เหตุใดจึงเกิดกระแสต่อต้าน Jennifer Lopez ในโลกออนไลน์?

20 6
หัวข้อข่าวเสียหายที่เกิดขึ้นกับ Jennifer Lopez หรือ J.Lo ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาทำให้หลายฝ่ายหันมาจับตามองและย้อนมองถึงสาเหตุที่ทำให้ผู้คนใน social media หันมาเป็นปฏิปักษ์กับเธอ ยิ่งสื่อบันเทิงประโคมข่าวครึกโครมว่า ชีวิตของเธอกำลังเผชิญกับอุปสรรค ทั้งรายงานเรื่องยอดขายตั๋วคอนเสิร์ตต่ำ ตามมาด้วยการประกาศยกเลิกทัวร์  ข่าวลือปัญหาชีวิตคู่ที่ถูกเม้าหนักว่า Bennifer ใกล้เตียงหักเข้าไปทุกที  beauty line ก็ทำยอดขายไม่ดีจนถูกถอดออกจากชั้นวาง Sephora ก็ทำให้ชาวเน็ทหลายคนออกอาการสะใจ แม้แต่วิธีการสั่งแซนด์วิช Bodega ก็ยังถูกถล่มว่า ฟังดูไม่ real

แต่เป็นเพราะอะไร J.Lo จึงถูกเล่นงานหนักขนาดนี้?


มีสื่อนำกระแสโจมตี J.Lo ไปเปรียบเทียบกับ Anne Hathaway ที่ต้องรับมือกับการคุกคามจาก 'Hathahate'  หรือกลุ่มคนที่แสดงความจงเกลียดจงชังเธอในช่วงที่เธอกำลังลุ้นชิงรางวัล Oscar เมื่อหลายปีก่อน ด้วยข้อกล่าวหาว่า  เธอทั้งมั่นหน้าและกระหายชัยชนะจนดูน่าหมั่นไส้เกินรับได้ แต่ Anne ก็สามารถฝ่าฟันกับแรงกดดันหนักหนาสาหัสมาได้ จนในที่สุดก็ทวงตำแหน่งนางเอกสุดเลิฟกลับมาได้อย่างภาคภูมิ  แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับ J.Lo  นั้นดูรุนแรงซะยิ่งกว่า เพราะในยุคแห่งการสร้าง content น ไม่ว่าจะเป็น online platform ชื่อดัง. สื่อแทบลอยด์, รายการโทรทัศน์หรือจะเป็น Podcast ก็สรรหาข้อมูลมาขยี้

หนัง  This Is Me... Now: A Love Story สร้างกระแสจาก viral ในแง่ลบ


แม้นักวิจารณ์และผู้ชมทางเว็บมะเขือเน่าจะให้คะแนนหนัง musical ที่ J.Lo ทุ่มทุนสร้างด้วยตัวเลขไม่ขี้เหร่ (74% จากนักวิจารณ์ในเว็บและ 75% จากผู้ชม) แต่คะแนนรีวิวพวกนั้นไม่ได้ส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ของเธอดูสวยงามน่าประทับใจมากขึ้นแต่อย่างใด แต่มันกลับกลายเป็นสิ่งที่ trigger ความรู้สึกหมั่นไส้ของชาวเน็ทจนเกิดกระแสต่อต้านกว้างขวาง หลายคนยกหนังเรื่องนี้เป็นการโพรโมทตัวเองที่ชวนยี้ที่สุด ทั้งๆที่ยังไม่ได้ดูหนังตัวเต็ม แต่ก็ยืนยันว่า แค่ได้เห็นตัวอย่างบางส่วนก็รู็สึกอึ๋ยจนไม่มีความคิดจะกดไปพิสูจน์คุณภาพหนัง แม้ว่าหนังจะถูกถูกปล่อยฉายทาง Prime Video มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ แต่เมื่อ streaming service เจ้าดังได้แชร์คลิปบางส่วนของหนังเรื่องนี้ทาง TikTok  เพื่อยืนยันว่า Jennifer Lopez ยังเป็น Jenny From The Block คนเดิม  สิ่งที่ตามมาคือกระแสตอบรับแบบระเบิดไวรัลในแง่ลบ ดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาซัดเธอด้วยถ้อยคำดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ



ทีมงานของบรรดาศิลปินจะต้องระดมสมองงัดเอากลยุทธ์ต่างๆเพื่อผลักดันให้ผลงานของพวกเค้าสร้างเสียงกล่าวขวัญระดับไวรัลให้ได้ แต่หากเป็นไวรัลในแง่ลบล้วนๆอย่างที่ J.Lo ต้องผจญในช่วงนี้ การกอบกู้ภาพลักษณ์แล้วสร้างความนิยมกลับคืนมาย่อมเป็นภาระหนักอึ้งสำหรับฝ่าย PR แม้กระทั่ง FC บางคนก็ยังโอดครวญว่า ทีมของเธอควรทัดทานไม่ให้เธอทุ่มเงินยี่สิบล้านดอลลาร์เพื่อสร้าง project นี้ แต่มีรายงานว่า ทั้งทีมและสามีพระเอกของเธอก็พยายามชี้ถึงความเสี่ยงต่อการควักกระเป๋าลงทุนสร้างหนังเอง แต่เธอก็เลือกเดิมพันครั้งใหญ่ และเธออาจจะไม่คาดคิดว่า จะเกิดปฏิกิริยาตอบรับในแง่ร้ายจาก social media ถึงเพียงนี้

ไม่เพียงแต่จะมี hate comments ผุดขึ้นมาตามวีดีโอโพรโมทหนังของ J.Lo เยอะแยะไปหมด  ชาวเน็ทยังกระหน่ำซ้ำเติมด้วยการขุดคุ้ยเรื่องฉาวมาเยาะเย้ยกันอย่างสนุกสนาน ทำให้มีผู้ออกมาตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดโลกออนไลน์จึงฟาดฟัน J.Lo ด้วยแรงเกลียดชังราวกับว่าเธอเป็นนางมารแห่ง Hollywood ทั้งๆ ที่เธอสร้างชื่อเสียงยาวนานฐานะ performer ยอดนิยม


คลิปที่มีความยาว 13 วินาทีเผยถึงภาพศิลปินสาวนั่งบนเครื่องอกกำลังกายด้วย energy ห้าวหาญ ระหว่างที่เธอขยี้ผมให้ฟูแบบแมนๆ ก็ได้อธิบายว่า

"ฉันชอบปล่อยผมแบบนี้ มันทำให้ฉันรำลึกถึงตอนที่ตัวเองอายุ 16 วิ่งวนไปทั่ว the block(ตึกแถวที่อยู่อาศัยที่แบ่งเป็นหลายห้อง) สาวน้อยจอมเพี้ยนที่บ้าระห่ำ ไร้ขีดจำกัดใดๆ เต็มไปด้วยความฝันและเรื่องราวต่างๆ"

 แต่รูปแบบการนำเสนอ story ของเธอกลับทำให้ชาวเน็ทรู้สึกไม่สบอารมณ์  ส่งเสียงวิจารณ์และล้อเลียนราวกับเธอเป็นตัวตลก โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ยืนยันว่าเป็นชาว Bronx ขนานแท้ บางคนถึงกับประกาศว่า "พวกเราไม่ชอบเธอ หยุดอ้างชื่อ Bronx สักที!"

