ศึกALOE VERA GEL....ว่านหางจระเข้ไทยปะทะเกาหลี

16 3

สวัสดีค่ะ....ช่วงนี้อากาศร้อนแล้วนะคะ ต้องดูแลผิวหน้ากันเป็นพิเศษ เพราะหน้าร้อนเป็นที่มาของความหมองคล้ำ ดำ สิว ผิวหยาบกร้าน --"

ดังนั้นผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ช่วงนี้ควรบางเบา ไม่เหนอะหนะ และปลอบประโลมผิว ตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจในช่วงหน้าร้อนแบบนี้ คือ "ว่านหางจระเข้" ค่ะ

"ว่านหางจระเข้" (Aloe Vera) มีสรรพคุณมากมาย แต่วันนี้เราพูดเฉพาะด้านความงามละกันนะ

:รักษาสิวและรอยด่างดำ

ใครที่อยากหน้าใสต้องใช้เลย เพราะว่านหางจระเข้มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการติดเชื้อ และมีกรดอ่อน ๆ ช่วยลดความมันบนใบหน้าได้

: เติมน้ำให้ผิว

ความชุ่มชื้นในผิวหน้าและผิวกาย มักจะค่อย ๆ ลดลงตามวัย และไลฟ์สไตล์ของคุณ ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักใช้ชีวิตกันอยู่ในห้องแอร์จนผิวขาดความชุ่มชื้น ฉะนั้นการพอกหน้าด้วยว่านหางจระเข้ก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยเติมน้ำให้ผิว ผิวของคุณจะรู้สึกชุ่มชื้น เต่งตึงขึ้น

: ป้องกันและบรรเทารอยไหม้จากการออกแดด

ทาลงบนผิวหนังก่อนออกแดด จะช่วยป้องกันแสงแดดได้(แต่ควรทากันแดดด้วยจะดีมากๆนะ) แต่ถ้าหากเกิดรอยไหม้ขึ้นบนผิวหนังหลังออกแดดแล้ว ให้ทาเพื่อลดอาการอักเสบ ลดอาการผิวแห้งตึง

: บรรเทาอาการจากการทำเลเซอร์ และสมานแผลจากของมีคมและแผลถลอก

โดยนำว่านหางจระเข้มาทาที่รอยจากการทำเลเซอร์ หรือรอยแผล จะช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อน และสมานแผล ทำให้ฟื้นตัว แผลหายเร็วขึ้น

ยังมีอีกเยอะเลย พอก่อนดีกว่า555

ประจวบเหมาะกับเห็นหลายๆคน รีวิว เจลว่านหางจระเข้กัน เลยขอเกาะกระแสหน่อย555

จำได้ว่า เอ๊.....เรามีเจลว่านหางจระเข้อยู่นี้น่า เลยไปค้นมาได้มา2ยี่ห้อ เลยเป็นที่มาของศึกครั้งนี้(ดูดุเดือดมั้ย555)

มุมแดง : Aloe revital soothing gel เจลว่านหางจระเข้ จาก JEJU Island แดนกิมจิ

มุมน้ำเงิน : Aloe-E Snail Bright Gelเจลว่านหางจระเข้ สัญชาติไทย หัวใจญี่ปุ่น

INNISFREE : Aloe revital soothing gel เจลว่านหางจระเข้ จากเกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้

INGREDIENTS

ALOE BARBADENSIS LEAF EXTRACT, BUTYLENE GLYCOL, MADECASSOSIDE, CITRUS UNSHIU PEEL EXTRACT, ORCHID EXTRACT, CAMELLIA SINENSIS LEAF EXTRACT, CAMELLIA JAPONICA LEAF EXTRACT, OPUNTIA COCCINELLIFERA FRUIT EXTRACT, MENTHOXYPROPANEDIOL, SODIUM POLYACRYLATE, WATER, CARBOMER, TROMETHAMINE, PHENOXYETHANOL

มีสารสกัดจากว่านหางจระเข้จากเกาะเชจูถึง93% อุดมไปด้วยเกาะอมิโน ให้ความชุ่มชื้นมากขึ้น ช่วยบรรเทาผิวที่เสียจากความร้อน แสงแดด รังสียูวี ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ผิว

สามารถใช้ได้ทุกที่ๆต้องการความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ทั้งใบหน้า ผม แขน ขา

ปราศจากสี น้ำมัน น้ำหอม

SMOOTO : Aloe-E Snail Bright Gel

เจลว่านหางจระเข้ สัญชาติไทย หัวใจญี่ปุ่น

INGREDIENTS

Aloe vera: ฟื้นบำรุงผิวหลังโดนสารเคมี เลเซอร์ ทรีทเม้นท์ ผิวไหม้จากแสงแดดและมลภาวะ

Vitamin E: ช่วยให้รอยแผลเป็น รอยสิว จุดด่างดำดูจางลง

Snail secretion: ฟื้นบำรุงผิวให้แข็งแรง รูขุมขนกระชับ ลดการเกิดสิวผด สิวอุดตัน หน้าไม่เรียบ

Hyaluron: ฟื้นบำรุงผิวแห้งกร้าน เป็นขุย ผิวขาดน้ำ ให้ความรู้สึกชุ่มชื้นผิว

เจลว่านหางจระเข้ เข้มข้น99.5% ผสมวิตามินอีและสารสกัดเมือกหอยทากจากธรรมชาติ เนื้อเจลอ่อนนุ่มบางเบาซึมซาบเร็ว เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวบอบบางแพ้ง่าย

ใช้บำรุงผิวหน้าและผิวกายเป็นประจำทุกเช้า-เย็น หรือใข้ได้บ่อยเท่าที่ต้องการ

พอดี ตัวของ INNISFREE ได้แถมมาจากการซื้อสินค้าที่เกาหลีนะคะ เคยเปิดใช้ไปหลายซองแล้ว

ส่วน SMOOTO ได้รางวัลมาจากการเล้นเกมส์ค่ะ

โอเคมาลองไฝ้วกัน!!!

ยกที่1. เทียบสี เทียบกลิ่นInnisfree : Aloe revital soothing gel

ใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ให้ความชุ่มชื่นดี

Smooto : Aloe-E Snail Bright Gel

ใส สีเขียวอ่อน มีกลิ่น(แต่เค้าว่าไม่ได้ใส่น่ำหอมนะ) ชุ่มชื่นดีค่ะ

ยกนี้ ให้ INNISFREE Aloe revital soothing gel ชนะนะคะ

เพราะไม่ชอบกลิ่น ของ SMOOTO จริงๆ ถ้าไม่มีกลิ่นจะดีงามมาก

ยกที่2 .การซึมซาบเข้าผิว ไม่เหนียวเหนอะหนะ

ทดสอบโดยการทาอย่างละครึ่งหน้านะคะ แบ่งซีกตามภาพเลย

ใช้ผลิตภัณฑ์ ทาบนผิวในปริมาณที่เท่ากัน

ทิ้งไว้ 5นาที แล้วเอากระดาษ ซับมันแปะแล้วกดบนผิวหน้า

เห็นได้ว่า กระดาษซับมันข้างที่ทา SMOOTO จะติดกับผิวมากกว่า

ข้างที่ทา INNISFREE จะเห็นว่าบางส่วนของกระดาษ ไม่ติดผิวเลย

ทิ้งไว้ต่ออีก5นาที........

จะเห็นเลยว่า ข้างที่ทา SMOOTO กระดาษซับมันก็ยังติดอยู่ ส่วนด้านที่ทา INNISFREE กระดาษหลุดมาแล้ว

ยกนี้ให้ INNISFREE ชนะไปเลย ด้วยความสามารถในการซึบซาบสู่ผิวที่เร็ว และไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะไว้ เย้...... อาจเพราะ SMOOTO มีเมือกหอยทากผสมอยู่ก็ได้ เลยค่อนข้างเหนอะ และแห้งช้า

ดูจากกระดาษซับมัน จะเห็นว่า ข้างที่เป็นSMOOTOจะเห็นมีจุด(รูขุมขน) ติดอยู่เยอะเลย ขณะที่INNISFREE จะแห้งกว่ามาก

ยกที่3 เรื่องความชุ่มชื่นยกนี้ วัดโดยการนอนค่ะ ทาแล้วนอน ตื่นมาจับผิวและล้างหน้ายกนี้ให้....SMOOTO ชนะไปค่ะ ผิวหน้า หลังตื่นนอนฝั่ง SMOOTO จะชุ่มชื้นกว่า INNISFREE อาจเพราะแห้งช้ากว่าล้างออกง่ายเหมือนกันหลังจากและซับหน้า ผิวหน้าฝั่ง SMOOTOจะนุ่มกว่า(นิดหน่อย)

ความคิดเห็น/ความรูสึก ส่วนตัวนะคะ

Smooto Aloe-E Snail Bright Gel : เหมาะกับการใช้ทาผิวหน้าตอนกลางคืน โดยใช้เป็นเหมือน Sleeping mask เนื่องจาก แห้งช้า ชุ่มชิ้นแต่ทิ้งความเหนอะหนะที่ผิว หรือจะใช้ทาส่วนอื่นๆที่แห้งกร้านมากๆ เช้น ศอก เข่า น่าจะดี

ข้อดี หาซื้อง่ายมีทุกเซเว่น/ ราคาถูก 49บาท ได้ปริมาณ 50กรัม

ข้อเสีย มีกลิ่น ซึ่งค่อนข้างแรงไปสำหรับตัวเอง ยิ่งต้องเอามาทาหน้าแล้วด้วย ยิ่งได้กลิ่นชัดเจน/ แห้งช้าทิ้งความเหนอะหนะบนผิว

Innisfree Aloe revital soothing gel : เหมาะกับการทาได้ทั้งวัน จะทาเช้า ทาเย็นก็ได้ จะทำเป็น Sleeping Maskก็ได้ (แต่ Innisfree เค้ามีตัว Aloe revital sleeping pack อยู่แล้ว)

ข้อดี ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น/ แห้งไว ไม่เหนอะหนะ สบายผิว

ข้อเสีย มีขายที่ช้อบ Innisfree ไทย3สาขา ที่เซ็นเตอร์ พอยด์ สยาม , เมกะ บางนา , ฟิวเจอร์ รังสิต (สาขาที่4กำลังจะเปิดเร็วๆนี้นะคะ)/ ราคาเมืองไทยค่อนข้างสูง แต่ถ้าสั่ง จาก innisfreeworld.com ราคาแค่ 288.34 กับปริมาณ300มล. ก็โอเคอยู่นะ( ยิ่งถ้าใครไปเกาหลีหิ้วมาคงถูกเข้าไปอีก)

การใช้งาน ส่วนตัว จะใช้หลังเช็ดเครื่องสำอางค์ คือ

- เช็ดเครื่องสำอางค์

- ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า

- ซับหน้าให้แห้ง

- ทาด้วยAloe Vera Gel

แล้วไปเล่นกับลูกค่ะ ลูกหลับเมื่อไร ค่อยไปล้างหน้า อาบน้้ำค่ะ555

ส่วนเรื่องที่ว่าใครจะแพ้ จะอุดตันมั้ย คงต้องลองกันเองค่ะ เพราะสภาพผิวแต่ละคนไม่เหมือนกัน

วันนี้ขอบคุณนะคะ


Katemoko_So Young

Katemoko_So Young

FULL PROFILE