เจาะวัฒนธรรมหาคู่แบบ Bridgerton

16 6
ตัวเลขที่ชี้ชัดถึงกระแสตอบรับอันร้อนแรงของ Bridgerton  ซีซันล่าสุดน่าจะไม่ทำให้แฟนๆประหลาดใจนัก ไม่ว่าจะเป็นจำนวนการเข้าชมถึง 45.1 ล้านครั้งภายใน 4 วันแรก (คำนวณจากระยะเวลาการเข้าชม 165,200,000 ครั้ง) และการพุ่งทะยานสู่อันดับหนึ่งบนชาร์ทซีรีส์ยอดนิยมของ Netflix ใน 78 ประเทศ แม้ว่าจะเป็นเพียง part แรกที่ถูกปล่อยมาเพียง 4 ตอนก็สร้างเสียงกรีดร้องระงมโลกออนไลน์   แต่ฉากชวนหวิวไม่ได้เป็นจุดแข็งอย่างเดียวของซีรีส์เรื่องนี้ แต่การนำเสนอวัฒนธรรมการหาคู่ของชนชั้นสูงแห่งยุค Regency ที่ผสมผสาน romance หวานชวนจิกหมอนกับตลกร้ายแดกดันผู้ดีนั้นสามารถดึงดูดผู้ชมได้แรงไม่มีแผ่ว  
มา่เกาะติดเรื่องราวอันน่าสนใจของการเกี้ยวพาราสีแบบ  Bridgerton กันได้เลยค่ะ

 

ความย้อนแย้ง
ไล่ล่าหาคู่อย่างเอิกเกริกแต่ก็ต้องอยู่ในกรอบธรรมเนียมสุดเคร่งครัด


อายุขัยเฉลี่ยอันแสนสั้นของชาวอังกฤษในสมัยโบราณที่เกาะอยู่ในช่วงสี่สิบปีน่าจะเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่หลายครอบครัวหมกมุ่นกับการหาคู่เพื่อสืบต่อวงศ์ตระกูล เหล่าชนชั้นสูงย่อมมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างไปจากสามัญชน พวกเค้าให้ความสำคัญกับสายเลือกอันสูงส่ง การยกระดับชื่อเสียงและเกียรติยศผ่านการแต่งงาน ไม่ว่าจะเป็นผู้ดีเก่าที่วางตัวงามสง่าอย่างครอบครัว Bridgerton หรือพวกเงินใหม่ที่ทะเยอทะยานในการปีนป่ายบันไดแห่งสังคมผู้ดีอย่างฝ่าย Featherington พวกเค้าทั้งหลายต่างตั้งเป้าหมายอันดับหนึ่งคือการสมรสอันสมเกียรติ นั่นหมายความว่า เหล่าผู้ดีจะถูกปลูกฝังให้มุ่งมั่นกับการฟันฝ่าเส้นทางแห่งการหาคู่ให้ประสบความสำเร็จมาตั้งแต่ยังจำความกันได้เลยทีเดียว ทันทีที่ก้าวพ้นวัยเด็ก พวกเค้าก็จะเปิดตัวสู่การออกสังคมเพื่อหาคู่กันแบบไม่กระมิดกระเมี้ยน สถานที่พบปะของเพศตรงข้ามเพื่อไขว่คว้าโอกาสในการไขว่คว้าหาสามี/ภรรยาในฝันนั้นมีทั้งอีเวนท์หรูหราของชนชั้นผู้ดีที่พวกเค้าสามารถทำความรู้จักกันในเบื้องต้น ทั้งยังเปิดโอกาสแตะเนื้อต้องตัวกันอย่างแนบชิดระหว่างเต้นรำ หรือจะเป็นการนัดหมายเพื่อ 'เกี้ยว' กันอย่างเป็นทางการและออกเดทในสถานที่สาธารณะที่มีสายตาผู้คนจับจ้อง




แต่แม้ชายหญิงที่ยังโสดจะแสดงเจตจำนงในการหาคู่อย่า่งแรงกล้า แต่ก็ยังมีกรอบจารีตที่ถูกขีดไว้ให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด สิ่งต้องห้ามคือการเกี้ยวกันโดยไร้สายตาผู้ดูแล อย่างน้อยจะต้องสาวใช้หรือคนในครอบครัวคอยสังเกตสังกาในระยะที่ไม่ห่างไกลเกินไป การอยู่ด้วยกันในสถานที่ที่ปลอดจาดสายตาคนอื่นคือเรื่องต้องห้ามที่สร้างความเสียหายให้กับฝ่ายหญิงถึงขนาดอาจหมดค่าไร้ราคาในสายตาชายอื่นที่เคยหมายปองพวกเธอ การใช้เล่ห์กลเพื่อง'จับ'เป้าหมายด้วยการล่อหลอกให้มาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง จากนั้นแสร้งถูกจับได้จนฝ่ายหญิงเรียกร้องความรับผิดชอบไม่ได้มีอยู่ในซีรีส์จีนย้อนยุคเท่านั้น สำหรับซีรีส์โรมานซ์ยุค Regency อันโด่งดัง แม่ลูก Featherington ก็เคยใช้ trick นี้เคว้า่การหมั้นหมายมาได้สำเร็จเช่นเดียวกัน แต่มันเป็นวิธีสุ่มเสี่ยงที่ไม่ได้การันตีเรื่องคู่สมรสอันน่าปรารถนาเสมอไป ในทางกลับกัน ชายจอมตื๊ออาจจะใช้แผนการสุดทรามนี้ทำลายชื่อเสียงของหญิงสาวที่หมายปองและบีบคั้นให้เธอแต่งงานด้วยจนต้องขมขื่นใจไปตลอดชีวิต

ผู้ดียุค Regency ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์อันงามสง่าจากการรักษาขนบธรรมเนียมอันเคร่งครัด หากต้องตาต้องใจใครสักคน จะวนเวียนเต้นรำกับใครคนนั้นคนเดียวก็ไม่ได้เพราะทั้งดูไม่สุภาพและอาจจะถูกตีความว่าตกลงปลงใจเป็นคู่กันแล้ว ส่วนผู้หญิงก็ไม่สามารถปฏิเสธคำขอเต้นรำจากผู้ชายได้ ไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือนอกบ้าน ก็ต้องระมัดระวังตัวทุกความเคลื่อนไหว เพราะนั่นจะช่วยส่งเสริมออร่าคู่ครองที่น่าภาคภูมิใจไร้ความมัวหมอง

หนุ่มเจ้าสำราญอย่าง Benedict ได้แสดงความเห็นในเรื่องกฎเกณฑ์หยุมหยิมตามแบบฉบับผู้ดีว่า "กฏทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ช่วยให้กลไกในการหาคู่ครองได้ขับเคลื่อนไปต่อ แต่เมื่อใดที่พวกเราได้ปฏิบัติหน้าได้สำเร็จจนพบคู่ที่ตรงใจ เราก็จะเป็นอิสระจากมัน"  



โลกที่ชายเป็นใหญ่  การเล่าเรียนฝึกฝนทักษะของผู้หญิงมีไว้โชว์ในโพรไฟล์ 'กุลสตรีที่เหมาะสำหรับตำแหน่งภรรยาและแม่ของลูก'


