ไขข้อสงสัยเด็กรุ่นใหม่ Britney Spears ดังมากแค่ไหน?
candy 21 12
ท่ามกลางกระแสร้อนแรงของหนังสือ The Woman In Me ชีวประวัติของ Britney Spears ที่กอบโกยยอดขายเป็นล้านๆ ได้เกิดการตั้งคำถามจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เกิดไม่ทันจะรับรู้ปรากฏการณ์ความสำเร็จของ superstar ที่เดบิวท์ในยุค Y2K ว่า หากให้บรรยายเปรียบเทียบให้เห็นภาพ จริงหรือที่เธอดังกว่าศิลปิน K-Pop ทรงอิทธิพล บ้างก็ขอให้เปรียบเทียบกับศิลปินที่ได้ถูกตั้งฉายาว่าเป็นเจ้าหญิงเพลง pop ในยุคใหม่
แฟนๆได้ให้คำตอบไปในทิศทางเดียวกันว่า เธอถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มศิลปินที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับวัฒนธรรม pop สถานะ icon นี้ไม่ได้กันมาเพราะขายอัลบั้มเพลงได้ยอดสูงลิบเท่านั้น แต่เธอมีความพิเศษมากมายที่ยังสร้างเสียงกล่าวขานมาจนถึงทุกวันนี้ แม้จะห่างหายไปจากการปล่อยเพลงโซโล่และการแสดงบนเวทีไปนานหลายปี แต่ก็หลายคนก็ยังรู้สึกโหยหาวันคืนที่เธอได้ก้าวมาสร้างปรากฏการณ์ทางดนตรีให้โลกต้องสั่นสะเทือน
Britney โด่งดังถึงขนาดไหน ลองมาเจาะลึกกับเราได้เลยค่ะ
แฟนๆได้ให้คำตอบไปในทิศทางเดียวกันว่า เธอถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มศิลปินที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับวัฒนธรรม pop สถานะ icon นี้ไม่ได้กันมาเพราะขายอัลบั้มเพลงได้ยอดสูงลิบเท่านั้น แต่เธอมีความพิเศษมากมายที่ยังสร้างเสียงกล่าวขานมาจนถึงทุกวันนี้ แม้จะห่างหายไปจากการปล่อยเพลงโซโล่และการแสดงบนเวทีไปนานหลายปี แต่ก็หลายคนก็ยังรู้สึกโหยหาวันคืนที่เธอได้ก้าวมาสร้างปรากฏการณ์ทางดนตรีให้โลกต้องสั่นสะเทือน
Britney โด่งดังถึงขนาดไหน ลองมาเจาะลึกกับเราได้เลยค่ะ
ยอดขาย
สาวหน้าหวานจาก Louisiana ได้ทำให้โลกต้องสั่นสะเทือนจากอัลบั้มเดบิวท์ Baby One More Time ที่กอบโกยยอดขาย(อย่างไม่เป็นทางการนัยถึงปัจจุบัน) ไปถึง 26- 27 ล้านแผ่น แม้ว่าตัวเลขนี้จะดูตามหลัง Backstreet Boys เจ้าของสถิติอันดับหนึ่งที่ส่งอัลบั้ม Millenium ออกมาถล่มชาร์ทจนขายแผ่นเสียงไปได้ถึง 40 ล้าน แต่ต้องอย่าลืมว่า เธอยังเป็น teen idol หน้าใหม่สุดๆ ไม่ใช่ศิลปินที่มี fanbase สนับสนุนอยู่แล้ว เธออาจจะผ่านประสบการณ์แสดงบนเวทีจากการเป็นหนึ่งในทีม performers วัยใสแห่งรายการ The All-New Mickey Mouse Club มาก่อน แต่นั่นก็อาจจะไม่ถึงขนาดเป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้เธอโด่งดังใหญ่โตมโหฬารตั้งแต่ปล่อยซิงเกิ้ลแรก ซิงเกิ้ลถัดมาก็โดนใจแฟนๆ ฮิตจนค่ายส่งสัญญาณทำอัลบั้มสองทันทีแบบไม่เว้นช่วงให้แฟนๆต้องเรียกร้อง
