เปิดถุงช็อปฮ่องกงแบบมีสติ (มั้ย?)

19 9

สวัสดีค่า เพื่อนๆ ทุกคน NickyOkawa ไปเที่ยวฮ่องกงช่วงสงกรานต์มาค่ะทริปนี้ไปกันเองกับที่บ้านและญาติๆ เลยไม่ค่อยมีเวลาช็อปปิ้งเท่าไหร่และที่น่าแปลกใจมากก็คือ ไม่ได้สอยเมคอัพจากฮ่องกงมาเลยแม้แต่ชิ้นเดียวส่วนจะได้อะไรจากที่ไหนกันบ้างนั้น มาดูกันเลยดีกว่าแต่สารภาพก่อนว่า กลับถึงบ้านตอนค่ำๆ ก็แกะข้าวของแล้วถ่ายรูปคืนนั้นเลยรูปออกมาห่วยมาก ปกติก็ถ่ายรูปกากพอตัวอยู่แล้ว แต่นี่คือเฮ้ออออออแถมไม่มีเวลาเขียน กว่าจะตั้งกระทู้ก็แทบจะพ้นสงกรานต์ไปไกลลิบๆ

ชุดแรกที่ซื้อคือ Uniqlo จาก Ocean Terminalระหว่างรอเวลานัดหมายเพื่อไปดู Symphony of Light เลยไปเดินเล่นฆ่าเวลาจริงๆ ไม่ได้อยากซื้อ เพราะแถวบ้านก็มี แต่เดินทั้ง H&M, J Crew และแบรนด์อื่นๆ อีกมากมายไม่ถูกใจอะไรเลย เป็นครั้งแรกในช่วงชีวิตที่อยากได้เสื้อผ้าเรียบๆสมัยสาวๆ (กว่านี้) ใส่แต่เดรสและชอบเสื้อผ้าลายดอกเป็นชีวิตจิตใจตอนนี้ชอบเสื้อผ้าเบสิค เพราะมันมีโอกาสได้ใส่มากกว่า ชุดลายดอกได้ใส่เฉพาะกิจจริงๆปรากฏว่า....ได้ไปหลายชิ้น

ของที่ได้มาทั้งหมดจากกองเซลล์ลดล้างสต็อกค่ะ ของเซลล์ในไทยไม่เคยมีไซส์เราหน่วยราคาที่เขียนว่าเหรียญ คือฮ่องกงดอลล่าร์นะคะ แลกไปที่เรท 4.6 บาท (แอบแพง)เทรนช์โค้ท 299 เหรียญ ไม่หนามากนะคะ ออกแนวโค้ทสำหรับฤดูใบไม้ผลิมากกว่าแจ็คเก็ตยีนส์ 199 เหรียญ เหลือตัวสุดท้าย ไซส์ XL นิกกี้อยากได้แจ็คเก็ตสีเข้มตัวหลวมอยู่แล้วเดรสสีกรมท่า 129 เหรียญ คิดเป็นเงินไทยไม่เกิน 600 บาท ใส่ออกมาแล้วสวยแบบเรียบๆ ดีเสื้อคอเต่าสีเทา 39 เหรียญ คิดเป็นเงินไทยไม่ถึง 200 บาท ใส่สบายดีค่ะ ชอบ

กางเกงขาบาน 59 เหรียญ ชอบมาก แถมถูกด้วย เลยซื้อมา 2 ตัว สีนู้ดออกครีมกับสีนู้ดออกชมพู

ย้ำเตือนกันอีกครั้งว่า ช็อปปิ้งในฮ่องกง ส่วนใหญ่เสียเงินค่าถุงกันนะคะ ที่ Uniqlo เราก็โดนไป 0.5 เหรียญเนื่องจากถุงผ้าที่เตรียมมาเล็กเกินไป พนักงานเลยใส่ถุงกระดาษมาให้ค่ะ (-,-“)

ต่อมาที่ของกระจุกกระจิก จากร้าน Miniso แถวๆ MTR Yau Ma Teiโรงแรมที่พักอยู่ที่นี่ค่ะ ถัดจากมงก๊กไปสถานีเดียวเองไปเดินวนในร้านสองวันติด คิดแล้วคิดอีกว่าจะตัดอะไรออกไปจากรายการ คือของมันน่าซื้อทุกอย่างจริงๆ ค่ะ ไม่มีอาการคิดไม่ออกว่าจะซื้ออะไร มีแต่อาการคิดไม่ตกว่าจะตัดใจไม่ซื้อชิ้นไหนดี ได้มาเท่านี้หมอนรองคอ 15 เหรียญ เพราะหมอนรองคอมูจิหายไป เลยไม่กล้าซื้อหมอนรองคอแพงๆ อีกเลยสมุดไดอารี่ 20 เหรียญ ไปเที่ยวที่ไหนต้องซื้อทุกทริปหมวกสีน้ำเงินเข้ม 40 เหรียญ เป็นหมวกที่ใส่ได้พอดีปกตินิกกี้จะใส่หมวกที่ขายทั่วไปไม่ได้เลยเพราะหัวโต 55555

ของฝากเล็กๆ น้อยๆแหวนสำหรับใส่มือถือทัชสกรีน ราคา 2 เหรียญ นักท่องเที่ยวซื้อกันตรึมมมมแผงขายอยู่ตรงตลาดนัด Temple Street ใกล้ๆ โรงแรมเลย

ส่วนขนมเหล่านี้ซื้อมากินเองนิดๆ หน่อยๆชาเขียวถุงซิปล็อคที่มีรูปดอกไม้คือกลิ่นซากุระ ชาเขียวอร่อย แต่เราดันเหม็นกลิ่นดอกไม้ซะงั้นต่อมาคือชาเขียวกล่อง เป็นชาเขียวแบบผสมนม green tea latte อร่อยดีคิทแคทรสชาโฮจิฉะ (เฉยๆ แต่ไม่หวานเท่ารสชาเขียว)เยลลี่ทั้งสองอัน รสส้มกับยาคูลท์ อร่อยมากกกกกกก เสียดายซื้อมาอย่างละ 2 ซองเองและอีกสองขวดคือชานมแบบสำเร็จ อร่อยสุดแล้ว ขวดก็สวย ดื่มหมดแล้วก็เก็บขวดกลับมาด้วยขนมราคาไม่เท่าไหร่ แต่ชานมขวดนี่ 14 เหรียญค่ะ แพงพอสมควรเลย

ของที่ซื้อจากสนามบินของที่ชอบที่สุดคือนิตยสารญี่ปุ่น Glow ที่แถมกระเป๋า Tsumori Chisatoนิกกี้ยืนเลือกอยู่นาน ตัดสินใจซื้อเล่มนี้เพราะหน้าปกที่ดูเป็นแฟชั่นสำหรับหญิงสาววัยผู้ใหญ่และกระเป๋าแถมคือที่สุดของกระเป๋าสะพายข้างที่ทั้งสวยทั้งใช้งานได้ดีมีซิป มีช่องใส่ของเยอะมากๆๆๆๆ ราคา 94 เหรียญค่ะ

รีวิวกระเป๋าเล็กน้อยค่ะ วัสดุเป็นผ้าไนล่อน ซักได้ ตรงฝากระเป๋าเป็นสีน้ำเงิน ตัวกระเป๋าเป็นสีเทาแต่ข้างในเป็นลายโพลก้าดอทสีส้มบนพื้นเขียวค่ะ (น่ารัก) เปิดมาจะเจอช่องซิปและช่องใหญ่ส่วนด้านหลังจะมีช่องใส่ของแบบไม่มีที่ปิด เหมาะสำหรับใส่ของที่หยิบง่ายๆ เช่น ทิชชู่ ยาดม เป็นต้น

ของที่ซื้อจากสนามบิน 2

หมอนรองคอมูจิ คือพ่อซื้อให้จาก Muji To Go สนามบินฮ่องกงเพราะพ่อเป็นคนยืมหมอนมูจิของเราไปใช้ แล้วทำหายค่าแต่เสียดายตรงที่ราคาที่นี่มันแพง ประมาณ 700 กว่าบาทไทยของนิกกี้ซื้อจากเอาท์เล็ทที่โอซาก้าไง ราคาเหลือแค่ 300 กว่าบาท คิดว่าคงไม่กล้าเอาไปใช้ทริปไกลๆ กลัวหายอีก

ที่เป็นรูปมากาครงคือที่อุดหู ซื้อจากสนามบินดอนเมือง ราคา 65 บาท น่ารักดี

และปิดท้ายด้วย Erb Underarm Mask จากดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิค่ะ ราคาเต็ม 705 บาท

เป็นสาวจีบัน แล้วจะ มะมะไม่ช็อป ไม่ช็อป ไม่ช็อปเมคอัพได้ไง (เพลงทันสมัยมากแก)สุดท้าย มาได้เมคอัพที่ Sephora และ Eve & Boy ประเทศไทยค่ะ 55555555

Eve & Boy ได้มาแค่แป้งตลับสีทองของ Canmake ราคา 300 กว่าบาทกับเจลสักคิ้วข้ามคืนของ Mille จบข่าว คือสาขาเมกะบางนา ของเยอะจริง แต่คนก็เยอะด้วย ตัวที่อยากได้ก็ขายหมดเกลี้ยง เลยได้มาแค่นี้

ปิดท้ายด้วย Sephora กับของที่กลั้นใจซื้อแบบกัดฟันแท้แทบร่วง

Clarisonic Smart Profile

ค่ะ ราคา 9,500 บาทถ้วนอีนิกกรี้รี้รี้รี้รี้รี้รี้รี้รี้รี้รี้!!!!!!!ไหนหัวข้อแกบอกว่าช็อปแบบมีสติไงยะก็....(หาคำแก้ตัวอยู่) พี่สาวบอกว่า ซื้อเถอะแก ปีนึงหาหมอหน้าเสียเงินเยอะกว่านี้อีกก็จริงนะคะ นิกกี้หาหมอสิวแทบจะทุกปี รวมแล้วทั้งชีวิต เงินที่เสียให้หมอจ่ายค่ารถยนต์ได้เกินครึ่งคันแล้วก็มีครีมทามือของ Kenzoki ราคา 560 บาท (ปาดเหงื่อ) และของแถมนิดโหน่ยสรุปคือ ที่มีสติจากฮ่องกง พอกลับเข้าประเทศไทย สติก็ระเหยไปกับอุณหภูมิแล้วค่ะ

ข้างในกล่อง Clarisonic Smart Profile มีเครื่อง ที่ชาร์จ หัวแปรงขัดหน้า หัวแปรงขัดตัวเจลล้างหน้า และเจลอาบน้ำ อย่างละ 1 หลอด ใช้แล้วรู้สึกเลยว่าหน้าสะอาดขึ้นมากค่ะตามรีวิวและคำแนะนำ เขาบอกให้ใช้เช้าเย็น แต่นิกกี้รู้สึกว่าเยอะเกินไปเลยใช้เฉพาะตอนเย็น สัปดาห์ละ 5 วันพอ วันไหนทากันแดดตัวอย่างเดียว ก็ควรพักบ้าง  และที่บอกว่าให้เปลี่ยนแปรงทุก 6 เดือน คิดว่าจะลองซื้อแปรงขนแคชเมียร์มาลองค่ะ 

ปิดท้ายด้วยของจุ๊กจิ๊กที่ชอบเป็นการส่วนตัว เปล่าค่ะ ไม่ใช่มากาครงที่กินได้นะคะ มันคือ.............

มันคือหูฟัง ที่อุดหู และลิปบาล์มค่า น่ารักมั้ย ^^จบการเปิดถุงแล้ว ถ้าชอบก็กดหัวใจให้หน่อยนะคะ ขอบคุณทุกคนมากมาย


NickyOkawa

NickyOkawa

ชื่อนิกกี้ อายุ 30 กว่าๆ บ้าช็อปปิ้ง เขียนเก่ง ถ่ายรูปห่วย

FULL PROFILE