[Bride] เอารีวิวงานแต่งงานพิธีจีน กับชุดกี่เพ้าของเรามาให้ชมค่า

10 28
 .

 
หลังจากหาข้อมูล + เตรียมงานมาร่วม 6 เดือน จนไม่ได้ทำฮาวทู แถมหายหน้าไปจากจีบัน
 
 
 
งานวิวาห์ของนะโอกับคุณแฟนก็ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่นเมื่อวันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมาจ้า

วันนี้ก็เลยเอารีวิวมาฝาก เผื่อว่าสาวๆ จีบันคนไหนจะแต่งงานแบบจีน อาจจะได้เอาข้อมูลที่มีประโยชน์ไปใช้บ้างนะคะ
 
 
.
 
 
.
 
 
 
 
งานของโอคุงเป็นแบบพิธีจีน (ยกน้ำชา) ตอนเช้า และเลี้ยงตอนเย็นค่ะ แต่งานเลี้ยงเย็นจะมี 2 งาน คืองานที่กทม. วันที่ 21 กับงานที่สิงห์บุรี (บ้านเจ้าสาว) วันที่ 28 พ.ค. ค่ะ วันนี้ขอรีวิวเฉพาะงานเช้านะคะ (ทำรีวิวที ใช้เวลาประมาณ 5 วัน ^^!)
 
.
 
 
.
 

ฤกษ์พิธีหมั้น: อาม่า (คุณยาย) ของคุณแฟนช่วยติดต่อซินแสให้ค่ะ (เป็นซินแสประจำของอาม่า เลยไม่ทราบเบอร์ติดต่อนะคะ) ซินแสดูดวงให้ทั้งคู่แล้วว่า ดวงสมพงศ์กัน ติดอยู่นิดเดียวคือ เป็นดวงของคนมีลูกยากทั้งคู่ เลยพยายามหาฤกษ์ที่ช่วยแก้ดวงจุดนี้ค่ะ

 
 
ได้ฤกษ์มาเป็นเช้าวันที่ 21 พฤษภาคม รับตัวเจ้าสาว 8 โมงครึ่ง ทำพิธีหมั้นตอน 9 โมง แต่ต้องรีบไปเข้าบ้านเจ้าบ่าวภายใน 10 โมง แปลว่า เราจะมีเวลาเพียง 1 ชม.ครึ่ง ในการรับตัวเจ้าสาว และทำพิธีหมั้น รวมถึงเดินทางไปบ้านเจ้าบ่าวค่ะ

พิธีก็เลยต้องปรับเปลี่ยนตามฤกษ์ จากที่ตอนแรกกะจะใช้โรงแรมเดียวกับที่จะจัดเลี้ยงงานเย็น ก็ต้องเปลี่ยนมาใช้โรงแรมที่ใกล้บ้านเจ้าบ่าว (แถวซอยนวลจันทร์) เพื่อย่นระยะเวลาเดินทาง งานนี้บ่าว-สาว และครอบครัวเจ้าบ่าวก็เลยช่วยกันหา
 
 
 
 
 
สถานที่จัดงาน : Bangkok Hall (โรงแรม K-Resort และร้านอาหารเรือนปั้นหยา)
 
 
 
หลังจากตระเวนหาสถานที่รอบๆ ซอยนวลจันทร์อยู่ประมาณ 2 สัปดาห์ คุณแม่ของคุณแฟนก็ไปเจอหอประชุมที่รับจัดงานอีเวนท์ อยู่ติดกับโรงแรม K-Resort ด้านหลังร้านอาหารเรือนปั้นหยา เส้นเลียบทางด่วนเอกมัย – รามอินทรา ขนาดห้องประชุมกำลังพอดี สามารถจุแขกได้ 100-150 ท่านสบายๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาทีก็ถึงบ้านเจ้าบ่าว สรุปก็เลยเลือกที่นี่เป็นที่จัดงาน และสมมุตเป็นบ้านเจ้าสาวด้วย
 
 
.
 
 
.
 
 
.
 


ข้าวของเครื่องใช้ในพิธีหมั้น : ขนมจากร้านแต้เล่าจิ้นเส็ง (ตลาดน้อย) + ของหมั้นจากร้านตั้งจิ้นย้ง (ถนนแปลงนาม) + ผลไม้จากร้านที่ตลาดน้อย

 
 
หลังจากที่ทางบ้านของคุณแฟนเดินทางไปทาบทามกับคุณแม่ของโอคุงเป็นที่เรียบร้อย ก็ตกลงกันเรื่องข้าวของที่จะใช้ในพิธี อาม่า (เป็นผู้อำนวยการหลักของงานครั้งนี้ ^^) บอกว่า ทางฝั่งเจ้าสาวจะต้องเตรียมขนมสำหรับมาแลกกับเจ้าบ่าว จะเป็นขนมแต่งงานแบบโบราณ หรือขนมคุกกี้ก็ได้ เราก็เลยเลือกขนมแต่งงานแบบโบราณค่ะ
 
 
 
นึกถึงขนมแบบโบราณ คุณแฟน (เปลี่ยนสถานะเป็นคุณคู่หมั้น และคุณสามีในตอนนี้แล้ว) ก็เลยพาไปสั่งที่ร้านแต้เล่าจิ้นเส็ง ตลาดน้อย (เป็นบ้านเดิมเขา ก่อนจะย้ายไปอยู่ซอยนวลจันทร์ เขาเลยชอบแซวว่า ดิชั้นแต่งงานกับอาตี๋ตลาดน้อยแท้ๆ เลยนะ) สั่งของฝั่งเจ้าสาวและเจ้าบ่าวไปพร้อมกัน
 

 

ฝั่งเจ้าสาวจะเป็นกล่องขนมหน้าตาแบบนี้ (แอบชอบเพราะเข้ากับธีมจีนดี) ข้างในก็จะมีขนม 4 อย่าง แต่จำไม่ได้แล้วว่ามีอะไรบ้าง รู้สึกจะเป็นพวกขนมเปี๊ยะ

 
 
 

 
ฝั่งเจ้าบ่าวจะเป็นขนมหมั้น ประเภทถั่วตัด จันอับ ฟักเชื่อม โก๋อ่อน พกท้อ ข้าวพอง ฯลฯ
ทางร้านจัดเตรียมมาให้เรียบร้อย
 
 
.
 
 
.
 
 
.
 
 
 
 
 
ผลไม้ที่ใช้ในพิธีมีส้มเช้ง 200 ลูก (ของฝ่ายหญิง 140 ของฝ่ายชาย 60 ลูก) ติดตัวอักษรซังฮี้ ที่แปลว่า คู่ยินดี ไว้ทุกลูก อีกอย่างคือ กล้วยเขียวทั้งเครือ (ส่วนใหญ่จะใช้กล้วยหอม และให้จำนวนผลลงเลขคู่) ติดตัวอักษรซังฮี้เหมือนกันค่ะ กล้วยนี่ที่ร้านติดอักษรให้เลย แต่ส้มเราไปซื้อสติ๊กเกอร์มาติดเอง
 
 
.
 
 
.
 
 
 
 
ของหมั้นฝั่งเจ้าสาว มีเอี้ยมแดง ช่องกระเป๋าปักตัวอักษร “แป๊ะนี้ไห่เล่า” แปลว่า อยู่กินกันจนแก่เฒ่า ในกระเป๋าเอี๊ยมบรรจุห่อเมล็ดพืช 5 ชนิด มีความหมายว่าเจริญงอกงาม, ปิ่นทองที่ทำเป็นตัวลายภาษาจีนว่า “ยู่อี่” แปลว่าลมปรารถนา, ซังฮี้ (ติดส้ม), ผ้ารับสินสอด, ซองใส่ค่าที่นา และค่าแต่งตัวเจ้าบ่าว, พัดแดงของเจ้าสาว และตะเกียงที่ต้องใช้ตอนรับตัว
 
 
 
 ต้นชุงเช่า (ต้นเมียหลวง) ด้านล่างเป็นกระดาษแก้วห่อน้ำตาล
 
 
ทั้งหมดนี้ซื้อจากร้านตั้งจินย้ง ถนนแปลงนามค่ะ ความจริงถ้าจะให้ครบเครื่องต้องมีชุดเย็บปักถักร้อย, กระเป๋าเดินทาง, กะละมัง ฯลฯ แต่ทางผู้ใหญ่บอกว่า เดี๋ยวนี้ไม่ต้องใช้กันแล้ว ไม่ต้องซื้อมาก็ได้
 
 
 
Tip: เวลาซื้อข้าวของกระจุกกระจิกนี่ ถ้าจะให้ดี เราหาข้อมูล ทำลิสต์ไปก่อน แล้วไปถามผู้ใหญ่ (ที่อายุมากที่สุด และเป็นผู้อำนวยการงานแต่ง) เป็นคนตัดสินว่าอะไรใช้-ไม่ใช้ เป็นดีที่สุดค่ะ เพราะของที่ต้องใช้มีเยอะ ถ้ารอให้ผู้ใหญ่บอกเอง บางทีท่านก็จะลืมของบางอย่างค่ะ
.
.
 
 
 

หลังจากเตรียมตัวพร้อมแล้ว ก็ขอนำทุกท่านเข้าสู่งานพิธีหมั้น ณ บัดนี้ค่า (เปิดม่านนนนน)
เช้าวันงาน โอคุงตื่นตอนตี 4 อาบน้ำ (สระผมตั้งแต่เมื่อคืน และไม่ลงครีมนวดผม) ทาครีมบำรุง เสร็จแล้วก็ออกมานั่งกินขนมปังกับนมรองท้อง พอตี 5 พี่ช่างหน้า-ช่างผมมา ก็เริ่มแต่งหน้าค่ะ

 
Hair-Make Up: พี่แดน ภูวดล และพี่หน่อง พงศักษ์ เป็นพี่ช่างแต่งหน้า-ทำผมที่รู้จักกันมา 5-6 ปีแล้วค่ะ ได้เจอพี่ๆ เวลาไปถ่ายเซตแฟชั่นบ่อยๆ แอบปลื้มฝีมือพี่หน่องพี่แดนมานาน เพราะพี่เขาแต่งหน้าให้นางแบบสวย แต่ยังเป็นใบหน้าของตัวเองอยู่ ที่สำคัญคือ ใจดี และใจเย็นมากทั้งคู่ พอถึงวันงานแต่งของตัวเอง เลยได้รบกวนพี่ๆ
 
 ใช้เวลาแต่งหน้า-ทำผมประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ ประมาณ 7 โมงกว่าๆ แต่งหน้าเกือบเสร็จ เพื่อนเจ้าสาวก็มาถึงกันพอดี
 
 
 
  แอ่นแอ๊น ใช่แล้วค่ะ วันนี้เจ้าสาวใส่ชุดกี่เพ้า เพื่อนเจ้าสาวก็ใส่ชุดกี่เพ้าเหมือนกัน
 
  อันนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากปีที่แล้ว ตอนเพื่อนคนหนึ่งแต่งงานแบบไทย (โอคุงเขียนรีวิวไว้ด้วยจ้า)  ทุกคนแต่งชุดไทย ร.7  พอถึงคราวโอคุง ทุกคนก็ออกปากว่า “ถ้าถึงคราวโอคุง แต่งแบบจีน งั้นเราใส่กี่เพ้ากันนะคะ” เลยเป็นที่มาของเจ้าสาวชุดกี่เพ้า และทีมเพื่อนเจ้าสาวชุดกี่เพ้าในวันนี้ละค่า
ดอกโบตั๋นติดผม : ของเจ้าสาวเป็นสีครีมอมชมพู (เข้ากับชุดกี่เพ้า) ส่วนของเพื่อนเจ้าสาวเป็นสีชมพูอ่อน มีของอคาชาที่ใส่ชุดสีแดง ก็จะเป็นสีบานเย็นอมแดง ทั้งหมดซื้อจากจตุจักรค่ะ ดอกชมพูซื้อแบบเป็นก้านมา (ราคาจะเบากว่า) คุณนายแม่เจ้าสาวเอามาตัด + ติดเข็มกลัดให้ ใครผมยาวจะใช้กิ๊บติดผม ใครผมสั้นจะกลัดเสื้อก็ได้เลย
.
 
.
 
8 โมงเตรียมตัวพร้อมแล้ว ก็ลงจากห้องที่โรงแรมมาเก็บตัวในห้องด้านข้างห้องจัดงานกันเล๊ยยย
 
 

ขอสักภาพเป็นที่ระลึก ดูเป็นดรีมทีมดีจริงๆ ^o^

 
ชุดกี่เพ้าเจ้าสาว : ร้าน NATTAPA ทองหล่อ หลังจากเดินหาอยู่หลายร้าน ทั้งมาบุญครอง ห้างคาเธ่เก่าที่เยาวราช ร้านมังกร ปัญหาคือ โอคุงเป็นคนตัวอวบๆกี่เพ้าส่วนใหญ่จะออกแบบมาสำหรับสาวหมวยสุดเพรียว มาลงตัวที่ร้าน NATTAPA นี่แหละ พี่เล็ก เจ้าของร้านก็ช่วยคุ้ยกี่เพ้าไซส์ L-XL ทั้งร้านมาให้ลอง
รีวิวตอนลองชุด
 
สุดท้ายก็เลยได้ชุดกี่เพ้าไหมจีนสีครีม ลายดอกโบตั๋นชุดนี้มา ในราคา 5000 บาท (ทางร้านแก้ไซส์ให้เรียบร้อยค่ะ)
 
Note: เจ้าสาวจะถือพัดแดง และผ้าแพรด้วยก็ได้ค่ะ มาเห็นประโยชน์ของผ้าแพรตอนที่นั่งพับเพียบในพิธีหมั้นนี่แหละ เพราะรอยผ่ากี่เพ้าจะรั้งขึ้นไปสูงกว่าตอนยืน ถึงจะใส่ถุงน่องแล้วก็ยังไม่มั่นใจ ได้ผ้าแพรคลุมไว้อีกชั้นค่อยยังชั่ว
ชุดกี่เพ้าเพื่อนเจ้าสาว: เพื่อนที่เป็นหัวหน้าทีมค้นจากกูเกิ้ล แล้วก็ไปเจอร้านขายชุดกี่เพ้าออนไลน์ (หน้าร้านอยู่ที่ประตูน้ำ) เลยสั่งให้ครบทีม 7 ชุด แต่ทุกคนต้องมาแก้ไซส์เองอีกที ถึงออกมาสวยงามแบบนี้ ขอบคุณเพื่อนๆ และน้องๆ ทุกคนมากเลยน้า
.
.
.
 
 
8 โมงครึ่ง เจ้าบ่าวมาถึง ตั้งขบวนเตรียมเริ่มพิธีรับตัวเจ้าสาวค่ะ เพื่อนเจ้าสาวก็เตรียมกั้นประตู
 
งานนี้เพื่อนเจ้าสาวได้รับการกระซิบว่า ฤกษ์ค่อนข้างแน่น เพราะงั้นห้ามแกล้งเจ้าบ่าวนาน ส่วนฝั่งเจ้าบ่าวก็ฝากมาบอกว่า “เดี๋ยวจะเตรียมซองให้หนักๆ” ทุกคนเลยแกล้งพอเป็นพิธี แล้วปล่อยผ่านโดยง่ายค่ะ
 
 
 
ที่ไหนได้ หลังงานเจ้าบ่าวยังมีซองเหลือ หยิบจากกระเป๋าเสื้อสูทมาอวดเพื่อนเจ้าสาวอีกปึกใหญ่ เลยโดนรุมชิงไปตามระเบียบ ^o^
 
.

ผ่านทวารทั้ง 5 เอ๊ย ประตูเงินประตูทองทั้ง 5 มาแล้ว เจ้าบ่าวก็มาถึงตัวเจ้าสาวค่า

Note: เจ้าบ่าวมาเล่าทีหลังว่า ไม่นึกว่าห้องที่มาเก็บตัวจะใหญ่ขนาดนี้ แถมแสงยังสลัวๆ เปิดประตูเข้าไปเจอเจ้าสาวนั่งอยู่บนโซฟาอยู่คนเดียว มีตะเกียงชุดอยู่ด้านหน้า อารมณ์เจ๊ใหญ่มากๆ (โอคุงว่า เหมือน Last Boss ในเกมมากกว่า 55)
 
มาถึงตัวเจ้าสาวแล้วจ้า ส่งช่อดอกไม้รับตัวให้ แล้วก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหน่อย

(สรุปว่า เร่งบรรดาคนกั้นประตูเสียจนผ่านเข้ามาได้เร็ว มีเวลาเหลืออีก 10 นาทีก่อนพิธีหมั้นซะงั้น)
 
ช่อดอกไม้รับตัวเจ้าสาว : จากร้านมะกล่ำตาแดง โครงการบ้านสีลมค่ะ

เจ้าบ่าวเพิ่งรู้วันก่อนงานว่า ต้องมีช่อดอกไม้งานเช้าด้วย พอดีไปรับชุดงานเย็นที่ร้าน SAREE บ้านสีลม ไปแวะกินพิซซ่าที่ชั้นสองของร้านมะกล่ำตาแดงบ่อยๆ เลยสั่งดอกไม้จากร้านนี้เลย พี่เจ้าของร้านก็ใจดีมากๆ เราแค่กำหนดงบและบอกธีมสี วันต่อไปก็ไปรับ พี่เขาก็จัดให้ทันใจ ใหญ่เบิ้มมาก
.
.
 

ระหว่างที่กำลังรับตัว แขก(ญาติๆ) ก็รออยู่ในห้องพิธี คุณแม่เจ้าสาวยังไม่มีบท (ภาพขวาบน ชุดเขียวด้านขวาสุด) เลยนั่งเมาท์กับเพื่อนสนุกไป

 
ลืมแนะนำช่างภาพ-ช่างวิดีโอเลยแฮะ
 
ภาพนิ่ง + วิดีโอ: Ayutthaya Studio พี่จ๋า (ช่างภาพ) และพี่ปุ๊กช่วยเหลือหลายอย่างมากค่ะ ที่จริงโอคุงรู้จักกับพี่ปุ๊กก่อนจากเวบจีบัน (เวบแต่งหน้า) คุยกันไปคุยกันมา ปรากฏว่าพี่ปุ๊กเป็นเพื่อนกับพี่เจ้านายของเราพอดี โลกกลมมากๆ วันงานพี่ปุ๊กก็มาช่วยถ่ายภาพนิ่งให้อีกกล้อง ทั้งงานเช้า – งานเย็น แถมยังช่วยซับหน้าให้ด้วย ขอบคุณมากนะค้า
.
.
.
 

9 โมงถึงฤกษ์ ก็เริ่มต้นพิธีหมั้นค่ะ เริ่มจากโชว์สินสอด ชมสินสอด แล้วก็สวมแหวนค่ะ

 แหวนหมั้นเจ้าสาว: Diamond Jewelry เป็นร้านประจำของอาม่าค่ะ แต่เหมือนจะปิดกิจการไปแล้ว
 
แหวนหมั้นเจ้าบ่าว: ไอยรา Gem ฝ่ายชายรีเควชเองว่า ขอแหวนเรียบๆ เพราะเขาต้องเล่นกีฬาบ่อย เลยได้แหวนทองคำขาววงเกลี้ยงๆ ประดับเพชร 1 เม็ดมา
.
 
.
 

รับโอวาทจากพ่อแม่ และผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย

 
.
 
 
ถึงเวลายกขันหมาก บรรดาสต๊าฟ เอ๊ย เพื่อน/ญาติเจ้าสาว และฝั่งเจ้าบ่าวก็เตรียมยกขบวนขันหมาก

 
งานนี้สงสารบรรดาเพื่อนเจ้าสาวมาก เพราะส้มแต่ละถาดหนักอึ้ง แต่คนที่หนักที่สุดคือ สามีชาวญี่ปุ่นของเพื่อนที่ต้องแบกกล้วยทั้งเครือหนัก 35 กิโลกรัม น้องชายเจ้าสาวก็แบกอีกข้าง สู้ตาย Fighto กันมาก อาริกาโตะเน้!
โชคดีที่งานนี้เดินไม่ไกล แค่เดินสวนกัน แล้วเอาขันหมากไปวางไว้ที่โต๊ะของอีกฝั่ง ^^!

.

 
ตอนนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้นพิธีหมั้นแล้ว เจ้าบ่าว-เจ้าสาว และญาติส่วนหนึ่งขึ้นรถเดินทางไปทำพิธีที่บ้านเจ้าบ่าว โดยให้น้องชายของเจ้าสาวถือตะเกียงนั่งเบาะหน้ารถ
 
ส่วนแขกที่เหลือก็นั่งพักผ่อน ทาน coffee break รอ ระหว่างนี้คุณแม่ของทั้งเจ้าบ่าว-เจ้าสาวก็ช่วยกันแบ่งขันหมาก ทั้งขนม-กล้วย-ส้ม เป็นห่อๆ เตรียมไว้เป็นของชำร่วยให้แขกที่มาร่วมงาน (เพื่อนเจ้าสาวก็ช่วยด้วย ขอบคุณอีกครั้งนะคะ)

 

พิธีการที่บ้านเจ้าบ่าว เริ่มตั้งแต่ไหว้เจ้าที่ ไหว้พระ แล้วก็ทานขนมอี๋ที่ทางบ้านเจ้าบ่าวเตรียมไว้ให้ หลังจากนั้นก็ส่งตัวเข้าห้องหอ ซึ่งทางเจ้าบ่าวได้ปูที่นอนไว้แล้วตั้งแต่เมื่อคืน ต้องนำตะเกียงไปวางไว้ในห้องหอด้วย ตะเกียงนี้ต้องจุดไว้ 3 วันจนกว่าจะถึงวันที่เจ้าสาวกลับบ้าน (ตึงฉู่) ค่ะ

เจ้าบ่าว-เจ้าสาวอยู่ในห้องหอประมาณ 10 นาที ถือว่าส่งตัวเรียบร้อยแล้ว
 
หลังจากนั้นก็กลับไปหอประชุมเพื่อทำพิธียกน้ำชา (ขั่งเต้) ต่อ
 
.
 
.
 


 ของงานเรา จะยกน้ำชาฝั่งญาติเจ้าบ่าวก่อน แล้วค่อยยกน้ำชาฝั่งญาติเจ้าสาว ความจริงฝั่งญาติเจ้าสาวนี่จะยกกันตอนเจ้าสาวกลับบ้าน (ตึงฉู่) มากกว่า แต่เดี๋ยวนี้เรารวบพิธีมา ก็เลยยกน้ำชาพร้อมกันเลย

ผู้ใหญ่ก็จะจิบน้ำชา พร้อมกับให้ศีลให้พร และให้เงินรับไหว้เอาไปเป็นเงินก้นถุงสำหรับทำทุน
ทางเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็มีของไหว้ให้กับผู้ใหญ่ ฝั่งของเจ้าบ่าวเป็นผ้าไหว้ตามธรรมเนียม ส่วนของเจ้าสาว เป็นชุดน้ำชาและถ้วยน้ำชาดินเผา
 
 

ทั้งสองชุดซื้อจากร้าน Bkkceramics (ร้านคุณหมู) สวนจตุจักรโครงการ 19 ซอย 6/2 ลองดูแบบได้จากเวบไซต์

ก่อนก็ได้ค่ะ

.
 
.
 
เสร็จพิธีก็รับประทานอาหารร่วมกันค่า
 
 
 
 
บุฟเฟ่ต์อาหารกลางวัน : ครัวของโรงแรม K-Resort ที่จริงตอนแรกกะว่าจะใช้โต๊ะจีนของร้านอาหารเรือนปั้นหยา แต่พอคิดไปคิดมา แขกต้องกินโต๊ะจีนที่เชอราตันตอนเย็นอยู่แล้ว เดี๋ยวจะเบื่อกัน เลยเปลี่ยนเป็นบุฟเฟ่ต์อาหารไทย ปรากฏว่าอร่อยมากค่ะ ญาติๆ ชมเปาะเลย แต่บ่าว-สาวได้กินนิดเดียว (เพราะมัวเครียดจนลิ้นไม่รับรส) แต่ยังไงก็ต้องกินตุนแรงไว้ก่อน
 
หลังจากทานเสร็จ เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวก็นำของชำร่วยได้แก่ขนม-ส้มและกล้วยไปมอบให้แขกที่มาในงาน และถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันค่ะ
 
 

   ชอบรูปนี้มากเลย รู้สึกว่าจีนดี ^^
โชคดีที่เลือกกี่เพ้าสีครีมด้วย เลยโดดออกมาจากฉากหลังสีแดง
 
(ที่จริงก็เป็นคนใส่สีแดงไม่ขึ้นอยู่แล้ว เพราะผิวเหลืองค่ะ)   
สูทเจ้าบ่าว : สูทเทาจากร้าน PRISE หน้าโรมแรมแชงกรีล่า บางรัก (ตัดเสร็จถึงรู้ว่า ลูกชายเจ้าของร้านเป็นเพื่อนสมัยมัธยมที่อัสสัมของคุณแฟนซะงั้น โลกกลมแบบแปลกๆ อีกละ)
 
มีบางท่านถามว่า ทำไมเจ้าบ่าวไม่ใส่ชุดจีนเหมือนกัน ความจริงแล้ว กี่เพ้าแบบที่เจ้าสาวใส่นี่ ไม่ใช่กี่เพ้าโบราณ แต่เป็นกี่เพ้าสมัยใหม่ ยุคแฟชั่นแบบเซี่ยงไฮ้ ซึ่งวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาแล้วค่ะ ยุคนี้ผู้ชายจีนก็จะเริ่มใส่สูทกันแล้ว เพราะงั้นใส่สูทจะเหมาะกว่าจ้า
 
(แต่ถ้าใครอยากใส่ชุดจีนทั้งบ่าวสาว ที่ร้าน NATTAPA มีชุดแต่งงานแบบจีนโบราณ - - แบบที่เจ้าสาวมีผ้าคลุมหน้า เหมือนกันนะคะ ลองเลือกตามความชอบใจและความเหมาะสมได้เลยจ้า)
.
.
 
 

Tip ส่งท้าย
 
ความจริงแล้วงานหมั้นแบบจีนก็มีขั้นตอนคล้ายพิธีแบบไทย จะต่างกันที่รายละเอียดปลีกย่อย พิธีจีนค่อนข้างจะเคร่งครัดเรื่องฤกษ์ยาม และข้าวของ แต่ถ้าเราศึกษาดีๆ + สอบถามท่านผู้ใหญ่ให้ชัดเจน งานก็ผ่านไปอย่างราบรื่นได้ค่ะ

ทิ้งท้ายด้วยรูปฮาๆ ของบ่าว-สาวและเพื่อนเจ้าสาวแล้วกันนะคะ


ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยจ้า...
 
    


นะโอ

นะโอ

เพิ่งลองหัดแต่งหน้าค่า ตอนนี้เริ่มทำฮาวทูบ่อยขึ้น จะพยายามพัฒนาฝีมือไปเรื่อยๆ น้า

FULL PROFILE