สิ่งที่สร้างสีสันอันสนุกสนานของ Bridgerton คือการเสียดสีแนวคิดโบร่ำโบราณในการหาคู่ ดังที่เห็นจาก Anthony ที่พูดจาด้วยความระอาในการทำหน้าที่เลือกเฟ้นภรรยาตามแบบแผนดั้งเดิม มีมุมมองต่อสตรีผู้จะมาเป็นภรรยาและแม่ของลูกในอนาคตราวกับกำลังเลือกสรรแม่พันธุ์ชั้นดี นอกจากจะต้องโพรไฟล์เริ่ด สะโพกก็ยังต้องผากมากพอจะทำให้เชื่อว่าเธอสามารถคลอดลูกออกมาสืบทอดตระกูลหลายๆคน สำหรับหนุ่มโสดตระกูลสูงผู้ร่ำรวยที่เปรียบได้เป็นกับผู้อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร เขาแทบจะชี้ได้ว่าต้องการผู้หญิงจากครอบครัวใดมาเป็นเจ้าสาว เมื่อพิจารณาจากความสามารถหลากหลายของ Edwina หญิงสาวที่เขาหมายตาไว้ ก็ต้องยอมรับว่า เธอช่างสมบูรณ์แบบ ทั้งความงาม ความฉลาดเฉลียว ทักษะการสื่อสารหลายภาษา การเล่นดนตรี การเรือน และหลายสิ่งที่สาวโสดคนอื่นในสังคมผู้ดี London ไม่เทียบเคียง แม้ว่าเธอจะมาจากครอบครัวผู้ดีตกอับ แต่ชื่อเสียงของเพชรน้ำหนึ่งประจำฤดูกาลที่องค์ราชินีมอบตำแหน่งนี้ให้ก็ช่วยยกระดับให้เธอเฉิดฉายกว่าใคร

หลายคนคงพอจินตนาการกันออกว่า กว่าจะเก่งกาจรอบด้านเช่นนี้ เหล่าสุภาพสตรีชั้นสูงจาก Bridgerton ต้องถูกขัดเกลามาหนักหน่วงเพียงใด

หากสาวเก่งจาก Bridgerton เกิดในยุคนี้ อาจะถูกยกย่องให้เป็นสตรีตัวอย่างและสามารถสร้างความสำเร็จใหญ่โตจากสายงานที่ถนัด แต่เมื่อพวกเธอใช้ชีวิตในยุค Regency ซึ่งเพศหญิงไม่ได้มีทางเลือกไปมากกว่าการแต่งงานเพื่อการันตีความมั่นคงในชีวิต มิเช่นนั้นก็ต้องครองตัวเป็นโสดแล้วถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นสาวทึนทึกที่ไม่พึงปรารถนา ก็จำต้องทุ่มเทฝึกฝน 'คอร์สเตรียมเป็นภรรยา' เพื่อหาเจ้าบ่าวสุดเริ่ดให้ได้

แล้วผู้ชายที่สาวโสด Bridgerton ต้องแย่งชิงกันนั้นต้องมีคุณสมบัติเลิศเลอเพียงใด? แน่นอนว่า สุภาพบุรุษตระกูลสูงได้รับการศึกษาจากสถาบันชั้นยอดอันเป็นธรรมเนียมที่สืบต่อมายาวนานของตระกูลผู้ดี หรืออาจจะมีผู้ที่ออกนอกเส้นทางวิชาการไปเลือกใช้ชีวิตในเส้นทางอื่น แต่อย่างน้อยก็ต้องเข้ารับการศึกษาใน Eton การเสริมสร้างทักษะต่างๆน่าจะช่วยเพิ่มแต้มบวกให้กับ profile หนุ่มโสดในฝันได้เป็นอย่างดี แต่พวกเค้าสามารถเลือกทำในสิ่งที่ชื่นชอบโดยไม่จำเป็นต้องบีบคั้นตัวเองว่า จำเป็นต้องยกระดับความสามารถจนเก่งฉกาจเพื่อได้มาซึ่งภรรยาผู้เลิศเลอ

แล้วคุณสมบัติใดกันที่ทำให้เหล่าหนุ่มโสด Bridgerton กลายเป็นสามีในฝันที่ใครๆก็จ้องตาเป็นมัน?


เมื่อพิจารณาจากความคาดหวังของเหล่าสาวโสดและครอบครัวของพวกเธอ กระบวนการเกี้ยวพาราสีจะสำเร็จเมื่อสามารถหาคู่ที่มีฐานะมั่งคั่ง และจะเลิศกว่านั้นหากเป็นผู้ชายที่มีบรรดาศักดิ์ขุนนาง (หรือเชื้อพระวงศ์ยิ่งเป็น jackpot!) นั่นหมายความว่า ตัวภรรยาจะได้คำนำหน้าที่ฟังดูสูงส่งไปด้วย หากชายโสดคนใดมีพร้อมทั้งเงินทองมากล้นและยศฐาบรรดาศักดิ์ ย่อมตกเป็นเป้าหมายอันโอชะที่สาวๆ พยายามแก่งแย่งชิงดีกัน พวกเธออาจจะไม่ได้ให้สำคัญเต็มร้อยว่า เขาสามารถพูดละตินได้คล่องมากขนาดไหน ฝักใฝ่ในบทกวีหรือไม่ มีความชำนาญในการล่าสัตว์หรือการกีฬาใดบ้าง ตราบใดที่เขามีคุณสมบัติสองสิ่งสำคัญที่ช่วยการันตีสถานะระดับ top ในดงผู้ดี ฝ่ายภรรยาย่อมเชิดหน้าชูตาด้วยความภาคภูมิใจ


ไม่ว่าผู้หญิงจะดูเพียบพร้อมเพียงใด ก็มักลงเอยด้วยการเฝ้ารอเป็นตัวเลือก


ซีรีส์ดังเรื่องนี้ได้ถ่ายทอด message อย่างแจ่มแจ้งตั้งแต่ episode แรกว่า  การสร้างชื่อเลื่องลือในฐานะกุลสตรีผู้เลิศเลอของ Daphne ไม่อาจจะต้านทานการปั่นกระแสจากเลดี้ Lady Whistledown ได้เลย  ความทุ่มเทเวลายาวนานหลายปีจนสามารถเปิดตัวในสังคมชนชั้นสูงได้อย่างงดงามแทบจะหมดความหมาย เมื่อถ้อยคำจากปลายปากกานักเขียน gossip นั้นชักจูงใจของผู้คนได้ทรงพลังยิ่งกว่าการอวยยศจากราชินี Charlotte   การใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อขับเคี่ยวช่วงชิงในสมรภูมิการหาคู่จึงยิ่งร้อนระอุ แม้ว่าในเวลาต่อมา Daphne จะพลิกวิกฤติกลับมาครองภาพลักษณ์สาวเนื้อหอมได้อีกครั้ง  แต่เธอก็ถูกบีบคั้นให้เข้าพิธีวิวาห์กับชายที่เธอทั้งยี้ทั้งขนลุกจนหวุดหวิดไปแล้ว เนื่องจากชายหนุ่มตระกูลดีทั่วกรุง London ยกโขยงไปเกี้ยวแม่สาวเพื่อนบ้าน ทำให้เธอดูไร้ทางเลือกจนชีวิตเกือบจะพัง




ในยุคสมัยเก่าก่อน หลังจากสตรีชั้นสูงได้ใช้พื้นที่ในงานสังคมเพื่อสร้างความประทับใจต่อบรรดาหนุ่มโสดที่กำลังเสาะหาคู่ครอง พวกเธอก็ต้องต้องเป็นฝ่ายรอลุ้นให้ชายหนุ่มคุณสมบัติเริ่ดประกาศเจตจำนงในขอเกี้ยวอย่างเป็นทางการจึงจะถูกต้องเหมาะสมตามจารีตประเพณี ยิ่งมีหนุ่มๆเข้าต่อคิวยาวเหยียดเพื่อขอพบหน้าพูดจาเกี้ยวพา ก็ยิ่งตอกย้ำสถานะเพชรน้ำหนึ่งผู้เป็นที่หมายปอง ถึงดูเหมือนเป็นข้อได้เปรียบในการพิจารณาสามีที่มีคุณสมบัติตรงใจที่สุดราวกับว่าประตูสู่พิธีวิวาห์จะเปิดกว้างรออยู่แล้ว แต่ไม่อาจจะไว้วางใจได้จนกว่าจะได้กล่าวว่า "รับค่ะ" ในการสาบานรัก พวกเธอได้แต่เฝ้ารอให้ชายหนุ่มในดวงใจเอ่ยปากขอแต่งงานอย่างกระวนกระวายใจ หากอีกฝ่ายยังไม่ตัดสินใจชัดเจน ก็เพิ่มความกดดันหวั่นเกรงว่าจะไม่ได้ออกเรือน นั่นเป็นเพราะว่า พวกเธอได้รับการอบรมสั่งสอนให้ผูกชีวิตอยู่กับการเป็นภรรยาและแม่เท่านั้น


