Hair Care Routine : ใช้อะไรบำรุงเส้นผม?

สวัสดีค่ะทุกคนเส้นผมถือเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งที่สาวๆไม่ควรละเลยนะคะเพราะแค่ทรงผมที่ต่างกัน หรือสภาพเส้นผมที่เปลี่ยนไปก็สามารถทำให้ลุคของเราเปลี่ยนไปได้ฉะนั้นการดูแลสุขภาพเส้นผมก็เป็นสิ่งสำคัญ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่เราเลือกใช้ด้วยวันนี้ออยล์เลยจะมารีวิว/แชร์ผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ออยล์ใช้บำรุงเส้นผมว่ามีอะไรบ้างค่ะ :)

1. PANTENE Aqua Pure Shampooราคา: 149 บาท (400ml), 179 บาท (500ml)

• กลิ่นหอมสะอาดสดชื่น
• ไม่มีส่วนผสมของซิลิโคน (silicone): พักหลังออยล์ค่อนข้างจะอินกับแชพูที่ไม่มีซิลิโคนค่ะ เพราะแชมพูปกติทั่วไปมักจะมีส่วนผสมของซิลิโคนที่ทำให้ผมของเราลื่นและเงางามหลังสระทันที แต่ข้อเสียคือใช้ไปนานๆซิลิโคนจะสะสมบนเส้นผม ทำให้เส้นผมเราหนัก (ผมหลีบแบน) ผมแห้ง ทำสีไม่ติด แถมบางคนถ้าแพ้ซิลิโคนก็ทำให้เกิดสิวอุดตันด้วย ซึ่งพอเปลี่ยนมาใช้ตัวนี้แล้วรู้สึกโอเค รู้สึกผมไม่หลีบแบนเหมือนเมื่อก่อน :)
• หาซื้อค่อนข้างง่าย + ราคาไม่แพง: เมื่อก่อนแชมพูที่ไม่มีซิลิโคนหาซื้อค่อนข้างยากค่ะ มีแต่แบรนด์ออร์แกนิค ราคาก็ค่อนข้างสูง แต่สำหรับตัวนี้โอเคเลย ราคาซื้อใช้ต่อได้เรื่อยๆ :)

2. L'OREAL Hair Spaราคา: 350 บาท

• ให้ความชุ่มชื่นได้ดี: ใช้แล้วรู้สึกผมนุ่มชื่น โดยเฉพาะถ้ามักทิ้งไว้ หรือใช้คู่กับการทำสปาผมจะเริ่ดมาก
• คุ้มค่า: กระปุกใหญ่สะใจมาก แถมราคาไม่แพงด้วย ใช้นานเลยกว่าจะหมด
• กลิ่นหอมสดชื่น

3. MARK HILL MiracOILicious Moraccan Argan Oilราคา: 450 บาท

• เป็นน้ำมันใส่ผมที่ช่วยทั้งให้ผมดูเงางาม และทำให้ผมสุขภาพดีขึ้นด้วย
• ราคาไม่แพง: มีขายที่ Boots ซึ่งจัดโปรฯบ่อยมาก บางทีซื้อ 1 แถม 1 บางที่ชิ้นที่สองลด 50% ต้องลองไปส่องดูที่ร้านบ่อยๆจ้ะ
• กลิ่น: กลิ่นไม่ได้เหม็น แต่ก็ไม่ได้หอม ถ้าใครชอบใช้น้ำมันบำรุงผมกลิ่นหอมๆ ตัวนี้อาจจะไม่ตอบโจทย์

4. WELLA SP Luxe Oilราคา: 1,000 บาท

• ใช้ไปได้ซักระยะ เส้นผมสุขภาพดีขึ้น
• ไม่เหนียวเหนอะ
• กลิ่นหอม: ตัวนี้กลิ่นหอมถูกใจมาก จะเป็นกลิ่นหวานๆ ผสมระหว่างกลิ่นดอกไม้กับกลิ่นขนม
• ราคาแพง: ใช้หมดยังไม่รู้จะซื้อใช้ต่อดีใหม่ เพราะราคาพาหนักใจมาก T_T;
• ปล. ด้วยความกลิ่นหอมชนะเริ่ดมาก ตัวนี้เลยไว้ใช้สลับกับ Mark Hill วันไหนอยู่บ้านใช้ Mark Hill วันไหนอยากผมหอมๆใช้ Wella 555555555

5. Tangle Angle Brush - Precious Pinkราคา: £14.95 (เราซื้อร้านหิ้วมา 750 บาทค่ะ)

• สำหรับเรามันคือ หวีเทพ! เพราะหวีผมได้ง่าย ผมขาดหลุดร่วงน้อยลงมาก หวีแล้วไม่เจ็บหนังศีรษะแม้ผมจะเป็นก้อนสังกะตัง
• เหมาะกับคนผมเส้นเล็ก ผมแห้ง ผมเสีย
• แพ็กเกจจิ้งชนะเริ่ด สวยฟรุ้งฟริ้งนางฟ้ามาก มีให้เลือกหลายสีด้วยสำหรับใครที่อยากได้สีอื่น
• หาซื้อยาก + ราคาสูง: ราคาค่อนข้างสูงเลย ถึงแม้จะซื้อจากร้านพรีก็ยังรู้สึกแพง แต่ส่วนตัวมองว่าเป็นการลงทุน เพราะตั้งแต่ซื้อมาก็ใช้คุ้มมาก ไปค้างทีไหนก็พกไปด้วยตลอด

แถมมมมมมมมมมม(ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์บำรุงผมแต่อย่างใด แต่เป็นเครื่องทำลายเส้นผม 5555)

6. ORBIT Milano I 2 In 1 Hair Straightener & Curlerราคา: 1,200 บาท

• 2 in 1: เป็นทั้งเครื่องหนีบตรง และเครื่องม้วนผมในเครื่องเดียว สำหรับใครที่อยากได้ทั้งสองเครื่องถือว่าช่วยประหยัดงบเลย เวลาเดินทางก็พกเครื่องเดียวจบ
• ตัวแกนลื่น ไม่กินผม: ไม่แน่ใจว่าเค้าใช้สารอะไรเคลือบแกนให้ความร้อน แต่มันลื่นมาก ลื่นปรืดๆเลย ทำให้ไม่กินผม แล้วก็ม้วนง่ายด้วยค่ะ
• ราคาไม่แพง: ราคาค่อนข้างถูกกว่าถ้าเทียบกับแบรนด์อื่นในห้างสรรพสินค้า
• ขนาดความกว้างของแกนกำลังดี: จริงๆข้อนี้แล้วแต่ความชอบกับสภาพเส้นผมของแต่ละคนนะคะ แต่ส่วนตัวชอบแบบลอนธรรมชาติ เราใช้เครื่องนี้ม้วนลอน ผมก็อยู่ทั้งวันดีโดยที่ไม่ต้องอัดสเปรย์
• ปุ่มปรับอุณหภูมิ: ปุ่มเค้าจะเป็นแบบระดับค่ะ ไม่ใช่จอดิจิตอล อาจไม่ถูกใจกับคนที่ชอบแบบละเอียด แต่ส่วนตัวมองว่ามันก็สะดวกไปอีกแบบ ไม่ต้องมานั่งมองตัวเลข
• ขนาดความยาวแกสั้นไป: ถึงแม้ความกว้างจะพอดี แต่ความยาวถือว่าสั้นไป โดยเฉพาะใครที่ผมยาวมากๆจะไม่ค่อยเหมาะเลย เพราะจะม้วนลอนได้ไม่ถึงโคน แต่สำหรับคนผมสั้นคิดว่าไม่น่ามีปัญหา (เราแก้โดยการม้วนสองชั้นค่ะ โดนจะจับแค่บางช่อม้วนต่อ ผมจะได้ดูหนาๆ)
• ไม่เหมาะกับการม้วนหน้าม้า: ใครที่ไว้หน้าม้าแล้วชอบม้วนให้งุ้มเข้า ใช้ตัวนี้อาจจะต้องระวังโดนหน้าผากหน่อยนะคะ (โดยส่วนตัวไม่มีปัญหาเพราะตอนไว้หน้าม้า เราไม่ชอบม้วนหน้าม้า แต่เพื่อนเคยมายืมใช้ ปรากฏนางเผลอทำแกนโดนหน้าผาก (¯▽¯；) จริงๆแนะนะถ้าใครชอบม้วนหน้าม้า ให้ใช้เครื่องหนีบตรงปกติไปเลยดีกว่านะ ปลอดภัยกว่าจ้า
• สายไฟชอบพันกัน: ตรงที่หมุนสายไฟที่ปลายเครื่องมันค่อนข้างฝืดค่ะ เวลาม้วนผมแล้วสายชอบพันกันตลอด

หมดแล้วจ้า สำหรับผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ออยล์ใช้กับเส้นผมหวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะคะแล้วไว้เจอกันใหม่โอกาสหน้าค่ะ บ๊ายบายยยยย :D