Bloomberg ประกาศ Taylor ก้าวสู่สถานะ Billionaire ด้วยรายได้ผลงานดนตรี!

25 11

Eras tour ได้กลายมาเป็น project ที่พลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับอุตสาหกรรมดนตรี  ผู้เชี่ยวชาญทางการเงินวิเคราะห์ว่า รายได้ของทัวร์ที่พุ่งกระฉูดไปราวๆ $4,100 ล้านนั้นช่วยผลักดันความร่ำรวยของ Taylor จากเศรษฐีหลายร้อยล้านให้ทะยานขึ้นสู่สถานะ Billionaire ! คอนเสิร์ต 53 รอบทั่วอเมริกายังกระตุ้น GDP ประเทศ จนธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟียประกาศว่า หลังจากรัฐพยายามฟื้นฟูตัวจากปัญหาความซบเซาทางเศรษฐกิจที่เกิดจาก pandemic ทัวร์ของ Taylor ได้ช่วยปลุกชีวิตให้กับการท่องเที่ยว หรือจะเป็นรัฐชิคาโกที่โชว์สถิติโรงแรม 44,000 ห้องได้รับการจองหมดรวดติดกันสามคืน สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับการท่องเที่ยวของรัฐ ไม่ว่าเธอจะไปเปิดมหกรรมดนตรีที่ใดในโลก ก็สร้างความคึกคักจนผู้ประกอบการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

แล้วมีหรือที่เจ้าของทัวร์จะไม่รวย ร้วย รวยกว่าเดิม.....

Bloomberg ยังชี้ว่า มีศิลปินดังจำนวนน้อยคนที่สามารถเพิ่มพูนทรัพย์สินล้นหลามเพียงนี้จากผลงานดนตรีเป็นหลัก

Taylor ทำได้เช่นไรนะ??

Rihanna รวยอู้ฟู่เกินหน้าเกินตาศิลปินคนอื่นนับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ Fenty ทำให้มีทรัพย์สินถึง 1,400 ล้าน USD
Jay Z ประสบความสำเร็จจากการก่อตั้งค่ายดนตรี จับธุรกิจ streaming service และลงทุนอีกหลายอย่างจนครองตำแหน่งศิลปินที่ร่ำรวยที่สุด ด้วยตัวเลขทรัพย์สิน 2,500 ล้าน USD


แต่สำหรับ Taylor ที่เพิ่งถูกยกให้เป็น billionaire อย่างเป็นทางการ จากการประเมินทรัพย์สินเมื่อปี 2022 ไว้ที่ 800 ล้าน USD ทะยานมาที่ 1,100 ล้าน USD นักวิเคราะห์ลงความเห็นว่า การลงทุนทางธุรกิจของเธอคือการสร้างผลงานดนตรีและการแสดงบนเวที เธออาจจะลงทุนไปกับด้านอื่นๆตามประสาเศรษฐี แต่ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ได้ก้าวเดินในเส้นทางศิลปิน เธอโฟกัสกับการสร้างอาณาจักรธุรกิจดนตรีจนแข็งแกร่ง โดยมีแรงสนับสนุนสำคัญคือ ความสัมพันธ์กับแฟนๆที่นานวันก็ยิ่งเหนียวแน่นมั่นคง


Taylor Swift สร้างความแตกต่างจากกลุ่ม manufactured popstars

เส้นทางของ popstar ขวัญใจวัยรุ่นหลายคนลงเอยในทิศทางที่คล้ายกัน เมื่อได้ช่วง peak ผ่านพ้นไปและเริ่มอายุมากขึ้นเรื่อยๆ แฟนๆที่เคยคลั่งไคล้บูชาศิลปินเหล่านั้นก็เริ่มเติบโตและปรับเปลี่ยนความคิดรสนิยมทางดนตรี   แม้ว่าจะมีโอกาสสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆออกมา แต่ก็ไม่ดึงดูดความสนใจผู้คนมากนัก จนดูเหมือนว่า ชื่อเสียงของพวกเค้าค่อยๆจางหายไป เหลือไว้ซึ่งความทรงจำในวัยเยาว์  โดยเฉพาะผู้ที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม manufactured popstars ที่มักถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า  เป็นผลิตผลทางการตลาดที่นายทุนทุ่มเงินเพื่อปั้นมากอบโกยความนิยม  พวกเค้ามีรูปร่างหน้าตาดึงดูดใจ มีทักษะด้าน performance ขับร้องเพลงที่มีเนื้อร้องและทำนองสุด catchy จากการผนึกกำลังฝีมือของนักแต่งเพลงและโพรดิวเซอร์มือฉมัง  แน่นอนว่า การนำเสนอ image ที่เติมเต็มความฝันของวัยรุ่นย่อมเป็นเครื่องมือสำคัญที่อย่างยิ่งยวดจะช่วยผลักดันให้ก้าวสู่ความเป็นดาวดัง  