เมื่อเปรียบเทียบกับผู้หญิงในโลกโมเดิร์น ช่วงวัยผลิบานที่พร้อมหาคู่ใน Bridgerton นั้นเพิ่งจะผ่านพ้นความเป็นผู้เยาว์ไร้เดียงสาเพียงไม่กี่ปี  สาววัยแรกรุ่นอ่อนต่อโลกหลายคนพร่ำเพ้อถึงชีวิตแต่งงานที่มีแต่ความสุขตลอดไป แต่ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเพศทำให้ผู้หญิงในยุค Regency ถูกตีค่าตีราคาจากความสาว คำนวณจากอายุขัยเฉลี่ยของประชากร เมื่อย่างเข้าสู่วัย 18-19 ก็เหมือนกับเฉียดเข้าใกล้วัยกลางคนไปแล้ว อาจจะเหลือเวลาอีกไม่กี่ปีที่จะตั้งหน้าตั้งตาผลิตทายาท วัยเจริญพันธุ์ของผู้หญิงจึงเปรียบเหมือนกับมีนาฬิกานับถอยหลังติ๊กๆกดดันไม่หยุด ในขณะที่ฝ่ายชายสามารถครองตัวเป็นโสดไปได้อีกหลายปี จะเป็นหนุ่มเจ้าสำราญไปจนถึงวัย 29-30 ก็ดูจะไร้ตำติฉิน  แต่ในทางกลับกัน หากผ่านไปหลายฤดูกาลแล้วผู้หญิงยังไร้สามี พวกเธอก็อาจจะถูกมองเป็นสิ่งบกพร่องที่ไม่มีใครต้องการและมีความเป็นไปได้ว่าจะค่อยๆย่างก้าวสู่สถานะสาวทึนทึกไปตลอดชีวิต

มิตรภาพเหนือความคาดหมายของ Eloise & Cressida ได้ดึงดูดความสนใจจากแฟนๆไม่น้อยเลย พวกเธอดูเป็นสาวตระกูลสูงที่ไม่น่าจะเข้ากันได้แม้แต่น้อยแต่กลับคบหาถูกคออย่างน่าประหลาด เพื่อนสาวคนแรกเป็นเหมือนกับแกะดำในครอบครัว Bridgerton เพราะเธอเห็นแย้งต่อวัฒนธรรมการจับคู่และใฝ่ฝันจะหลุดพ้นจากแรงกดดันให้ผู้หญิงรีบแต่งงานสร้างครอบครัว เธอมักประชดประชันเรื่องความรักของพี่น้องและพยายามหลีกหนีความสนใจจากเพศตรงข้าม ส่วนรายต่อมาแทบจะหลุดออกมาจากหนังสือหลักสูตรนางร้ายในละคร ไม่ว่าจะความพยายามชิงดีชิงเด่นกับ Daphne ในซีซันแรกและ bully คนที่ดูอ่อนแอกว่า แน่นอนว่าเธอจะมาพร้อมกับจริตการอ่อยอย่างแพรวพราว แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จในการหาสามีมีพร้อมไปด้วยเกียรติยศเงินทองมาช่วยเชิดหน้าชูตา