ในช่วงเวลานั้น ศิลปินสามารถสร้างความร่ำรวยจากส่วนแบ่งของยอดขายแผ่นเสียงที่มีราคาสูง ที่หากแฟนๆ อยากจะซื้อแผ่นอัลบั้มเต็มของศิลปินคนโปรดก็ต้องเสียเงินราคาหลายร้อย และยังมีอีกมากมายที่ตามเก็บซิงเกิ้ลที่ถูกตัดออกมาขายก่อนจนครบ ซิงเกิ้ล Baby One More Time แค่เพลงเดียวก็ขายไปได้ถึงสิบล้านแผ่น แตกต่างจากยุค streaming ที่ศิลปินดังยอมรับว่า ไม่สามารถทำเงินเป็นกอบเป็นกำได้จากยอดขาย แม้จะได้ส่วนแบ่งจาก royalties ตัวเลขรายได้ก็ช่างห่างไกลจากยุคเรืองรองของแผ่นเสียงจนต้องใช้ช่องทางอื่นๆเพื่อสร้างรายได้ เช่น ขายสินค้าที่ระลึก เดินสายทัวร์ การเซ็นสัญญากับแบรนด์ดัง และอื่นๆ ความสำเร็จชั่วข้ามคืนของสาวทีนสุดมหัศจรรย์แห่งยุค Y2K ทำให้เธอกลายเป็นเศรษฐีอย่างรวดเร็ว อัลบั้มในลำดับต่อมาก็ตอกย้ำความความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง การันตีด้วยยอดขายระดับ diamond ติดๆกันสองอัลบั้ม ซึ่งไม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดให้เห็นกันบ่อยนัก
ศิลปินหญิงเพลง pop ที่เปิดตัวช่วงเวลาเดียวกันจะถูกเปรียบเทียบกับ Britney เสมอ
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการเดบิวท์ที่สร้างปรากฏการณ์ของ Britney ได้โน้มน้าวให้นายทุนจากค่ายเพลงส่งศิลปินสาว teen pop ออกมาร่วมกระแสความนิยมอีกหลายคน และถึงแม้ว่าพวกเธอจะนำเสนอแนวเพลงที่แตกต่างกัน แต่พวกเธอจะต้องเตรียมทำการบ้านเพื่อตอบคำถามจากสื่อว่า "คิดอย่างไรที่ถูกเปรียบเทียบกับ Britney Spears ?" หรือ "คุณมีความแตกต่างจาก Britney อย่างไร?" โดยเฉพาะนักร้องสาวสวยผมบลอนด์ที่มักถูกคาดคั้นให้อธิบายตัวเองให้พ้นข้อหาจงใจเลียนแบบ Britney ราวกับจะบอกเป็นนัยๆให้พวกเธอตระหนักถึงแรงกดดันที่จะต้องถูกมองเป็นรอง Britney ที่มาแรงขึ้นระดับ top ตั้งแต่อลับั้มเดบิวท์ หนึ่งในศิลปินที่ต้องเจอกับคำปรามาสแบบเต็มๆคือ Jessica Simpson เธอถูกยกให้เป็นนักร้องที่อยู่ภายใต้เงาของ Britney ตลอดกาล นั่นเป็นเพราะว่า เธอมาพร้อมกับภาพลักษณ์สาวพรหมจรรย์ที่มีผมบลอนด์และรูปร่างเย้ายวนใจ ยิ่งเมื่อพบว่า เธอมาจากทางใต้และควงคู่สมาชิกบอยแบนด์ ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เธอตามรอยความสำเร็จของ Britney แทบทุกประการ ถึงขนาดเคยมีแฟนเข้ามาขอลายเซ็นด้วยความเข้าใจผิดว่าเธอเป็น Britney มาแล้ว