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา J.Lo ได้ให้สัมภาษณ์ถึง Bronx ด้วยความภาคภูมิใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่คลิปต้นเรื่องกลับทำให้ TikTokers หลายคนทำคลิป call out เธอเรียกยอดการเข้าชมและยอด likes บางคนแค่ถ่ายคลิปหัวเราะเยาะเธอ ยอดชมก็พุ่งเป็นล้านแล้ว


  • ชาวเน็ทจำนวนมากแสดงความไม่เชื่อถือ story "Jenny From The Block" ถึงขั้นที่เรียกร้องขอดูหลักฐานภาพในวัยเด็กชัดๆที่สามารถยืนยันว่า เธอเคยใช้ชีวิตอยู่ที่ The Block หรือตึกอพาร์ทเมนท์ค่าเช่าต่ำที่คนหาเช้ากินค่ำอาศัยอย่างแออัดยัดเยียดมาก่อนจริงๆ  พวกเค้าชี้ความขัดแย้งจากข้อมูลประวัติส่วนตัวของเธอว่า  ถึงแม้เธอจะมาจากฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของ Bronx แต่อาศัยกับครอบครัวที่บ้านเดี่ยวสองชั้น ไม่ใช่ห้องเช่าเล็กๆ เธอเข้าเรียนในโรงเรียนเอกชนหญิงล้วน เรียนเต้นที่สตูดิโอ หลายคนที่อาศัยในย่านเสื่อมโทรมหรือที่เรียกว่า The Hood ได้ฟันธงว่า เธอไม่ใช่คนที่มาจาก The Block ตัวจริง แต่เป็นเพียงแผนการตลาดด้วยการสร้างภาพแบบ street girl ที่น่าเข้าถึง ช่วยกระตุ้นยอดขายเพลงในยุค 2000s ที่เธอพยายามเอสชนะใจแฟนๆในตลาด Hip hop และ R&B และมาถึงปัจจุบันก็หยิบยกเรื่องชีวิตวัยเยาว์ที่  Bronx มาเป็นจุดขายในหนัง musical อีกครั้ง แต่หนนี้ผลลัพธ์กลับไม่สวยงามนัก

  • ชาวเน็ทหลายคนเชื่อว่า ความยึดติดกับ persona ที่เติบโตในถิ่นชนชั้นแรงงานเป็นเพียงเครื่องมือสร้างภาพโน้มน้าวใจคนอื่นว่าเธอเป็น superstar ที่ติดดินไม่ทิ้งตัวตนเดิม ทั้งๆที่เธอไม่ได้ดูผูกพันใดๆกับ Bronx เธออาศัยที่ LA มากว่า 30 ปี สร้างชื่อเสียงเงินทองมากมาย แต่กว่าจะมาจัดการแสดงคอนเสิร์ตคืนสู่เหย้าก็ปาไปปี 2014 เข้าไปแล้ว แตกต่างจาก Cardi B และ Ice Spice ที่แสดงความผูกพันและสนับสนุน Bronx อย่างเหนียวแน่น  ทำให้ผู้คนที่มาจาก Bronx เรียกร้องให้ J Lo เลิก claim ตัวตนราวกับเธอเป็นตัวแทนของชาว Bronx สักที  ทั้งยังมีคำยืนยันกับจากผู้ที่เติบโตที่ The Block ว่า ไม่เคยได้ยินเสียงสรรเสริญ J.Lo ด้วยความภูมิใจจากคนในชุมชน สิ่งที่เกิดขึ้นมันตรงกันข้าม มีแต่เสียง call out เธอที่ใช้พื้นเพจาก Bronx มาหาผลประโยชน์