เห็นได้ชัดว่า ทัศนคติในเรื่องการแต่งงานของพวกเธอแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แล้วเรื่องราวเบื้องหลังของนิสัยต่างขั้วของสองสาวก็ค่อยๆเริ่มเผยออกมา โดยเฉพาตัวตนของ Cressida ที่ดูมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น วีรกรรมของเธอที่ป่านมาทั้งร้ายและน่าหมั่นไส้จนชวนให้คิดว่า ชีวิตของเธอต้องลงเอยตามสูตรสำเร็จละครที่นางร้ายมักจบไม่สวย แต่สิ่งที่อยู่เบื้องหลังนางร้ายคนนี้ก็คือพ่อแม่ที่เหี้ยมกว่า ในซีซันล่าสุด แม่ยืนคำขาดว่าว่า หากยังหาเจ้าบ่าวไม่ได้ ก็ต้องยอมเป็นภรรยากับชายที่พ่อแม่เลือกให้เท่านั้น ซึ่งเธอรู้ดีว่า สามีที่พ่อแม่เล็งไว้คือชายสูงวัยที่ไม่พึงปรารถนา ปัญหาความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดในครอบครัวไม่อาจจะนำมาเป็นข้อแก้ตัวในพฤติกรรมย่ำแย่ของเธอ แต่ผู้หญิงที่ร้ายแบบไม่แคร์ใครก็ต้องผจญกับแรงกดดันให้ผู้หญิงรีบหาสามีไม่ต่างจากคนอื่น

การแหกกรอบสังคมเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะผู้หญิง 

ในขณะที่แฟนๆ Bridgerton บางคนวิเคราะห์ว่า สาเหตุที่ Cressida ยังค้างเติ่งกับความโสดทั้งที่มุ่งมั่นจะไขว่คว้าสุดยอดสามี ก็เป็นเพราะว่า มาตรฐานของเธออยู่สูงลิบลิ่ว ดูจากเสื้อผ้าอาภรณ์และทรงผมน่าตื่นตาตื่นใจของเธอก็พอจะรู้ว่า เธอไม่ต้องการผู้ชายเรียบง่าย  เมื่อวันเวลาผ่านไป (เพียงสามปี) ในที่สุดก็ต้องลดสเป็คลงมาเพื่อจะเลี่ยงไม่ให้ถูกจับแต่งกับชายชรา  สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอไม่ใช่เรืื่องแปลกแหวกแนวในยุคสมัยนั้นเลย  เมื่อผู้ชายโพรไฟล์เริ่ดอาจจะมีอยู่เพียงหยิบมือ สาวโสดที่พลาดหวังย่อมวิตกกังวลต่ออนาคตที่จะถูกตราหน้าว่าขายไม่ออก  

แต่สำหรับลูกสาวคนรองแห่งบ้าน  Bridgerton   ความปรารถนาของเธอกลับสวนทางจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง เธอมองภาพตัวเองในวันข้างหน้าที่จะครองความโสดไปพร้อมกับเพื่อนสนิทจนแก่เฒ่า  แต่เพราะไม่อาจจะหลบหนีจาก comfort zone ยังต้องตามน้ำไปกับคำขอจากครอบครัวให้เข้าสังคมพบปะกับหนุ่มตระกูลสูงมากหน้าหลายตา  แท้จริงแล้ว เธอเป็นสาวโดดเด่นน่าค้นหาที่ดึงดูดความสนใจจากเพศตรงข้ามแต่ผลักไสโอกาสในการหาคู่ไป   แต่ชื่อเสียงของเธอและครอบครัวเคยตกลงสู่จุดวิกฤติเมื่อถูกเลดี้ Whistledown  ตัวดีเปิดโปงว่าไปคลุกคลีกับสามัญชน ถึงขนาดไปเข้าร่วมการแสดงออกทางการเมืองของกลุ่มชนชั้นแรงงานหัวรุนแรง  อย่าว่าแต่จะไม่มีชายใดเข้ามาขอนัดหมาย แวดวงชนชั้นสูงต่าง boycott ครอบครัวของเธอและพูดลับหลังด้วยความรังเกียจ  แม้วันเวลาที่ผ่านไปจะทำให้ค่อยฟื้นฟูชื่อเสียงกลับมาได้ แต่ก็ยังมีคนที่มองเธอในแง่ร้ายและพิพากษาครอบครัวเธอว่า เรื่องราวฉาวโฉ่เกิดขึ้นเพราะพวกเค้าไม่ได้อบรมเลี้ยงดูลูกสาวได้ดีพอ สถานะกุลสตรีที่เป็นที่หมายผองต้องพังลงในพริบตา


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE