รีวิวโรงแรมในภูเก็ต Thavorn Beach Village and Spa ฉบับเต็ม! รวมถึงร้านอาหารที่น่าสนใจทุกร้าน คือคลิ๊กที่นี่ที่เดียวมีครบฮะ! by ChingCanCook
ChingCanCook 0 0ชุ้งชิ้ง ChingCanCook ไม่ได้ไปทะเลนานมากกกกกกกกกก ทริปนี้เลยกระดี๊กระด๊าเป็นพิเศษค่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ออกเดินทางไปกันได้เลยค่า ^ ^
ทริปนี้บินไปกับแอร์เอเชีย ไฟล์ท3ทุ่ม20นาทีค่ะ เลือกไฟล์ทกลางคืนก็ดีเหมือนกันนะ รถไม่ติดเลย จ่ายค่าแท็กซี่ไปร้อยกว่าบาท แป๊บเดียวก็มาถึงดอนเมืองค่ะ ตอน Check-in บอกอีก gate นึง พอเดินไปถึงอ้าวย้ายไป gate ใหม่ เดินไกลซะด้วย แทบจะวิ่ง เพราะกลัวตกเครื่องมากค่ะ แหม! ก็เคยตกมาแร้นไง ถ้าใครบินกับ Air Asia อย่าลืมนะคะ เค้าปิด gate ก่อนเครื่องออก 20 นาที!
จากกทม.ไปภูเก็ตใช้เวลาเดินทางประมาณ1ชั่วโมง20นาทีเท่านั้น 4ทุ่ม40นาทีก็ถึงท่าอากาศยานภูเก็ตแล้วจ้า
อยากจะบอกว่าขาไป ทันทีที่ได้เหยียบขึ้นเครื่อง ก็รู้ตัวว่าลืมถุงใส่สัมภาระไว้ที่ Gate ทำไงดีน้อ? ตัดสินใจแจ้งกับทางแอร์ไป ซึ่งน่ารักมากๆค่ะ แอร์รีบวอไปที่ Gate สุดท้ายก็มีคนหยิบถุงที่ลืมไว้มาให้ด้วย ขอบคุณน้องแอร์คนนั้นม้ากค่ะ ชุ้งชิ้งเลยได้ถุงสีขาวใบที่กำลังถืออยู่กลับมาครอง อิอิ ^ ^
บรรยากาศสนามบินภูเก็ตในเวลาเกือบ 5 ทุ่มก็เป็นเช่นนี้แล ไม่ค่อยมีคนเบย โล่งดีค่ะ
เหลือบไปเห็นป้ายราคาค่าแท็กซี่ก็นะ! แพงอ๊ะ! อย่างที่ใครๆก็รู้ค่ะว่าค่าแท็กซี่ที่นี่โหดมาก แนะนำนะคะให้เช่ารถเอา เพราะประหยัดกว่าเยอะ แถมสามารถให้เค้าเอารถมาให้ที่สนามบินได้เลยค่ะ ใครสนใจก็ลองหาข้อมูลดูนะก๊ะ ^ ^
แต่วันนี้แท็กซี่ไม่ได้กินเงินเราแน่นอน เพราะมีผู้ชายใจดีคนนี้มารอรับค่ะ ^ ^ ต้องขอบคุณโรงแรมThavorn Beach Village & Spa ด้วยนะคะ ที่สปอนเซอร์ทั้งห้องพัก อาหาร และการเดินทางทั้งทริป
จากสนามบินภูเก็ตไปที่โรงแรมใช้เวลาประมาณ 40 นาทีค่ะ ถาวรบีชวิลเลจแอนด์สปาอยู่อ่าวนาคาเลย์ (Nakalay Bay) ระหว่างหาดป่าตองและกมลาค่ะ มาถึงปุ๊บก็มี Welcome drink รอต้อนรับเลย ที่ประทับใจมากๆก็คือพนักงานต้อนรับค่ะ ยิ้มแย้มกันทุกคน คือเราก็นึกว่ายิ้มสยามเลยฟาดภาษาไทยใส่เป็นชุด แต่น้องๆดันไม่ใช่คนไทยสิคะ น่าจะมาจากฟิลิปปินส์กัน ซึ่งภาษาอังกฤษดีฝุดๆ ดีจนผู้ชายที่ไปด้วยแอบงงไปหลายรอบ 555 ซึ่งน้อง front บอกว่าที่โรงแรมมีร้านอาหารหลายร้าน บางร้านให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ต๊าย! อย่างกับเซเว่น ที่สำคัญมี Free Wifi ทุกห้องเลยค่ะ ได้ยินแค่นี้ก็เป็นสุขใจ จากนั้นเธอก็เดินพาเรามาส่งถึงห้องพัก ซึ่งเค้าเลือกห้องพักแบบ Tropical Pool Access with Jacuzzi ไว้ให้ มามะมาดูห้องพักยามค่ำคืนกานนนน
ห้องแบบมี Jacuzzi จะมีอ่างล้างหน้า 2 อันแยกกันค่ะ
มาถึงดึกขนาดนี้จะทำอะไรดีไปกว่านอนแช่จากุซซี่ จิงมั้ยคะ อิอิ เอาลำโพงไปเองจ้า นอนฟังเพลง แช่น้ำอุ่น กินเบียร์ไปด้วย ฟินค้าบฟิน ^ ^คืนแรกหมดไปอย่างรวดเร็วค่ะ อาหารเช้าของโรงแรมเสิร์ฟ 6.30น. ถึง 10 โมงค่ะ ที่ห้องอาหาร Marisa Terrace ต้องรีบตื่นนิดนุง
ชิ้งมา Station ไข่ทุ้กวันค่ะ ^ ^ เก๋ดีมี Poaches eggs ด้วย แต่ไม่ได้สั่งทั้งๆที่อยากกิน ไม่เข้าใจเหมือนกัน 555
เป็นคนกินไม่เยอะเท่าไหร่อ่ะค่ะ กินเพื่ออยู่! หรา? 555 อาหารเช้าที่นี่ก็มีหลากหลายค่ะ บางเมนูก็ยืนพื้น คือมีเสิร์ฟทุกวัน บางเมนูก็ต้องสลับบ้าง เช่นวันนี้เป็นโจ๊ก พรุ่งนี้เป็นข้าวต้ม วันนี้เป็นผัดหมี่เหลือง พรุ่งนี้ผัดซีอิ้ว ข้าวผัด อะไรแบบนี้ค่ะ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ แขกที่มาพักหลายวันจะได้ไม่เบื่อไง
Marisa Terrace จะอยู่ติดกับสระว่ายน้ำค่ะ วิวสวยงามอย่างที่เห็น
กินอาหารเช้าเสร็จ วันนี้ไม่อยากไปไหน ขอเที่ยวอยู่ในโรงแรมนี่แหล่ะค่ะ ถาวรบีชวิลเลจแอนด์สปาเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ เนื้อที่ทั้งหมด 120 ไร่ แต่เป็นเนื้อที่ก่อสร้างประมาณ 25% เท่านั้น พื้นที่ๆเหลือเค้าอนุรักษ์ให้เป็น สวน สระน้ำ ต้นไม้ เรียกได้ว่าเน้นธรรมชาติมากๆ มี สวนกล้วยไม้ริมหาด ด้วยนะ ทั้งๆที่ใครๆก็รู้ว่าปลูกกล้วยไม้ริมทะเลเป็นเรื่องยาก ชิมิ แต่ที่นี่เค้าเพาะเอง เลี้ยงเอง และขยายพันธุ์เองเลยฮะ ถือเป็นอีก 1 Highlight ของโรงแรมนี้เลยจ้า
ระหว่างเดินเล่นในโรงแรมก็จะเห็นไก่เอย นกเอย กระต่ายเอย ^ ^
มีใครรู้บ้างตัวนี้เรียกว่าอะไร เห็นน่ารักๆแบบนี้นะ พอจะเข้าไปจับ เอาเขาชนใหญ่เลยจ้า 555
ส่วนตัวนี้ตัวเมีย น่ารัก เรียบร้อย เลยให้หม่ำๆซะเลย ^ ^
ม้าแคระก็มีนะจ๊ะ ขี่เดินเล่นได้ ถ้าหนักไม่เกิน 35 โล! เง้อ อดเบย
ละแล้วก็มาสะดุดที่เต่านี่แหล่ะ พนักงานบอกว่าตัวนึงเป็นแสนเลยนะก๊ะ แถมนั่งเครื่องบินมาจากประเทศอะไรซักอย่าง ลืมเฉยเลย ^ ^' แต่ใครที่อยากขโมย อาจจะยากหน่อยค่ะ เพราะทุกเย็นจะมีพนักงานมาคอยพาไปเก็บตัวในที่ปลอดภัย
เมื่อคืน check in โรงแรมซะดึก พอเช้ามาเดินเล่น เย้ย ทำไมแขกเยอะจุง ทีแรกคิดว่า Low season คนจะไม่เยอะไง ไหนได้ แขกลึ่มเลย แอบถามพนักงานเค้าบอกว่ามีแขกพักเกือบ 70% ส่วนใหญ่เป็นฝรั่ง ชาวต่างชาติค่ะ เอาหล่ะมาชมห้องพักแบบอื่นๆดูบ้างเน้อ
ห้องพักแบบแรกที่จะพาไปชมในวันนี้คือ Beach Front Cottage อ้อ! ลืมบอกไปจุดเด่นอีกอย่างของโรงแรมนี้ก็คือ เป็น1ในโรงแรมไม่กี่แห่งของภูเก็ตที่มีหาดส่วนตัวจ้า ดังนั้นเราจะไม่ได้เห็นหมอนวด หรือคนเร่ขายของบนหาดเลย เก๋ๆฮะ ^ ^ ส่วน Concept ของห้องก็คือ อยู่ห่างจากทะเลเพียง 10 ก้าว!
ด้านในห้องพักดีไซน์ในลุค Modern เน้นโทนสีสว่าง เรียบง่าย
จุดขายอีกอย่างของห้องพักแบบนี้ก็คือ Semi outdoor shower คือให้ความรู้สึกประมาณอาบน้ำกลางแจ้ง แต่มิดชิดไม่อนาจารค่ะ อิอิ
มีศาลาให้นอนเล่นริมทะเลด้วยค่ะ
เราจะเห็นต้นสนขนาดใหญ่อยู่เรียบชายหาด ต้นสนพวกนี้มีมาก่อนสร้างโรงแรม เจ้าของเค้าไม่ตัดค่ะ อนุรักษ์ไว้
เอาหล่ะเดินเที่ยวต่อค่ะ ไปชมห้องพักห้องประเภทต่อไปกัน ^ ^ ซึ่งระหว่างทางที่เดินไปก็จะเห็นพนักงานดูแลสวนเยอะมาก พอยิ้มให้เค้า พวกเค้าก็จะสวัสดีครับ สวัสดีค่ะ ^ ^ จิงๆแล้วงานดูแลสวนของที่นี่ถือเป็นงานหนักนะ ก็แหม ดูจิ โรงแรมใหญ่ต้นไม้แน่นซะขนาดนี้ แต่พวกเค้าก็ยังอารมณ์ดี ยิ้มแย้ม แถมเก็บใบไม้ได้สะอาดกริบ พวกคุณสุดยอดมาก จีจี ^___<
ระหว่างทางจะเห็นโซนกิจกรรมเยอะแยะเลย ตั้งแต่ปาเป้า สนามเด็กเล่น มวยไทย ลาน Beach Volleyball โยคะ พายเรือคานู ดำน้ำชมปะการัง ไปจนถึง กิจกรรมสอนพิมพ์ผ้าบาติก แกะสลักผลไม้ สอนทำอาหารไทย ยันสอนภาษาไทยเลยจร้า เป็นไงคะ แน่นอย่างกับไทยประกันชีวิตเลยโน๊ะ 555
Fitness room ก็มีนะแจ๊ะ ใครที่ขาดการออกกำลังกายไม่ได้ หายห่วงได้ครัช แถมอยู่ติดทะเลด้วยจ้า
มาถึงตรงนี้พร้อมผจญภัยเบาๆกันอ๊ะยัง ถ้าพร้อมแล้ว มามะๆ มานั่งรถรางกันค่ะ! เย้ย! ไม่ได้ฟังผิดจ้า รถรางจริงๆ เพราะห้องที่ชิ้งกำลังจะพาไปดูห้องต่อไปอยู่บนเขาค่ะ ต้องนั่งรถรางขึ้นไปจ้า หรือจะเดินก็ได้ แต่ชิ้งไม่เดินด้วยน้า หุหุ
รถรางที่เห็นนี้สร้างมา 18 ปีแล้วค่ะ พอดีก่อนจะมาทำธุรกิจโรงแรม เจ้าของเคยทำเหมืองแร่มาก่อน ซึ่งก็เป็นเรื่องปรกติมากสำหรับนักธุรกิจในสมัยนั้น ที่เอะอ่ะก็จะทำเหมืองแร่กับปลูกยางพารากัน จน จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แนะนำให้ลงทุนในธุรกิจอื่นๆบ้าง เพื่อสร้างความเจริญให้กับตัวจังหวัดเอง ดิลกกรุ๊ปจึงถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อ 51 ปีก่อน เพื่อบุกเบิกธุรกิจโรงแรมที่ได้มาตรฐานสากลแห่งแรกในจังหวัดภูเก็ต จนทุกวันนี้แตกหน่อออกมาเพิ่มอีก 2 โรงแรม นั่นก็คือ ถาวร ปาล์มบีชรีสอร์ต ที่หาดกะรน และ ถาวรบีชวิลเลจแอนด์สปา แห่งนี้ซึ่งอยู่อ่าวนาคาเลย์ (Nakalay Bay) ระหว่างหาดป่าตองและกมลาแห่งนี้ รวมทั้งหมดเป็น 3 โรงแรมค่ะ
พอเค้าบอกว่ารถรางอายุ 18 ขวบแล้ว สงสัยหน้าเราคงถอดสี พนักงานเลยรีบบอกว่าไม่ต้องกลัวน้า เพราะเค้ามีการซ่อมบำรุงตลอดๆ แถมมีระบบล็อคแน่นหนาถึง 3 ชั้น เฮ้อ! น่าจะบอกตั้งแต่ก่อนขึ้นนะฮะ 555 ระหว่างนั่งรถรางก็พลันจินตนาการถึงรถรางขนแร่ในสมัยก่อน ดีอ่ะ ตื่นเต้นดี และที่แวบเข้ามาในหัวทันทีก็คือ เห๋ย! นึกย้อนเวลากลับไปเมื่อ 18 ปีก่อน การสร้างรถรางเดิ้นๆแบบนี้ คงจิเจ๋ง และเฟี้ยวมากนะก๊ะ เท่ห์จุง เพราะขนาดนั่งวันนี้ยังรู้สึก wow เลยอ่ะ ^ ^
และแล้วไม่กี่นาที รถรางก็พาเราขึ้นมาถึงห้องพักที่เรียกว่า 2 BedroomHillside with Ocean View Suite
การตกแต่งจะเป็น Thai Contemporary Style อบอุ่นๆ แบบเดียวกับห้องพักแถวๆ lagoon pool zone ที่ชิ้งได้มาพักในครั้งนี้เลยค่ะ แต่มีห้องนั่งเล่นด้วยน้า
ระเบียงก็กว้างเชียว เห็นทะเล และต้นไม้ และภูเขา ซึ่งถ้ามาเป็นครอบครัวใหญ่ สามารถเปิดประตูห้องข้างๆที่อยู่ติดกันได้ เพราะเป็น connecting room ค่ะ เลิศ!
มี อ่างจากุซซี่ outdoor แบบนี้ให้นอนแช่ดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยนะคะ โรแมนติกเน๊าะ ^ ^
พักทัวร์ไว้ก่อนนะคะ มาถึงตอนนี้ หิวแล้วค่ะ กินอะไรกันเถอะ ^ ^ มื้อนี้ขอฝากท้องไว้กับ Marisa Terrace อีกเช่นเคย ซึ่งเป็นอาหาร International หรืออาหารนานาชาตินั่นเองค่ะ
เก๋ๆค่ะ พนักงานจะวางส้อมกับมีดไว้ตรงกลาง แต่พอเราเข้ามานั่ง พนักงานจะจัดส้อม มีด ทิชชู่ให้ใหม่อย่างนี้
วันที่ไปโชคดีมากฝนไม่ตกค่ะ แต่อากาศร้อนจิงๆ เลยสั่งนี่เลย Lime juice syrup honey mint สดชื่นกันไปสิจ๊ะ เรียกน้ำย่อยได้ดีเชียว ^ ^
จานแรกมาแล้วค่ะ Wellness Salad จาก เชฟจีรนันท์ ที่บอกว่า Wellness ก็แพราะเป็นเมนูเพื่อสุขภาพนั่นเอง จิงๆชิ้งไม่ชอบนำผลไม้มาทำอาหารน้า แต่จานนี้กินเรียบ ชอบที่มันมีความหลากหลายของรสชาติ สีสันสวยงาม และเสิร์ฟมาพอดีๆ ไม่เยอะไป ตรงผักคอส ใช้เป็น dressing แบบ Orange mayonnaise ส่วนน้ำสลัดตรง Red beans และผลไม้ต่างๆ ใช้เป็น Balsamic reduction ค่ะ ออกเปรี้ยวๆ ซึ่ง dressing ทั้ง2ชนิดเข้ากับอาหารแต่ละอย่างมากๆ ชอบที่เชฟเพิ่ม texture ความกรอบเข้ามา เพราะมี French Bread Crouton (เฟรนช์เบรดกรูตอง) ทา garlic butter มาด้วย
มีใบอ่อนข้าวโพดด้วยน้า ทำให้ดูน่าสนใจมากขึ้นค่ะ
เชฟอินเดียยกมาเสิร์ฟเองเลยค่ะ ด้านล่างเป็นขนมปังค่ะ ด้านบนเป็นสลัดมันฝรั่ง ส่วนซอสทำมาจากโยกิร์ต ใส่ spice ของอินเดีย ซึ่งกินปุ๊บ อินเดี้ย อินเดียค่ะ อันนี้เป็นอาหารอินเดียแท้ๆนะคะ ไม่ใช่ฟิวชั่น แต่อาจจะจัดจานให้ดูร่วมสมัยมากขึ้น อร่อยดี ^ ^ แต่น้อยไปนะ! 555
จานถัดมาเป็น อาหารเมดิเตอร์เรเนียน ค่ะ หรืออาหารยุโรปใต้ (แถบๆฝรั่งเศส กรีซ ไซปรัส ฯลฯ) ซึ่งส่วนมากจะเป็นเมนูเพื่อสุขภาพมากๆ กินแล้วอายุยืน ^ ^ โดยมากจะใช้วัตถุดิบพวกธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีท ฯลฯ น้ำมันมะกอก ผักและผลไม้ทั้งผล (ไม่ใช่น้ำผลไม้) ปลาทะเล ผลิตภัณฑ์นมและไวน์อีกเล็กน้อย แต่หลีกเลี่ยงพวกเนื้อแดงหรือสัตว์ใหญ่
เชฟจีรนันท์ตั้งชื่อเมนูนี้ว่า Salmon with roast capsicum เชฟย่างปลาแซลม่อนมาค่อนข้างสุก เพราะ Wellness จะต้องเสิร์ฟให้สุกค่ะ เพื่อสุขภาพ ส่วนพริกระฆัง (capsicum) ทาน้ำมันมะกอกแล้วนำไปอบจนสุก จากนั้นก็นำไปปั่นกับกระเทียม ออกมาเป็นซอสเข้มข้นอร่อย มีกลิ่นพริกระฆังกับกระเทียมอย่างลงตัว ถ้าสังเกตตรงซอสดีๆ จะเห็นว่าตรงกลางมีน้ำมันมะกอกอยู่นะจ๊ะ
แต่สิ่งที่ทำให้ชุ้งชิ้งประทับใจมากๆ ก็ตรงที่พี่เชฟบอกว่าตั้งใจสไลด์ปลาแซลม่อนออกเป็น 2 ชิ้น แทนที่จะเสิร์ฟชิ้นเดียวเป้งๆ พี่เชฟให้สัมภาษณ์แบบนี้จร้า คือถ้าเสิร์ฟชิ้นเดียวใหญ่ๆ คนกินอาจจะรู้สึกว่าแน่น จุก แต่พอแบ่งเป็น 2 ชิ้นเล็กๆ ทั้งๆที่ได้ portion น้ำหนักเท่าเดิม แต่คนกินจะรู้สึกเบา ค่อยๆกิน สบายๆ ดังนั้นผักต่างๆไม่ว่าจะเป็นมันฝรั่ง แครอท แตงกวา พี่เชฟเลยทำเป็นลูกกลมๆเล็กๆ ซึ่งเป็นอย่างที่พี่เชฟพูดทุกประการ เห็นเล็กๆน้อยๆอย่างนี้ กินหมดก็อิ่มนะฮะ คนชอบทำอาหาร2คนมาเจอกันเลยคุยกันถูกคอฝุดๆ มันส์มากค่ะ ^ ^ งั้นมาต่อกันที่เมนูถัดไปเลยจร้า…
French Onion Soup ชิมไปคำนุงเอง แต่ก็รู้สึกเข้มข้นดีค่ะ เผลอแป๊บเดียว พอหันไปอีกทีก็หมดซะแร้น 555
จานถัดมาคือ Baked Rice with Braised Beef in Clay Pot เนื้อโคตรนุ่ม! Oops! >.< คือนุ่มมากค่ะ แต่ไม่เละ ที่สำคัญ! หอมมากกกกกกก เพิ่มความน่าสนใจที่ใส่หม้อดินมาแบบนี้ เมนูนี้เหล่า Meat lovers ห้ามพลาด! กินง่ายๆ ถูกปากง่ายๆ จิงๆแอบอยากได้พริกน้ำส้มเพิ่ม รับรองจะยิ่งแจ่มโบ๊ะแน่นอน โอยๆ นั่งเขียนรีวิวอยู่นี่ หิวมากฮะ! ^ ^'
ได้เมนูเมื่อกี้ไปตบะแตก! หยุดไม่อยู่แล้วค่ะ มาต่อกันด้วยเมนูนี้ กรีสสสสสสสสสสส ^ ^'
Roasted Pork Ribs in Hoisin Sauce ฮอยซินซอสจะคล้ายๆน้ำมันหอยค่ะ เป็นซอสที่ใช้ในอาหารจีน คือรสชาติใกล้เคียงนะแต่ก็ไม่เหมือน สรุปคือ? 555 คือซอสนี้มันมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์อ่ะค่ะ ใครไม่เคย แนะนำให้ลอง เนื้อหมูจานนี้นุ่มมาก เนื้อเยอะมากค่ะ ซอสก็หอม เจ้มจ้น ไม่หวานไป ไม่เค็มไป กลมกล่อม มีผักมาในจานทำให้ลงตัว
จานสุดท้ายแล้วค่ะ ซึ่งน่าจะเป็นเมนูฮ็อต เพราะเห็นคนสั่งบะหมี่หมูแดงจานนี้กันเยอะเลย รสชาติกินง่าย คนต่างชาติน่าจะชอบกัน หมูฉ่ำชิ้นหนา ไม่ได้แห้งๆแบนๆเหมือนชายสี่หมี่เกี๊ยวนะจ๊ะ เส้นบะหมี่ไข่ก็ลวกมาพอดี สุกแต่ไม่เละ เหนียวนุ่ม การที่เชฟแบ่งเส้นบะหมี่เป็น 3 ก้อนเล็กๆ ทำให้รู้สึกว่าไม่แน่นดีค่ะ
แอบถ่ายเมนูที่ Chef's Recommended มาให้ดูด้วยค่ะ
อิ่มท้องแร้น พาเที่ยวต่อเลยนะคะ ^ ^ ถามว่าอิ่มมั้ย? ตอบเลยว่ามาก! 555 เอาหล่ะ มาดูห้องพักแบบที่ 3 กันค่ะ ซึ่งเป็นห้องพักที่ชิ้งได้ในทริปนี้ นั่นก็คือ Tropical Pool Access คือเพื่อนๆอ่ะได้ชมในเวอร์ชั่นกลางคืนไปแล้ว วันนี้มาชมเวอร์ชั่นกลางวันสวยแจ่มกันบ้าง ^ ^ ที่ต่างเล็กน้อยก็คือ ห้องนี้เป็นเตียงคู่ค่า
ห้องพักตกแต่งในสไตล์ Thai Contemporary ใช้วัสดุคุณภาพสูง พื้นเป็นหินอ่อน ประตูไม้สักแท้
จุดเด่นมากๆของห้องพักแบบนี้คือสามารถเปิดประตูที่ระเบียงแล้วเดินลงสระได้เลยค่ะ ไม่ต้องออกไปเดินผ่านผู้คนเยอะแยะ ^ ^ ซึ่งคู่รักจะชอบห้องแบบนี้กันมาก ชิ้งลืมบอกไปนิดนึงว่า สระว่ายน้ำที่นี่มีพื้นที่ทั้งหมด 4,900ตร.ม. ถือเป็น 1 ใน 3 สระว่ายน้ำที่ใหญ่เป็นลำดับต้นๆของเอเชียเชียวนะ! เค้าDesign ในลักษณะ Free Form ค่ะ คือดีไซน์ให้เข้ากับธรรมชาติ ไม่อิงรูปทรงเลขาคณิตใดๆ เวลาว่ายน้ำไป ได้ยินเสียงน้ำตกไป ในสระที่คดเคี้ยว แล้วเห็นต้นไม้เยอะๆ ให้ความรู้สึกราวกับว่าเรากำลังแหวกว่ายอยู่ในธรรมชาติ กรุณาจินตนาการตามนะจ๊ะ 555
มีจระเข้ด้วยค่ะ ^ ^' มิน่า เค้าถึงตั้งชื่อว่า Crocodile Pool Bar ให้เรานั่งกิน ดื่มในสระได้เลย อาหารในส่วนนี้จะเป็นพวกเบอร์เกอร์ พิซซ่าค่ะ ชิ้งถ่ายรูปเมนูมาให้ดูด้วยครัช
ว่ายน้ำแล้วถ้าใครคอแห้ง หรือหิวขนมก็แวะ Thai Sala ได้เลยนะคร่า ^ ^
หลังจากว่ายน้ำ และพักผ่อนเรียบร้อย ก็มาถึง Highlight ของทริปนี้แล้วค่ะ ซึ่งชิ้งรักมั่กๆ ^ ^ นั่นก็คือBeach Dining ที่ร้านอาหารไทยประจำโรงแรม Old Siam Authentic Thai
ตอนนี้ชิ้งอาบน้ำเปลี่ยนชุดเรียบร้อย พร้อมแล้วค่ะกับดินเนอร์ริมทะเลสุดโรแมนติก ^ ^ สาวๆควรพกชุดประมาณนี้มาด้วยนะคะ จะได้กินมื้อเย็นได้อย่างสบายใจ ปิดพุงมิดชิด อิอิ
เย็นนี้เราจะกินอาหารเย็นที่นี่ค่ะ
ธรรมชาติดีจิงๆอ่ะ มีกระต่ายวิ่งเล่นด้วย
จะดินเนอร์ที่ชายหาดหรือจะนั่งในร้านอาหาร Old Siam Authentic Thai ก็ได้ค่ะ
เอาหล่ะ มาเริ่มจานแรกกันเลยค่ะกับ French Bread หน้ากุ้ง หรือขนมปังหน้ากุ้งนั่นเองค่า เสิร์ฟมาใน portion เล็กๆแบบนี้ เค้าชอบจุง มาร้อนๆเลยน้า กรอบและกุ้งมากๆค่ะ เรียกน้ำย่อยกระจายเลยจร้า 555
ตามมาติดๆด้วย อาหารว่าง 4 อย่าง (Set of four)
ช่อม่วง
ล่าเตียง
Set of four ประกอบไปด้วย ช่อม่วง ล่าเตียง กุ้งโสร่ง ถุงทอง เสิร์ฟมาในชามสังคโลก งดงาม ตระการตา ต่างชาติเห็นแล้วต้องร้องว้าวแน่ๆอ่ะ กินไปก็ภูมิใจในความเป็นไทยไป ^ ^
ส้มตำทอด ค่ะ ชอบที่เชฟนำมะละกอไปทอด ทำให้ได้ texture กรอบๆ สร้างความแปลกใหม่ แต่น้ำส้มตำไทยคือไทยแท้เลย ออกหวานสมกับเป็นตำไทย เผ็ดกลางๆ ผู้ชายที่ไปด้วย ปรกติไม่ชอบส้มตำเลย แต่ก็ฟาดเรียบอย่างไว คือเมนูเดิมๆ ถ้าเรารู้จักนำเสนอด้วยวิธีใหม่ๆดูบ้าง ก็ทำให้น่าสนใจมากขึ้น และเมนูนี้ก็ทำสำเร็จ!
กุ้งทอดราดซอสมะขาม รสชาติกลมกล่อมเลยค่ะ ถึงตอนนี้ชักอยากรู้จักเชฟที่ทำแร้น 555 อาหารไทยเราไม่แพ้ชาติใดในโลกจิงๆนะ ทั้งความปราณีต และประวัติเรื่องราวความเป็นมา ^ ^ จานนี้กุ้งสดมากค่ะ ก็แน่หล่ะ อยู่ซะติดทะเลขนาดนี้ แถมซอสมะขามรสชาติเจ้มจ้น ปรุงมาพอดี๊พอดี คือเปรี้ยวและหวานจับมือกันมา ไม่มีอะไรล้ำหน้า ชอบค่ะ
ต้มยำปลา รสชาติดีงามมากค่ะ เข้มข้น หอมสมุนไพร คือเครื่องถึง! ปลาก็สด พูดตามตรงนะ ก่อนมากินไม่ได้คาดหวังมาก เพราะเห็นว่าเป็นร้านอาหารไทยในโรงแรมที่มีชาวต่างชาติเยอะ แต่ที่ไหนได้ เค้ากล้าคงรสชาติไทยแท้เอาไว้ ขอชื่นชมค่ะ
มาถึงจาน Highlight ในดวงใจค่ะ เพื่อนๆดูแล้วพอจะเดาออกมั้ยเอ่ยว่าคือเมนูอัลไล? จานนี้คือ ข้าวซอยแห้งอกเป็ดย่าง ค่ะ โคตรอร่อย! จงลืมข้าวซอยที่เคยกินมาทั้งชีวิต 555 เพราะไม่เหมือนเลยค่ะ น้ำแกงเข้มข้นมาก เชฟต้องใส่ผงกะหรี่มาด้วยแน่นอน ฉลาดมากที่เสิร์ฟมาพร้อมบะหมี่ไข่ลวก และหมี่กรอบ เพราะมันให้ 2 อารมณ์ในจานเดียว ส่วนเป็ด แนะนำให้รีบกินตอนร้อนๆค่ะ ไม่งั้นจะเหนียวหน่อย คือเชฟทำแบบนี้แล้วหนูจะทำไงอ๊ะ จะให้ไปหาเมนูนี้กินได้จากที่ไหนอีกเล่า? ใครไปนะ เค้าแนะนำเมนูนี้จากหัวใจเลยค่ะ ห้ามพลาดจีจี! มาคิดๆดู ถ้าเปลี่ยนเป็นไก่ หรือเนื้อริบอายย่างก็น่าอร่อยนะคะ ซี้ดดดดดดดดดดดดดดดเลย
และทันใดนั้นเองพี่เชฟก็เดินออกมาโชว์ตัวฮะ ที่แท้ก็คือเชฟจีรนันท์จากมื้อกลางวันนั่นเองค่ะ พี่เชฟเป็นExecutive chef ของร้านอาหารทุกร้านในโรงแรมนี้ คุยไปคุยมาได้ความว่าพี่เชฟเคยทำงานร่วมกับเชฟชุมพล Iron chef เชฟอาหารไทยคนดังด้วยนะคะ สมัยอยู่ที่ Anantara Bangkok Riversideแถมไปเป็นเชฟอยู่ที่ต่างประเทศมาตั้งนาน มีน่าหล่ะ! อาหารถึงได้ดีงามขนาดเน้! คุยกันถูกคอมากๆเลยค่ะ
แป๊บๆแสงยามเย็นก็หมดซะแร้น ขอตบท้ายด้วยบัวลอยสามสีค่ะ ซึ่งเป็นเมนูขนมหวานยอดฮิตของร้านเลย รสชาติไม่เหมือนใครเลยจิงๆ อร่อย กลมกล่อม เข้มข้น และมีเอกลักษณ์!
มาชมบรรยากาศยามค่ำคืนของร้านบ้างนะคะ
อิ่มมากค่ะ 555 พาเที่ยวต่อ เพราะกิจกรรมยามค่ำคืนของที่นี่คือ ตกหมึก ค้าบบ เดินย่อยหน่อยก็ดีเหมือนกานนน
ปลาหมึกที่ตกได้จะตัวใสๆแบบนี้ค่ะ บางตัวกินปลาเข้าไปก็เห็นเลย ซีทรูฝุดๆ จะน่ากัวหรือน่ากิน เอาที่สบายใจเลยจ้า อิอิ
และแล้วคืนนั้นก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เค้ายังไม่อยากกลับเลย ฮือๆ ชิ้งจองไฟลท์ขากลับไว้ 17.30น.ค่ะ ดังนั้นช่วงเช้า ยังพอมีเวลาเข้าสปาเล็กน้อย อิอิ ซึ่งได้ยินมาว่าสปาที่โรงแรมฮ็อตมากกกกก คิวแน่นเลยฮะ แต่เพราะจองตั้งแต่ก่อนบินไป เลยได้คิวตอน 11 โมง ซึ่งชุ้งชิ้งนี่ตื่นเต้นฝุดๆ เพราะชอบนวดมากๆคร่า ^
นวดน้ำมันไป 1 ชั่วโมงเต็มๆค่ะ รสมือนวดดีเลยค่ะ รีดเส้นซะ! รู้สึกเบาตัวไปเลย สถานที่ก็สวยงาม สะอาดสะอ้าน พนักงานบริการเป็นเลิศ ลูกค้าแยะ ซึ่งไม่น่าแปลกใจค่ะ ^ ^
เฮ้อ! ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา และแล้วในที่สุดก็ถึงเวลาเซย์กู้ดบายกับเอเวอรี่วันค่ะ ถึงชิ้งจะไปไม่นาน แต่ก็รู้สึกว่าได้เพื่อนใหม่ๆ มิตรภาพดีๆ และอาจารย์อาหารไทย(พี่เชฟจีรนันท์) น้า หนูยังคิดถึงทุกๆคนเลย ยังไงก็ส่งความคิดถึงมาให้หนูบ้างนะคะ ^ ^
แอบสูดหายใจลึกๆ แล้วก็กดแชะถ่ายรูปบรรยากาศโรงแรมเป็นครั้งสุดท้าย
กู้ดบายภูเก็ต ดูสีหน้าเค้าจิ เจื่อนเลย ^ ^' สุดท้ายชิ้งต้องขอบคุณ Thavorn Beach Village & Spaที่ทำให้ชิ้งได้พบมิตรภาพดีๆ เพื่อนใหม่ๆ รวมถึงได้อาจารย์อาหารไทยอีกครั้ง หวังว่าจะมีโอกาสได้กลับไปอีกนะคะ
สำหรับเพื่อนๆที่สนใจ แวะเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมหรือจองห้องพักได้ที่ www.thavornhotels.com ซึ่งชุ้งชิ้งแอบกระซิบว่าราคาถูกกว่าไปจองที่เว็ปอื่นค่ะ
Facebook ของโรงแรมก็ www.facebook.com/thavornBeachVillageAndSpa
แล้วคราวหน้าชิ้งจะพาไปเที่ยวไหน ฝากติดตามด้วยนะคะคนดี ^ ^