ข่าวลือยาวนานเรื่องพฤติกรรมดิว่า

ข่าวลือเรื่องพฤติกรรมเย่อหยิ่งไม่เห็นหัวคนอื่นและเรียกร้องบงการเยอะเกินเบอร์เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นยาวนานเกินสองทศวรรษ จนนับได้ว่าเป็นภาพติดตัว J.Lo ไปแล้ว เรื่องราวซุบซิบที่เกิดจากการเล่าแบบปากต่อปาก ทั้งจากคนที่แชร์ประสบการณ์ที่ได้เจอกับ superstar ตัวจริงและยังมีข่าวลือที่สื่อบันเทิงอ้างแหล่งข่าววงในทำให้หลายคนโอนเอียงเชื่อว่า น่าจะมีเค้ามูลความจริงอยู่ด้วย  แต่ถึง J.Lo จะถูกวิจารณ์มาตลอดว่า ตัวตนที่แท้จริงเบื้องหลังไม่สวยงามเหมือนภาพลักษณ์ที่ฉากหน้า เธอก็ไม่ได้รับผลกระทบจาก cancel culture มากนัก อาจจะเป็นเพราะว่า การวางตัวห่างจากเรื่องเสื่อมเสียและผลงานยอดนิยมที่ทำให้แฟนๆรักเธอแบบไม่เปลี่ยนใจ (เธอเคยตกเป็นข่าวฉาวจากการควงคู่กับ Puff Diddy แล้วถูกตำรวจรวบตัวเพราะพัวพันกับการทะเลาะวิวาทในคลับและการครอบครองอาวุธ แต่ผู้คนเชื่อว่า เธอเคราะห์ร้ายคบกับคนผิดจนซวยไปด้วย ไม่ใช่คนก่อคดีตัวจริง)

มาถึงวันนี้ เมื่อข่าวเสียหายประดังประเดเข้ามา ทั้งสื่อและชาวเน็ทก็พร้อมจะขุดคุ้ยข่าวลือวีรกรรมดิว่าในอดีตมาตอกย้ำ ราวกับเป็นหนังเก่านำมาเล่าใหม่

  • ตำนานจากยุค Y2K  เมื่อสื่อลงข่าวเรื่องการเรียกร้องให้รายการ TV ให้เตรียมห้องแต่งตัวโดยตกแต่งทุกอย่างให้เป็นสีขาวและมี list สิ่งของที่ต้องการยาวเหยียด หากไม่ได้ดังใจ เธอก็จะไม่แสดง เรื่องนี้สร้างความฮือฮามานานจนกระทั่งได้รับคำยืนยันจาก  Dannii Minogue (นักร้องสาวชาวออสซี่ น้องสาวของ Kylie Minogue) ที่ยืนยันได้ว่า เธอไปออกรายการ Top of the Pop ในปี 1999 ช่วงเดียวกับ J.Lo แต่ได้ยินจากทีมงานว่า หากไม่ตกแต่งห้องแต่งตัวให้เป็นสีขาวทุกอย่าง ก็จะไม่ยอมแสดงเด็ดขาด Dannii ถึงกับไปสำรวจห้องแต่งตัวของ J.Lo ก่อนที่เจ้าตัวจะมาถ่ายทำ และรู้สึกงงงวยว่า จะเรียกร้องเยอะแบบนี้ไปเพื่ออะไร ในเมื่อแต่งหน้าจัดเต็มและแสดงบนเวทีก็ต้องทำให้เฟอร์นิเจอร์บเปรอะเปื้อน

  • ชาว Bronx เล่าเหตุการณ์ที่ J.Lo เดินทางมาเยี่ยมเยียนโรงเรียนในถิ่นเกิดในยุค 2000s แต่เด็กๆที่มารอต้องใจสลายเมื่อพบกับปฏิกิริยาที่เฉยเมยจากศิลปินขวัญใจ ไม่ได้รับแม่แต่ลายเซ็นต์  บอดี้การ์ดของเธอดันเด็กๆออกไม่ให้่ขวางทางเธอ ทำให้คนในชุมชนต่างแสดงความไม่พอใจ กล่าวหาเธอว่า กลับมาที่ Bronx เพื่อสร้างภาพคนดี แต่ไม่ได้ม่ีความจริงใจที่จะ give back แตกต่างกับศิลปินดังอย่าง Mariah Carey และ Eminem ที่ไม่ทิ้งรากเหง้าตัวเอง และผูกสัมพันธ์กับคนในถิ่นอาศัยดั้งเดิมอย่างจริงใจ