หนึ่งในความท้าทายที่ศิลปินหลายต้องเผชิญ คือความเปลี่ยนแปลงของกลุ่ม audiences พวกเค้าจะพยายามเต็มที่เพื่อรักษา fanbase ไว้ มิเช่นนั้นแล้ว ในวันข้างหน้า ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะถูกรวบรวมเข้าไปอยู่ในบทความ 'popstar ที่วัยรุ่นเคยคลั่งไคล้ ตอนนี้หายไปไหนกันแล้ว?'


แต่  Taylor ที่มีวัย 16 ปีได้เปิดตัวสู่วงการในฐานะนักร้อง country และนักแต่งเพลง  แม้ว่าในอเมริกา ยังมีผู้คนจำนวนมากที่นิยมชมชอบดนตรี country และมีศิลปินที่โด่งดังค้างฟ้าหลายคน แต่การประชันผลงานแย่งอันดับบนชาร์ทเพลงกับศิลปิน mainstream จากฝั่ง Pop, Hip Hop และ R & B ฟังดูเป็นเรื่องท้าทายที่ไม่ได้เห็นกันบ่อยนัก

สร้างปรากฏการณ์ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ก็ต้องจิตตกเพราะคำวิจารณ์เรื่อง vocal


ย้อนไปหลายปีก่อน Madonna เคยแสดงความชื่นชมถึงความสามารถในการเขียนบทเพลงของ Taylor และมองเธอในฐานะเจ้าหญิงแห่งเพลง pop แต่แม้ว่าเธอจะแจ้งเกิดได้อย่างสวยงามตั้งแต่อัลบั้มเดบิวท์ และก้าวกระโดดไปถึงระดับศิลปินที่มียอดขายระดับ diamond ในอัลบั้มที่ 2 เธอก็ต้องพบกับแรงกดดันจากเสียงโจมตีเรื่องทักษะการขับร้องว่าขาดพลังเมื่อเปรียบเทียบกับศิลปิน country ด้วยกัน แต่แม้ว่าเธอจะยอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์เพื่อพัฒนาการร้องเพลงให้ดีขึ้น แต่แรงกดดันนั้นหนักหนาจนเธอได้เผยถึงประสบการณ์ที่ระทมทุกข์เพราะคำปรามาสเรื่องการร้องเพลงรวมถึงข้อกล่าวหาว่า เธอไม่ได้แต่งเพลงด้วยตัวเอง  เธอจึงพิสูจน์ตัวเองด้วยการเขียนเพลงในอัลบั้ม Speak Now เพียงผู้เดียว ไม่ได้เป็นผลงานที่ร่วมแต่งกับนักแต่งเพลงคนอื่น


"ฉันต้องการจะเก่งกว่าเดิม พยายามแข่งขันกับตัวเองและสร้างเสริมความสามารถในฐานะนักแต่งเพลง ศิลปิน และผู้แสดงบนเวที ฉันไม่ได้ต้องการให้คนหยิบยื่นความน่าเชื่อถือและการเป็นที่ยอมรับในวงการดนตรีมาโดยไม่ต้องทำอะไร ฉันต้องการจะสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง ฉันรับการฝึกฝนการขับร้องอย่างจริงจัง และตัดสินใจว่านี่จะเป็นแนวทางของอัลบั้มนี้ ฉันตัดสินใจว่าจะลงมือเขียนเพลงด้วยตัวเองล้วนๆ"

ยอดขาย Speak Now ในสัปดาห์แรกพุ่งสู่หลักล้านอย่างรวดเร็วจนทำลายสถิติ Guinness World ยอดรวมทั้ง CD, download และ streaming เทียบเท่ากับ 6 ล้านแผ่น ยิ่ง Taylor ตัดสินใจเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงจากการทำดนตรี country ไปเป็น pop ก็ต้องโชว์พัฒนาการด้าน performance เพื่อสร้างความประทับใจให้กับ audiences กลุ่มใหม่ และได้ตอกย้ำความสำเร็จในทุกอัลบั้มจนมีผู้ตั้งคำถามว่า จะมีวันที่ได้เห็น Taylor ส่งผลงานเพลงออกมาแล้ว 'ตุ้บ' หนักๆ บ้างหรือไม่?

 Taylor ไม่ได้ใช้ talent เพียงอย่างเดียวเพื่อครองตำแหน่งศิลปินชั้นนำของวงการ แต่ต้องมีเซนส์ทางธุรกิจที่เฉียบคม    ทั้งฝีมือการแต่งเพลงฉกาจฉกรรจ์และกลยุทธ์ marketing ทรงพลังทำให้เธอก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทนวัฒนธรรมแห่งศตวรรษที่ 21 ได้อย่างภาคภูมิ 

Taylor & her loyal fans


สัมพันธภาพอันดีงามกับ loyal fans ช่วยเสริมสร้างรากฐานอาชีพศิลปินให้มั่นคง  ไม่ได้มีเพียงแต่แฟนสายเปย์ที่สามารถจับจ่ายใช้สอยในคอนเสิร์ตด้วยตัวเงินหลายหลัก แต่เธอยังขึ้นชื่อลือชาเรื่องการแสดงน้ำใจอันกว้างขวางต่อแฟนที่ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากด้วยการมอบเงินช่วยเหลือและและปลอบประโลมใจด้วยวิธีที่น่าชื่นชม   อาจจะมีบางคนที่มองว่า ข่าวคราวที่เธอสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับเหล่า Swifties หรือจะเป็นการเชื้อเชิญแฟนผู้โชคดีมาร่วมรับชมการแสดงผลงานใหม่อย่างใกล้ชิดถึงในบ้านเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์สร้างภาพศิลปินแสนดีเพื่อ boost กระแสความนิยม   แต่สำหรับไม่ว่าจะเป็นติ่งใคร ก็ย่อมปรารถนาจะมีโอกาสพบปะกับศิลปินที่รักและคาดหวังจะได้รับการปฏิบัติแบบนุ่มฟูดีต่อใจ  หลายคนยืนยันว่า การปฏิบัติต่อแฟนๆอย่างเสมอต้นเสมอปลายทำให้ Taylor ครองพืิ้นที่ในใจของพวกเค้ามายาวนานไม่มีแผ่ว


Eras  Tour พลิกโฉมอุตสาหกรรมดนตรี

นับจากครั้งแรกที่โลกได้รู้จัก Taylor Swift ในภาพสาววัยทีนใส่ cowboy boots ดีดกีตาร์ร้องเพลงคันทรี่หวานแหววเมื่อ 17 ปีก่อนจนมาถึงปัจจุบันที่เธอถูกยกย่องให้เป็นศิลปินทรงอิทธิพลผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับอุตสาหกรรมดนตรี เธอได้พิสูจน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ไม่เพียงแต่จะรักษา fanbase กลุ่มเดิมได้อย่างเหนียวแน่น  กลุ่มแฟนวัยรุ่น original จากอัลบั้มแรกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ไปพร้อมๆกับเธอก็ไม่เปลี่ยนใจเป็นอื่น   เธอยังได้รับความนิยมในกลุ่มเด็กวัยใสไม่แตกต่างจากเมื่อหลายปีก่อน  พิสูจน์ได้จากผู้ชมที่ฝ่าฟันจนจองตั๋ว Eras Tour มาได้  หลายคนยืนยันว่า นี่คือคอนเสิร์ตที่สานสายใยความสัมพันธ์ของแม่ลูกและสมาชิกครอบครัวให้แน่นแฟ้น เพราะแม้ว่าจะเป็นคนต่างวัย แต่พวกเค้าก็เป็น Swiftiesไม่ต่างกัน


กระแสตอบรับถล่มทลายตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ Taylor เดินทางทัวร์ทั่วอเมริกาและต่างประเทศทำให้หลายฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่า เธอได้สร้างมาตรฐานที่สูงลิบลิ่วสำหรับศิลปินร่วมวงการไปแล้ว จากเมื่อก่อนที่บางคนค่อนแคะว่า fanbase ของ Taylor เป็นกลุ่มสาวใสเอาแต่ใจ แต่เมื่อได้ประจักษ์ถึงมหาชนหลากหลายเพศวัยที่แห่แหนเข้าไปชมการแสดงของเธอและยังมี viral ซ้ำแล้วซ้ำอีก สื่อประโคมทำข่าวเรื่องบรรยากาศที่ชวนทึ่ง ฟังดูเย้ายวนใจจนคนที่ไม่มีโอกาสเข้าไปชมคอนเสิร์ตเรียกร้องให้เธอรีบปล่อยหนังคอนเสิร์ตเพื่อจะได้ดื่มด่ำกับมหกรรมดนตรีผ่านจอ แม้แต่คนที่จองตั๋วไปชมการแสดงของ Taylor แบบสดๆมาแล้วก็ไม่ขอพลาด เข้าไปกรี๊ดกับเวอร์ชั่นหนังในโรงด้วย กอบโกยกำไรไปอีกต่อ