Mandy Moore คืออีกหนึ่ง teen idol ที่ถูกเปรียบเทียบว่าวิ่งตามหลัง Britney เมื่อเธอได้มองย้อนกลับไปในสมัยเดบิวท์ผลงานในช่วงเวลาเดียวกันก็ยอมรับว่า Britney คือผู้นำของของกลุ่มศิลปินดนตรี pop ด้วยการเปิดประตูสู่โอกาสให้คนอื่นๆได้ก้าวเข้ามาคว้าความสำเร็จ ความโด่งดังของเธอได้แผ่อิทธิพลจนทำให้คนอื่นๆอยากจะทำดนตรีแนวเดียวกัน และยังเผยว่า ค่ายเพลงที่เธอเซ็นส้ัญญาด้วยพยายามจะปั้นเธอมาประชันกับ Britney แต่เธอรู้ถึงความสามารถของเธอทั้งเรื่องการเต้นและการแสดงบนเวทีนั้นไม่สามารถสู้ Brit ได้เลย เธอจึงขอนำเสนอสิ่งที่ตัวเองถนัดมากกว่า
Mandy Moore คืออีกหนึ่ง teen idol ที่ถูกเปรียบเทียบว่าวิ่งตามหลัง Britney เมื่อเธอได้มองย้อนกลับไปในสมัยเดบิวท์ผลงานในช่วงเวลาเดียวกันก็ยอมรับว่า Britney คือผู้นำของของกลุ่มศิลปินดนตรี pop ด้วยการเปิดประตูสู่โอกาสให้คนอื่นๆได้ก้าวเข้ามาคว้าความสำเร็จ ความโด่งดังของเธอได้แผ่อิทธิพลจนทำให้คนอื่นๆอยากจะทำดนตรีแนวเดียวกัน และยังเผยว่า ค่ายเพลงที่เธอเซ็นส้ัญญาด้วยพยายามจะปั้นเธอมาประชันกับ Britney แต่เธอรู้ถึงความสามารถของเธอทั้งเรื่องการเต้นและการแสดงบนเวทีนั้นไม่สามารถสู้ Brit ได้เลย เธอจึงขอนำเสนอสิ่งที่ตัวเองถนัดมากกว่า
แต่ศิลปินที่จะข้ามไปไม่ได้ในหัวข้อนี้ย่อมเป็น Christina Aguilera เมื่อเธอเปิดตัวด้วยซิงเกิ้ลที่ทำยอดขายระดับ platinum กระแสข่าวลือเรื่องการชิงดีชิงเด่นก็มาแรงทันที หลายคนมองว่า เธอคือคู่แข่งตัวฉกาจที่อาจจะทำให้ Britney แอบหวาดหวั่น ไม่เพียงแต่จะเป็นรูปลักษณ์สาวบลอนด์เอวคอดกิ่ว สเต็ปเต้นพริ้วไหว และพิสูจน์ความสามารถบนเวทีให้แฟนๆทึ่งด้วยการโชว์พลังเสียงแบบไม่ลิปซิงค์ เมื่อมีการตั้งข้อกล่าวหาว่า Christina เลียนแบบ Britney แฟนๆ ของเธอต่างกางแขนปกป้องว่า เธอคือศิลปินเปี่ยมพรสวรรค์ว่าที่ diva ระดับโลก ถึงขนาดที่มีการแบ่งฝักฝ่ายเป็นทีม Britney และทีม Christina ห้ำหั่นกันผ่านตัวอักษรแบบไม่มีใครยอมแพ้ ถึงจะไม่มี Twitter ก็แทบจะหยุมหัวกันในบอร์ดแลกเปลี่ยนความเห็น ยิ่งมีการปล่อยข่าวลือว่า นักร้องสองสาวไม่ถูกกันอย่างแรง เมื่อโคโจรมาพบหน้ากันก็อดจะจิกกัดกันไม่ได้ แฟนๆก็ยิ่งอิน กระแสเสือสาวสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้เริ่มจะจางหายไปก็เมื่อ Christina ปฏิวัติตัวเองจากภาพลักษณ์ popstar สาวใสมาเป็น Dirrty จนหลายคนหันมาเรียกเธอว่า Xtina ถึงกระนั้น ก็ยังมีผู้รำลึกถึงตำนานคู่อริวงการ pop และอยากรู้เรื่องราวเบื้องลึกว่า ประเด็นความหมางใจเกิดขึ้นจากอะไร?
เป็นที่ยอมรับจากศิลปินที่เป็นตำนานแห่งวงการดนตรี
ความสำเร็จต่อเนื่องของสองอัลบั้มแรกในยุค 2000s ต้นๆทำให้ Britney วัยเพียงยี่สิบนิดๆได้รับการขนานนามว่า'เจ้าหญิงแห่ง pop' ผู้คนต่างยอมรับว่า เธอเป็นผู้ที่สร้าง inpact อย่างใหญ่หลวงงต่อ pop culture เรื่องที่เธอดึงดูดความสนใจและได้รับความรักจากแฟนๆได้มากแค่ไหน คงยากจะบรรยายให้ครบถ้วน แต่สิ่งที่สามารถการันตีสถานะ pop icon ของเธอ คือผลงาน collaboration กับศิลปินโด่งดังระดับตำนาน หากเธอไม่ใช่ตัวจริงของวงการ ก็ยากจะเข้าถึงศิลปินบารมีแก่กล้าเหล่านี้
โอกาสเช่นนี้ สำหรับศิลปินที่เพิ่งสร้างความโด่งดังได้ไม่กี่ปี การร่วมงานกับ icon ผู้เป็นต้นแบบและบุกเบิกความสำเร็จข้ามยุคสมัยนับเป็นการทำความฝันให้เป็นจริง ไม่ใช่ว่าศิลปินที่ทำยอดขายพุ่งกระฉูดแล้วจะได้รับโอกาสสุดเริ่ดเช่นนี้ได้หมดทุกคน หากเป็นนิยายกำลังภายใน ก็คงเหมือนกับสุดยอดปรมาจารย์ให้การยอมรับจอมยุทธ์รุ่นหลังที่มีฝีไม้ลายมือเข้าตา ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ ภาพที่เธอร่วมงานกับ Michael Jackson ผู้เป็น King Of Pop และ Madonna ผู้เป็น Queen Of Pop เป็นการย้ำถึงสถานะ Princess Of Pop ของเธอโดยไม่จำเป็นต้องอวยยศให้ยืดยาว
Iconic Performances
บรรดาเพลงที่ได้รับความนิยมของ Britney นั้นยังได้รับพลังผลักดันจากการแสดงทั้งใน MV และโชว์สดบนเวที ตั้งแต่การเปิดตัวใน Baby One More Time ด้วยชุดนักเรียนผูกเอวโชว์หน้าท้องโอดครวญอย่างออดอ้อนเพื่อขออีกสักที ชุด catsuit แนบเนื้อใน Oops!...I Did It Again ท่าเต้นเก้าอี้ลอยใน Stronger ความร้อนแรงจนเหงื่อซึมใน I'm a Slave 4 U การสวมสี่แคแรคเตอร์สุดเผ็ดใน Toxic และผลงานอื่นๆที่สร้างมาตรฐานสำหรับศิลปิน pop ไว้สูงลิบลิ่ว สำหรับคนในยุคนั้น ไอเดียต่างๆดูช่างดึงดูดใจ ผ่านไปเนิ่นนานหลายปีก็ไม่ลืมเลือน รวมถึงเทศกาล Halloween ที่แฟนๆเสาะหา costume แสนสะดุดตาจาก MV ดังของเธอมาใส่แบบเริดๆเชิดๆ หรือจะเป็นวันแรกของปล่อยหนังสือชีวประวัติ มีกลุ่มแฟนพันธุ์แท่ที่นัดกันใส่ชุดแอร์โฮสเตสสีฟ้าจาก Toxic มาร่วมฉลองความสำเร็จให้ศิลปินขวัญใจ
อาจจะมีคนที่คิดตรงกับเราว่า สิ่งที่ห่างหายไปจากการแสดงบนเวทีและ MV ของศิลปินดังยุคใหม่นั่นคือการสร้างภาพที่ตราตรึงไม่จางหายไปจากภาพความทรงจำ แม้การดีไซน์รูปแบบการแสดงจะดูล้ำหน้าด้วยไอเดียสดใหม่และการทุ่มงบเพื่อสร้างความตระการตา แต่อาจจะมีศิลปินเพียงไม่กี่คนที่มี impact มากพอจะสร้างโมเมนท์โลกไม่ลืม
ถึงจะถูกกล่าวหาว่าลิปซิงค์มายาวนาน แต่แฟนๆก็เต็มใจสนับสนุน
