รีวิวกระบี่ 3 วัน 2 คืน เที่ยวฟินๆ กินๆ นอนๆ
_bboo_ 15 8ซัมเมอร์มาแล้วโบกับเพื่อนยกทีมไปเที่ยวกระบี่ เซอร์เวย์ที่กิน พักผ่อนชิลล์ๆ แบบสวยๆ บอกเลยว่าสาวๆ ออฟฟิศก็ไปเที่ยวชิคๆ แบบเราได้ ตื่นไปทำงานต่อในวันจันทร์ก็ยังไหว จะไปเที่ยวยังไง พักผ่อนที่ไหนบ้าง ไปดูกันได้เลยค่ะ
วันที่ 1
ขอเล่าเกริ่นนิดนึงก่อนค่ะ ทริปนี้โบกับเพื่อนๆ ไปกันทั้งหมด 4 คนด้วยกัน ซึ่งเพื่อนๆ ก็ทำงานประจำ เลยลางานกันเฉพาะวันศุกร์วันเดียว เที่ยวศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เอาเป็นว่าทริปนีชาวออฟฟิศไปเที่ยวตามพวกเราได้แน่นอน แบบไม่เหนื่อย
โดยครั้งนี้ เราก็เลือกเดินทางโดยเครื่องบินกับสายการบิน Thai Smile ซึ่งก็ดีมากๆ เพราะขึ้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ เดินทางสะดวก โหลดน้ำหนักกระเป๋าอะไรได้ ทีนั่งบนเครื่องก็สบาย ที่สำคัญตั๋วราคาไม่แพง มีขนมให้กินบนเครื่องเบาๆ บินแป๊ปเดียวก็ถึง โดยโบและเพื่อนๆ เลือกไฟลท์เที่ยงกว่าๆ ค่ะ ไปถึงกระบี่ก็ประมาณบ่ายสอง ตรงกับเวลาเช็คอินโรงแรมพอดี
ทีนี้เราไปกัน 4 คน พอออกมาจากสนามบินแล้ว โบเลยเลือกที่จะนั่งลีมูซีนค่ะ ไปถึงที่พักเลย 600 บาท ซึ่งถ้าใครมาแค่ 1-2 คนก็อาจนั่ง Shuttle Bus จากสนามบินก็ได้ คนละ 150 บาท ไปอ่าวนางค่ะ
ที่พักที่เราเลือกพักกันแบบปุ๊ปปั๊ปมากๆ เพราะไม่ได้ศึกษาข้อมูลกันมาก่อน (ถึงแม้ว่าเพื่อนที่ไปด้วย 2 คนเคยมาเที่ยวกระบี่แล้ว พวกนางก็บอกแค่ว่าพักอ่าวนางสะดวกสุด แล้วคงไม่ต้องเช่ารถหรอกมั้ง...เดี๋ยวมันมีเรื่องพีคตรงนี้แหละ)
ซึ่งโบก็แนะนำว่าถ้ามากระบี่ แล้วอยากเอาแบบกินเที่ยวสะดวก ไม่ปลีกวิเวกแบบนอนเกาะ ก็ต้องที่อ่าวนางแหละค่ะ ก็เลือกที่พักกันแบบงงๆ เพราะเตรียมตัวก่อนจะมาแค่วีคเดียว เลยตกลงนอนกันที่ The Cliff Ao Nang Resort เป็นรีสอร์ตที่ไม่ติดทะเลนะคะ คืออ่าวนางจะมีที่พักแบบหน้าหาด ซึ่งถ้ามาคราวหน้าอาจเลือกที่พักแถวนั้นค่ะ แต่ที่นี่พูดถึงเรื่องการเดินทางก็สะดวกเหมือนกันค่ะ (และจะดีกว่านี้มาก หากโรงแรมมีบริการรถ Shuttle Bus ไปรับส่งหน้าหาด) แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความสะดวกสบายของโรงแรม ก็เฉยๆ ค่ะ ตามภาพ โดยต่อคืนที่นี่ตกห้องละ 2,000 กว่าบาทค่ะ แต่บริการก็ไม่ได้ดีเท่าที่ควรจะเป็นเท่าไหร่
แต่ว่าเรื่องดีก็มีค่ะ คือ บรรยากาศด้านนอก ในส่วนของสระว่ายน้ำค่ะ สวยดี สบายๆ ชิลล์ๆ ถ่ายรูปยังไงก็สวยค่ะ เหมาะแก่การพักผ่อนมากๆ ทีนี้พอเก็บของเก็บกระเป๋าพักผ่อนเบาๆ กันเรียบร้อย ประมาณ 4.30 น. เราก็ออกจากโรงแรมค่ะ โดยนั่งรถสองแถวไปยังหน้าหาด (ที่จริงเดินก็ได้ค่ะ แต่กลางวันร้อนนนน) ค่ารถประมาณ 20 บาท ถึงหน้าหาด เดินเล่นถ่ายรูปเบาๆ
ในจุดที่ไม่ได้เช่ารถเราจึงต้องนั่งสองแถวค่ะ ที่จริงการเที่ยวกระบี่ ส่วนใหญ่จะเป็นการนั่งเรือไปเที่ยวซะมากกว่า เพราะในเมืองไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ ถ้าใครไม่คิดว่าจะไปไหนไกลๆ นอกจากอ่าวนาง ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการหาเรือไปเที่ยว ก็ไม่ต้องเช่ารถก็ได้ค่ะ (แต่บังเอิญทริปนี้ อยู่ดีๆ ก็อยากไปในเมืองซะอย่างงั้น แล้วไม่ได้เช่ารถด้วยนี่อ่ะดิ!)
ที่อ่าวนางตรงหน้าหาด ก็มีโรงแรมดีๆ เยอะนะคะ สามารถมาเลือกพักได้ ที่สำคัญส่วนใหญ่ที่นี่มีแต่ชาวต่างชาติมาเที่ยว ไม่ค่อยมีคนไทยเท่าไหร่ ผู้ฝองานดี นอนอาบแดดตรึม อาหารตาเพื่อนสาวมากๆ (แต่ส่วนใหญ่มากะเมีย)
พอเสร็จจากอ่าวนางมาถึงมื้อเย็น เพื่อนสาวก็บรรเจิดไอเดียขึ้นมาว่า อยากจะกินร้านอาหารชื่อดังของกระบี่ ชื่อว่า"เรือนไม้" ถามว่าอยู่ที่ไหน นางจำไม่ได้ ถามคนที่นี่เค้าบอกก็ว่าไม่ไกล นั่งสองแถวไปได้ แต่เรียกสองแถว สองแถวบอกไม่ไป ให้ไปเรียกรถมอเตอร์ไซด์พ่วงแทน (นึกออกใช่มั้ยคะ) ซึ่งค่ารถคนละ 100 บาท (คิดในใจไหนบอกไม่ไกลค่ารถ 100 นึงเลยเหรอวะ โดนหลอกป่าววะ) แต่ก็จ่ายไปทั้งหมด 400 บาทค่ะ แล้วก็นั่งไปไกลโคตรรรรรรรรร
เอาเป็นว่านั่งจนลมพัดหน้าเยิน ลมพัดหน้าจนหน้าผากกระตุก ก็มาถึงร้านเรือนไม้ ซึ่งอยู่ในซอย บนถนนที่ทั้ง 2 ฝั่ง แม่งไม่ใช่ในเมืองแน่ๆ เป็นถนนระหว่างทางอ่าวนางเข้าตัวเมือง ไปภูเก็ตไรงี้ คือไม่น่ามีสองแถวขับผ่านแน่นอน ยืนนอน คิดในใจอาหารอร่อย แต่ขากลับต้องทำไง เลยถามพี่ที่ขับมาส่ง พี่เค้าก็บอกว่ามีสองแถวผ่าน ก็ยังไม่มั่นใจ ถามพนักงานร้านอีก ก็บอกว่ามีสองแถวขับผ่านรอประมาณ 20 นาที ไปตัวเมืองกระบี่ เอาวะ!! นั่งกินให้สบายใจก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากัน
มาถึงก็สั่งแหลก หิวมากๆ โดยที่นี่ก็เป็นอาหารใต้แท้ๆ อร่อยทุกอย่างและก็อะไรที่เผ็ดก็เผ็ดจริงๆ ค่ะ ที่เราสั่งมาก็เลยเป็นเมนูเด็กๆ นิดหน่อย
ที่แนะนำก็มีเมนู "หมูผัดกะปิ" และ "ใบเหลียงผัดไข่" ค่ะ อร่อยมากๆ ไม่ทำให้ผิดหวังที่นั่งรถจนหน้ากระตุก ลมตีหน้ามาตั้งไกล กินเสร็จ เช็คบิล ถึงเวลาไปต่อ เอาล่ะสิ ไปทางไหน เดินออกมาจากซอยยืนรอสองแถวอย่างที่เค้าว่าค่ะ รถทุกคันขับเร็วมากกก แบบไม่น่าจะจอดรับเราแน่ๆ ช่วงเวลานั้นคือยืนรอประมาณ 10 -15 นาทีได้ ในที่สุดเราก็เจอสองแถวค่ะ!!!!
มาด้วยกันสี่คน โบกแม่งสี่มือเลยค่ะ ยังไงก็ต้องจอดรับ แล้วรถก็จอดค่ะ จอดจริงๆ แต่เป็นรถสองแถวที่ต่างชาติสองคนเหมามา อิเพื่อนเลยไปพูดกับคนขับ แล้วก็คุยกันไม่รู้เรื่อง (เค้าก็พูดภาษาไทยม่ะ/ นางบอกฟังแหลงใต้ไม่รู้เรื่อง) เลยส่งอีกหนึ่งตัวแทนไปคุย จนในที่สุดเราก็ได้เข้าเมืองไปที่ "ถนนคนเดินกระบี่" กันค่ะ ในราคาคนละ 40 บาท แบบไม่แคร์สายตาฝรั่งที่เหมารถคันนี้มา ยังไงเราขอไปด้วย!!!
ที่ถนนคนเดินกระบี่ ของเยอะมากจริงๆ ค่ะ มีทั้งของกินของช้อปที่ถูกใจก็น่าจะเป็นของกินนี่แหละ เดินเล่นวนๆ จนรอบก็รู้สึกอยากกินโรตีขึ้นมา เลยเสิร์ชถาม Google ว่าเจ้าไหนดี เค้าก็บอกว่าโรตีหน้าโว๊คนี่แหละค่ะ
อย่าเพิ่งงง คือ โว๊ค (Vogue) เป็นชื่อห้างเล็กๆ ที่อยู่ติดถนนคนเดินนี่แหละ โดยด้านหน้าของห้างไปทางสี่แยกมนุษย์โครมันยอง (คือตรงแยกมีรูปปั้นมนุษย์โครมันยองตัวเบอเร่อตั้งอยู่) มีร้านโรตีอร่อยเด็ดดวงจริงๆ โบกับเพื่อนขอคอนเฟิร์ม ชานมเย็นก็อร่อยแถมถูกอีกต่างหาก กินเสร็จงานนี่ไม่มีวอรี่ค่ะ เพราะรถสองแถวกลับอ่าวนางมีมากมาย ชิลล์ๆ ค่ารถก็คนละ 60 บาทถึงหน้าที่พักสบายใจ พักผ่อน รอไปเที่ยวฟินๆ ต่อพรุ่งนี้กัน
วันที่ 2
วันที่ 2 นี้เราตื่นแต่เช้ากินอาหารกันที่โรงแรม แล้วก็ซื้อของซื้อขนมที่เซเว่นเพื่อมาขึ้นเรือที่หน้าหาดอ่าวนาง โดยตกลงกันว่าเราจะไปพักผ่อนที่ "ไร่เลย์" ตรงหาดพระนางกันค่ะ ซึ่งตอนแรกเราลังเลว่าจะไปเกาะห้องดีไหม โดยเหมาเรือไป แต่ไปๆ มาๆ ก็มาลงตัวที่นี่มากกว่า เพราะเพื่อนบอกว่าสวยและชิลล์ เหมาะแก่การพักผ่อน ซึ่งก็จริงๆ ค่ะ ค่าเรือจากอ่าวนางไป-กลับ 200 บาทต่อคน ก็ได้มาปิกนิกกันที่ชายหาด
ชายหาดที่นี่สวยมากจริงๆ ค่ะ เลือกที่นั่งที่มีร่มไม้หน่อย นั่งสบาย อ่านหนังสือชิลล์ได้ทั้งวัน และที่หาดส่วนใหญ่ก็จะมีแต่ชาวต่างชาติมานอนอาบแดด ทำกิจกรรมกัน สาวๆ อย่างเราก็สามารถใส่บิกินี่ได้แบบไม่ต้องกลัวอาย ถ่ายรูปโพสต์อวดๆ กันไปค่ะ (มีเสื่อให้เช่าด้วยนะ 100 บาท มัดจำอีก 100 บาท หรือเรือคายัคก็ราคาเดียวกัน แต่เรือจะคิดราคาเป็นชั่วโมงค่ะ)
จัดไปสวยงามทุกมุมค่ะ ซึ่งจริงๆ ที่ไร่เลย์ก็มีที่พักด้วยนะ ก็สามารถมากันได้ แต่ใครอยากไปแบบเช้า-เย็นกลับ ก็เตรียมน้ำอาหารมาเลยก็ดีค่ะ เพราะที่มาขายอยู่ราคาแพง เพราะเค้าต้องขนส่งทางเรือแหละมั้ง
โบกับเพื่อนๆ อยู่ที่นี่กันจนบ่ายแก่ๆ ค่ะ นั่งตากแดดจนตัวดำ หิวข้าวก็เลยนั่งเรือกลับไปที่อ่าวนาง จากนั้นก็อาบน้ำแต่งตัวใหม่ ไปกินอาหารกันที่อีกร้านดังที่ตั้งอยู่อ่าวนาง ซึ่งบริการของทางร้านดีมากๆ เพราะใครที่พักอยู่อ่าวนาง เค้าก็มีรถไปรับ-ส่งถึงที่พักเลยด้วย
ร้านที่ว่านี้ชื่อ "Lae Lay Grill" (แลเล กริลล์) บริการดีตั้งแต่มีรถมารับแล้ว อาจเป็นเพราะตัวร้านที่อยู่บนเขาด้วย ส่วนบรรยากาศดีเลยค่ะ โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน เห็นชัด วิวขั้นเทพมากๆ ไม่เชื่อดูรูปได้
ส่วนเรื่องอาหารก็จะเป็นอาหารทะเล พวกทอดมันกุ้ง ผัดผงกะหรี่ ปลาทอด ปลานึ่ง ต้มยำ แบบกุ้งตัวใหญ่ ปูเน้นๆ ในราคาปกติ คือไม่แพง แต่ก็ไม่ถูก ราคาเหมือนกินห้างฯ หรือร้านแบบนี้แหละ รู้สึกโบจะกินกันไปพันนิดๆ เองมั้ง กับข้าวหลายอย่างอยู่กินกันไม่หมดด้วย แต่ก็ไปกินของหวานต่อที่แถวหน้าหาดนะ 555++
อิ่มเสร็จก็นั่งรถของที่ร้านกลับโรงแรม แต่เราให้ไปส่งหน้าหาด เพราะอยากเดินเล่นตอนกลางคืน เพลินๆ ดีนะ หาของกินเล่น (กินตลอดจริงๆ) จากนั้น ถึงกลับโรงแรมก็ดึกอยู่ พักผ่อน เพราะพรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว
วันที่ 3
ซึ่งเราก็กลับไฟลท์ประมาณ บ่ายสอง โดยเรียกรถลีมูซีนคันเดิมกับวันมานี่แหละ (พี่เค้ารู้ใจ ทิ้งเบอร์ไว้ให้) โทรให้มารับที่โรงแรมตอน 11 โมงครึ่ง หลังจากทานข้าวเช้า เก็บของ พักผ่อนเบาๆ ก็ไปสนามบิน หาอะไรกิน (เหมือนเดิม)
กลับด้วย Thai Smile เหมือนเดิม ลงสุวรรณภูมิ แยกย้ายกลับถึงกรุงเทพประมาณ 4 โมงกว่าๆ ได้พักผ่อนก่อนไปทำงานในวันจันทร์ เอาเป็นว่าทริปนี้ชิลล์จริงๆ เพราะไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย เสิร์ชเอาหน้างานล้วนๆ 555++ โบเลยทำรีวิวมาให้ดู เที่ยวเพลินๆ แบบไม่ต้องคิดไรมาก (ปกติเคยคิดเหรอ) ไม่เหนื่อยด้วย ยังไงพบกับทริปหน้าค่ะ บอกเลยว่าปีนี้ ทริปยาวๆๆๆ <3