ศิลปินดาราชั้นนำไม่ขอพลาด Eras Tour



กระแสของ Eras Tour ที่สะเทือนเลื่อนลั่นยังดึงดูดคนดังระดับ high profile ให้มาร่วมบันเทิงใจ ทั้ง Nicole Kidman& Keith Urban, Julia Roberts, Jeff Goldblum, Adam Sandler, Elle Fanning, Anya Taylor-Joy, Ethan Hawke, Reese Witherspoon, Emma Watson, Charlize Theron (และลูกสาว), Laura Dern, Shania Twain, Billy Joel (พร้อมภรรยาและลูกสาว), Jennifer Larence, Lupita Nyong'o, Brie Larson. Jessica Chastain, Channing Tatum (มากับลูกสาว แต่คุณพ่อใส่เสื้อ TS และแต่งหน้าด้วยกลิตเตอร์เต้นมันไม่แพ้ลูก), Mark Zuckerberg และครอบครัว, Sarah Paulson, Alicia Keys, Robert Pattinson & Suki Waterhouse, Paul Rudd และศิลปินดาราอีกเพียบ พวกเค้าเหล่านี้ต่างร่วมแชร์ประสบการณ์แสนวิเศษในคอนเสิร์ต และแลกเปลี่ยนสร้อยข้อมือมิตรภาพกับ swifties อย่างสนุกสนาน

ดารา A- List มาเยอะซะจนคิดว่า ถ้าจับพวกเค้ามาดูคอนเสิร์ตในวันเดียวกันได้ แล้วเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวให้หรูหราขึ้นมา ปูพรมแดหน้างานอีกหน่อยก็น่าจะคล้ายเดินเข้างานประกาศรางวัล Oscar เลยทีเดียว !



คอนเสิร์ตจบ ได้แฟนนักกีฬาหุ่นบึ้กมาหนึ่งคน


ที่สำคัญ  Taylor คงไม่คาดคิดมาก่อนด้วยซ้ำว่า  ทัวร์คอนเสิร์ตที่สร้างรายได้มหาศาลยังชักนำหวานใจคนใหม่ให้เข้ามาเติมเต็มความหวานด้วย  เมื่อเธอเปิดการแสดงใน Kansas City  ก็จุดประกายให้นักอเมริกันฟุตบอลชื่อดัง Travis Kelce วางแผนขอพบหน้า Taylor ตัวเป็นๆหลังเวทีด้วยความหวังจะมอบสร้อยข้อมือมิตรภาพให้กับเธอ(พ่วงด้วยการบอกเบอร์โทรศัพท์เนียนๆ)  แต่เธอเลือกบอกปัดเพราะจำเป็นต้องรักษาเสียงไว้เพื่อการแสดงยาวเหยียด 44 เพลง ถึงแม้จะอกหักไม่ได้เจอ  Taylor ในครั้งนั้น แต่นักกีฬาชื่อดังก็ไม่ยอมแพ้  เขาพยายามเข้าถึงเธอและเชิญชวนให้มาเชียร์เกมการแข่งขันและเปิดตัวความรักอย่างฮือฮา

 Eras Tour ไม่ได้รับรีวิวถึงเรื่องความสมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง นับตั้งแต่ระบบการจองตั๋วไม่ว่าเธอจะเปิดการแสดงในแห่งหนใด ก็ดูจะมีดราม่าการไขว่คว้าฝ่าฟันเพื่อตั๋วคอนเสิร์ตที่จะมอบประสบการณ์ที่แสนน่าตื่นเต้นตราตรึงใจ  บรรดาแม่ๆและผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยโอดครวญถึงแรงกดดันอะดรีนาลีนหลั่งไหล เพราะไม่อยากเห็นเด็กๆต้องผิดหวัง ไหนจะการเดินทางไม่ว่าจะเป็นระยะสั้นๆหรือใช้เวลาข้ามวันข้ามคืน   ส่วนการแสดงของ superstar  สาวอาจจะได้รับเสียงชื่นชมเรื่องความทุ่มเทเพื่อสนองตอบความคาดหวังของแฟนๆด้วยการโชว์จัดเต็ม 44 เพลงติดต่อกัน 3 ชั่วโมง  แต่นักวิจารณ์จากสื่อบางเจ้าก็เหน็บแนมเรื่องทักษะการเต้นของเธอหรือติเตียนในเรื่องปลีกย่อย   แต่นั่นดูเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับ energy ที่ไหลพล่านจากคอนเสิร์ตมาจนถึง social media   จนนักวิจารณ์บางคนยอมรับว่า ไม่ว่าจะเป็น  Swiftie หรือไม่ ก็ต้องขอยอมใจให้กับการสร้างปรากฏการณ์ที่น่าอัศจรรย์ใจของเธอ


ความโดดเด่นเรื่องหัวคิดทางธุรกิจ





  • ความสม่ำเสมอในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ เธอขยันเขียนเพลงและตระเตรียมผลงานในสไตล์ที่แตกต่างโดยไม่นิ่งเงียบหายไปครั้งละนานๆให้แฟนๆต้องทวงถามอย่างละเหี่ยใจ  และใช้กลยุทธ์แบบกะจังหวะเวลาในการปล่อยเพลง เพราะมันจะเหมาะเหม็งกับการตัดสินรางวัล Grammy ซึ่งใครๆต่างก็รู้ว่า Taylor จะต้องคว้ารางวัลใหญ่กลับบ้าน   ยิ่งเธอเก็บรางวัลไปได้มากเท่าไร ไม่เพียงแต่จะเป็นการการันตีชื่อเสียงศิลปินชั้นนำ แต่ยังเป็นเครื่องมือ PR กระตุ้นยอดขายชั้นเยี่ยม

  • การตลาดแบบเก๋าเกม  สถิติความสำเร็จในอดีตอาจจะทำให้แฟนๆตั้งความคาดหวังกับเธอไว้สูง แต่ Taylor สามารถ reinvent ตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์ ไม่ปล่อยให้เกิดความซ้ำซากจำเจ  ในขณะที่มีเสียงครหาว่าเธอใช้การโจมตีคนรักเก่ามาเป็นจุดขาย แต่แท้จริงแล้ว  เธอได้นำเสนอตัวตนในหลากหลายเวอร์ชั่น  ทั้งช่วงที่อินเลิฟ อกหักรักคุด เหวี่ยงแรงใส่คู่อริ รวมถึงการล้อเลียนตัวเองจากดราม่าต่างๆ 

  • การใช้ Easter eggs ปลุกเร้าแฟนๆที่กระหายความตื่นเต้นในการค้นหาปริศนาจากเนื้อเพลง MV รวมถึงการแสดงบนเวที   การเปิดพื้นที่ให้ผู้ชมมีส่วนร่วมในผลงานทำให้เธอครองภาพลักษณ์ superstar ที่เข้าถึงได้  และยังช่วย boost กระแสใน social media ในการเปิดเผยที่มาของ Easter eggs  เหล่านั้น  เธอปล่อยผลงานออกมาเมื่อไร  ทั้งสื่อและชาวเน็ทก็แชร์กระจายกลายเป็นไวรัล 

  • การสร้าง hype ของ Eras tour ที่นักการตลาดชื่นชมว่าเป็นกลยุทธ์อันชาญฉลาด  ตั้งแต่การเติมเต็มความรู้สึกโหยหาความทรงจำเก่าๆจากการนำเพลงในอัลบั้มแรกๆมาแสดง สามารถเชื่อมโยงกับแฟนต่าง generation ด้วยการแสดงหลายรูปแบบ   โน้มน้าวให้ผู้ชมมีส่วนร่วมด้วยการประชันแฟชั่นฟรุ้งฟริ้งกลิตเตอร์และการแลกสร้อยข้อมือมิตรภาพ   นำเสนอโมเมนท์น่าทึ่งเพื่อปลุกเร้าบรรยากาศการแสดงจนเกิดการแชร์ผ่าน  social media ไม่สิ้นสุด


ล่าสุด  อัลบั้ม 1989  (Taylor's Version) จากการบันทึกเสียงครั้งใหม่และเพิ่มไปอีก 5 เพลง (เป็นเพลงที่เกือบจะถูกเลือกมารวมในอัลั้ม แต่ตัดสินใจตัดออกไป)  ก็กำลังสร้างเสียงกล่าวขวัญ  เธอพูดถึงใครในเพลง Slut!' ??  จะใช่นักร้องหนุ่มหล่อตัวอักษรย่อ H หรือไม่?   

เป็นมหาเศรษฐีพันล้านก็เป็นแล้ว อัลบั้มใหม่ก็ได้รับ review ดี   คงไม่มีอะไรหยุดยั้งเธอได้แล้ว...


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE