‘ถูกและดี’ เวอร์ชั่นเกาหลี VS ไต้หวัน
Maily 11 2กระทู้นี้เกิดจากการที่ได้มีโอกาสอ่านกระทู้ที่เพื่อนๆ หลายท่านได้แนะนำของ ‘ถูกและดี’ กันมามากมาย จนเกิดไอเดียว่า เออ!!!...เรานี่เดินทางบ่อยเหมือนกันนะ และทุกครั้งที่ไปก็จะไม่พลาดการช้อปปิ้ง แต่พอมานั่งเปิดถุงช้อปปิ้งทีไรก็จะเห็นสิ่งเดิมๆ ที่ไปทีไรก็ต้องซื้อกลับมาทุกครั้ง เรียกได้ว่าไปถึงแล้วเดินเข้าร้านเครื่องสำอางต่างๆ นี่หยิบได้เลย เพราะทดลองมาเองกับมือแล้วว่าอันไหนถูกและดี ประจวบเหมาะกับช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีโอกาสไปไต้หวัน จึงไม่พลาดที่จะไปเดินช้อปปิ้งกรุบกริบ และทดลองใช้ประมาณ 2 เดือน จึงคัดเลือกตัวที่เข้ารอบ ‘ถูกและดี’ ในเวอร์ชั่นเกาหลีปะทะไต้หวันในครั้งนี้ เชื่อว่าหลายตัวน่าจะเป็นที่รู้จักของเพื่อนๆ เป็นอย่างดี สาวๆ จีบันมีอะไรดีๆ อย่าลืมมาแชร์กันนะคะ
ปล. สภาพผิวของเราคือมัน มีสิวอุดตันและอักเสบประปรายตามแต่วาระและโอกาส
เริ่มจากฝั่งเกาหลีแลนด์ดินแดนโอปป้า
It’s Skin Power 10Formula
เซรั่มบำรุงผิวจาก It’s Skin ตัวเซรั่มจะเป็นเนื้อใสๆเราใช้ทาเป็น Pre Serumก่อนจะบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวตัวอื่นๆ ตัวที่ชอบที่สุดจะเป็นขวดสีเขียว It’sSkin Power 10 Formula VB Effector เป็นสูตรสำหรับคนที่หน้ามันผิวเป็นสิว ใช้แล้วรู้สึกว่าสิวไม่ค่อยขึ้นเหมือนเดิม ผิวแข็งแรงขึ้นหน้ามันน้อยลง แต่มีกลิ่นแอลกอฮอล์ ใครแพ้ควรหลีกเลี่ยง ราคา 12,000 วอน (360 บ.)
อีกสูตรขวดสีเหลืองคือ It’s Skin Power 10 Formula Propolis ที่มีสาร Propolis จากรังผึ้ง อันนี้เหมาะกับคนที่มีสิว ผิวอักเสบ ใช้ดีระดับหนึ่งแต่หลังจากหมดขวดเขียวเลยเพิ่งลองใช้ อาจจะยังไม่เห็นผลมากต้องติดตามกันต่อไปสูตรนี้จะแพงกว่าสีเขียวนิดหน่อย ซื้อที่ไทยราคา 400 กว่าบาท
Innisfree Super Volcanic Pore Clay Mask
แฟนๆ Innisfree น่าจะมีไอเท็มนี้ติดบ้านแน่นอน มาส์กโคลนจาก Innisfree เป็นโคลนที่ได้จากภูเขาไฟบนเกาะเชจู สูตรนี้เป็นสูตรสำหรับคนที่มีผิวมัน รูขุมขนกว้าง โคลนเนื้อนุ่มๆ ใช้มาส์กหน้า เราจะใช้ช่วงที่สิวบุก มาส์กเสร็จล้างหน้าออกมาหน้านุ่มมากกกก และรู้สึกว่าสิวที่กำลังอักเสบแห้งไวขึ้น เป็นถูกและดีอีกตัวที่ต้องมีติดไว้ที่ห้อง ตัวนี้ใช้ไปนานๆ โคลนจะแอบแห้ง ก่อนจะใช้เลยต้องใช้น้ำผสมนิดหนึ่งก่อนมาส์ก เราซื้อจาก Duty Free ราคา 10$ (350 บ.) เท่านั้น
Etude House Proof 10 Eye Primer
สำหรับสาวๆ ที่มีหนังตามัน ทาอายแชโดว์แล้วสีไม่ชัด หรือติดไม่ทน อายไพร์มเมอร์น่าจะเป็นตัวช่วยลำดับต้นๆ ที่สาวๆ นึกถึง และเจ้าตัว Etude House Proof 10 Eye Primer นี้ก็ถือเป็นไอเท็มที่เดินเข้าช็อป Etude แล้วต้องซื้อกลับมาทุกครั้ง ด้วยราคาเบาๆ เพียง 5,500 วอน (165 บ.) ตัวนี้เป็นอายไพร์มเมอร์สีเนื้ออ่อนๆ เราว่าดีระดับหนึ่ง ทำให้สีอายแชโดว์สีชัด ติดทนขึ้น ถูกดี และเหมาะสมกับราคา ไปเกาหลีทีไรคือซื้อทุกรอบ 2-3 หลอดเป็นอย่างต่ำ
Eye Remover
หมวดนี้มี 2แบรนด์ที่กินกันไม่ลง เลยหยิบมาแนะนำทั้ง 2 ตัวเลย อย่าง Innisfree Apple Juicy Lip & Eye Remover ราคา 6,500 วอน (195 บ.) และ Etude House Lip & Eye Remover ราคา 4,000 วอน (120 บ.) ถูกและดีทั้ง 2 ตัวเลย เพราะเช็ดอายไลเนอร์มาสคาร่า และลิปสติกออกดีมาก ไม่แสบตา ในราคาหลักร้อยไปทีไรจะซื้อกลับมาตุนไว้เยอะเลย
ยาทาเล็บ
จริงๆ แบรนด์ยาทาเล็บจากฝั่งเกาหลีมีแทบทุกแบรนด์ให้เลือกสรร แต่หลังจากที่ลองทามาหลายแบรนด์ เราว่าแบรนด์ที่สีสวย มีหลายเฉดให้เลือก ทาง่ายแม้จะเป็นมือใหม่ ราคาถูก เรายกให้ Innisfree เราว่าเนื้อสัมผัสของสีทาเล็บแบรนด์นี้สวย หัวแปรงมีขนาดพอดี เวลาทาทำให้ทาง่าย ทาแล้วสีเรียบสวย เล็บไม่เหลือง ราคาก็ถูก มีให้เลือกตั้งแต่ 1,500 วอน (45 บ.) ขึ้นไป
มาส์กหน้า
เกาหลีนี่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเมืองแห่งการกำเนิดมาส์กหน้าสารพัดชนิด มีตั้งแต่ส่วนผสมธรรมดา ยันส่วนผสมที่วิจิตรพิสดารที่เราไม่สามารถคาดคิดได้ว่ามีมาส์กแบบนี้ด้วยเหรอ? หลังจากที่ทดลองมาหลายยี่ห้อ หลายสูตร ถ้าจะจัดให้อยู่ในหมวด ‘ถูกและดี’ ตามโจทย์เราเลยยกมงให้เจ้ามาส์ก 2 ตัวนี้คือ Etude House Collagen Moistfull Mask Sheet และ The Face Shop MasCream Sheetตัวแรก Etude House Collagen Moistfull Mask Sheet เป็นมาส์กหน้าสูตรคอลลาเจน ที่เน้นเรื่องความชุ่มชื้น วันไหนรู้สึกหน้าแห้งๆ กร้านๆ เราจะมาส์กตัวนี้ มาส์กเสร็จผิวนุ่มชุ่มชื้นมาก ถูกและดีในราคาเพียงแผ่นละ 2,000 วอน (60 บ.) เท่านั้น แนะนำให้ซื้อแบบแพ็ค 10 แผ่นใน Duty Free เมื่อหารออกมาแล้วจะตกแผ่นละไม่กี่สิบบาทเอง บางทีชอบมีโปรซื้อ 3 แพ็ค แถม 1 แพ็ค ยิ่งถูกไปอีกอีกตัว The Face Shop MasCream Sheet ตัวนี้คือลูกรัก ไปทีไรต้องหอบมาเยอะมากกก เพราะเป็นมาส์กสูตรครีมที่ให้ความชุ่มชื้นสูง ช่วงไหนหน้าโทรมๆ หมองคล้ำ ไม่สดใส นอนน้อย ไม่ค่อยได้บำรุงผิว เราจะใช้มาส์กตัวนี้ มาส์กเสร็จคือผิวนุ่มมาก ชุ่มชื้นสุดๆ ฟื้นฟูผิวได้ดี และเนื่องจากเป็นเนื้อครีมเราจึงนานๆ ใช้ที ราคาที่เกาหลีประมาณ 2,000 วอน (60 บ.) แต่ที่ไทยคือขายแผ่นละ 100 บ. อัพ แนะนำให้ซื้อเป็นแพ็คใน Duty Free เช่นกัน หารออกมาแล้วตกแผ่นละไม่กี่สิบบาท
มากันที่ฝั่งไต้หวันบ้างจะบอกว่าที่ไต้หวันนี่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีแหล่งให้ช้อปปิ้งเยอะแยะเหมือนเกาหลีแต่พอไปจริงๆ ปรากฎว่าแหล่งช้อปปิ้งก็ยังมีให้ช้อปเยอะเหมือนกันนะและที่เด็ดสุดคือแบรนด์จากญี่ป่นหรือเกาหลีบางแบรนด์ถูกกว่าประเทศผู้ผลิตจ้าและนี่คือ ‘ถูกและดี’ จากฝั่งไต้หวัน ที่เราเลือกมาแล้วว่าดีจริงอะไรจริง อ่ะ!! เริ่มได้
Oguma Ion Complex Elite 1·7·3 Treatment Young Spray
สเปรย์น้ำแร่จาก Oguma แบรนด์นี้ตัวน้ำแร่เขาจะโดดเด่นมากๆ เพราะเคลมว่าเป็นน้ำแร่ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุจากธรรมชาติ มอบประจุเกลือแร่ให้ผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้น และขจัดสิ่งสกปรกตกค้างภายในผิว ลดการอักเสบของผิว ใช้มา 2 ขวดละ เราว่าเรื่องผิวชุ่มชื้นมันได้อยู่แล้วละ ด้วยความที่เป็นน้ำแร่ แต่ใช้มาเรื่อยๆ เรารู้สึกว่าผิวแน่น แข็งแรงขึ้น อันนี้ไม่รู้ว่าเพราะตัวน้ำแร่เอง หรือสกินแคร์อื่นๆ ที่ใช้ด้วยนะ แต่โดยส่วนตัวก็ชอบมาก เราชอบใช้ก่อนแต่งหน้าและหลังแต่งหน้า รู้สึกว่าทำให้เครื่องสำอางติดทนมากยี่งขึ้น ถ้าใครมีโอกาสไปไต้หวันก็อย่าลืมหิ้วกลับมานะคะ เพราะที่นั่นถูกกว่าไทยมากกกก ราคาไม่กี่ร้อยบาทค่ะ
นอกจากนี้แบรนด์นี้เขายังมีสกินแคร์ด้วย เพื่อนที่ไปด้วยกันหิ้วกลับมาใช้ บอกว่าทำให้ผิวแข็งแรง หน้าดีขึ้นมากกกก แต่ส่วนตัวไม่ได้ลอง เลยกะว่าถ้ามีโอกาสไปไต้หวันครั้งหน้าคงไม่พลาดที่จะหิ้วสกินแคร์แบรนด์นี้กลับมาแน่ๆ
Pure Vivi Cleansing Lotion
Cleansing Water ของ Pure Vivi อันนี้บ้านเราก็มีขาย ซึ่งไม่ได้สนใจไม่เคยใช้มาก่อนเลย แต่เดินผ่านแล้วพนักงานขายที่ไต้หวันแนะนำมาว่าตัวนี้เป็นแบรนด์มาจากญี่ปุ่นนะคะ ที่ไต้หวันขายดีเป็นอันดับ 1 ตอนนี้มีโปรโมชั่นด้วยค่ะ ลดเหลือขวดละ 199 TWD (225 บ.) กับปริมาณขวดละ 500 ml. ตาโตกับคำว่าโปรโมชั่นและราคาขึ้นมาทันที 5555 เลยสอยมา 2 ขวด พอลองใช้แล้วชอบมากกกกกก รู้สึกว่าเช็ดได้สะอาด ชอบตรงที่ไม่มีน้ำหอม ไม่แต่งกลิ่น ไม่เติมสี ไม่มีพาราเบน ว่ากันง่ายๆ คือเหมาะกับผิวบอบบางแพ้ง่าย จากเดิมที่ใช้ Bioderma ในราคาที่แสนแพง ในปริมาณที่เท่ากัน ตอนนี้คงได้หันมาซบอก Pure Vivi อย่างเป็นทางการ
ที่ดัดขนตา Shiseido
ตัวนี้เอาจริงๆ คือไม่ได้ตั้งใจซื้อมาแต่อย่างใด แต่เนื่องจากวันจะกลับยังเหลือเงินในบัตร Easy Card 200 กว่าเหรียญ เลยหาร้านที่ซื้อสินค้าและจ่ายเงินด้วยบัตร Easy Card ได้ จนเจอร้าน Cosmed ซึ่งเป็นร้านยาและเครื่องสำอางจิปาถะ เลยได้เจ้าตัวน้มาในราคา 135 TWD (150 บ.) กะซื้อมาแบบให้เงินในบัตรหมด แต่พอได้ลองใช้คือดีมาก ตัวหัวที่ดัด Curve เข้ากับตาเราพอดีเป๊ะ ยางที่รองดัดขนตานุ่ม ไม่ทำให้ขนตาขาด ดัดไม่กี่ครั้งขนตาจะงอนขึ้นมาเลย ไม่ทำให้ขนตาหัก เลยชอบมากกก
มาส์กหน้า
ที่ไต้หวันนี่จะบอกว่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเกาหลีนะ เพราะมีมาส์กหน้าหลากหลายแบรนด์ให้เลือก มาส์กที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดีอย่างเจ้า My Beauty Diary ก็มีต้นกำเนิดเกิดขึ้นที่นี่ แน่นอนว่ามาทั้งทีจะต้องขนกลับไทย ที่ใช้แล้วชอบที่สุดจากฝั่งไต้หวัน และถูกมาก จะเป็น 2 ตัวนี้คือ My Beauty Diary สูตร Black Pearl และ Oguma Aqukey Super Maskตัวแรก My Beauty Diary สูตร Black Pearl จริง แบรนด์นี้มีหลายสูตรมากที่ใช้ดีไม่ว่าจะเป็นไวน์แดง แอปเปิ้ล แต่สำหรับตัวที่ ‘ถูกและดี’ สำหรับเราขอยกให้สูตร Black Pearl คือนอกจากเรื่องความชุ่มชื้นแล้ว หลังมาส์กหน้าเสร็จผิวจะเรียบเนียน ดูกระจ่างใสอย่างเห็นได้ชัดเจน ตัวนี้ทิ้งมาส์กไว้หลายนาที แผ่นมาส์กยังชุ่มชื้นอยู่เลย มาส์กเสร็จเอาแผ่นมาส์กมาทาคอ ทาแขน ทาขาไปได้อีก ปลื้มมมมม!!! อีกตัว Oguma Aqukey Super Mask หลังจากที่ประทับใจน้ำแร่ของแบรนด์นี้ไปแล้ว เขาก็เอาน้ำแร่มาบรรจุไว้ในรูปแบบมาส์กให้เราเลือกใช้ได้เช่นกัน ตัวนี้เค้าเคลมว่า มาส์กหน้า 1 แผ่น เท่ากับฉีดน่ำแร่ 80 ml. ลงสู่ผิว ใช้แล้วรู้สึกว่าผิวชุ่มชื้นมากกก ผิวดูละเอียดขึ้น มาส์กเสร็จยังเหลือน้ำแร่ในถึงมาส์กอีกเพียบ เอามาทาคอ ทาตัว ได้ด้วย 5555