รีวิวแก้ปากแห้ง
MizYMuzE 14 4สวัสดีค่ะ ทู๊กคนนนนน กลับมาเจอกันอีกแล้วนะคะ กับหนูมิมิว
มีใครเคยเป็นเหมือน มิมิว บ้างรึเปล่า ริมฝีปากเราช่างแห้งสะเหลือเกิน
ดุจดั่งอยู่ท่ามกลางทะเลทราย เอ๊ะ รึเราจะดื่มน้ำน้อยไป ก็เป็นได้
แต่เรามักจะมีตัวช่วยให้กับริมฝีปากเจ้าปัญหานี้ค่ะ นั่นคือ ........ คือ ลิปมันนั่นเอง
ลิปมันที่ใครว่าแน่ ใครว่าเด็ด ไม่ว่าจะลิปมันในตำนาน ฝาสีน้ำเงิน ก็ยังไม่ไหว
ของดีเมืองนอกทาแล้วเย็นๆ ก็เอาไม่อยู่ หรือ จะโบกปิโตเลี่ยมเจลลี่ ก็ไม่ดีขึ้น
แม้เจ้าหลอดแดง อันโด่งดั่ง ก็พึ่งไม่ได้ คืออะไรว่าดี มิมิวตำมาหมด
สุดท้ายก็ไม่สามารถชนะ เจ้าความเหือดแห้งของริมฝีปากเราได้
มิมิวเองก็ประสบกับปัญหาโลกแตกนี้มานานพอสมควร จน ... จน ( ลากเสียงยาวๆ )
ได้มาพบกับ เนื้อคู่ในร้านขายของ OTOP ตามห้างสรรพสินค้า
หรือ ของดีในตำนาน RARE ITEM ของสาวๆอยู่ช่วงหนึ่ง นั่นคือ สีผึ้งแม่เลียบ นั่นเอง
เจ้าสีผึ้งแม่เลียบ รุ่น ดั้งเดิมของเราเนี่ย จะมาในตลับยากลมๆ สีครีมๆ มีปั๊มชื่อ "แม่เลียบ"
ง่ายๆ บ้านๆ ด้วยหมึกสีแดง เมื่อเราหมุนเปิดมาก็จะเจอกับกลิ่นสีผึ้งก่อนเลย กลิ่นนี่สะพรึง
ตะลึงงันกันเลยทีเดียว ไทยม๊ากกกก ก ไก่ล้านตัว คือ กลิ่นหอมแบบไทย ไทย
ซึ่งบางคนไม่พึงประสงค์กับมันอย่างแรง แต่ในความโชคดีของเราที่ชอบอะไร ไทยๆแบบนี้เลยรอด
พูดถึงสิ่งที่พบต่อมาคือ สีผึ้ง เนื้อสีน้ำตาล มีความเหนียว ข้น หนึบ และ ทายากสุดๆไปเลย
ต้องเอานิ้ว ถูๆ วนๆ แล้วค่อยป้ายริมฝีปาก นึกภาพ ทาถูๆ เหมือนยาหม่องตลับ
แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยีก็มาช่วยให้ผู้หญิงอย่างเรา ใช้เจ้าสีผึ้งนี่ได้ง่ายขึ้น
เพราะเค้ามีสูตรใหม่ออกมา ถึง 3 สูตร รวมสูตรเก่า เป็น 4 สูตร ให้เราเลือกสรรค์
ไม่ว่าจะเป็น สีผึ้งดั้งเดิม สีผึ้งกะทิ สีผึ้งนวดกะทิ และสีผึ้งขมิ้น
ซึ่งแต่ละสูตรก็จะมีคุณสมบัติคล้ายกัน คือเรื่องให้ความชุ่นชื่นนั่นเอง
ทุกสูตรยังผลิตด้วยส่วนผสมธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ และยังมีฉลากรับรอง อย
นอกจากนี้ฉลากยังบอกวันเดือนปีผลิต เรื่องความปลอดภัยเลยเชื่อถือได้ค่อนข้างสูง
แต่ในความแตกต่าง ก็มีความต่างอยู่เหมือนกัน
สีผึ้งแม่เลียบ หรือ Original ของเรา ที่่ใช้วิธีหุงและมีส่วนผสมของกำยานและเครื่องหอม
ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องช่วยสมานแผล และบางคนปากยังชมพูขึ้นมากอีกด้วย เนื้อจะหนืดมากอย่างี่เคยบอกเอาไว้ข้างต้นแล้ว ไม่ขออธิบายเพิ่ม และ สูตรนี้ สาวๆที่แพ้ กำยาน และ พิมเสน ควรงดนะจ๊ะ
คะแนนรวมๆ เอาไป 9 หัก ตรงที่มันหนึบเหนียวไปหน่อย ทาแล้วหนักปาก เลยทาแค่ก่อนนอน
สีผึ้งนวดกะทิ ตัวนี้เนื้อนิ่มหยุ่นๆขึ้น ต่างจากสูตรดั้งเดิมมาก มีกลิ่นหอมคล้ายๆมะพร้าว เรื่องความชุ่มชื้น ตัวนี้ก็ชุ่มชื้นมากอยู่แต่ไม่เหนียวเหนอะ เวลาทาแล้วเหมือนทาไพรมเมอร์ที่ปากเลย เพราะรู้สึกร่องริมฝีปากติ้นขึ้นในตอนที่ทา
คะแนน ให้ไป 10 เต็ม เพราะยังหาที่หักคะแนนไม่เจอ
สีผึ้งขมิ้น ตัวนี้เนื้อนิ่มสุดเลย ไม่เหนียวแต่ชุ่มชื้นมาก แทบไม่มีกลิ่น หรืออาจจะมีกลิ่นขมิ้นเบาๆ
เบามากจริงๆ เพราะเราเองแทบไม่ได้กลิ่นเลย สีผึ้งขมิ้นนี้ช่วยเรื่องเพิ่มความแข็งแรงของผิวหนังที่ริมฝีปากเราด้วยนะคะ แต่สาวๆที่แพ้ขมิ้นควรละไว้ในฐานที่เข้าใจ
คะแนนให้ไป 9 หักตรงที่เราชอบกลิ่นหอม แต่อันนี้แทบไม่มีกลิ่นเลย
สีผึ้งกะทิ ตัวนี้รักฝุดๆฟินฝุดๆ หอมกลิ่นกะทิ แบบท็อฟฟี่กะทิห่อกระดาษสีๆเป๊ะ หอมน่ากินมาก แต่สีผึ้งเนื้อจะนิ่มละเอียดพอๆกับสีผึ้งขมิ้น เหมาะกับ สาวๆที่่แพ้ง่าย แม้แต่เด็กน้อยยังทาได้ และที่เด็ดไปกว่านั้น คือเจ้าสีผึ้งกะทิเนี่ย เอามาลูบๆขนตาก่อนนอนจะทำให้แข็งแรงขึ้นอีกด้วย
สุดท้ายเราลองเอา สีผึ้งสูตรต่างๆมาทาบนกระดาษซับมัน 5 ครั้ง เพื่อดูความชุ่มชื้น
ผลคือ ถ้าเราสังเกตุดีดี สีผึ้ง ขมิ้น และ กะทิ มีความชุ่มชื้นค่อนข้างมากๆ และ เนื้อค่อนข้างนิ่มมาก
ทาติดบนกระดาษซับมันค่อนข้างเยอะ สีผึ้งนวดกะทิจะให้ความชุ่มชิ้นรองลงมาในขณะที่ทา และ เนื้อค่อนข้างแข็งกว่า อีก2สูตร เพราะเนื้อสีผึ้งติดออกมาน้อยกว่า และสุดท้ายสีผึ้งสูตรดั้งเดิม ค่อนข้างหนึดมาก ทายากกว่าุกสูตร ดูจากกระดาษซับมันในขณะที่ทาจะไม่ค่อยให้ความชุ่มชื้น แต่ทำไมเราทาก่อนนอนแล้วตื่นมาปากไม่แห้งเลย แอบงงเหมือนกัน
รีวิวนี้เผื่อเป็นอีกทางเลือกนึงให้สาวๆที่ประสบกับปัญหา ริมฝีปากแห้งเหือดอย่างมิมิว
และยังไงก็ขอให้สาวๆได้เจอกับลิปมันแท่งโปรดกันนะคะ สุดท้ายการโบกสีผึ้งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ฉะนั้น วันนี้ คุณดื่มน้ำครบ 8 แก้วแล้วรึยัง ??