  • ข่าวลือประเภท 'เขาเล่ากันว่า..'จากชาวเน็ทที่อ้างว่า ได้ยินเรื่องราวมาจากเพื่อนหรือคนรู้จักที่เคยเจอตัวจริงของ J.Lo หลายคนพูดตรงกันว่า เธอกำหนดกฎ 'ห้ามพนักงานสบตา' เธอเป็นอันขาด  และมีพนักงานในสายบริการหลายคน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานเสิร์ฟอาหาร พนักงานขายสินค้าไปจนถึงลูกเรือเครื่องบินที่เผยว่า superstar ผู้นี้ไม่ได้ปฏิบัติกับพวกเค้าด้วยการให้เกียรติกัน  รวทถึงกรณีหลายปีก่อนที่พนักงานทำความสะอาดโรงแรมในเยอรมนีให้สัมภาษณ์สื่อว่า เธอได้รวบรวมความกล้าขอลายเซ็นต์ J Lo แต่ผู้ช่วยได้ปฏิเสธคำขอตั้งแต่หน้าห้อง วันต่อมาเธอก็ได้รับการแจ้งว่า ศิลปินในดวงใจเป็นผู้คอมเพลนต่อโรงแรมเรื่องพนักงานรบกวนความเป็นส่วนตัวและถูกไล่ออกทางโทรศัพท์ ทางด้าน J.Lo โต้กลับว่า เธอไม่เคยกดดันให้พนักงานถูกปลดเพียงเพราะเรื่องขอลายเซ็นต์ แต่ผู้อำนวยการโรงแรมระบุว่า ตัดสินใจไล่พนักงานออกเพราะเรื่องนี้จริงๆ 

  • ย้อนไปปี 1998 ที่เธอยังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงจากหนัง Selena และ Anaconda  เธอเคยให้สัมภาษณ์โจมตีนางเอกดังในช่วงนั้น นั่นคือ Gwyneth Paltrow (จำไม่เห็นได้ว่ามีผลงานอะไรบ้าง นอกจากข่าวเดท Brad Pitt ก็ไม่รู้จักผลงานแสดง และเหมือนเป็นตลกร้ายที่ในปีต่อมา Goop ก็คว้ารางวัล Oscar)  Winona Ryder (ไม่ค่อยปลื้มนัก ถึงจะเป็นนางเอกที่ได้เข้าชิง Oscar แต่ไม่เคยได้ยินใครบอกว่าชื่นชอบ Winona เลย)  Cameron Diaz (เป็นนางแบบที่มีโชคในการคว้าโอกาสทางการแสดง ถ้าเป็นผลงานกำกับหนังดีๆ เธอก็พอจะโชว์ฝีมือขึ้นมาได้)  หรือจะเป็น Salma Hayek และ Madonna ที่ถูกเธอเหน็บแนมเจ็บๆเช่นกัน ชาวเน็ทลงความเห็นว่า หากเธอจิกกัดเพื่อนร่วมวงการแบบไม่แคร์ใครเช่นนี้ในยุคปัจจุบัน รับรองเจอกระแสตีกลับจาก social media จนอาจจะร่วงก่อนรุ่ง
 




หากเป็นเรื่องเล่าจากโลกออนไลน์ที่จากผู้ที่ไม่ได้ระบุตัวตน เป็นเพียงการเล่าต่อกันมาเรื่อยๆนั้นอาจจะข้อมูลที่ไร้น้ำหนักไม่น่าเชื่อถือนัก แต่หากเป็นคนที่ทำอาชีพบันเทิงออกมาแชร์ประสบการณ์บ้าง ก็อาจจะชักจูงใจผู้ที่เกาะติดเรื่องนี้ได้มากขึ้น จากกรณีของ Meghan McCain อดีตพิธีกร The View (รายการดังที่เชื้อเชิญคนดังมาสัมภาษณ์เป็นประจำ) ความทรงจำจากการพบปะ J.Lo. ในรายการก็ไม่ได้สร้างความประทับใจให้เธอนัก

