่เพราะ JT คือศิลปินชายชื่อดัง แตกต่างจาก Brit ที่มีภาพลักษณ์ร้อนแรงเย้ายวนใจที่เปรียบเหมือนกับเหยื่ออันโอชะของสื่อบันเทิง เขาดูจะลอยตัวจากการถูกสังคมพิพากษามานาน แม้จะมีเสียงซุบซิบเรื่องนอกใจคนรักมาก่อน ก็ไม่เกิดผลกระทบมากมายนัก กว่าจะต้องมารับมือกับกระแสต่อต้านอย่างจริงจังก็ช่วงที่เกิดความเคลื่อนไหว Free Britney นี่เอง


แฟน Brit ไม่ให้อภัย  กล่าวหา Justin ว่า โหนความดังของ Brit มาอีกตลอดหลายปีทั้งๆที่จบกันไปนานแล้ว

ในอดีต สื่อไม่ได้ไปตามขุดคุ้ยพฤติกรรมของเขาแล้วรุมถล่มด้วยแนวคิด slut-shaming เหมือนกับที่ Brit ต้องแบกรับมาหลายปี และเธอก็เลือกจะไม่สู้กลับด้วยการ ไม่เอาเรื่องฉาวโฉ่ของอีกฝ่ายมาขาย หากต้องพูดถึง JT เธอจะบอกเล่าในแง่ที่ดีของเขา แต่อีกฝ่ายจิกเล็กจิกน้อยไม่ปล่อยมาแล้วหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการวิจารณ์บทบาทนางเอกหนัง Crossroads และพูดเสียดสีแบบไม่เอ่ยชื่อว่า เขาเคยเดทผู้หญิงที่ wannabe Madonna มาแล้ว


คนวัยหนุ่มสาวอาจจะเคยทำผิดพลาดจนนึกเสียใจในภายหลัง การประจานคนรักเก่าด้วยความแค้นใจนั้นในวัยยี่สิบนิดๆอาจจะเป็นเรื่องที่ผู้คนมองผ่านกันได้ แต่สิ่งที่ทำให้ JT ถูกมองว่าเป็นผู้ร้ายเต็มตัวจากความสัมพันธ์ครั้งนี้คือการใช้ชื่อเสียงของ Brit สร้างกระแสให้ตัวเองอีกหลายปี แม้กระทั่งหลังจากที่แต่งงานไปแล้วก็ยังพาดพิงต่อ ถ้าคิดว่าท่าทางบอกใบ้ว่า Britney ไม่ใช่สาวซิงในรายการ Barbara Walter ทำให้ Brit เสียหน้าอย่างหนัก (เธอให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า รักและเชื่อใจ JT จนไม่คาดคิดว่าเขาจะเอาเธอมาประจานกับพิธีกรดัง) JT ยังให้สัมภาษณ์อย่างสนุกสนานในรายการอื่นว่า เขาเคยผ่านประสบการณ์ oral sex กับ Brit มาแล้ว จากนั้นอีกหลายปี ในรายการ SNL เขาก็ยังเล่นมุกเย้ยหยันเรื่องที่เธอประกาศต่อหน้าสาธารณชนเรื่องยังเป็นสาวพรหมจรรย์ แต่ลับหลังคนอื่น เขาก็ 'ฟัน' เธอไปเรียบร้อย

เมื่อลองเปรียบเทียบกับ popstar ในปัจจุบันว่า หาก Shawn Mendes ทำพฤติกรรมแบบนี้กับ Camila Cabello ฝ่ายชายจะเจอกับกระแสต่อต้านแรงขนาดไหน !? แต่ JT รอดตัวจาก cancel culture มาได้เป็นสิบปีเลยทีเดียว

หลังจากที่เวลาผ่านไปกว่าสองทศวรรษ ทั้ง Brit และ JT ต่างก็มีวัยเลยหลัก 4 ไปแล้ว นักร้องสาวชื่อดังก็ตัดสินใจบอกเล่าเรื่องราวจัดหนักจัดเต็ม กระแสวิพากษ์วิจารณ์ครึกโครมในขณะนี้ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่า หนังสือชีวประวัติของเธอได้สร้างความหวาดหวั่นให้กับ JT จนอาจจะคิดไม่ตกไปเลยก็ได้ และถึงแม้หาวิธีกู้ภาพลักษณ์กลับมา ก็ดูจะยากเย็นเกินไป

วันเวลาที่หมุนเวียนไป ทำให้คนที่เคยดูเหมือนเหยื่อผู้รอดพ้นจากรักทรยศในอดีตต้องมาพบกับการกระหน่ำโจมตีจากชาวเน็ทว่า เป็นพวกฉวยโอกาสหาประโยชน์บนความเจ็บปวดของคนอื่น  ถึงเขาจะพยายามแก้ไขวถานการณ์ด้วยการประกาศขอโทษเธอไปแล้ว แต่ชาวเน็ทจำนวนมากก็ไม่ได้สัมผัสว่า เป็นคำพูดที่จริงใจแต่อย่างใด


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE