REVIEW : Chanel Skin Care (Hydra Set) + Makeup
nanarashi24(Long Review)
สวัสดีค่า เราชื่อ "นัน" นะคะ ใช้เนมว่า Nanarashi ค่ะ
แต่จะขอรีวิวเป็นเซ็ทไปเลยนะคะ
สวัสดีค่า เราชื่อ "นัน" นะคะ ใช้เนมว่า Nanarashi ค่ะ
หลังจากที่อ่านของคนนั้นคนนี้ และไม่เคยคิดว่าจะทำรีวิวเอง
วันนึงก็เกิดความรู้สึกอยากจะรีวิวขึ้นมาบ้าง มันเนื่องมาจาก
ตอนนี้ที่ตัวเองต้องการหาข้อมูลเพื่อประกอบกับการตัดสินใจในการซื้อเครื่องสำอาง สกินแคร์
แล้วปรากฏว่าเราหาไม่ค่อยได้ อันเนื่องมาจาก ยี่ห้อที่เราใช้เป็นยี่ห้อที่มีอิมเมจว่าแพง
(แต่มันก็แพงจริง ไม่ใช่แค่อิมเมจ) แล้วตอนนี้ก็เกิดความคิดว่า คนอื่นอาจจะเป็นเหมือนกัน
เลยทำรีวิวเพื่อคนอื่น ๆ ที่กำลังจะคิดซื้อ อ่านแล้วจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจดีกว่า
ขอออกตัวก่อนว่า เราเป็นคนเคยใช้สกินแคร์มาหลายยี่ห้อ ตั้งแต่ลองเอง เห็นหน้าเพื่อนแล้วลองใช้ตาม
บลา ๆ หลายอย่างมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้รู้ก็เลยคือ ต้องวิเคราะห์สภาพผิวและปัญหาที่เกิดขึ้นจริงก่อน
เราเคยคิดว่าเราเป็นคนผิวมันมาก หน้ามันเยิ้ม โดยเฉพาะในช่วงอายุขึ้นต้นด้วยเลข 2 เราเป็นคนผิวหน้า
มันขั้นเทพ จนเมื่อไปเรียนต่อที่ต่างประเทศและได้ลองพบกับบีเอที่ประเทศนั้นแนะนำว่า
"เมื่อผิวคนเราขาดน้ำ ร่างกายเราจะผลิตน้ำมันเพื่อมาเคลือบผิวหน้ามากขึ้น แต่ลูกค้าส่วนใหญ่คิดว่า
ตัวเองผิวมัน ซึ่งมันเป็นความเชื่อที่ผิดทางไปหน่อย"
เมื่อลองสกินแคร์ยี่ห้อนั้น (ยี่ห้อญี่ปุ่น 100% หาซื้อในไทยไม่ได้) ก็พบว่าหน้ามันน้อยลง
เพราะผลิตภัณฑ์เขาเข้าไปเสริมน้ำหล่อเลี้ยงที่ขาดหายไป
แต่เมื่อกลับมาไทยอย่างถาวรก็ลืมกฎข้อนี้ไป ไอ้เราก้ผู้หญิงอ่ะนะ ชอบลอง อะไรไม่ดีใข้ได้ครึ่งทางก็เปลี่ยน
(เป็นกันไหมคะ?) จนกระทั่งช่วงกลางปีที่แล้ว รู้สึกว่าหน้ามันแบบแห้ง ๆ คือ ทีโซนมันมากกกกกกกกกกกก
แต่แก้มแห้งผาก หน้าผากก็เหมือนมัน แต่ก็ดูผิวแห้งสาก (เอ๊ะ น่าสับสน) ประกอบกับ อยากเปลี่ยนแป้งพอดี
ก็เลยลองรวบรวมความกล้าเดินเข้าแบรนด์นี้เลย นั่นคือ ชาเนล (Chanel)
ที่บอกว่ารวมความกล้าเพราะ ก็แบรนด์ออกจะหรูเริ่ด บีเอก็ดูไม่น่าจะเซอร์วิสคนธรรมดา ๆ ไม่ได้แต่งตัวดี
กลัวโดนเหวี่ยง (เคยเจอบีเอยี่ห้อหนึ่งใกล้ ๆ ชาเนล เมิน เพราะเราไม่ใช่แม่บุญทุ่มซื้อของครั้งเยอะ ๆ
แต่ชอบซื้อแบบลองทีละชิ้น) ก็กลัวว่าคงไม่ต่างกันเท่าไร
แต่ชอบซื้อแบบลองทีละชิ้น) ก็กลัวว่าคงไม่ต่างกันเท่าไร
ปรากฏว่าโชคดี ที่เจอเมคอัพอาร์ททิสพิเศษ แนะนำเราดีมาก (แต่บีเอประจำก็ไม่ต่างจากที่อิมเมจไว้สักเท่าไร)
นั่นเป็นที่มาของการลองใช้ทีละชิ้นของเรา
นั่นเป็นที่มาของการลองใช้ทีละชิ้นของเรา
คราวนี้เราเริ่มรู้สึกว่าหน้าตามันแย่ลง (ทำงานหนัก ไม่ค่อยได้พักผ่อน กินน้ำก็น้อย + อายุที่มากขึ้น
ปัจจุบัน 33 แล้วค่ะ) เลยเริ่มหันเหจากการประโคมแต่งหน้า เป็นการบำรุงผิวหน้า (มันจะช้าไปไหมนั่น??)
ปัจจุบัน 33 แล้วค่ะ) เลยเริ่มหันเหจากการประโคมแต่งหน้า เป็นการบำรุงผิวหน้า (มันจะช้าไปไหมนั่น??)
ก็เลยกลับมาคิดถึงทฤษฏีหน้าขาดน้ำอีกครั้ง ก็เลยเริ่มใช้สกินแคร์ ชุด Hydra ค่ะ
ตอนแรกเริ่มใช้จากเซรั่มก่อน ตามด้วยครีมเจล รองพื้น ยูวีกันแดด เมคอัพรูมูฟ นาโนโลชั่น แป้งฝุ่น
ไม่ได้ซื้อทีเดียวนะคะ ในระยะมากกว่าครึ่งปี ซื้อทีละตัว อาจจะเดือนนึงชิ้นนึง หรือสองชิ้นอะไรก็ว่าไป
แต่จะเริ่มจากการได้ตัวเทสเตอร์ แล้วลองใช้อาทิตย์นึงแล้วค่อยซื้อ
ไม่ใช่ใช้เทสเตอร์วันเดียว หรือลองที่เคาน์เตอร์ แล้วซื้อเลยนะคะ (เสี่ยงเกิน ใช้ไม่ได้เสียดายเงินค่ะ)
ไม่ใช่ใช้เทสเตอร์วันเดียว หรือลองที่เคาน์เตอร์ แล้วซื้อเลยนะคะ (เสี่ยงเกิน ใช้ไม่ได้เสียดายเงินค่ะ)
แต่จะขอรีวิวเป็นเซ็ทไปเลยนะคะ
หมวดสกินแคร์
Hydra + Active nanolotion : โลชั่นที่มีสัมผัสคล้ายเจลน้อย ๆ ซึมเข้าผิวได้ดี ไม่เหนอะหนะ ไม่มีแอลกอฮอล์
Hydra Beauty Serum : เนื้อโลชั่น ไม่หนา ไม่เบาเกินไป ซึมเข้าผิวได้ดี ตอนแรกเหมือนจะเหนอะนะคะ แต่สักพักจะซึมลงใต้ผิว
Hydramax + Active Gel Cream ครีมเจลที่ไว้ทาหลังจากลงเซรั่มเรียบร้อยแล้ว ครีมก็เนื้อหนาไป อีมั่ลชั่นก็อาจจะเบาไป เราเลยเลือกเป็นครีมเจล ตอนที่ทาก็รู้สึกกำลังสบายหน้า
ผลจากการใช้ 1 เดือน รู้สึกหน้าไม่ค่อยมัน ไม่รู้เป็นเพราะตอนนั้นสภาพอากาศเมืองไทยกำลังเปลี่ยนหรือเปล่า (บีเอยังบอกว่า ผิวดูสุขภาพดีขึ้นมากกว่าตอนไปซื้อพอตัวเลย เหอ ๆ แสดงว่าตอนแรกผิวเราคงเหียกน่าดู)
ความรู้สึกหลังจากการใช้ครึ่งปี ตอนนี้บ้านเราก็ร้อนแล้วเนอะ อาจจะรู้สึกมันจุดทีโซน แต่พอส่องกระจกก็ไม่ได้ดูมันเยิ้มอย่างที่รู้สึกค่ะ ผิวดูโอเค
Eye care : Ultra Correction Lift เป็นอายครีมที่ยกกระชับรอบดวงตา กระปุกนี้ราคาโหดเหมือนกัน แต่รู้สึกว่าใช้ได้นาน ในคำแนะนำคือ ทาครีมและนวดรอบดวงตา จะทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
ผลจากการใช้ ก็รู้สึกผิวใต้ตาไม่บวมย้อย เรื่องริ้วรอยไม่ได้ลดลงอย่างเด่นชัด แต่รู้สึกว่าดูเบาบางกว่าตอนใช้อายครีมแบรนด์อื่น
แต่จะมีสิ่งหนึ่งที่เราใช้แบรนด์อื่น นั่นคือ คลีนซิ่ง เพราะเราใช้โฟมไม่ได้ แต่ของชาเนลมีแต่รุ่นโฟม
เราเลยใช้อีกแบรนด์ที่เป็นเจลค่ะ
เราเลยใช้อีกแบรนด์ที่เป็นเจลค่ะ
White essentiel Lightening make-up remover
ออยเจลล้างเครื่องสำอาง หลอดยักษ์ใหญ่มาก ใช้มาตั้งหลายเดือนแล้วยังไม่หมดเลย เวลาใช้ก็ไม่ต้องบีบออกมาเยอะ ทีละน้อย นวดทั่วใบหน้า นวดจนรู้สึกออยเจลหนืดมาก ๆ แล้วค่อยเอามือจุ่มน้ำและนวดหน้าต่อ และล้างหน้าตามปรกติ
ผลจากการใช้ เราจะมีปัญหาเรื่องสิวด้วย แต่ก็รู้สึกว่าสิวน้อยลง คงไม่ใช่เพราะผลิตภัณฑ์ทำให้สิวน้อยลง แต่ด้วยความที่เป็นออยเจล นวดไปดูโทรทัศน์ไปเพลินดี ก็เลยทำให้เราล้างเครื่องสำอางที่ผังลึกได้มากขึ้น และหน้าก็ขาวขึ้นด้วยเพราะเป็นรุ่นไวท์เทนนิ่งค่ะ
หมวด Make-Up
UV Essentiel Multi-Protection Daily Care SPF 50 กันแดดสูตรน้ำ ไม่ทิ้งคราบขาว และไม่ทำให้หน้ามันขึ้น ไม่ทำให้อุดตัน (หรือว่าเราบรรจงล้างหน้าหว่า....)
Vitallumiere Aqua Skin Perpfecting makeup SPF 15 รองพื้นสูตรน้ำ ต้องเขย่าก่อนใช้ และตามคำแนะนำบีเอ ให้วอร์มเนื้อรองพื้นที่หลังมือ และค่อยนำไปทาหน้าจะทำให้เนื้อเนียนมากขึ้น ทำให้หน้าดูชุ่มชื้น ไม่ได้สร้างความมันมากขึ้น ปกปิดได้ในระดับหนึ่ง แต่เน้นความเป็นธรรมชาติมากค่ะ พกพาง่าย ขวดพลาสติก ขวดเหมือนเล็ก แต่ใช้ได้นาน
Natural Finish Loose Powder แป้งฝุ่น เนื้อละเอียด ติดทนดีนะคะ เมื่อก่อนเราใช้แต่ LM มาหลายกระปุกก็จริง แต่ก็มีข้อนึงที่ทำให้เราหักคะแนนคือ ผ่านไป 1 ชม.ก็รู้สึกว่าหน้าดร็อปลง แต่เมื่อเปลี่ยนมาใช้ของชาเนลตัวนี้ ไม่รู้สึกว่าหน้าดร็อปลง แป้งกระปุกใหญ่มากเลยพกไปไหนลำบาก ต้องแบ่งใส่กระปุกเล็ก ๆ เอา
ผลจากการใช้ 3 ตัว ใช้ตอนเช้า บางวันไม่ได้เติมหน้าเลยก็ยังโอเคอยู่ค่ะ บางวันเติมแป้งระหว่างวันบ้าง ก็จะทำให้หน้าผ่องเหมือนเดิม
Brush จริง ๆ ก็ใช้หลายแบรนด์ แล้วแต่อารมณ์ ตอนนี้อารมณ์ตกหลุมรักกับสีใหม่ของชาเนลอยู่ค่ะ 2 รุ่นที่มีอยู่ในครองครอบ จะเป็นสีที่ใกล้เคียงกัน แต่เหมือนจะเป็น Limited ทั้งคู่
สีแรกเป้นแนวโอรส เบอร์ 65 Espiegle เนื้อละเอียดออกส้มบาง ๆ ทำให้ดูสว่าง
สีที่สอง เบอร์ 69 Fleur De Lotus สีที่เพิ่งออกใหม่ เป็นโทนที่เข้มขึ้น กว่าเบอร์ 65 แต่มีเนื้อชมพูมากขึ้น
เหมาะกับผิวคนเอเชีย คนผิวคล้ำ ๆ ก็ดูโอเค (เราผิวสองสี ออกแทน) พอดูอยู่บนใบหน้า มันทำให้ดูหวานขึ้น
ออกแนวบ่มแดดน้อย ๆ
เหมาะกับผิวคนเอเชีย คนผิวคล้ำ ๆ ก็ดูโอเค (เราผิวสองสี ออกแทน) พอดูอยู่บนใบหน้า มันทำให้ดูหวานขึ้น
ออกแนวบ่มแดดน้อย ๆ
เทสจริงให้ชมค่ะ
ภาพแรกลองรองพื้นค่ะ ไม่ได้สาดแฟลชค่ะ ภาพถัดไป เกลี่ยรองพื้นแล้วลงแป้งเสร็จแล้วค่ะ
ทาบรัช ภาพแรกไม่มีแฟลช ภาพถัดไปคือสาดแฟลชไปแล้วจะเห็นเลยว่า เบอร์ 65 จะมองแทบไม่เห็น
เบอร์ 69 ยังเห็นเด่นชัด
อันนี้ถ่ายตอนกำลังจะใช้ออยเจลล้างค่ะ จะเห็นได้ว่าเบอร์ 69 ชมพูส้ม บ่มแดดอย่างเห็นได้ชัด
จริง ๆ ที่ใช้ก็ราคาสูงอยู่ แต่เราก็ทำงาน เก็บเล็กผสมน้อยซื้อเอา ถึงราคาจะสูงแต่ใช้เหมาะกับหน้า ก็ยอมค่ะ
ปัจจุบันเราไม่หาหมอหน้า ไม่เข้าคลีนิกทำอะไรเป็นพิเศษ ผิวก็ดูโอเคในระดับหนึ่ง กว่าจะหาอะไรที่เหมาะกับตัวเองได้
ก็ลองถูก ลองผิด ต้งแต่ถูกมาก ยันแพงค่ะ แต่พอดีเราดันใช้แล้วถูกกับแบรนด์นี้ (เลยเป็นภาระผูกพันกันไป - -; )
เพราะเซ็ทนี้จึงทำให้เราหยุดที่จะเสาะหาอะไรอื่นมาแทนที่ (ขอรักเดียวใจเดียวตลอดไป) เราเชื่อว่า ถ้าคนเราเจอสิ่งที่ใช่
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแต่งหน้า สกินแคร์ การงาน ความรัก คนเราจะหยุดเสาะหาสิ่งอื่นโดยอัตโนมัตเลยค่ะ
(เอ๋ะ หรือว่าเราแก่เลยคิดแบบนี??? )
รีวิวยาวมาก ขอโทษด้วยนะคะ หวังว่าจะเป็นรีวิวประกอบการตัดสินใจสำหรับคนที่จะลองใช้แบรนด์นี้ไม่มากก็น้อยนะคะ
Discussion (4)
K.Pandamadalin
ยิ่งเขียนยิ่งเพลินเลยเล่นซะยาวขนาดนี้เลยค่ะ เนื้อบรัชก็ละเอียดจริง ๆ เทียบกับแบรนด์อื่นแล้วติดทนนานกว่าด้วย เสียอย่างเดียวราคาโหดร้ายเกินค่ะ (- -")
K.Nid_arada
ขอบคุณสำหรับคำคอมเมนต์ค่า
รีวิว ได้ละเอียด มากๆเลยค่ะ ^^
รีวิวได้ละเอียดมากค่ะ มีความตั้งใจจริง เราเคยใช้บรัชชาแนลนะ เนื้อละเอียดจริงๆ ติดทน เลิกใช้นาร์สไปเลย^__^
แป้งนุ่มมมมมม เบา สบายยยยยยหน้ามาก
กำลังเห่อเลยตอนนี้
ลืม LM ไปเลย