ชวนรำลึกถึงโมเมนท์อันลือลั่นของ Lindsay Lohan
candy 8 4จุดเริ่มต้นจากหนังครอบครัวที่ตราตรึงใจ
แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แฟนๆหนังครอบครัวเบาสมองยุค 90s 'The Parent Trap' ยังประทับใจกับความน่าเอ็นดูของฝาแฝดสาวน้อยผมแดงที่ถูกพรากจากกันตั้งแต่วัยเยาว์ Lindsay ในวัยเพียง 12 ขวบแจ้งเกิดจากบทบาทแฝดเหมือนที่มีบุคลิกและสำเนียงแตกต่างกัน แบ่งภาคเป็นแฝดที่ได้รับการเลี้ยงดูใน London และอีกแฝดอีกคนที่เป็น Califonia Girl เต็มขั้น ทุกวันนี้ Lindsay ก็ยังนำประสบการณ์จากการแสดงหนังเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟัง เธอเปิดเผยในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันก่อนว่า แม้จะยังเป็นสาวน้อยตัวเล็กๆ เธอก็ห้าวหาญพอจะประกาศต่อผู้บริหาร Disney ให้จ่ายค่าตัวเธอเป็นสองเท่า เพราะเธอมั่นใจว่า นี่คือค่าตอบแทนที่คู่ควรกับการทุ่มเทแสดงสองบทบาทนั่นเอง
หนัง Mean Girls ก่อกำเนิด Teen Queen แห่งยุค
หนัง Mean Girls ที่กอบโกยรายได้ไปมากกว่า 130 ล้านดอลลาร์จากเงินลงทุนเพียง 18 ล้านได้เปิดประตูสู่ความสำเร็จให้กับเหล่านักแสดงนำ ทั้ง Rachel McAdams และ Amanda Seyfried ได้กลายมาเป็นนักแสดง A-List ที่การันตีฝีมือด้วยรางวัลใหญ่ แต่หากย้อนไปเมื่อช่วง 20 ปีก่อน ผลงานเรื่องนี้ทำให้แสงแทบทั้งหมดพุ่งยังที่ Lindsay แม้ว่าจะยังจะเป็นยุคของ My Space และ Facebook ก็ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ยังไม่ปรากฏ trending บนแพลทฟอร์มดังอย่าง X (เดิมคือ Twitter), Instgram,หรือ TikTok เหมือนทุกวันนี้ แต่กระแสความโด่งดังของนางเอกวัยทีนอยู่ในระดับปรากฏการณ์เลยทีเดียว
เส้นทางความโด่งดังของ Lindsay ในตอนต้นถูกยกไปเปรียบเทียบกับ Britney Spears ทั้งอายุในช่วงที่เปิดตัวความโด่งดังที่ใกล้เคียงกันและภาพลักษณ์สาวทีนสุดเซ็กซี่ หลังจากที่เธอสร้างกระแสความนิยมจาก Mean Girls ก็ปล่อยผลงานเพลง pop ตามมา และยอดขายก็ไม่ใช่เล่นๆ เพราะเพลงติดหูขายดีพุ่งกระฉูดไปถึงหลักล้าน (platinum) ไต่ชาร์ทสูงสุดที่อันดับ 4 ของ Billboard Hot 200 คงเดากันได้ว่า ต้นสังกัดไม่ได้ใช้จุดขายเป็นภาพลักษณ์สาวใสไร้เดียงสาเพื่อดึงดูดยอดขาย แม้จะเป็นเริ่มดังเปรี้ยงปร้างในวัยเพียง 18 ปี แต่สื่อต่างโจษจันถึงความเย้ายวนใจราวกับดอกไม้ที่กำลังผลิบาน นิตยสารดังตอกย้ำว่า เธอเป็นสาวฮ็อทที่พร้อมเต็มที่เพราะบรรลุนิติภาวะแล้ว! และโฟกัสไปที่ส่วนเว้าส่วนโค้งอวบอึ๋มตามธรรมชาติ ชื่อเสียงที่ล้นหลามเข้ามาในระยะเวลาชั่วข้ามคืนทำให้สื่ออิทธิพลอย่าง Vanity Fair มอบมง 'ราชินีแห่งวัยทีน' ให้เธอโดยไม่มีเสียงคัดค้าน
ทะยานสู่สถานะ The Next Big Thing
ย้อนไปปี 2004 ที่ใครๆหันมารู้จักชื่อ Lindsay Lohan นิตยสารชั้นนำทั้งหลายต้องทาบทามให้เธอมาขึ้นปก เจ้าไหนยังไม่มีหน้าสวยๆของ LiLo มาดึงยอดขายก็คงถูกปรามาสว่า connection ไม่แน่นพอจดีพอจนคู่แข่งปาดหน้าไปได้ ไล่ไปตั้งแต่ Seventeen ไปจนถึงนิตยสารผู้ชายอย่าง GQ
กระแสเธอดีขนาดไหน พิสูจน์ได้จากการขึ้นปกนิตยสาร Rolling Stone ตั้งสองครั้งในปีเดียวกัน!
แม้จะเคยสร้างชื่อจาก The Parent Trap และ Freaky Friday มาแล้ว แต่ LiLo ยังถือเป็นหน้าใหม่ของ Hollywood ปรากฏการณ์ Lindsay Fever ในปี 2004 ทำให้มีโอกาสดีๆหลั่งไหลเข้าหาไม่ขาดสาย เธอได้รับคำเชิญให้มาทำหน้าที่พิธีกรที่อายุน้อยที่สุดแห่ง MTV Movie Awards ดีไซน์เนอร์แบรนด์ดังต่างให้ความสนใจอยากร่วมงานด้วย มูลค่าทางการตลาดพุ่งพรวดพราด แล้วเธอก็เสิร์ฟให้แบบเน้นๆ ทั้งความทรงอิทธิพลทางด้านแฟชั่นและชีวิตส่วนตัวที่โลดโผนเร้าใจจนแทบลอยด์พาดหัวข่าวแทบไม่ทัน
เสน่ห์ของดาวรุ่งสดใหม่ที่มีแรงดึงดูดมหาศาลได้เพิ่มความท้าทายในการทำงานถ่ายหนัง เนื่องจาก paparazzi ต่างรุมล้อมถ่ายภาพเธอทันทีที่มีโอกาสจนทีมงานต้องปวดหัว แต่กลับมีผลพลอยได้ที่เหนือความคาดหมาย เมื่อภาพถ่ายฝีมือของ paparazzi ที่จับโมเมนท์ที่ Lindsay กำลังขยิบตายิ้มซุกซนกลางกองถ่าย Just My Luck ดูสวยโดนใจทีมงานจนถูกเลือกให้เป็นภาพหลักในโปสเตอร์โพรโมทหนังโดยที่ไม่ได้วางแผนมาก่อน
รักสามเส้ากับไอดอลดัง
เมื่อพูดถึงชื่อ Lindsay Lohan หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเส้นทางบันเทิงที่เต็มไปด้วย scandal ซึ่งเรื่องราวรักสามเส้ากับไอดอลดังแห่งยุค Y2K น่าจะถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ผู้คนหันมาอยากรู้อยากเห็นในเรื่องราวชีวิตรักของเธอ ระหว่างปี 2002-2003 ก่อนที่ LiLo จะโด่งดังไปทั่วโลกจากหนัง Mean Girls เธอเคยถูกกล่าวหาแรงว่า ทำตัวเป็นมือที่ 3 ฉก Aaron Carter ไปจากเพื่อนสาว Hilary Duff ในถายหลัง ฝ่ายไอดอลหนุ่มหน้าใสตัวต้นเหตุยอมรับตรงๆว่า เขาทำตัวย่ำแย่ด้วยการนอกใจ Hilary ไปหาเพื่อนซี้ของเธอจนทำให้เธอใจสลาย หลายคนมั่นใจว่า นี่เป็นสาเหตุที่มิตรภาพของสองสาวดาวเด่นแห่ง Disney พังลงไป และพวกเธอก็หันมาเปิดสงครามกันอย่างเปิดเผย
- Hilary ปล่อยเพลง Haters ที่มีเนื้อหาประนามเพื่อนจอมทรยศที่พยายามฉกชิงคนรักของเธอ
- LiLo เข้าร่วมแสดงในรายการ SNL และเล่นมุกล้อเลียน Hilary จนฮือฮาไปทั่ว
- Hilary ก็ให้สัมภาษณ์โต้กลับอย่างไม่พอใจที่ถูกพาดพิง และเคยยอมรับตรงไปตรงมาว่า บางครั้งก็รู้สึกเกลียดคู่กรณีจริงๆ
- ศึกของ Frenemyยังไม่จบ แม้ทั้งสองจะเลิกรากับ Aaron ไปแล้วเป็นปี Lindsay ก็แฉออกสื่อว่า เคยโทรไปหา Hilary เพื่อหาทางประนีประนอม แต่พี่สาวของ Hilary วางโทรศัพท์ใส่ทันที
- ในที่สุดสองสาวก็จบเรื่องบาดหมางได้ในปี 2007 พวกเธอพบปะกันในอีเวนท์และตกลงที่จะก้าวข้ามการทะเลาะเบาะแว้งตอนที่ยังเป็นเด็กไม่รู้ประสา และหันมาพูดในแง่ดีถึงอีกฝ่าย
สร้างความตกตะลึงจาก Glow Up ในวัย 19
แจ้งเกิดเพียงข้ามปี Lindsay ก็สั่นสะเทือนวงการด้วยลุคใหม่ที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเดิม เธอเปลี่ยนผมแดงตามธรรมชาติเป็นสีบลอนด์เฉดอ่อน แก้มอิ่มและความอวบตามแบบวัยรุ่นหายไปกลายเป็นรูปร่างที่ผอมเพรียวผิดหูผิดตา ซึ่งย้อนไปยุคนั้น ความผอมถูกยกให้เป็นเทรนด์ที่ถูกยกให้เป็นสัญลักษณ์ของเหล่า It Girls ที่ขาดไปไม่ได้ และแม้ว่าแฟนๆจะบ่นเสียดายลุคเดิมของเธอ แต่ก็มีเสียงชื่นชมว่า ลุคสาวบลอนด์ทรงเสน่ห์นั้นช่างดึงดูดใจดูเข้ากับภาพลักษณ์นางเอกเนื้อหอมที่ใครๆต่างก็อยากร่วมงานด้วย
วันเวลาที่เปลี่ยนไปเพียงข้ามปีสร้างความเปลี่ยนแปลงชัดเจน Lindsay เคยเป็นดาราวัยรุ่นที่วิ่งตามเทรนด์ Y2K ทั้งหมวก Von Ducth กางเกงเอวต่ำ เจาะสะดือ รองเท้าหัวแหลม มินิเดรสทับกางเกงยีนส์ แต่เมื่อโด่งดังเป็นพลุแตก เธอก็ปรับลุคให้ดูสวยสง่ายิ่งขึ้น แทบไม่ใส่กางเกงยีนส์ออกงานพรมแดงอีก บางคนเชื่อว่า เธอลดน้ำหนักและเปลี่ยนสีผมเพื่อเตรียมพร้อมในการก้าวสู่โลกแฟชั่นชั้นสูง เพราะเหล่าดีไซน์เนอร์แบรนด์ดังน่าจะชื่นชมสาวผอมมากกว่า
กระแสแรงจนฉุดไม่อยู่ ครองตำแหน่ง It Girl ที่แฟนๆต่างคลั่งไคล้
LiLo ดูสนุกสนานกับแฟชั่น ไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนสีผมเป็นสีอะไร แต่งตัวด้วยเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าแบรนด์ไหนบ้างก็กลายเป็นหัวข้อข่าวได้หมด เรื่อง beauty ก็ไม่น้อยหน้ากัน โดยเฉพาะบนพรมแดงที่โดดเด่นแย่งซีนเสมอ(ถ้าให้เปรียบเทียบกับคนดังในตอนนี้ อาจจะคล้ายกับพี่น้อง Jenner) ในแง่ผลงานแสดง ก็มีคนคาดการณ์ไว้ว่า มีความเป็นไปได้ที่เธอจะประสบความสำเร็จในระดับรางวัลชั้นนำเหมือนกับ Angelina Jolie ส่วนในด้านดนตรี แม้ว่าผลงานเพลงในอัลบั้มที่ 2 จะไม่ขายดิบขายดีเหมือนกับอัลบั้มเดบิวท์ แต่เธอก็ได้รับความนิยมจาก FC รุ่นเยาว์คล้ายกับศิลปินระดับซุปตาร์
ในยุคนั้นพวกเราอาจจะยังไม่ได้ใช้วลี 'ลูกรักพระเจ้า' เหมือนทุกวันนี้ แต่ Lindsay เคยถูกยกให้เป็นหนึ่งใน natural beauty ที่ติดตามกันได้ไม่มีเบื่อ เธอรู้ดีเสมอว่าอะไรที่เข้ากับตัวเอง จากตัวอย่างหลากหลาย beauty look บนพรมแดง เพียงแค่เธอเลือกช่อขนตาที่กระพือพริ้วไหวออกด้านข้าง แต่งหน้าโชว์ผิวโดยไม่พรางรอยกระ ไล่สี Smokey Eye ที่ช่วยขับนัยน์ตาสีเขียวของเธอให้เจิดจ้า ทาปากสีชมพูนู้ดใสๆ เดิมที่ต้นทุนความสวยน่ารักมีเหลือกินเหลือใช้อยู่แล้วก็สวยยิ่งเปล่งประกาย ภาพ close-up ของ Lindsay ในช่วงพีคนั้นหาพลาดได้ยาก
ความงามที่ดูเหมือนไม่ต้องพยายามจนเกินไปของ LiLo ถูกนำมาเปรียบเทียบกับ Elizabeth Taylor จนทำให้หลายคนเชื่อกันว่า เธอเป็นตัวเก็งที่สวยและมีความสามารถมากพอจะคว้าบทนำในผลงานชีวประวัติของนางเอกระดับตำนานผู้นี้ ซึ่งหนึ่งในคู่แข่งของเธอนั้นคือ Megan Fox ที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความงามระดับตัว top ของวงการมาหลายปี และในที่สุด LiLo ก็คว้าบทนี้ไปได้สำเร็จ แต่กว่าที่เธอจะมีโอกาสแสดงบทนี้จริงๆก็เป็นช่วงที่ก้าวสู่ช่วงขาลงไปแล้ว แม้แต่ตัวผู้สร้างซีรีส์ก็ยอมรับว่า ใครต่อใครต่างช็อคที่เลือก LiLo ที่มีชื่อเสียงในแง่ลบมารับบทสำคัญ
กระแสข่าวเม้าเรื่องเปิดศึกกับ Paris Hilton
รับบทนางเอก Confessions of a Teenage Drama Queen มีรึที่เธอจะโลดแล่นในวงการบันเทิงแบบไร้ดราม่าฟาดฟันกับคู่อริ! เรื่องราวเบื้องหลังความขัดแย้งของ Lindsay VS Paris ยังไม่แน่ชัด จากเดิมที่เคยสนิทสนมควงกันพาร์ตี้ย์รัวๆ กลับกลายเป็นศึก Mean Girls ในชีวิตจริง แต่มีเสียงเล่าลือหนักว่า Paris ปรี๊ดแตกเมื่อเห็นภาพ Lindsay แสดงท่าทีสนิทชิดเชื้อกับอดีตคู่หมั้นทายาทมหาเศรษฐีของเธอ บ้างก็คาดเดาว่า เป็นเรื่องของการชิงดีชิงเด่นตำแหน่ง It Girl อันดับหนึ่งของวงการ
เมื่อกระแสข่าวมันแรงขนาดนี้ กองทัพ paparazzi ที่ติดตามเก็บภาพสองสาวก็คอยตั้งคำถามเสี้ยมให้พวกเธอจิกกัดคู่อริต่อหน้ากล้องเพื่อนำไปปั่นข่าวต่อ และยังมีการโจมตีโต้ตอบกันผ่านสื่อแบบแลกคนละหมัดติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี แต่ในที่สุดเมื่อสองสาวได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว Paris ก็ประกาศสงบศึก และยอมรับว่า การทะเลาะเบาะแว้งที่ผ่านมานั้นเป็นสิ่งที่สื่อถึงทัศนคติไม่รู้จักโตราวกับเด็กมัธยมจิกตีกัน
รูปร่างที่ผอมลงฮวบฮาบที่ทำให้เกิดข่าวลือเรื่อง Eating Disorder
คนดังย่อมไม่สามารถหลีกเลี่ยงการจ้องจับผิดเรื่องรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไปได้ พวกเธอมักถูกกดดันด้วยคำว่า 'การแสดงออกอันเป็นแบบอย่างดีงามต่อคนหนุ่มสาว' ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน Lindsay ปรากฏตัวเคียงข้างมากับ Nicole Richie อีกหนึ่ง It girl ทรงอิทธิพลที่ถูกครหาว่าเป็นโรคคลั่งผอมจนอาหารให้ผอมบาง ภาพความสนิทสนมของพวกเธอก็ยิ่งสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อื้ออึง หลายคนกล่าวโทษว่า พวกเธอเป็นผู้นำเทรนด์คลั่งผอมที่อาจจะทำร้ายสุขภาพของบรรดาเด็กสาวที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เหมือนกับคนดังขวัญใจ ไม่เพียงเท่านั้น สื่อบันเทิงต่างพยายามขุดคุ้ยต่อว่า นี่อาจเป็นส่วนหนึ่งของดราม่าข้อพิพาทกับ Paris Hilton เพราะพวกเธอมาเริ่มสนิทกันในช่วงคาบเกี่ยวที่ Nicole เหินห่างไปจาก Paris ทั้งๆที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กและสร้างชื่อจาก reality show มาด้วยกัน แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ทำให้แตกคอ ก็มี Lindsay เข้ามาเสียบตำแหน่งเพื่อนซี้แทน
อย่างไรก็ตาม Lindsay และ Nicole ก็ตัวติดกันได้ไม่นานนัก พวกเธอแยกย้ายไปใช้ชีวิตในเส้นทางที่ต่างกัน Nicole ตั้งครรภ์กับแฟนหนุ่มและเดินหน้าสร้างครอบครัวตั้งแต่ยังสาว ส่วน Lindsay ต้องผจญกับการต่อสู้ทางกฎหมายจากการถูกจับกุมและปัญหาติดยาเสพติด ข่าวอื้อฉาวที่รุมเร้าเข้ามาแทบไม่พักส่งผลให้ชื่อเสียงของเธอตกต่ำลงไปเป็นเวลาหลายปี
ความหลงไหลในเลกกิ้ง
ในขณะที่ social media มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างกระแสของคนดังในยุคปัจจุบัน แต่ความเป็น influencer ของ Lindsay ในช่วงสิบกว่าปีก่อนก็ชัดเจนมากโดยไม่ต้องมีจำนวนผู้ติดตามหลักหลายล้านบน Instagram มาการันตี แทบทุกความเคลื่อนไหวของเธอจะถูกจับมาเป็นประเด็นข่าวร้อน เธอจับอะไรมาใส่ก็มีคนตามชื่นชมว่า taste ดี
หนึ่งในไอเท็มที่เป็น signature ของเธอคือเลกกิ้งนั่นเอง
วันเวลาที่ผ่านไปหลายปีก็อาจจะทำให้หลายคนลืมเลือนไปว่า ครั้งหนึ่ง เลกกิ้งเป็นสิ่งที่ทำให้สาวๆนึกตะขิดตะขวงใจจะจับมาใส่เดินสวยเริ่ดออกจากบ้าน บางคนสะดุดว่า ดูเหมือนชุดออกกำลังกายจากยุค 80s บ้างก็กังวลใจเพราะความรัดรูปที่เผยสัดส่วนเต็มตา แม้แต่ในอเมริกา คำถามในประเด็น'ควรใส่เลกกิ้งเหมือนกับใส่กางเกงหรือไม่?' ก็ยังกลายมาเป็นข้อถกเถียงร้อนแรง เนื่องจากยังมีหลายคนที่มองว่า เลกกิ้งไม่ใช่เครื่องแต่งกายที่เหมาะสมในที่สาธารณะยกเว้นสถานออกกำลังกาย แตกต่างจากปัจจุบันที่ใส่กันพรึ่บ สาวๆเลือกแมทช์ได้หลายลุคอย่างมั่นใจ
แต่ Lindsay ยืนหยัดความรักมั่นในเลกกิ้ง หาได้ใส่ใจกับเสียงวิจารณ์ และพยายามต่อยอดธุรกิจด้วยการสร้างแบรนด์ 6126 เพื่อขายเลกกิ้งอย่างจริงจังในปี 2008 ซึ่งในช่วงเริ่มแรกก็ขายดิบขายดีจนขยายออกไปเป็นเสื้อผ้ารองเท้ากระเป๋า แม้เธอจะนำเสนอเลกกิ้งราคาสูง แฟนๆก็ตามมาอุดหนุนอย่างคับคั่งจนมีสัญญาณที่ดี แต่ธุรกิจแฟชั่นไลน์ที่เธอร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ก็ไม่ได้พุ่งสู่ความสำเร็จถล่มทลายใกล้เคียงกับ SKIMS ของ Kim K แต่อย่างใด เปิดตัวเพียงไม่กี่ปี ผู้คนก็เริ่มหมดความสนใจในสินค้าของเธอ ซ้ำร้าย การขัดผลประโยชน์กับหุ้นส่วนก็นำไปสู่การฟ้องร้องอันยุ่งเหยิง เสื้อผ้า 6126 ค่อยๆหายไปจากห้างร้านจนผู้คนลืมเลือนกันแล้วว่า Lindsay เคยร่วมสร้างแบรนด์นี้
ภาพสามสาวแซ่บในตำนาน
เมื่อสามสาวผู้ทรงอิทธิพลแห่งยุคก้าวออกจากพาร์ตี้ย์และขึ้นรถกลับไปด้วยกัน กระแสตอบรับก็พุ่งแรงในระดับที่มีการเปรียบเปรบเหนือจริงว่า นี่คือภาพความศักดิ์สิทธิ์แห่งตรีเอกานุภาพ (Holy Trinity) แม้นิตยสาร The New York Post จะแดกดันกันแรงๆว่า นี่คือ การประชุมสุดยอมของสาวไร้สมอง แต่การรวมตัว Britney, Paris และ Lindsay ก็กลายมาเป็นตำนานมาจนถึงวันนี้
Paris เคยถ่ายทอดเหตุการณ์อย่าละเอียดว่า แท้จริงแล้ว เธอนัดเที่ยวกับ Brit กันสองคนเท่านั้น แต่จู่ๆ Lindsay ก็ไล่ตามมานั่งในรถอย่างไม่ได้รับเชิญ กลายเป็นว่า ภาพออกมาทำให้สังคมให้ความสนใจล้นหลาม เธอยืนยันว่า พยายามแสดงออกอย่างสุภาพแม้จะไม่ถูกกับ Lindsay นัก
การเปลี่ยนให้สายรัดตรวจจับปริมาณ Alcohol ดูชิค
คำสั่งจากศาลเพื่อควบคุมให้ Lindsay ปรับปรุงพฤติกรรมด้วยการใส่สายรัดข้อเท้าวัดปริมาณ Alcohol หลังจากถูกจับกุมข้อหาเมาแล้วขับอาจจะทำให้ภาพลักษณ์ของเธอดูย่ำแย่ลงไป แต่ดูเหมือนว่า เธอจะไม่หวั่นต่อกระแสโจมตีเรื่องเป็นนางเอกขี้เมา เธอออกงานในชุดบิกินี่สุดแซ่บพร้อมกับเปิดเผยเจ้าอุปกรณ์บนข้อเท้าอย่างมั่นใจ และแม้เธอจะถูกคุมความประพฤติด้วยอุปกรณ์นำสมัย แต่ก็ขอติด glam ไว้ก่อน! Lindsay เรียกร้องให้ Chanel ช่วยเธอหาวิธีตกแต่งใส่สายรัดวัดปริมาณ Alcohol ให้ดูดีเพื่อจะใส่จับคู่กับเดรสสวยชิคได้บ้าง
มีรายงานว่า กระเป๋าจิ๋วประดับข้อเท้าจาก Chanel’s Spring/Summer 2008 collection ได้รับแรงบันดาลใจมาจากใส่สายรัดข้อเท้าวัดปริมาณ Alcohol ที่กลายเป็นหนึ่งในลุคสุด iconic ของ Lindsay
Lindsay ในวัย 38 เผชิญกับเส้นทางชีวิตหลายรูปแบบ จากที่เฉิดฉายบนจุดสูงสุดร่วงหล่นมาสู่จุดตกต่ำเพราะผลกระทบจากวิกฤติทางภาพลักษณ์ เธอผ่านดราม่าหนักหน่วงหลายครั้งจนหลายฝ่ายเชื่อว่า โอกาสที่เธอจะกลับมาโด่งดังได้อีกครั้งดูริบหรี่แทบมองไม่เห็นทาง แต่ไม่ว่าใครก็คู่ควรกับโอกาสในการพิสูจน์ตัวเองและสร้างจุดเปลี่ยนให้ผู้คนหันมายอมรับถึงศักยภาพ และในวันนี้ Lindsay ได้แสดงให้พวกเราได้เห็นแล้วว่า แม้อดีตที่อื้อฉาวจะถูกผูกติดกับตัวตนของเธอ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เธอต้องจมปลักกับเรื่องแง่ลบในวันเก่าจนไม่สามารถก้าวไปข้างหน้า โมเมนท์ที่เต็มไปด้วยสีสันจะเป็นภาพความทรงจำสำหรับกลุ่มคนที่เติบโตไปพร้อมกับเธอเสมอ
เรามั่นใจว่า แม้จะไม่ได้เป็น FC แต่มีคนจำนวนไม่น้อยที่ยินดีอย่างจริงใจเมื่อได้เห็นเธอกลับมาเปล่งประกายและปูเส้นทางในอาชีพการแสดงให้กลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง นี่สินะ Comeback Queen ที่แท้จริง!