N.53
vodca 1 69
ไม่ได้ update อาหารโซนทองหล่อนานแล้ว วันนี้มาupหน่อยว่า ร้าน N.53 (อ่านว่า ร้าน-เอน-ห้า-สิบ-สาม) เค้าเปิดใหม่แล้วน๊า หลังจากที่ปิดไปพักนึง พอดีไปทานแล้วได้คุยกะเจ้าของนิดหน่อย เค้าบอกว่า เค้าซื้อต่อร้านเก่ามา ทำเป็น Pub and Restaurant จ้า และวันนี้ก็พิเศษอีกเช่นเคยเพราะว่า สามารถหนีบเพื่อนขวดให้มาถ่ายรูปให้ได้ วันนี้รูปก็จะออกมาสวยกว่าปกติที่ไปกินเยอะเลย พล่ามยาวไปแล้ว มาดูรายละเอียดกันดีกว่าเนอะ
LOCATION
55 ซอยสุขุมวิท 53 ถ.สุขุมวิท วัฒนา กทม 10110
Tel 02 262 1681 Fax 02 662 4084
เวลาทำการ 11.00-01.00 น. (เปิดตั้งแต่กลางวันนะคะ แอบบอกว่าใครไม่ชอบคนเยอะๆมาเดทที่นี่ตอนกลางวันก็ได้)
ถ้า มารถไฟฟ้า BTS ก็มาลงสถานีทองหล่อจ้ะ ลงฝั่งซอยทองหล่อนะ แล้วก็เดินย้อนมาทางแยกอโศก จะเจอซอย 53 ต้องเข้าไปลึกเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นคนชอบเดินก็เดินได้นะ แต่ว่าไกลจากปากซอยพอควร ถ้าใส่ส้นสูงไปแนะนำให้นั่งมอไซค์หรือtaxi เข้าไปโลดไม่งั้นหมดแรงก่อนได้กินของอร่อยแน่ๆ
ถ้าขับรถมาพุ่งตรงเข้า ไปจากปากซอยสุขุมวิท 53 เข้าไป 200-300 ม ได้ จะเจอร้านอยู่ซ้ายมือ ขอให้ขับช้าๆจ้า เดี๋ยวเลยแล้วจะงงกันไปใหญ่ และทางร้านมีที่จอดให้ประมาณ 10กว่าคันค่ะ และวันศุกร์-เสาร์คนเยอะทางร้านก็จะมี Valet Parkingให้ด้วย ฉะนั้นไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีที่จอดค่ะ
ATMOSPHERE
ร้าน No.53 นี้ เป็นร้านที่เหมาะกะการไปเดทจริงๆเลยค่ะ ตอนเข้าไปตอนยังสว่างไม่เย็นมากก็ไม่รู้สึกค่ะ แต่พอพระอาทิตย์ตกดิน ฟ้ามืดเท่านั้นแหละ ร้านสวยและโรแมนติกขึ้นมาอีกมากมายจ้า แต่ร้านตอนกลางวันท่าทางจะเป็นที่ที่เงียบๆแล้วก็นั่งเล่นได้แบบสบายๆ สำหรับร้านนี้ เราแบ่งเป็น 4 Zoneใหญ่ๆให้เลือกนั่งได้ ก็คือ
outdoor zone เป็นZoneสำหรับคนที่ชอบสูดอากาศภายนอก มันจะเป็นระเบียงอยู่ท่ามกลางแมกไม้ มาช่วงบ่ายแก่ๆก็น่าจะwork แต่ตอนเย็นย่ำท่าทางจะยุงเยอะพอควร แต่สำหรับนักสูบ(บุหรี่) น่าจะชอบzoneนี้นะคะ เพราะว่าตอนนี้สูบในร้านไม่ได้แล้ว ผิดกฎหมาย
window Zone เนื่องจากอาคารเป็นแบบโครงเหล็กและกระจกใสเยอะๆ ฉะนั้นเจ้า Zone ที่ติดกระจกนี่เราชอบมากๆ เพราะว่ามันนั่งติดด้านนอก เห็นฟ้าเห็นดาว และที่นั่งเป็นเก้าอี้ลายน่ารัก ให้นั่งนุ่มๆและสบาย recommend ว่ามาเดทร้านนี้ได้นั่งติดริมหน้าต่างแล้วจะสบายใจถึงที่สุด
Stage Zone เนื่องจากร้านนี้มีดีเจเปิดแผ่นด้วยในบางหน และมีนักดนตรีมาเล่นในบางวัน อังคาร-พฤหัส จะเป็นกีตาร์ตัวเดียวเล่น ส่วนศุกร์กะเสาร์เป็น Trio Jazz มีโต๊ะส่วนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ Zoneนี้ ซึ่งถ้าใครชอบฟังเพลง ดูเค้าเล่นดนตรีสดก็น่าจะมานั่งตรงนี้เลยแหละ สำหรับป้าพริ้งก็อย่างที่แนะนำมาหลายๆร้านว่า ร้านไหนมีดนตรีสดเราจะชื่นชอบเป็นพิเศษ บางทีก็ประทับใจดนตรีมากกว่าอาหารกันเลยทีเดียว เราโชคดีมากที่ได้ไปร้านนี้วันพุธ แล้วก็ไปเจอนักดนตรีผู้หญิงมีอายุแล้ว แต่เล่นกีตาร์แล้วก็ร้องเพลงเบาๆได้อย่างเทพพพพพพมากกกกกกก ใครชอบดนตรีสไตล์นี้ต้องรีบไปนะ ดนตรีดีแบบนี้มีให้ฟังได้ไหมบ่อย
Cocktail Bar เป็น Zone ที่นั่งตรง bar ได้ ตรงนี้ก็จะอยู่ใกล้เวทีแสดงดนตรีมากกว่าตรงอื่น ร้านนี้มี cocktail bar และมี cocktail menu ให้เลือกหลากหลายมากๆ
FOOD
ร้าน นี้ขายทั้งอาหารไทย และ inter ค่ะ แต่main เราเห็นจริงๆว่าใน menu เยอะก็คืออาหาร inter จ้า อาหารโดยรวมรสชาติกลมกล่อมทีเดียว มีบางจานก็จัดจ้านนิดๆ
จานแรกที่ถูกยกมา คือ Avocado Salad เห็นmenu นี้ครั้งแรก ผู้ร่วมทริปก็กรี๊ดกร๊าดขึ้นมาทีเดียว ว่าอยากกินอยากกิน ส่วนป้าพริ้งก็ชื่นชอบอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วเจ้า Avocado เนี่ย ยกมาserve แล้วไม่ผิดหวัง ให้Avocado เยอะมากกกก มากับผักกาดแก้วสดกรอบ มีกุ้งหนึบๆมาให้กินและ ไข่กุ้งกรุบกรอบบบบ น้ำสลัดก็ไม่creamy จนเกินไป รู้สึกว่ามีกลิ่นแบบน้ำสลัดญี่ปุ่นอยู่ด้วย สรุปว่าจานนี้ชอบมาก และทำเองยังไงน้ำสลัดก็สู้เค้าไม่ได้
จานที่สองของวันนี้เป็นของทานเล่น นามหรูเริศว่า ปลาแซลม่อนรมควันห่อเนื้อปู ถ้าใครไม่ชอบของรมควันขอให้ข้ามจานนี้ไป แต่ข้าน้อยจกแป๊บเดียวมันก็หายไปเข้าไปอยู่ในท้องหมดแล้ว จานนี้มาแบบว่าสวยงามมาก กินแล้วไม่หกเลอะเทอะ ควรสั่งมาทานตอนเดทอย่างยิ่ง ปลาแซลม่อนเค็มนิดๆ ไส้เป็นครีมๆซอส โรยหน้ามาด้วยลูกเคปเปอร์กรุบกรอบ ยังไม่เคยเจอmenu นี้ที่ไหน ยกเว้น พวก international buffet ตามโรงแรมที่เค้ามีซอสมีอะไรมาให้ห่อเอง แต่มันก็ไม่อร่อยเท่านี้นะ
ต่อด้วย สลัดปูนิ่ม จานนี้บอกก่อนว่าอร่อยมากกก A+++ อยากกลับไปกินอีกในเร็ววัน คือว่า ปูนิ่มทั้งตัวที่เค้าทอดมาเค้าจะทอดแบบมีแป้งห่อมาหนากว่าร้านอื่นแต่มัน ช่วยทำให้มี texture เพิ่มเวลาเคี้ยว ที่เด็ดคือน้ำซอสสีดำๆ ที่เป็นหย่อมๆหยดลงมาเป็นจุดๆ กินแล้วอร่อยไม่เหมือนใคร และไม่ได้มีแต่ผักสลัดและมะเขือเทศแต่ยังมีส้มฝานบางๆมาด้วย กินแล้วนึกถึงสลัดดอกไม้ที่ BACCO เลย แต่ร้านนั้นแพงกว่าเยอะ T T
Avocado Salad
ปลาแซลม่อนรมควันห่อเนื้อปู
สลัดปูนิ่ม
ถัดจากอาหารเรียกน้ำย่อย ก็มาถึงจานหลัก วันนี้มีจานหลัก 3จานจ้า จานแรก สเต็กปลากระพงซอสมะนาว ที่รสชาติกลมกล่อม เสิร์ฟมาพร้อมกะมันบด และผักเคียงที่จำไม่ได้ว่าอะไร แต่ว่ามันเข้ากันดีกะสเต็กอ่ะค่ะ อีกจานนึงว่าเสิร์ฟพร้อมกัน นั่นคือ สปาเกตตี้ซอสมันกุ้ง ที่ทำรสชาติจัดจ้าน มีรสแหลมเป็นความเค็ม เส้นสปาเกตตี้ลวกมาได้สู้ฟันดี รสชาติ ความหอมของกุ้ง และมันกุ้งนั้นสุดยอดมาก กุ้งก็ตัวโต เด้งดึ๋ง และportion ที่มาเสิร์ฟก็เข้ากะท้องคนไทย คือจานไม่ใหญ่มากเกินไป พูดแล้วอยากกลับไปกินอีก สำหรับสปาเกตตี้จานนี้ให้ A++++ งานนี้ป้าพริ้งพลาด กิน2อย่างนี้สลับกันทำให้รสของสปาเกตตี้ ซึ่งมันรสจัดเนี่ย ไปตัดกับรสของสเต็กปลากระพง ทำให้รสชาติสเต๊กหายไปเยอะทีเดียว จำไว้นะสาวๆ จานรสจัดควรกินหลังสุดเลยอ่ะ สำหรับอาหาร inter
จานที่ 3 ก็ยังinter อยู่นะคะ แต่เป็นหมวดข้าวแล้ว ถ้าใครเบื่อข้าวผัดธรรมดา มาร้านนี้ขอให้ลอง ข้าวผัดอินโด เป็นmenu ที่ป้าพริ้งไม่เคยเจอที่อื่นเลย นอกจากที่นี่ ข้าวผัดเค้าจะไม่แห้งแบบตามร้านอาหารจีนค่ะ แต่ซอสที่ผัดมาเนี่ยจัดจ้านมาก และในข้าวผัดก็จะมีผักแล้วก็กุ้ง เครื่องเคียงที่มาด้วยก็ไข่ดาว กะหอมใหญ่ทอดค่ะ หน้าตาอาจจะธรรมดา แต่รสชาติไม่ธรรมดา แล้วก็เป็นอาหารที่กินได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อไม่เลี่ยนเพราะว่ามันเผ็ดอยู่พอควร
สเต็กปลากระพงซอสมะนาว
สปาเกตตี้ซอสมันกุ้ง
ข้าวผัดอินโด
มาถึงของหวานกันบ้างแล้ว ของหวานร้านนี้มีให้เลือกแค่ 4-5 menu ตอนแรกไม่คาดหวังเลยค่ะ เนื่องจากเห็น menu มันน้อยมากกก ก็เลยสั่ง พานาค๊อตต้า ของหวานยอดฮิต เวลาคิดไม่ออก 555 แต่ว่าพอมาเห็นจานที่เสิร์ฟจริงแล้วได้ใจไปเรยย แถมตัวเนื้อพานาเองก็ไม่เหลวไม่นิ่มเกินอ่ะค่ะ แถมให้บลูเบอรี่เยอะมากกก ก็เลยชอบ แต่ยังไม่เด็ดสุดค่ะ ที่เด็ดสุดต้องจานนี้ รับประกันว่าอร่อย และราคาถูกกว่าร้านละแวกนั้นแน่ๆ คือ chocolate souffle ที่เราว่าน้ำช๊อกที่ไหลๆออกมามันหวาน+เข้มข้นมาก กลิ่นหอมอบอวลไปหมด
พานาค๊อตต้า
chocolate souffle
ตบ ท้ายด้วย Cocktail จะได้เพิ่มความ Romance กันมากขึ้นอีกเด้อ เลยขอถามทางผู้จัดการร้านว่า ตัวไหนอร่อย เค้า recommend มาเต็มไปหมดเริ่มด้วย Love at first sight มาเป็นสีฟ้ากันเรยทีเดียว หลังจากนั้น ตามมาด้วย Ruby ....... และก็ Midori **** confirm ว่าร้านนี้ cocktail อร่อยวะค่ะ แม้ว่า ป้าพริ้งจะร้างลาวงการน้ำเมาไปนาน แต่กลับมาดื่มหนนี้ไม่ผิดหวังจริงๆ โดยเฉพาะ Midori ฮริ๊วววว ขนาดที่บ้านป้ามีตั้งไว้ 1 ขวด
SERVICE
ดีมากกกกกกก คือคนที่ใส่สูทเค้าจะมาคอยๆมามองดูตลอดเลยค่ะ ว่าเราต้องการอะไรไหม
VALUE
ภาพรวม แล้วถ้าไม่ทานแอลกอฮอล +กินแบบ full option จะอยู่ที่ 300 -400 บาท ต่อหัว แต่ถ้าทานก็เพิ่มไปประมาณนึงเลยเพราะ cocktail แก้วละ 100 กว่าๆ บาท ก็เป็นอีกทางเลือกนึงในการที่ทั้งอยากฟังเพลง ทานข้าว หรือแม้แต่สังสรรค์ หรือdrink นิดๆ และในละแวกนั้น มีแต่ร้านที่ต้องเก็บเงินไปทาน แต่ร้านนี้โอเคเลยทีเดียว สำหรับไปนั่งเล่น หรือ date จริงจัง แต่แอบสนับสนุนให้ไป date แบบจริงจังอ่ะค่ะ เพราะบรรยากาศโรแมนติกดีจริงๆ
DRESS CODE
จริงๆ แอบคุยกะทางเมเนเจอร์เค้าก็บอกว่า จริงๆเป็นร้านแบบว่าเลิกงานก็มาทานข้าวร้านนี้ได้ เราก็เลยว่า ไม่ต้องแต่งตัวมากก็ได้ถ้าไปทานร้านนี้นะ เน้นสบาย ก็ในเมื่อทางเมเนเจอร์เค้าว่ามางั้น แต่ถ้าถามตัวเราเอง ร้านนี้เป็นโอกาสที่จะให้สาวๆได้แต่งตัว แต่งหน้าเริศๆกันเต็มที่ แต่งเข้มก็ไม่มีใครว่าหรอก เพราะร้านมันแสงน้อย ฉะนั้นอยากให้คู่เดทเห็นหน้าชัดๆ นี่ น่าทำหน้าให้ฉ่ำๆ ตาหวานๆ (ติดขนตาปลอมเด่ะ) แล้วก็ปากวาวๆไปเร๊ยยย ฮริ๊ววววว.
ท้ายสุดขอบคุณนายขวดมาก ที่ช่วยถ่ายรูปมาลงให้ และไปด้วยกัน จะได้มีรูปสวยงามจัดๆมาลงที่นี่ซะที
REFERENCE : ,
*** Click ที่รูป เพื่อขยายได้จ้ะ