แชร์ประสบการณ์ลดนน.ทั้งผิดทั้งถูก จนได้เจอสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเจอมากับตัว มาผอมด้วยกันนะ
Pakboong9956 30 29สวัสดีค่า ต้องขอแนะตัวก่อนนะค่ะ เราชื่อผักบุ้งน๊า อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ในการลด นน.ที่เจอมากับตัว หลากหลายรูปแบบที่พยายามทำหลากหลายวิธีมากว่า 7 ปีแล้ว เจอมาหลายอย่างเลยทีเดียว
บุ้งจะมาพูดเรื่องของ คนที่นน.ตัวอยู่ในเกณ์ปกติๆ แต่ก็ยังคิดว่าตัวเองยังอ้วนอยุ๋ บุ้งสมัยตอนประมาณ 17 รูปแรกเสื้อสีขาวๆ คือเป็นเด็กที่สูงคนหนึ่งแต่ก็ไม่ได้อ้วนมาก ทุกคนจะบอกตลอดว่า แกอะผอมอยู่แล้ว แต่เอาจริงๆปะค่ะ มันก็คือ หุ่นของเด็กปรกติทั่วๆไป แต่ว่าเราดั๊นอยากเป็นนางแบบ เพราะด้วยความที่สูงกว่า ชะนีเพื่อนๆ ทั่วๆไป เราสูง172 นน.ในภาพประมาณ 58Kg. เราก็คิดว่ามันก็ปรกติดี แต่อย่าลืมนะค่ะ ว่ายิ่งตัวสูงและ นน.ดูเยอะ ยิ่งเหมือนยักษ์ค่ะ
คราวนี้พอ อายุ 18 ก็เริ่มได้เข้ามาประกวดนักแสดงอะไรกับเค้าบ้าง เอาตรงๆ ตอนเด็กๆ เราก็คิดว่าอาชีพดารา นางแบบ มันคืออาชีพที่หาเงินง่าย สบายเลยอยากจะลองเข้าวงการ แล้วก็ลองประกวดดู ปรากฏว่าติดเข้ารอบสุดท้าย ได้เซนสัญญากะสังกัดหนึ่ง แต่เราเองก็สูง ประกอบกับก็ไม่ได้สวยอะไรมากมาย แถมยังเป็นเด็กที่ไม่ค่อยดูแลตัวเองอีกต่างหาก เลยทำให้ไม่ค่อยมีงานนักก็ปล่อยผ่านมาเรื่อยๆ
อันนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำไม เราถึงมีความมุ่งมั่นกับการลด นน.ในหลายๆวิธี เพราะ อยากจะออกกล้องแล้วไม่อ้วน อยากเป็นนางแบบที่ ใส่เสื้อผ้าสวยๆ เดินหน้านิ่งๆเชิดๆ บน แคทวอค
หลังจากนั้นประมาณ 1-2 ปี ก็สามารถ ลดนน.ได้ คือลดแบบภายใน 2 อาทิตย์ลด10 โล ก็เคยทำมาแล้ว (ไม่ได้ขายยาลด นน.หรืออาหารเสริมนะจ๊ะ บอกไว้ก่อน 555 )
ฟังดูเหมือจะดี หูยยยย 2 อาทิตย์ลดไปตั้ง 10 โลทำยังไง ตอนนั้นอายุประมาณ 19 เริ่มมีงานพิธีกรเข้ามาในชีวิต เริ่มรู้ว่าตัวเองควรที่จะผอมกว่านี้ สวยกว่านี้ ลองมาก็หลายวิธี อดข้าว ออกกำลังกาย น้ำหนักก็ยังไม่ลง ถึงเวลาแล้วแหละที่ต้องพึ่งพาตัวช่วย นั่นก็คือสิ่งที่หลายคนก็นิยม ยาลด น้ำหนักแน่นอนค่ะ
อยากสวยหุ่นดีแต่ก็ต้องขอแบบปลอดภัยๆก็ขอเป็นสมุนไพรละกัน แถมยังเป็นจากสถาบันที่ใครๆก็รู้จักเหนเค้าก็ใช้กันเยอะ ได้ผลชัวร์ๆมีทั้งแบบธรรมดาแบบเร่งรัด ก็ไม่ได้รีบมากเนอะแถมตังก็ไม่ค่อยมีขอแบบธรรมดาก็พอ
พอได้มาเรียกว่าทานเข้าไปแล้ว ถ่ายตลอดไม่อยากกินอะไรเลย ตอนเช้าตื่นมาก็กินมาม่าคัพนึงเพราะเอาตรงๆไม่อยากกินข้าวเลย เพราะกินไรมากก็ยิ่งถ่ายมากถ้ากินน้อยถ่ายน้อยและไม่หิวไม่อยาก การใช้ชีวิตจะได้ไม่แย่ ส่วนกลางวันก็ผลไม้นิดหน่อย ตอนเยนๆก็น้ำเต้าหู้ใส่เครื่องน้ำตาลน้อยหนึ่งถุง
เห้ยเอาจริงๆชีวิต2 อาทิตย์นั้นกินแค่นี้จริงๆ และถ่ายเหลว เป็นน้ำทุกๆมื้อหลังอาหาร นน. ก็ลดดิ จาก 57 เหลือ 47 โอ้โห เหมือนชีวิตจะดีเนอะ ก็โอเค เลยนะ แต่!! ก็มีอาการซึมเศร้า เสียวปลายมือ แล้วก็ชีวิตคงแย่ถ้าต้องถ่ายตลอดหลังมื้ออาหารที่กินถูกมะ กลายเป็นมนุษย์ขรี้ ดีดี นี่เอง ก็เลยเลิกกิน แล้วชีวิตปกติก็กลับมาพร้อมกับ นน.ปกติๆก็กลับมาเช่นกัน แต่เราก็ไม่หยุดเพียงแค่นั้นนะค่ะ ยังมีต่ออีก แน่นอน นน.กลับมาแล้ว ต้องหาตัวช่วยต่อซิ บ้าหราอุส่าลดไปได้ตั้งเยอะ จะไม่อยากผอมได้ไง
ต่อมาเราก็กลับมาอ้วนขึ้นอีก คราวนี้เริ่มหนักประมาณ 55 kg. จัดว่าบวมเลยแหละคะ มีแต่คนทัก ว่าไปทำไรมา คราวนี้เราก้เริ่มเสาะหายา ลด นน.อีก เลยลองกลับไปกินยาตัวแรก ที่ทำให้ลงมา10 โล ใน2 อาทิตย์ คราวนี้ไม่เหนผลเลย ลองเปลี่ยนเป็นสูตรเร่งรัดก็แล้ว
ก็ยังไม่ได้ผล เลยเดินไปตามร้านขายพวกยา ลด นน.ได้ยาตัวนึง เปนแบบเจล ตอนนี้ในไทย ห้ามขายแล้วนะคะจัดว่าเปนยาอัตรายเคยมีคนเสียชีวิตเพราะยานี้มาแล้ว อาการของยาคือ ใจสั่น หิวน้ำ ปากแห้ง นอนไม่หลับ เราก็อดทนคะ อยากผอมหนิโน๊ะ ก็อดทน จนมันผอมมากไป มีแต่คนคิดว่าติดยา ช่วงยั้นทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเป็นพิธีกรอยุ่ช่องเคเบิ้ลช่องหนึ่ง คือเวลาออกกล้องจะดูโทรมมาก
จนพี่ช่างกล้องกับทีมงาน มาเตือนว่า บุ้งใช้ยาไรอยุ่รึเปล่าเลิกเถอะ เราก็นึกว่าเค้ารุ้ว่าเรากินยา ลด นน. อ่อ เปล่าเค้าคิดว่าเราติดยา!!!! ก็เลยเลิกกิน แล้วเดี๋ยวเพื่อนๆ มาดูรูป
หลังเลิกกินยาลด นน. ตัวนั้นแบบเจลกันนะคะ
แล้วเราจะทำยังไงต่อ มีอีกคะไม่หยุดแน่ๆ กับเรื่องยา งานเดินแบบที่เคยมีบ้างเคยรับบ้างก็มีติดต่อเข้ามา แต่ทำไงได้ น้ำหนักที่พุ่งกระฉูดแบบนี้ใครเค้าจะเอาไปเดินแบบละก็คงจะไม่มี คราวนี้ถึงเวลาพึ่งพายากันอีกแล้วซินะ คราวนี้ก็เสาะหาค่ะ
เห็นเพื่อนโพสในเฟสว่า ช่วงนี้น้ำหนักลงเยอะ ถ่ายรูปใส่บิกินนี่สวยๆ ลงเฟสเราก็ ว๊ายยยยทำยังไงดีที่เพื่อนคนนี้ก็สนิทในระดับนึง เลยไปถามตรงๆว่าทำอะไรมาถึงได้ผอมลงหลายโลเลย คำตอบที่ได้คือ ยาลด นน. จากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ใครหลายๆคนก็นิยมไปหาคุณหมอ แล้วคุณหมอก็จะจัดยามาให้ เราก็ลงทุนนั่งพี่แท็กซี่ไปเลยคะ ไกลก็ไกลไปก็ยาก แต่เพื่อความผอมไม่ยอมค่ะ ตื่นแต่เช้ารีบบึ่งไปเลย ปรากฏว่าพอไปถึงเจอคุณหมออ้วนๆคนหนึ่ง แล้วเราก็บอก "หมอค่ะคือหนูอยากผอมกว่านี้ค่ะ" หมอหันมามองหน้าพร้อมกันทำหน้าไม่ค่อยโอเคใส่เราแล้วก็บอกว่า "นี่ยังไม่ผอมอีกหรอ จะเอาผอมไปถึงไหน" คือเพื่อนๆเข้าใจอารมณ์เรามั้ยอ่าว่าแบบ เราเคยผอมมากๆแล้วพออ้วนขึ้นมา 5-6 kg. ก็อยากผอมให้ได้เท่าตอนนั้น แล้วที่สำคัญก็อยากกลับไปเดินแบบ ออกกล้องหน้าไม่บวมตัวไม่บานอีก แล้วหมอก็บอกว่า "ถ้าอยากผอมก็กินข้าวกับต้มจืดทุกมื้อละกันแล้วเดี๋ยวจัดยาให้" เราก็เดินออกมาจากห้องตรวจรับยากลับบ้านหลังจากนั้นก็เริ่มกินยาตามที่หมอสั่ง ผลปรากฏว่าประมาณ 3 อาทิตย์ค่ะ นน.ลงค่ะลงมาเหลือ 50 นี่ก็ดีใจมากแล้วค่ะที่ นน.ลง และประจวบกับมีงานเดินแบบกับงานถ่ายแบบเข้ามาพอดี พี่เค้าก็ถามว่าช่วงนี้ผอมลงหรือยังจะได้ให้รับงาน ช่างเป็นโชคดีอะไรแบบนี้ผอมแล้วรับงานโลดดดด
ช่วงนั้นเริ่มกลับมามีความสุขอีกครั้งคะ เพื่อนๆก็ ถามกันเยอะว่าทำอะไรมา ทำไมผอมลงเร็วมากจากรูปด้านบนที่ดูคือตัวจะแตกอยู่แล้ว และที่สำคัญกินอะไรก็ได้ตามใจปากแต่ นน. ก็ยังเท่าเดิม แต่ชีวิตเหมือนจะดีใช่มั้ยค่ะไม่ได้เป็นแบบนั้นค่ะ
เวลาเราจัดรายการเป็นรายการสดทางช่องเคเบิ้ล เราเริ่มพูดแล้วกัดลิ้นตัวเอง งง เบลอ จำอะไรได้น้อยลง จำคิวผิดวัน จำสลับวันบ้าง และที่สำคัญช่วงนั้นดราม่ากับแฟนเก่าตลอดเวลา มีเรื่องอะไรนิดหน่อยกระทบกระเทือนใจมากค่ะ แฟนเก่าก็ งง ว่าทำไมเรื่องแค่นี้แต่กลับทำให้ทะเลาะกันบ่อย แทบจะทุกๆวันเลยด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นคิวงานที่ได้อาทิตย์ละ 4 วันก็เริ่มลดลงเหลือ 2-3 วัน เราก็คิดว่าทำไมเราจัดแย่ลงหรอ เราคิดว่าคงเป็นเพราะช่วงนั้นเราพูดไม่รู้เรื่องเลยค่ะ ความคิดบางทีไปแล้วแต่ปากมันขยับตามไม่ทันช้าไปหมด พูดๆอยู่กัดลิ้นตัวเองบ้างคือกลายเป็นแย่มากกดดัน แล้วแฟนเก่าก็พูดว่า "ถ้าเราทำงานแค่เดินแบบแล้วพูดไม่รู้เรื่องผอมแบบผิดๆพี่จะไม่ว่าอะไรมาก แต่นี่เธอทำงานอะไรเธอทำงานพิธีกรเธอต้องพูด มันสำคัญกับงานน่ะ คิดดูเอาเอง" วันนั้นเราโยนยาทิ้งลงถังขยะเลยค่ะ ทั้งๆทีเพิ่งไปรับยามาเพิ่ม ก็ต้องขอบคุณเค้าวันนั้นที่เตือนสติไม่งั้นก็คงจะหนักไปกว่านี้ค่ะ
และที่สำคัญนะค่ะในยาลด นน.บางตัวจะมีสารซึมเศร้าค่ะ ทำให้เรามีอาการซึมๆพอซึมๆก็ไม่อยากกินอะไรเลย และก็จะมีพวกยาถ่ายทำให้เรานั้นถ่ายออก นน.ก็เลยลง
คราวนี้หละค่ะที่ถึงจุดพลิกชีวิต นั่นก็คือ เรารีบโทรถามเพื่อนที่เรียนเภสัจว่าจะทำยังไงได้บ้างให้ยาที่อยู่ในตัวนั้นออกไปจากร่างกายให้เร็วที่ เพราะก็กินมาหลายเดือนมันคงสะสมอยู่ในร่างกายเยอะ เพื่อนก็แนะนำว่าให้ออกกำลังกายกินน้ำเยอะๆให้มันขับออกมาทางเหงื่อ จากการถ่าย เราก็เลยเริ่มจุดเปลี่ยนชีวิตเรียกว่า ชีวิตพลิกจากตรงนี้เลยค่ะ
เราเริ่มออกกำลังกายวันละ 15 นาที แค่นี้ตอนนั้นเราก็ว่ามันเยอะมากแล้วนะคะ แต่พอไปคุยกับคนที่เค้าออกกำลังกายเป็นปกติเค้าก็บอกว่าน้อยมาก เราก็เลยเริ่มปรับเป็น 25-30 นาทีต่อวัน แถมยังไปซื้อชุดรีดเหงื่อมาใส่เรียกว่าทำทุกทางค่ะ ที่จะทำให้เรากลับมาพูดแบบปกติได้ ก็ต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนเลยทีเดียว หลังจากนั้นเราก็เริ่มไปโยคะค่ะ แถวๆบ้าน
ชีวิตเริ่มดีขึ้นค่ะ ว่างเมื่อไหร่ก็จะพยายามไปเข้าคลาสให้ได้มากที่สุดแต่ด้วยความที่ยุ่งเพราะทั้งเรียน ทั้งทำงาน ด้วยก็เลยตัดสินใจเข้าฟิทเนสเป็นจริงเป็นจัง หลังจากนั้นก็เริ่มติดออกกำลังกาย
ชีวิตเริ่มกลับมาดีเหมือนปกติแล้วค่ะ
เรียกได้ว่ารอบนี้ผอมแบบที่ทุกๆคนก็ทักว่าดูสุขภาพดี แต่ก็มีแอบแว๊ปไม่ได้ออกกำลังกายบ้างเพราะว่าอยู่ในช่วงฝึกงาน ทั้งจัดรายการด้วย รับงานเป็น Job บ้าง และก็ฝึกงานทุกวัน จ-ศ ก็เลยงดออกกำลังกายไป
ก็ดูอ้วนขึ้นไปพอสมควร โดยเฉพาะที่แก้มค่ะ จะเห็นเลยว่าแก้มออกมากๆ
แต่หลังจากฝึกงานเสร็จเรียบร้อยคราวนี้ก็กลับมาดูแลตัวเองอีกครั้งค่ะ โดยการหันกลับมาออกกำลังกายเหมือนก่อนฝึกงาน และเริ่มหันมาดูแลการกินมากยิ่งขึ้น
เริ่มหันมาสนใจอาหารคลีน การนับแคลอรี่ และที่สำคัญต้องขอขอบคุณ แฟนคนที่คบอยู่ปัจจุบันนี้ที่เขามีส่วนช่วยในการเป็นเทรนเนอร์และเป็นนักโภชนาการที่ดีอย่างมาก คอยบอกและคอยให้กำลังใจในการลด นน. และนี่คือ หุ่นปัจจุบันนี้คะ
บุ้งก็อยากฝากเพื่อนๆ ที่อยากลดนน.ทางลัดว่าเราลองมากับตัวมันไม่เวิค เลย อยากแนะนำเพื่อนๆให้ลองหันมา วิธีที่เราก็รู้ๆกันอยู่ว่ามันคือสิ่งที่ดี นั่นก็คือ การกินอาหารที่มีประโยชน์ ต่อสุขภาพและการออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยกัน คือสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เราเคยลองมากับตัว แล้วกระทู้หน้าจะมาเล่าเรื่องของวิธีการออกกำลังกายง่ายๆที่เราเองก็ทำอยู่มาให้เพื่อนๆ ลองไปทำกันดูนะคะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านจบจบ สู้ๆนะคะ บุ้งเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆที่ อยากจะเปลี่ยนตัวเอง
Get in Shape By,Pakboong