Britney เผชิญกับข้อกล่าวหาเรื่องไม่ร้องสดมาตั้งแต่เริ่มดังเลยทีเดียว ช่วงเริ่มต้นนั้นเธอโชว์แบบไม่ลิปซิงค์ แต่หลังจากได้รับบาดเจ็บหัวเข่า หลายคนก็พบว่า เมื่อเปรียบเทียบจากการแสดงบนเวทีที่ร้องสดมีความแตกต่างจากการแสดงที่ถูกกล่าวหาว่าลิปซิงค์อย่างชัดเจน เนื่องจากไม่ว่าจะเต้นสะบัดผมและโยกย้ายสุดแรงแค่ไหน เสียงก็ใสกิ๊งไม่ต่างจากใน CD ที่ผ่านมา Britney ยืนยันว่า ข้อกล่าวหานี้ทำให้เธอเคืองหนัก เพราะเธอร้องเต้นไปพร้อมกับการเปิด playback การแสดงที่เห็นกันเป็นส่วนผสมระหว่าง playback กับเสียงขับร้องจริงๆ แต่ไม่มีใครให้เครดิต อย่างไรก็ตาม แม้แต่แฟนๆของ Brit เองก็ไม่ได้รู้สึกโกรเกรี้ยวกับข้อหานี้ หรือต้องตั้งประเด็นถกเถียงดุเดือดว่า เธอปิดไมค์ระหว่างการแสดงบนเวทีแบบลิปซิงค์ล้วนๆ หรือเป็นการร้องด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาคลอไป backing track แม้แต่นิตยสารดนตรีชื่อดังก็ชี้ว่า แฟนๆรับเรื่องนี้ได้มาตั้งนานแล้ว
แต่ในขณะที่มีผู้มองว่า นี่เป็นจุดอ่อนที่ทำให้ Britney ถูกโจมตี จากที่มีผู้แชร์คลิปหลักฐานว่าเธอไม่ได้ร้องเพลงเองแต่ใช้การบันทึกเสียงล่วงหน้าแทบจะล้วนๆ และเสียงของเธอก็แตกต่างจากการแสดงที่ได้เห็นกันเป็นลิบลับ รวมถึงเหตุการณ์ที่คนดูเดินออกจากคอนเสิร์ตที่ออสเตรเลียเพราะไม่พอใจเมื่อพบว่า นักร้องสาวชื่อดังขับร้องเพลงแบบสดๆ ดราม่านี้กลับทำให้อีกหลายคนงงมากกว่า อย่าง John Mayer ที่ให้ความเห็นประชดว่า หากใครยังรู้สึกช็อคที่เห็น Britney ลิปซิงค์ในคอนเสิร์ต ก็คงใช้ชีวิตอยู่ยากหน่อย นั่นเป็นเพราะว่า มันเรื่องที่รู้ๆกันมานานมากแล้ว ทั้งยังมีศิลปินดังคนอื่นๆที่ต้องร้องเต้นไปพร้อมกันก็เลือกใช้ playback เพื่อช่วยให้การแสดงสมบูรณ์แบบ ผู้ทำหน้าที่ sound engineer ใน award show ชื่อดังก็ยังยืนยันว่า เป็นไปได้ยากที่จะแสดงสด 100% ในรายการถ่ายทอดสด เพราะการเต้นเหวี่ยงหมุนที่เปรียบดั่งการร้องเพลงไปพร้อมๆกับออกกำลังกายที่ทำให้หายใจไม่ทันและเสียงหลง
แต่สำหรับคนรัก Britney การได้ยินเสียงร้องหวานๆของเธอแบบ liveอาจจะฟังดูน่าตื่นเต้น เมื่อได้ฟังวีดีโอเก่าๆที่เธอร้องเพลงสดก็ชี้ชัดว่า เธอไม่ได้ร้องเพลงย่ำแย่ แต่พวกเค้าคาดหวังจะได้เห็น charisma และ killer dance moves จากการแสดงมากกว่าการขับร้องที่อาจจะไม่ใช่จุดแข็งของเธอ แม้ว่าจะมีคนยกเอาศิลปินหญิงคนอื่นๆที่สามารถเต้นสุดเหวี่ยงและร้องเพลงแบบไม่หลุดมาเปรียบเทียบ แต่แฟนๆหลายคนเปิดใจว่า หากเธอจะเน้นโชว์ทักษะการเต้นและ stage presence ที่แสนดึงดูดใจโดยไม่เน้นร้องสด ก็ยังจะ stan ไม่เปลี่ยนแปลง เห็นได้จากความสำเร็จในทัวร์และ Vegas show ที่มีผู้ชมเนืองแน่นเสมอ ทุกวันนี้ก็รอคอยเธอเยียวยาจิตใจและส่งผลงาน come back สักที
The Britney Effect
สำหรับยุคสมัยที่ผู้คนยังต้องใช้ dial-up internet และไม่ได้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารทาง social media ได้อย่างง่ายดาย หลายคนไม่รู้จักสัญญาณ wifi ส่วนโทรศัพท์มีไว้ใช้โทรเข้า-ออกและเล่นเกมงู หากจะติ่งใครสักคนก็ดูเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายาม นอกจาก CD จะราคาสูง บางคนอาจจะมีงบเอื้อมถึงได้เพียง cassette tape อยากจะกรี๊ดไปกับ MV เริ่ดๆของศิลปิน? ก็ต้องติดตามชมในช่องดังทาง cable TV อย่าง MTV หรือ Channel V ที่มีค่าใช้รายเดือนไม่ใช่ถูกๆ บ้านใครไม่มีก็คงต้องอาศัยขอชมจากบ้านคนรู้จัก หรือถ้าอาศัยในหอพักที่มีช่องเคเบิลอาจจะสะดวกขึ้นมาบ้าง อยากจะติดตามความเคลื่อนไหวและสัมภาษณ์ต่างๆ ก็ต้องรอนิตยสารออกเดือนละครั้ง แต่ถึงแม้เทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารจะดูจำกัดขนาดนั้น แม้แต่ตามต่างจังหวัดห่างไกล เด็กวัยรุ่นก็รู้จัก Britney Spears พวกเรายกสายโทรของเพลง Brit กับคลื่นวิทยุ หากอยู่ในพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับกทม. สามารถติดตามรายการจากคลื่นเพลงสากลก็ยิ่งรู้สึกฟินที่ DJ เปิดเพลงดังของเธอตามคำเรียกร้อง ร้องท่อนฮุคคลอได้คล่องปากทุกเพลง
เมื่อเธอได้พิสูจน์จากหลากหลายผลงานว่า ได้สร้างอิทธิพลต่อความคิดคนหนุ่มสาวมากมายขนาดไหน ก็ไม่น่าแปลกใจที่แบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Pepsi จะทาบทามเธอมาทำหน้าที่ presenter โฆษณาที่ Britney แสดงเพลง 'Joy Of Pepsi' โด่งดังจนผู้คนร้องท่อน Ba, pa-pa pa, ba, pa-pa-pa กันติดปาก สำหรับแฟนๆที่ยังไม่ได้เข้าถึง internet ได้ตลอดเวลา บางคนถึงกับเปิด TV รอคอยจะได้เห็นไอดอลขวัญใจจากช่วงพักโฆษณา มีรายงานว่า แบรนด์น้ำอัดลมสุดซ่าจ่ายเงินตอบแทนให้เธอมากถึง 8 ล้านเหรียญเพื่อแลกกับผลงานประชาสัมพันธ์ที่ถูกยกว่า เป็นหนึ่งในโฆษณา Pepsi ที่ iconic ที่สุด
สามปีต่อมา เธอก็รับ project ยักษ์ใหญ่จาก Pepsi ที่มี Beyonce และ Pink มาร่วมรับบทสาวนักสู้ gladiator ในเกมท้าประลองที่ Colosseum ปลุกตำนานเพลง We Will Rock You ให้ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมาอีก โฆษณาตัวนี้อลังการจนต้องมีการจัดรอบพรีเมียร์และกระแสตอบรับก็ดีงามจนบางคนรู้สึกเสียดายว่า เราไม่ได้เห็นโฆษณาโดดเด่นด้วย collaboration แบบนี้กันสักเท่าไรแล้ว ศิลปินสาวสาวมี vocal style ที่แตกต่างกันอย่างมาก แต่ก็ slay จนอยากจะเห็นพวกเธอมาร่วมงานกันจริงๆ
The Guardian รายงานว่า ตลอดการร่วมงานกับ Britney Pepsi ทุ่มเงินให้เธอไปมากถึง 50 ล้านดอลลาร์ เธอยังมี campaignที่ประสบความสำเร็จอื่นๆ เช่น น้ำหอม และรองเท้า Skechers Energy หนึ่งในรองเท้าสุดฮิตจาก Y2K
The Guardian รายงานว่า ตลอดการร่วมงานกับ Britney Pepsi ทุ่มเงินให้เธอไปมากถึง 50 ล้านดอลลาร์ เธอยังมี campaignที่ประสบความสำเร็จอื่นๆ เช่น น้ำหอม และรองเท้า Skechers Energy หนึ่งในรองเท้าสุดฮิตจาก Y2K
นี่เป็นเพียงตัวอย่างเพียงไม่มากที่ชี้ชัดว่า Britney ครองตำแหน่ง top of the game ตัวจริงของยุคนั้น หยิบจับอะไรก็ประสบความสำเร็จไปซะหมด ผลงานดูจะไม่เข้าตาผู้ชมนักคือหนัง Crossroads รายได้อาจจะไม่ถึงขนาดขาดทุนเจ็บหนัก แต่ถูกนักวิจารณ์ถล่มหนักเลยทีเดียว
สถานะ Trendsetter
ช่วงต้น 2000s เซเลบสาวก็ใส่ jeans เอวต่ำพรึ่บทั้งวงการ คงไม่ไปตามค้นหาว่า ใครเป็นผู้ invent ลุคนี้ให้โด่งดังขึ้นมา แต่ต้องยอมว่า ด้วย star power ของ Brit ทำให้เทรนด์เอวต่ำได้รับความนิยมข้ามประเทศ จดจำได้ว่า เพื่อนม.ปลายชักชวนไปซื้อกางเกงขาม้าเอวต่ำและแม่ค้าก็เชียร์ว่าใครๆก็ใส่ 'กางเกง Britney' กันทั้งนั้น พอก้าวเข้ามหาวิทยาลัย ก็มีเพื่อนเปิดหน้าท้องโชว์จิวสะดือเหมือนกับ Britney ถึงยุคนั้น การใส่เสื้อครอปตัวจิ๋วอาจจะถูกมองว่าดูโป๊หรือต้องใช้ความมั่นใจค่อนข้างสูง (แตกต่างจากปัจจุบันที่ crop กันเป็นเรื่องปกติ) แต่หากใส่เสื้อเข้ารูปที่เอวลอยนิดๆและจับคู่กับกางเกงเอวต่ำก็โชว์สะดือดูเซ็กซี่แบบวับๆแวมๆ ได้อารมณ์ Britney แบบไม่ถูกจับผิดมากเกินไป
Britney อาจจะไม่ใช่ popstar ที่ได้รับการยกย่องว่าแต่งกาย stylish ที่สุด หลายลุคจากพรมแดงและ street style ของเธอก็ถูกนักวิจารณ์แฟชั่นสับแหลกเรื่องรสนิยมที่ดูขาดๆเกินๆ รวมถึงการเปิดเผยเรือนร่างที่ดูเย้ายวนใจจะทำให้สื่อจะปฏิบัติกับเธออย่างย่ำแย่ด้วยอคติแบบ slut-shaming แต่ fashion แบบ Britney ก็มีอิทธิพลต่อวัยรุ่นมากมาย สาวๆปรารถนาจะเป็นเหมือนเธอ และเธอก็เป็นที่ปรารถนาของหนุ่มๆ สร้างความโด่งดังด้วยภาพลักษณ์ teenage dream อย่างแท้จริง
เมื่อลุคจาก Y2K fashion อันโด่งดังของ Britney กลับกลายมาเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่อีกครั้ง ก็ได้แสดงถึงความเป็น style icon แห่งยุคได้อย่างแท้จริง เพราะแม้ว่าเวลาที่หมุนเปลี่ยนจะทำเทรนด์เหล่านี้ดูตกยุคไป แต่หากได้เห็นเสื้อผ้าแนวนี้เมื่อใดก็ทำให้หวนรำลึกถึงวันเวลาที่ superstar สาวยึดครองโลก และอดจะโหยหาความสนุกในตอนนั้นไม่ได้ แม้ว่า social media จะช่วยย่อโลกให้เราเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของศิลปินขวัญใจได้จากการขยับนิ้วไถจอ (บางคนโชคดีถึงขนาดได้รับข้อความโต้ตอบกับคนดังผ่าน social media) ไม่ว่าพวกเค้าจะใส่อะไร concept เป็นอย่างไร ใครเป็น stylist ก็มีการรวบรวมข้อมูลมาป้อนถึงที่ แม้แต่จะซื้อหาใส่ตามได้ที่ไหนก็มีคนชี้เป้าให้ครบครัน แต่ช่วงที่เกาะตามเทรนด์ของคนดังด้วยการซื้อ magazine มาพลิกเปิดแบ่งกันอ่านกับเพื่อนก็เป็นความสุขเล็กๆที่แอบคิดถึง
ไม่ต้องสงสัยว่า บรรดา magazine จะพยายามทาบทามเธอมาขึ้นปกเพื่อให้สัมภาษณ์ในประเด็นที่ผู้คนมากมายอยากรู้ บางปกอาจจะกลายเป็น controversial อย่างปก Rolling Stone ที่เรียกเสียงโจมตีเผ็ดร้อนจากกลุ่มอนุรักษ์นิยมว่า Britney วัยยังไม่เต็ม 18 ดูยั่วสวาทเกินไปและเธอได้ใช้ความโด่งดังของตัวเองในทางผิดๆ เพราะเด็กสาววัยทีนที่บูชาเธออาจจะเลียนแบบด้วยกาแต่งตัวเปิดเผยสัดส่วน แต่ถึงจะมีดราม่าเรื่องความโป๊ หน้าปก Britney ในช่วง peak น่าจะการันตียอดขายสวยงาม เนื่องจากสื่อสิ่งพิมพ์ยังไม่ได้ก้าวมานำเสนอ digital content กันเต็มขั้น เมื่อพบ magazine หน้าปกศิลปินขวัญใจตามแผงหนังสือ แฟนๆ ย่อมไม่ลังเลใจจะล้วงกระเป๋าซื้อหามาอ่านให้ฉ่ำใจ
Makeup สุดเริ่ด
MV หลายตัวของ Britney ได้รับคำชื่นชมในเรื่อง production และรูปโฉมอันสวยสดงดงามของเธอ ต้องยกเครดิตให้กับทีมงานฝ่าย beauty ที่ช่วยเนรมิตความงามของเธอให้เข้ากับ concept จนโดนใจแฟนๆกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปสไตล์ใด ก็ดูเข้ากับเธอไปหมด เชื่อว่า สำหรับแฟนๆจำนวนมากมาย เพียงแค่เอ่ยชื่อเพลงของ Britney ขึ้นมา ก็จินตนาการถึง beauty look สุดเริ่ดของเธอจาก MVได้ทันที
ด้วยความที่เป็น beauty look จากยุค 2000s ก็อาจจะทำให้คนรุ่นใหม่นึกว่า มันอาจจะดูเชยเพราะเป็นเทรนด์ที่มาจากยี่สิบปีที่แล้ว บอกเลยว่า ถึงเวลาจะเวลาจะผ่านไปนาน สาวๆก็ยังสามารถใช้ภาพ Britney เป็นแรงบันดาลใจในการแต่งหน้าสวยสำหรับโอกาสต่างๆ บางลุคอาจจะดู Y2K ชัดมาก แต่ดูมีเสน่ห์น่ามอง นำมาปรับเข้ากับยุคโมเดิร์นได้ ไม่ใช่ makeup ที่เหมาะกับ costume ในเทศกาล Halloween เท่านั้น แน่ล่ะ เรากำลังพูดถึงผู้หญิงได้รับการยกย่องให้เป็นเซ็กซี่ที่สุดในโลกกันอยู่นี่นา!
สร้างแรงบันดาลใจให้กับศิลปินรุ่นหลัง
ไม่เพียงแต่ Britney จะเป็นเหมือนกับรักแรกในใจของหลายต่อหลายคน เธอยังสร้างแรงบันดาลใจให้ศิลปินสาวชื่อดังอย่าง Selena Gomez, Ariana Grande, Dua Lipa, Charli XCX รวมถึงคำยืนยันจาก Lady Gaga ว่า
"Britney จะเป็นแรงบันดาลใจตลอดกาลสำหรับผู้หญิง"