"ตัวฉันเองก็ได้พบกับประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกับสิ่งที่เพื่อนร่วมโลกได้เจอ จริงๆ ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีหรอกนะ เพราะเราได้มาถึงจุดที่มี J.Lo. ถูก bully ซะแล้ว แต่เธอเป็นคนที่ไม่น่าพิสมัยเอาซะเลย เธอเป็นคนที่มีคณะผู้ติดตามมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา มีทีมงานเยอะกว่า Kim Kardashian และประธานาธิบดีซะอีก ฉันไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมต้องขนมาเยอะแยะขนาดนั้น"

"J.Lo.ไม่ได้สร้างชื่อเสียงจากความน่ารักนิสัยดีแบบคนธรรมดาทั่วไป ฉันไม่ได้แฉเรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด"
"เธอควรจะเพลาๆความเยอะลงบ้างสักนิด เพราะว่าเกิดกระแสความเกลียดชังเกิดขึ้นในโลก internet โดยเฉพาะ TikTok.
"หลายต่อหลายคน พวกคนธรรมดาทั่วไป พวกคนทำงานในรายการ TV พนักงานบริการ พนักงานเสิร์ฟ พวกเค้าเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเธอในแง่ลบทั้งนั้น"
"จากประสบการณ์ตรงของฉัน ฉันเคยทำหน้าที่พิธีกร The View และเธอก็ไม่ได้ทำตัวนิสัยดีเลย เอาเถอะ คุณไม่จำเป็นต้องทำตัวน่ารักตลอดเวลา แต่มันน่าประหลาดใจที่ได้เห็นคนดัง Kim Kardashian เผยนิสัยที่ชวนประทับใจเอามากๆ"
"ถ้าคุณมาออกรายการที่มีความยาวเพียง 10 นาที ก็แค่เสแสร้งแกล้งทำตัวดีๆสักแค่ 10 นาทีจะเป็นไรไป"




ข้อสงสัย: กระแสโจมตีกระทบต่อยอดขายตั๋วคอนเสิร์ตหรือไม่?


กระแสโจมตีที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้แฟนๆของ J Lo ออกโรงปกป้องเต็มที่ แต่ก็มีคนที่ยอมรับว่า แม้จะปักใจรักสนับสนุนกันมานาน แต่ก็เห็นทิศทางขาลงของนักร้องสาว Latina ชื่อดัง โดยเฉพาะรายงานจากสื่อถึงยอดขายตั๋วทัวร์ 'This Is Me … Now' ที่ดูจะเข็นพุ่งสูงขึ้นได้ยากเย็น จนกระทั่งเวลากระชั้นชิดอีกเพียงเดือนเดียวก็จะเริ่มต้นออกทัวร์ ยอดขายในบางรัฐก็ยังไม่กระเตื้องนัก เมื่อเข้าไปส่อง seat maps ใน Ticketmaster ก็พบกับที่ว่างให้จับจองอีกมาก จากนั้นก็มีเสียงซุบซิบตามมาว่า ทีมของเธอพยายามเร่งแก้ไขสถานการณ์กันหัวหมุน ทั้ง rebrand ทัวร์ให้ดูน่าสนใจขึ้นและมีการยกเลิกทัวร์ในบางรัฐด้วยเหตุผลว่า พวกเค้าเกิดปัญหากับ organizer

ในที่สุดเธอก็ประกาศยกเลิกทัวร์ทั้งหมดโดยอธิบายว่า จำเป็นต้องตัดสินใจเช่นนี้เพราะต้องการใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ในขณะที่ศิลปินที่โด่งดังจากช่วงเวลาเดียวกับอย่าง P!nk สร้างยอดขายจากทัวร์ Summer Carnival ได้ถึง 300 ล้านดอลลาร์ (และรับรายได้ไปถึง 85 ล้าน) และติดหนึ่งในกลุ่มtop 10 ศิลปินที่สร้างรายได้สูงสุดจากทัวร์ประจำปี 2023 ก็ทำให้เกิดการสันนิษฐานว่า เพราะการวางกลยุทธ์ทางการตลาดและ PR ผิดพลาดทำให้ J.Lo ไม่สามารถกระตุ้นยอดขายตั๋วได้ และมีความกังวลว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อสัญญาการแสดงที่ Vegas ของเธอ

