Hong Kong Treasure Hunt : ตอน ช้อปปิ้งเมืองใหญ่ กินเที่ยวจัดเต็ม
KahnJi105กลับมาแล้วค่ะ มาอย่างรวดเร็ว เพื่อไม้ให้ขาดตอน ..ตอนที่สองของการมาเที่ยวที่ฮ่องกง เราจะพาสาวๆ มาเที่ยวตามย่านต่างๆ พามาดูโดยแหล่งช้อปปิ้ง ห้างร้านที่มาทั้งทีห้ามพลาดดด แต่นอกจากแหล่งช้อปปิ้งแล้วก็ยังมีที่เที่ยวน่าสนใจอีกหลายแนวเลยนะ จะมีที่ไหนบ้างนั้น มามะตามมาดูกันเลย....
Causeway Bay
สำหรับฝั่งฮ่องกงแล้ว คอสเวย์ เบย์ เป็นแหล่งช็อปปิ้งอีกแหล่งนึงที่ขาช็อบพลาดไม่ได้ ไหนจะห้างที่อยู่ติดๆ กันไปหมด ไม่ว่าจะเป็น Time Square/ Sogo/ Lee Theatre Plaza/Lee Garden/ Jardine’s Cresent ห้างน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดปีที่แล้ว Hysan Place และของกินแสนอร่อยอีกมากมาย แต่ วันนี้ เราจะขอนำเสนอ ร้านที่ขาช็อบชาวจีบันห้ามพลาด เอาแค่พอกรุบกริบพอ มีที่อื่นอีกเยอะต้องพาไป ฮิฮิ
Forever21 (Flagship store ที่แรก และที่เดียวในฮ่องกง)
https://www.facebook.com/Forever21HK
ร้านที่เราคุ้นๆ กันดีที่เมืองไทย ตั้งอยู่ตรงทางออก Metro ช่อง F1 เลย จุดเด่นของที่นี่คือ ร้านมีทั้งหมด 6 ชั้น B/G/1/2/3/4 แค่เดินเข้าร้านมาก็เหมือนหลุดออกไปอีกโลกนึง ลืมเวลาไปเลย 5555 ที่สำคัญเปิดถึงตี 1!!!! อำนวยความสะดวกแก่นักช้อปจริงๆ เลย ดึกดึ่นแค่ไหนร้านนี้ไม่ได้เงียบเหงาเลยสักนิด สาวๆ แวะเวียนกันมา ไม่ขาดสาย ตอนแรกกะจะไม่ซื้อไรไปๆ มาได้ของติดไม้ติดมากลับมาเฉ้ยย เอออมันมีพลังงานงานบางอย่างสะกดจิตเราอยู่จริงๆนะ 55555
Muji
http://www.muji.com.hk/
แบรนด์ญี่ปุ่นที่มี shop หลายสาขาในฮ่องกงของละลานตามาก มีทุกสิ่งให้เลือกสรรตั้งแต่เครื่องเขียน เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องครัว วัตถุดิบในการทำอาหาร ผงเครื่องเทศ เครื่องแกงต่างๆ หรือพวกขนมต่างๆ ก็มีขาย แถมราคาที่เนี่ยถูกกว่าไทยหลายบาทอยู่นะ สาขาที่เราไป ตั้งอยู่ที่ชั้น 3/4F Lee Theatre Plaza ที่นี่มี Muji Café ที่แรกและที่เดียวในฮ่องกงขายอาหาร มีนั่งทานกันในร้าน ใครผ่านมาแถวนี้ อย่าพลาดนะ ชิมแล้วมาบอกกันบ้างว่ารสชาติเป็นยังไง ไอติมน่ากินมากกกกก
Wan Chai
ย่านนี้ เป็นย่านดั้งเดิมของชาวจีนที่มาตั้งรกรากอยู่ฝั่งฮ่องกง แต่หลังจากอังกฤษเข้ามาครอบครองก็มีผลทำให้วิถีชีวิตของชาวจีนในย่านนี้เปลี่ยนไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ถ้าสังเกตดีๆ เรายังพอมองเห็นความแตกต่างของตึกรามบ้านช่องในย่านนี้ แตกต่างจากแถว Central ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจมาก ตึกเก่าๆ แถวนี้ จะมีลักษณะเหมือนตึกแถวที่ไว้ทำมาค้าขายมีรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวจีนมาก มองๆ ไปก็คล้ายกับตึกแถวในประเทศไทยก็เหมือนกันค่ะ (แต่สวยกว่าเยอะนะ แหะๆ)
นอกจากห้าง ร้านค้า แหล่งช็อปปิ้ง ของกินที่ขึ้นชื่อในย่านนี้ อย่างที่บอกไว้แต่แรกว่า ทริปนี้เราจะพาสาวๆ มาร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่ในมุมมองที่อาจจะไม่เคยสัมผัสจากฮ่องกงมาก่อน Wan Chai Herritage Trail เป็นหนึ่งเส้นทางที่เราจะพาไปค่ะ เหมาะสำหรับคนที่เบื่อกิน เที่ยว ช็อปปิ้ง อยากเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการเดินดูวัฒนธรม ผู้คน สถาปัตยกรรม พร้อมศึกษาประวัติศาสตร์ความเป็นอยู่ของชาวฮ่องกง ระยะทางการเดิน ประมาณ 3 กิโล
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Wan Chai Herritage Trail
http://www.ura.org.hk/en/projects/heritage-preservation-and-revitalisation/wan-chai/wan%20chai%20heritage%20trail.aspx
โหลดเส้นทางการเดิน พร้อมรายละเอียดได้ที่นี่
http://www.ura.org.hk/media/950737/eng_final.pdf
สำหรับชาวคณะเราแล้ว เริ่มเตินตั้งแต่ 1 เลยค่ะ มีบางตึก หน้าตาจะไม่เหมือนในไกด์แมพแล้ว เพราะกาลเวลาล่วงเลย อย่างตึกแรกนี่ก็ไม่ใช่ Green House แล้ว เปลี่ยนเป็นสีอื่น แต่หน้าตา โครงสร้าง ยังเหมือนเดิม
ตึกที่ยังคงอยู่ เช่น รพ.โรคหัวใจ (บนซ้าย) Wah Chai Post office (กลางซ้าย) แต่ไปรษณีย์อันเก่า ไม่ได้ใช้งานแล้วค่ะ ย้ายที่ทำการไปเป็นตึกทันสมัยข้างๆ แทน ใหญ่บิ๊กบึ้ม
ตลาด Wan Chai (ล่างขวา) ตอนนี้ กลายเป็นตึกสูง แต่ด้านล่าง ยังคงรูปแบบโครงสร้างคล้ายตลาดเดิม
ตึกสีฟ้าด้านบน อันนี้เก่าจริงอะไรจริง เต็มไปด้วยภาพประวัติศาสตร์มากมาย ตั้งแต่สมัยญี่ปุ่นทิ้งระเบิดโน่น
และสีฟ้าของตึกก็มีเรื่องเล่านะ สมัยก่อนรัฐบาลอยากให้ทาสีบ้านให้สวยงาม ซื้อสีมา แต่ว่า ไม่มีตังค์จ้างคนทา เลยเอาสีมาวางตั้งทิ้งไว้ ชาวบ้านเลยเอาสีมาทาบ้านตัวเองกันเอง.....และ ตึกเก่าแบบนี้ ข้างในภายในตึกไม่มีห้องน้ำ สมัยก่อน เค้าเทของเสียลงในกระโถนหรือภาชนะแล้วค่อยเอาออกไปเททิ้ง สมัยนี้ ไม่รู้อยู่กันยังไง ท่าทางจะไม่ได้สร้างห้องน้ำเพิ่ม -_-''
ตึกสีฟ้าห้องนึง ถูกทำเป็น House of Story รวบรวมรูปภาพ ของใช้ ของเก่าๆ อีกมากมาย
Pak Tai Temple ตั้งอยู่ในมุมเงียบสงบของ Wan Chai เป็นวัดเล็กๆ ศูนย์กลางของชุมชนค่ะ
จากจุดนี้ คุณไกด์ของเราบอกว่า มี trail เล็กๆ ที่เดินต่อขึ้นไปยัง Bowen Road สวนสาธารณะ ที่อยู่สูงขึ้นไป(บนเขา) อยู่ระหว่างทางขึ้นไป The Peak ด้วย เดี๋ยวจะพาไปเดินในตอนต่อไปนะ รับรองไม่พลาด ฮิฮิฮิ
อะๆ สาวนักช็อบอย่าเพิ่งเบื่อ รู้ทันหรอกน่า!!!
เรามีร้านฮิปๆ แนวๆ ในย่าน Wanchai มาแนะนำกันด้วยค่ะ จริงๆ โซนใกล้ๆ กันนี้ อย่างที่บอก เป็นย่านตึกเก่า แต่เหมือนเป็นเทรนที่ expat ต่างชาติ ย้ายเข้ามาอยู่ในตึกเก่าๆ แถวนี้กันมากแล้วปรับปรุงตึกให้ดูทันสมัยขึ้น เริ่มมีร้านค้า เสื้อผ้าแฟชั่น มาเปิดเพื่อขายชาวต่างชาติ (แน่นอนว่า ราคากค่อนข้างสูงพอสมควร) เช่น Club Monaco/ Monocle/Tikka/ Henry/
Blacksmith (ตั้งอยู่บน Queens Road ตัดกับ St. Francis)
http://www.mrblacksmith.hk/
จริงๆ ร้านของแต่งบ้าน แบบ Blacksmith และ Homeless (จริงๆ คือร้านเดียวกัน) มีหลายสาขา แตกต่างกันที่สไตล์ สำหรับสินค้าของแต่งบ้าน กระจุกกระจิก ดีไซน์น่ารัก ทันสมัย เน้นฟังก์ชั่นสุดใจขาดดิ้น ใครชอบแบบนี้ต้องยกให้ Homeless แต่ถ้าชอบออกแนว Industrial วินเทจนิดๆ ดิบหน่อยๆ ต้องไม่พลาด Blacksmith จ้า เป็นการเพิ่มเติมดีเทลให้บ้านหลังน้อยของเรา ไม่ว่าจะจาน ชาม โต๊ะ ตู้ แมกเนท นาฬิกา ที่วางยากันยุงขดๆ(เมืองนอกเค้าใช้กันด้วยหรอ นึกว่ามีแต่เมืองไทย
Monocle (St.Francis Yard, Wanchai)
ร้านนี้ มีเรื่องราวและที่มาน่าสนใจ แฟนคลับตัวจริงเสียงจริงคงรู้ว่า Monocle นั้น เป็น lifestyle magazine ชื่อดังเล่มนึงของโลก มีออฟฟิสอยู่ในหลายประเทศ ได้แก่ ลอนดอน นิวยอร์ค โตเกียว ซูริค โตรอนโต และฮ่องกง เป็นนิตยสารที่รวมหลากหลายเรื่องราวเอาไว้ในเล่มเดียว ไม่ว่าจะเป็น ครีเอทีพ ดีไซน์ การเมือง การเงิน แฟชั่น ด้วยแนวคิดที่ว่า แล้วเราจะอ่านแมกกาซีนหลายๆ เล่มไปใย ทำไมไม่อ่านมันซะเล่มเดียวที่มีทุกเรื่อง…..
เริ่มต้นจากนิตยสาร เติบโตมาเป็นสถานนีวิทยุ (ที่ฮ่องกงก็สถานนีนะ บอร์ดคาสกันหลังร้านนี่แหละ) ช่องทีวี และ ร้านขายสินค้าดีไซน์เก๋ๆ เหมาะอย่างยิ่งที่แฟนคลับสาวติสจะจัดหาของฝากสักชิ้นไปกำนัลหนุ่ม มาดนิ่ง เนี๊ยบ ที่ชอบอุปกรณ์เครื่องเขียน ดีไซน์ของในร้าน จะเป็นแบบเรียบแต่แอบเท่ห์ หัวจรดเท้า ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ดูกันเอาเอง
Kapok
แบรนด์สตรีทแฟชั่น รวบรวมเสื้อผ้า เครื่องประดับ(ส่วนใหญ่จะของผู้ชาย) จากหลากหลาย designer มาไว้ด้วยกัน บางชิ้นก็เป็นดีไซเนอร์คนไทยก็มีนะ เน้น สวมใส่สบาย เท่ห์ๆ ไม่ถึงกับคุณชายขรึม มีลูกเล่น แอบกวนนิดๆหน่อยๆ แต่งเติมสีสันด้วยผ้าพันคอ เป้ เข็มกลัดติดกระดุมติดเทคไนค หมวก
Central & Sheung Wan
Central เป็นย่านสำคัญของฝั่งฮ่องกง ซึ่งเป็นโซนเศรษฐกิจที่มีทั้งศูนย์กลางธุรกิจและการค้า ศูนย์กลางการคมนาคม มีตึกสำคัญๆ ที่เป็นกิมมิกของฮ่องกง อย่าง IFC เป็นตึกที่สูงที่สุดในย่านนี้ และสูงติดอันดับต้นๆ ของโลกอีกด้วย ตึก Bank of China ตึก Exchange Square และตึก HSBC นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของสถานที MTR Central และ Airport Express สถานนี Hongkong เรียกได้ว่า เดินไปทางไหน มีแต่คนยุบยับ
Tips : การเดินทางจากสนามบิน ถ้าใช้ Airport Express จากสนามบิน มายังสถานนี Hongkong ใช้เวลาเพียงแค่ 24 นาทีเท่านั้น จากสถานนีนี้ สามารถต่อรถโดยสารสาธารณะอื่นๆ ได้ หรือจะต่อแทกซี่ไปยังโรงแรมที่พัก ในระแวกใกล้เคียง เสียค่าแทกซี่เพิ่มอีกนิดหน่อย สะดวกกว่ากันเยอะ โดยเฉพาะถ้าเดินทางมาหลายๆ คน (แทกซี่ที่ฮ่องกง ถ้าหากมีกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ จะชาร์จเพิ่ม ใบละ 5 $ ต่างหากจากค่าแทกซี่)
แพคเกจบัตรโดยสาร Airport Express สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://mtr.com.hk/eng/fares_tickets/tf_index.html
ย่าน Central นี้ นอกจาก H&M ที่ใหญ่อลังการ ตั้งอยู่บนถนน Queens Road แล้ว (ตอนมาฮ่องกงครั้งแรก จำเกี่ยวกับ Central ได้แค่นี้อะนะ 55555) ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าสนใจ ไล่ยาวต่อเนื่องไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ เขต Sheung Wan
สำหรับ 2 ย่านนี้ เราขอนำเสนอ ร้านค้ากิ๋บเก๋ แปลกแหวกแนว สารพัด Concept store อยู่เต็มไปหมด
ถึงแม้ถนนบางเส้น อาจจะไม่ได้คึกคัก คราคร่ำไปด้วยผู้คนเดินขวักไขว่ แต่ตามตรอกซอกซอย แฝงไว้ด้วยร้านน่ารักๆ มากมาย ของแต่งบ้าน Art Gallery ที่ถ้าได้ผ่านมา อย่าเกรงกลัวที่จะเปิดประตู เข้าไปทักทายและเดินชมค่ะ
ถ้าใครเที่ยวฮ่องกงบ่อยๆ เบื่อช็อปปิ้งแบบบ้าคลั่งแล้ว เราขอแนะนำให้ใช้เวลาแบบอ้อยอิ่ง เดินชีลๆ ณ ย่านนี้ดูบ้าง
ถนน Wellingtong (ซึ่งยาวมาก สามารถเดินจากฝั่งไหนก็ได้ Sheung Wan หรือ Central ได้หมด)
ถนน Gough/Aberdeen และ Hollywood ค่อนมาทางฝั่ง Sheung Wan ต่อเนื่องไปถึงย่าน SoHo โน่นเลย และบันไดเลื่อนที่ยาวววที่สุดในโลก ถนนสองเส้นนี้เป็นถนน วันเดียว ถ้าเดินหมดนี่ ขาลากแน่นอนค่ะ แนะนำให้เดิน 2 วัน แล้ว เผื่อเวลาแวะนั่งจิบน้ำชายามบ่าย กินอาฟเตอร์นูนที ที่ร้านไหนสักร้านบนถนนแถบนี้ (เดี๋ยวเราจะแนะนำร้านกันต่อไป)
Tikka
https://www.tikka-boutique.com
ร้านเสื้อผ้าที่รวบรวมเอาผลงานดีไซน์เนอร์หลากหลายประเทศที่ผ่านการตัดสรรแล้วมารวมไว้ในร้านเดียว มีทั้งดีไซนเนอร์ญี่ปุ่น เกาหลี ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีของชาวไทยอยู่ด้วยนะ คัดสรร คัดเลือกเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ ไม่ซ้ำใคร ซึ่งเค้าก็มีแบรนด์ของเค้าเองด้วยชื่อว่า Doris และผลงานก็ได้นำไปเดินโชว์ใน Australian Fashion week มาแล้ว
Visionare
ร้านนี้เนี่ยเค้ามีของมีดีไซน์เอกลักษณ์เฉพาะตัวของเค้า ทั้งถุงผ้า เครื่องครัว อุปกรณ์ทำสวน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องเขียน รับรองว่า สรรหามาจากทุกมุมโลก ไม่ซ้ำใครแน่นอน
ส่วนใหญ่คนที่มาร้านนี้เค้าจะมาตามหาไอเท็มจาก ดีไซนเนอร์สาวชาวฝรั่งเศสชื่อ Maron Bouillie
ส่วนใหญ่จะเป็นการพิมพ์ลงบนผ้าและวัสดุต่างๆ ของใช้ในชีวิตประจำวัน (แค่มีพร็อบสวยๆ ก็ช่วยให้อารมณ์ดี มีความสุขในการทำงานได้ นั่นคือที่มาของสินค้าสวยๆ Maron )แต่ลวดลายลายเป็นเอกลักษณ์มาก ใช้ภาพจริงพิมพ์ลงไปและมีตัวโลโก้เป็นผู้หญิงตัวจิ๋วๆ บ่งบอกถึงตัวตนของ Maron เช่น ผักสวนครัว ธรรมชาติ ขนม ตึกเก๋ๆ เธอเฝ้ามองผักที่เธอปลูก เมื่อเวลาผ่านไป ฤดูที่แตกต่างกัน แล้วถ่ายทอดออกมาเป็นภาพบนชิ้นงานต่างๆ บอกได้เลยว่า เห็นปุ๊บ รู้ปั๊บว่างานชิ้นนี้ของใคร
ถ้าสนใจสามารถดูผลงานเพิ่มเติมได้ที่ http://www.maronbouillie.com/
คนบ้าปากกาอย่างเค้า ที่ลงทุนซื้อ Lamy แท่งละเป็นพัน ก็เดินวนเวียนอยู่ตรงด้านหน้า เป็นปากกาจากเยอรมันเหมือนกัน ทำจากไม้กลึงซะเนียน หมุนไส้เปลี่ยนเป็นได้ทั้งปากกา ดินสอสี โดยใช้บอดี้อันเดียวกัน กบเหลาดินสอ ทำจากไม้เรียบๆ รูปทรงคิวบิกก็น่ารักโคด ใครเวิ่นของพวกนี้ เชิญไปลูบคลำด้วยสายตา และถ้ามีโอกาส ลองแวะไปร้านนี้ดูจ้า (เตรียมตังค์ไปเยอะๆ ด้วย
http://www.em-holzprodukte.de/
Dearbell
ร้านขาย Accessories ที่ทุกชิ้นเป็นงานแฮนด์เมททำออกมาทีละชิ้น แต่ละชิ้นทำออกมาไม่เหมือนใคร สรรหาวัตถุดิบจากทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะ antique Vintage จากไหน จุดเด่นของเครื่องประดับร้านนี้ คือ จะ "เยอะ" เป็นพิเศษ
โดยที่มาที่ไปเกิดจากแนวคิด ดีไซนเนอร์คนทำเครื่องประดับและเจ้าของร้าน มีความคิดว่า ทำไม คนเราต้องนั่งถ่างตาทำเครื่องประดับแบบพิถีพิถัน แล้วออกมาชิ้นเล็กๆ กระจิ๋วหลิว สุดท้าย มองแทบไม่เห็น...สู้ทำให้มันใหญ่ๆ เตะตา แปลกแหวกแนว ใส่แล้วเด้งออกมา ทำให้เราโดดเด่นเด้งออกมาจากฝูงชนไปเลยดีกว่า ไม่ว่าเราจะเสื้อผ้าที่ธรรมด๊าธรรมดาแค่ไหน เครื่องประดับทำดูมีอะไรขึ้นมาทันทีเลยนะ ^0^
ตอนนี้ ร้านนี้ตั้งอยู่แถว Wellington แต่อีกไม่นาน จะย้ายไปถนน Aberdeen แล้วจ้า ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ http://www.dearbell.com/
Homeless
https://www.facebook.com/Homeless.HongKong
เป็นร้านที่เราใช้เวลานานมากกก เหมือนหลุดไปอยู่อีกโลก ลูบๆ คลำๆ อยากได้มันทุกชิ้น มีของไอเดียเก๋ๆ รวมไว้ที่นี่เยอะมากไม่เฉพาะแค่เฟอร์นิเจอร์เท่านั้น เครื่องครัว จานชาม ช้อนซ้อม แก้วน้ำ เครื่องเขียน ก็ล่าตาล่อใจให้เราติดแหงกอยู่เป็น ชม.ได้เหมือนกันนะ ราคาของที่นี่ถือว่าถูกว่าบ้านเราหลายบาทเลยทีเดียว ใครที่ถึงแม้จะไม่อินเรื่องแฟชั่น ไม่อินเครื่องความงาน เชื่อว่ามาร้านนี้ต้องได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปบ้านแน่นอน ฆ่ากันดีกว่าถ้าจะให้เดินออกไปมือเปล่า
Konzepp
ร้านเก๋ๆ แห่งนี้ นำสินค้าจากดีไซน์เนอร์หลากหลายจากทุกมุมโลก ฮ่องกง เกาหลี แคนาดา ญี่ปุ่น โดยเลือกเฟ้นเอาผลงานจาก young designer ต่างๆ ที่อาจจะเพิ่งเริ่มตั้งไข่ อาจจะไม่มีชื่อเสียงมา แต่ผลงานเข้าตากรรมการมารวมรวมกันไว้เป็นพื้นที่จัดแสดง ขายสินค้า มีพื้นที่ไว้แลกเปลี่ยนไอเดีย รวมไปถึงเปิดโอกาสให้ศิลปิน ได้สร้างผลงาน collaborate กันเองด้วย เรียกได้ว่า unlimited idea
เน้นพวกเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า หรือของตกแต่งบ้านอื่นๆ ส่วนมากจะขายของหนุ่มๆ เป็นหลัก
ที่สำคัญร้านนี้พ่อค้าแซ่บมากค่ะ (สังเกตจากตัวโต ตัวหนาและขีดเส้นใต้ ไม่รู้จะเน้นยังไงให้มากไปกว่านี้แล้ว 5555555)
ขอให้ได้แวะไปดูกันนะ https://www.facebook.com/konzepp ไม่ซื้อหาไม่ว่า ขอเป็นบุญตาก็พอแล้ว...กร๊ากกกกกกกก
Goods of Desire G.O.D
http://www.god.com.hk/
เป็นอีกหนึ่งร้านดังสำหรับคนที่รับประทานดีไซน์เป็นอาหารว่าง เชื่อว่าหลายคนอาจจะรู้จักดีอยู่แล้ว เพราะถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของฮ่องกงเลยทีเดียว อีกความหมายหนึ่งของชื่อในภาษาจีน(ที่โลโก้) แปลว่า To Live Better ดีไซน์เนอร์มีแรงบันดาลใจการออกแบบมาจากสภาพบ้านเมือง สังคมของชาวฮ่องกงที่ใช้ชีวิตกันอย่างเร่งรีบ ถ้ามองลึกลงไปจริงๆ แล้ว ในวิถีชีวิตชาวฮ่องกงแบบนี้ เป็นความกลมกลืนผสมผสานกันระหว่าง ตะวันออก และตะวันตก เทคโนโลยีและวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมา ทำให้ผลงานทั้งหลายในร้าน สะท้อนภาพลักษณ์ต่างๆ เหล่านี้ออกมาได้อย่างดี จุดเริ่มต้นจากร้านเล็กๆ ที่ขายจุดเด่นความเป็นฮ่องกงให้ชาวต่างชาติ ตอนนี้ขยับขยายมี 8 สาขาในฮ่องกง และสาขาในจีนและสิงค์โปร ถือว่าดังข้ามชาติทีเดียว บางคนซื้อเป็นของสะสมก็มี ผลงานโดดเด่นเช่น ภาพตึกชีวิตความเป็นอยู่ของคนในฮ่องกง ตัวอักษรจีนนำเสนอออกมาเป็นชิ้นงานไม่ว่าจะเสื้อผ้า แก้วน้ำ กระดาษ ปลอกหมอน เสื้อผ้า ไปจนถึงของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่เมื่อเราเห็นผลงานเค้าแล้วรู้สึกถึงความเป็นฮ่องกงได้อย่างน่าปะหลาดใจ
ร้านที่ตั้งอยู่บน Hollywood Street ร้านนี้ มี 2 ชั้น ถือว่าใหญ่มากจ้า อีกร้านที่เราได้แวะไป คือ ร้านตรง Sai Kung ร้านนั้นเล็กกว่า และใช้พื้นที่ส่วนใหญ่ไปเป็นบ้านให้สุนัขจรจัด ใครเจอสุนัขจรจัดที่ไหน แวะเอามาส่งไว้ที่นี่ เค้าจะรับเลี้ยง จัดการอาบน้ำ ปะแป้ง แต่งหล่อให้ รอเจ้าของที่แท้จริงมารับไปเป็นลูกบุญธรรมต่อไป
Art&Museum
Perrotin Gallerie จริงๆ ฮ่องกงมีแกลอรี่เยอะมากกก นะคะ แต่หนึ่งในนั้น ที่เราจะพาไปดู คือ ที่นี ซึ่งเป็นหนึ่งใน contemporary art gallerie อันดับต้นๆ ของฝรั่งเศส สถานที่ตั้งอยู่ชั้น 17 ตึก 50 Cannaught Road Central เยื้องๆ ข้ามโรงแรม Four Seasons Central ถ้าเดินมาจาก MTR Central ทางออก A ก็ไม่ไกลมากค่ะ
นิทรรศการที่จัดแสดงจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แวะเวียนไปดูได้ค่ะ
ช่วงนี้ จัดแสดงภาพวาดสีอะคริลิก ของศิลปินชาวญี่ปุ่น Takashi Murakami และ ของ Xavier Veilhan ศิลปินชาวฝรั่งเศส หัวข้อ Mobile (ถึงวันที่ 6 ก.ค. นี้) ไม่เสียค่าเข้าชมค่ะ
Hong Kong Maritime Museum
http://www.hkmaritimemuseum.org/
จ-ศ 9.30-5.30 น.// ส-อา 10.00-7.00 น.
เป็นพิพิธภัณฑ์ทางทะเลของฮ่องกง ชื่อนี้อาจจะคุ้นๆ เหมือนมีมานานแล้ว จริงๆ สมัยก่อน พิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่บนถนน stanley มีขนาดไม่ใหญ่มากค่ะ แต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมาย้ายทำเลมาที่ตั้งแห่งใหม่ใหญ่กว่าเดิมมากกกก พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่บริเวณ Star Ferrie Central Pier สามารถเดินมาจากทางเชื่อม ต่อเนื่องมาจาก MTR สถานนี Central ผ่าน Exchange Square และตึก IFC มายังท่าเรือได้ (ใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาที)
ถ้าใครยังไม่เคยมา หรือมาเมื่อนานแล้ว อยากเชิญชวนให้ลองมาเก็บเกี่ยวความรู้ทางประวัติศาสตร์การเดินเรือสมัยก่อน ที่มาที่ไปของฮ่องกง ว่าเป็นไงมาไงถึงได้เป็นเมืองท่าที่สำคัญเมืองนึงของโลก รู้เหมือนได้ย้อนเข้าไปอยู๋ในประวัติศาสตร์แบบในหนังจีนเลยค่ะ ^_^
ภายในพิพิธภัณฑ์จะแบ่งเป็นโซนต่างๆ 3 โซน ไล่เรียงเรื่องราวตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์ เรือสำเภาเป็นยังไง จนถึงเรือเดินสมุทรในยุคปัจจุบัน และจะบอกว่าพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่อย่างที่นี่เนี่ย ขนาดเราโตแล้วเรายังรู้สึกตื่นตาตื่นใจและสนุกไปกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ด้วยเลยนะ เพราะไม่ได้มีแค่ตัวหนังสือที่ป้ายเพียงอย่างเดียว แต่มีสื่อหลายๆรูปแบบมาทั้งภาพ แสงสี เสียงให้เราได้อินมากขึ้นกว่าการอ่านหนังสือ ลองฟังเสียง ลอยแตะจอดู อะไรประมาณนี้ นอกจากนั้นก็ยังมีของที่ระลึกจำหน่ายตรงทางออกด้วย
Highlight ของที่นี่ ที่เราชอบมากคือ ด้วยโลเคชั่นตั้งอยู่บริเวณท่าเรือ และตัวอาคารยื่นออกไปในน้ำ บริเวณชั้น 2 จะมีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ พร้อมกล้องส่องทางไกล ให้เรามองเห็นวิวมุมกว้างของอ่าว มองไปเห็นตึกสูงๆ ฝั่งเกาลูน และเรือเฟอรี่ ที่วิ่งขนส่งขนสลับไปมาระหว่างสองฝั่งนี้ ถือเป็นจุดชมวิวจุดหนึ่งที่ไม่ควรพลาดค่ะ
กล้องส่องทางไกล เราลองส่องเล่นดู มองเห็นไปถึงฝั่งเกาลูน เห็นคนเดินไปมาอยู่หน้าฮาร์เบอร์ซิตี้ ชัดแจ๋ว เลยอะ 555555
ร้านขายของที่ระลึก มีภาพวาด ของเล่น โปสการ์ด เกมส์ ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือ
อ๊า.....มหากาพย์ได้มาถึง ณ จุดนี้
แต่ยังไม่จบนะคะ....นักกิน นักผจญภัย ทั้งหลาย ขออย่าได้พลาด
รับรองว่า เรายังมีที่กินอร่อยๆ อีกหลายที่มาแนะนำ รับรองว่าไม่ซ้ำใคร รวมไปถึงที่เที่ยว กิจกรรมแปลก แหวกแนว และอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับฮ่องกง ที่คุณไม่เคยรู้ !!!!!!!
พบกันใหม่ที่นี่ เร็วๆ นี้นะ.....
(โบกมือจากไปแบบนางงาม แต่เหนื่อยหอบเล็กน้อย ถึงปานกลาง)
เห็นแหล่งช้อปแล้วยั่วตายั่วใจกันใช่มั้ยล้าาา อยากไปมั้ย อยากไปมั้ยย.. เรามีกิจกรรมลุ้นเที่ยวฟรี ช้อปฟรี ที่ฮ่องกงด้วยนะ..กับกิจกรรม “Visa go Hong Kong Super Shopper เที่ยวมันส์! ช้อปมันส์! กับโย่ง อาร์มแชร์” ห้ามพลาดด..มาร่วมสนุกกันนะคะสาวๆ!
Discussion (5)
ปกติไม่เคยอยากไปฮ่องกงเลย แต่พอมาอ่านกระทู้ของคุณแล้วอยากไปมาก มีหลายๆ มุมที่น่าสนใจค่ะ
น่าไปเที่ยวมากค่ะ บ้านเมืองน่าอยู่ดี >,<
ต่างกันไม่เยอะค่ะ พี่เอม ..แต่ที่น่าซื้อที่เนี่ยก็เพราะจุดเซลล์ของเยอะมากกกกกกกกก ไม่ต้องเดินไปจุดอื่นเป๋าก็เบาละ 55