แฟนของ J.Lo ยังแสดงความเชื่อมั่นในตัวเธอ และนำข้อมูลมาหักล้างกับข่าวลือเรื่องขายตั๋วไม่ออกว่า แท้จริงแล้ว ก่อนที่ทัวร์นี้จะล่มไป ยอดขายตั๋วก็พุ่งฉิวไปที่ 73% แล้ว เธอจึงน่าจะมีปัญหาส่วนตัวจนต้องหักใจยกเลิกทัวร์จริงๆ ไม่ใช่เป็นเพราะยอดขายตกต่ำ แต่ก็ชาวเน็ทสวนกลับว่า จำนวนการซื้อตั๋วดังกล่าวมาจาก resaler และการกระตุ้นยอดขายด้วยการลดราคา  หลายคนจิกกัด J.Lo ไม่ปล่อยว่า อีโก้ของเธอสูงซะจนไม่สามารถยอมรับความล้มเหลวจนต้องอ้างเรื่องการใช้เวลากับครอบครัว ทั้งๆที่เธอวางแผนโพรโมทงานนี้อย่างสุดอลังการ แต่ต้องผิดหวังจากรายงานข่าวต่อเนื่องถึงความนิยมที่ตกฮวบฮาบ

ตั้งแต่ปล่อยอัลบั้มออกมา ก็มีสัญญาณชัดแล้วว่า ผลตอบรับอาจไม่เป็นไปในทิศทางที่เธอคาดหวัง แม้จะมีแฟนๆที่รักมั่นคอยปกป้องเธออีกจำนวนมาก แต่อัลบั้ม This Is Me… Now นั้นเปิดตัวไปถึงอันดับ 38 บน Billboard 200 เท่านั้น เป็นอัลบั้มแรกของเธอที่ไปไม่ถึง top 20 ทำให้หลายฝ่ายฟันธงว่า นี่คือผลงาน comeback ที่แป้กสนิท ยิ่งเผชิญกับแรงกดดันจากโลกออนไลน์ก็ทำให้เธอถูกตราหน้าว่าอยู่ในช่วงขาลง ทั้งเรื่องดราม่าและวิธีทำการตลาดที่ไม่ work น่าจะส่งผลกระทบโดยตรงกับทัวร์คอนเสิร์ต

นักประชาสัมพันธ์บางคนฟันธงว่า  J.Lo อาจจะทำสุดยอดการตลาดจนโด่งดังสู่ระดับแนวหน้า แต่ผลงานล่าสุดที่เธอนำเรื่องราวความรักรีเทิร์นกับ Ben Affleck มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานและดึงดูดความสนใจนั้นเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เพราะผู้คนได้ move on ไปจากคู่นี้นานแล้ว กระแสตอบรับจึงแตกต่างจากยุค 2000s ที่พวกเค้าคือคู่รักทรงอิทธิพลที่ใครๆต่างเกาะติดด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่สำหรับปี 2024 ผู้คนก็ต้องการสิ่งที่สดใหม่ไปตามยุค และ Bennifer 2.0 ก็ไม่ได้ทำให้พวกเค้าตื่นเต้นอีกต่อไป

J.Lo ยังได้รับกำลังใจที่อบอุ่นจาก FC พวกเค้าต่างเรียกร้องให้สังคมออนไลน์ยุติการทำร้าส่งต่อแรงเกลียดชังเพื่อทำร้ายจิตใจ superstar สาว และหวังว่า เธอจะใช้เวลาเยียวยาจิตใจจากมรสุมที่ประดังประเดเข้ามา และกลับคืนสู่สปอทไลท์อย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE