สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน แก้วกลับมารีวิวอีกแล้ว ~ หลังจากหายตัวไปสักพัก เพราะไปสอบมา (พูดก็พูด เป็นการสอบที่ระทึกมาก) แต่เอาเป็นว่าสอบเสร็จแล้วค่ะ ก็เลยขอกลับมารีวิวเรื่องที่อยากจะรีวิวมานานแล้ว นั่นก็คือ “สบู่ออร์แกนิค” ค่ะ
อีกครั้งค่ะ ขอออกตัวก่อนเลยว่าแก้วไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเจ้าของแบรนด์สบู่ออร์แกนิคนะคะ (แต่แบรนด์ที่ใช้อยู่ แก้วชอบเป็นการส่วนตัว ก็เพจร้านเค้าน่ารักอ่ะ มันดึงดูดเงินในกระเป๋า แก้วเลยขอถ่ายรูปมาลงประกอบกระทู้ค่ะ)
แต่เรื่องของเรื่องที่ทำให้แก้วอยากมาบอกต่อ ก็เพราะว่าได้มีโอกาสใช้ แล้วผลลัพธ์หลังใช้มันประทับใจมาก และอย่างที่แก้วเปิดเผยมาตลอดว่าเป็นคนบ้าของธรรมชาติออร์แกนิค จะไม่ให้แก้วพูดถึง มันก็ทนไม่ไหวค่ะ เพราะฉะนั้นใครที่สนใจสบู่ออร์แกนิค หรืออยากรู้ว่ามันดีไม่ดียังไง ก็ลองอ่านกันดูก่อนได้ค่ะ
เริ่มต้นจาก สบู่ออร์แกนิค เนียะ ตอนแรกแก้วก็ไม่ได้สนใจหรอกค่ะ (อ่าว) แก้วก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกัน (เฮ้ย) แต่จากการส่องโลกโซเชียล รวมไปถึงนัก youtuber ชื่อดังหลายคน แก้วก็เห็นว่ามีคนชอบทำ D.I.Y สบู่ออร์แกนิคใช้เองกันมาก พอผ่านไปสักพักนึง คนใกล้ตัวก็เริ่มมีทำใช้เองด้วย
แก้วก็สงสัยว่าทำไมต้องถึงขั้นลงมือทำสบู่เอง มันดีกว่าการใช้สบู่ทั่วไปยังไงหรอ ทำไปทำมา คนรู้จักที่เค้าทำใช้อยู่ ก็เลยส่งมาให้ใช้ดูค่ะ
แล้วผลลัพธ์มันดีมากกกกก
ดังนั้น แก้วจะก็เลยอยากจะบอกข้อดีแบบย่อๆของสบู่ออร์แกนิค ที่แก้วได้รับหลังจากใช้ค่ะซึ่งแบรนด์ที่แก้วใช้ไปเป็นแบรนด์ JIN และ ดาดฟ้าการ์เด้น ค่ะอันนึงมาจากใต้ อีกอันมาจากบางกอกเนียะแหละค่ะ อิอิ
่เพราะว่า ช่วงที่แก้วทดลองใช้สบู่นี้ ผิวแก้วแห้งมาก เนื่องจากช่วงฝึกงาน โดนเตะเข้าไปฝึกในสถานที่อุณหภูมิ 19 องศา ทุกวัน(และทั้งวัน) มันหนาวมาก ทาโลชั่นตัวท็อปไปแล้วนะคะ แต่มันก็ยังแห้งอ่ะ แต่พอใช้สบู่นี้เช้า-เย็น ผิวที่แห้ง มันช่วยทำให้ชุ่มชื้นขึ้นเร็วมาก หายแห้งไปเลย และนอกจากทำให้ผิวหายแห้งแล้ว ผลพลอยได้อีกอย่างที่ตามมาคือ ผิวนิ่มขึ้นค่ะ ข้อนี้ใช้ประมาณ 1 สัปดาห์ ก็เห็นผลแล้วค่ะ
ข้อนี้เอาใจคนรักสุขภาพ อยากจะใช้ของธรรมชาติโดยตรง รวมไปถึงคนที่มีผิวบอบบาง เซนซิทิฟ แพ้ง่ายค่ะ เพราะสบู่ออร์แกนิคเป็นสบู่ที่ทำมาจากน้ำมันธรรมชาติ ไม่ใส่สารเคมี หรือสารก่อฟอง ถ้าหากเจ้าไหนใส่ใจเป็นพิเศษ เค้าจะคัดเกรดน้ำมันเป็นเกรดสกัดเย็นดีๆมาทำสบู่เลย และคัดสรรน้ำมันที่สรรพคุณเด่นๆมาใช้ มาปรับสัดส่วนให้ลงตัวกับการทำสบู่ค่ะ อันนี้จริงๆ แก้วก็ยกนิ้วให้คนคิดสูตรสบู่นะคะ เพราะจากการที่ไปอ่านไปส่องวิธีทำมา แก้วทราบมาว่าน้ำมันแต่ละชนิด มันมีผลต่อลักษณะสบู่อีกเหมือนกัน อาจจะทำให้เนื้อแข็ง เนื้ออ่อนนุ่ม ฟองมากฟองน้อย แตกต่างกันไปอีก ถ้าใครแจ็คพอตเจอเจ้าที่คิดสูตรสบู่ได้เจ๋งจริงๆ ก็ได้สบู่ธรรมชาติดีๆไปใช้เต็มๆเลยค่ะ และนอกจากนี้กระบวนการทำสบู่ทำมือแบบนี้มีข้อดีกว่าสบู่โรงงานตรงที่ไม่ได้มีการดูดสาร glycerol (กลีเซอรอล) ออกไปจากสบู่ ทำให้สบู่ยังคงมี glycerol ทำหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้เหมือนเดิมค่ะ โดยกระบวนการทำสบู่นั้น จะขึ้นอยู่กับว่าแต่ละแบรนด์จะทำยังไงค่ะ บางแบรนด์ทำเป็น Hot process บางแบรนด์ทำเป็น Cold process ขึ้นกับว่าชอบแบบไหนซึ่งตามทฤษฎีแล้ว วิธีการทำ Cold process จะช่วยรักษาสารสำคัญ รักษาความคงตัวของสบู่ได้มากกว่า และทำให้เนื้อสบู่ที่ได้สวยงามกว่าค่ะ ตอนนี้แก้วก็เลยชอบส่องแบรนด์ที่ทำแบบ Cold process มากกว่า ว่ะฮ่าฮ่าาา เพราะฉะนั้น หากใครอยากให้ช่วงเวลาที่เราอาบน้ำ ผิวได้สารสำคัญดีๆไปเยอะๆ สบู่ออร์แกนิคก็เป็นอีกทางเลือกได้ค่ะ
หอม อ่านถูกค่ะ สั้นๆได้ใจความเลย “หอม” แต่ส่งผลมหาศาลนะคะ เพราะมันทำให้เราอาบน้ำได้อย่างมีความสุขกว่าเดิม คือมันหอมอ่ะค่ะ เหนื่อยกับอะไรมา มันก็ผ่อนคลายตอนอาบน้ำเนียะแหละ ลองดู ลองดู ใครไม่เคยลองอ้อล้อดมตัวเองหอมๆตอนอาบน้ำ ก็ลองดูค่ะ และถ้าใครอยากตาสว่างตอนเช้าที่กำลังง่วงๆ แก้วแนะนำให้ลองใช้สูตรสบู่กาแฟค่ะ แก้วลองแล้ว แล้วมันได้ผลนะ ช่วยให้เรารู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้น จะว่าไปแล้วก็เพิ่งได้สบู่หมีกาแฟมาเล่นค่ะ โหะๆๆ ลองดูนะคะ สำหรับเพื่อนๆที่ต้องตื่นเช้า มันเป็นอีกตัวเลือกมาช่วยเราได้
ช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น เนียนขึ้น สิวผดลดลง(ขึ้นกับสูตรที่เลือกใช้นะคะ แก้วใช้สูตรขมิ้นชัน) ข้อนี้แก้วทดลองกับคนใกล้ตัวค่ะ ต้องเข้าใจก่อนนะคะ ว่าเวลาแก้วทดลองอะไร คนใกล้ตัวจะโดนจับบังคับตามไปด้วย ฮ่าาา ซึ่งแก้วเห็นผิวเค้าเป็นสิวผด และเป็นรอยดำ แก้วก็เลยลองให้เค้าใช้สบู่สูตรขมิ้นชันดู เพราะเห็นสบู่ธรรมชาติมันใช้ดี ถ้าลองเอาเป็นสมุนไพรตัวที่ช่วยรักษาสิวๆผดๆ ดูสิ ว่าผลมันจะเป็นยังไง อ่ะแฮ่มมม ผลคือมันดีขึ้นนนนน ปรบมือรัวๆๆๆๆ ประมาณ 1 สัปดาห์ สิวเริ่มลดลงค่ะ แต่พอใช้ไปเกือบหมด 1 ก้อน มาลองสังเกตอีกที อ่าวเฮ้ย รอยดำก็หายไปด้วยนะ แต่ว่ามันไม่ได้หายวับไปเหมือนเอาลิควิกลบรอยปากกานะคะ มันจะค่อยๆบรรเทาหายไปทีละนิด ทีละนิดค่ะ ใช้เวลาสักหน่อย แต่ได้ผล เพราะฉะนั้น ใครที่อยากลองใช้สบู่ที่ช่วยดูแลผิวเรื่องสิวๆผดๆ แก้วว่าลองสบู่ธรรมชาติ ก็เป็นอีกทางเลือกได้ค่ะ ตอนนี้สูตรอื่นยังลองไม่หมดค่ะ ขอรีวิวเฉพาะสูตรที่ใช้แล้วได้ผลก่อนน้า
ทั้งหมดที่แก้วพูดมาคือข้อดีของสบู่ออร์แกนิคค่ะธรรมชาติ ไร้สารเคมี ดีต่อผิว ดีต่อสุขภาพ และได้ผลที่ดีกับผิวของเราจริงๆ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็มีข้อจำกัดอยู่ค่ะ จะให้ไม่พูดถึง มันก็ไม่ได้อีกนั่นแหละ
ว่ากันตามตรงเลยล่ะกัน --
เยสเซอร์ ~ ราคาค่ะ อย่างที่เพื่อนๆหลายคนอาจจะเห็นตามงานออกบูธ ตามห้าง หรือในโลกโซเชียลค่ะ สบู่ออร์แกนิคจะราคาสูงกว่าราคาสบู่ทั่วไปอยู่สักหน่อย และเมื่อเทียบกับปริมาณแล้วนั้น หลายคนอาจจะรู้สึกว่าไม่คุ้มที่จะลอง เป็นต้นว่า ก้อนนึงราคาร้อยกว่าบาท (บางแบรนด์อาจจะหลายร้อยค่ะ) แต่ได้ขนาด 100 กรัม (หรือมากกว่านี้เล็กน้อย) ค่ะ แต่ที่มาที่ไปของราคาสบู่ที่สูงกว่าปกติ แก้วคิดว่ามันเป็นเพราะส่วนผสมเป็นน้ำมันสกัดเย็น ส่วนผสมที่เป็นสารสกัดต่างๆค่ะ เกรดจะดีและต้นทุนจะสูงอยู่แล้ว บวกกับมีการใส่แต่งกลิ่นด้วยน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติลงไปอีก ราคาก็เลยจะสูงขึ้นมาค่ะ แต่ถ้าใครไม่ได้ติดใจเรื่องราคาเรทนี้ และได้สินค้าปริมาณเท่านี้ ก็ลองดูได้ค่ะ แก้วเองก็ลองนะ เพราะชอบ
ค่ะ มันช้ำใจก็ตรงนี้นี่แหละค่ะ สบู่ออร์แกนิคอ่ะ ละลายเร็วมากมากเลยนะตัวเอง ใช้แปปเดียวก็เริ่มจะหายหน้าหายตาไปล่ะ มันจะละลายเร็วกว่าสบู่ก้อนจากโรงงานทั่วไปค่ะ ต้องยอมทำใจ วิธีการที่จะใช้สบู่ออร์แกนิคให้นานขึ้นได้นั้น ก็คือท่าไม้ตายทั่วไปเลยค่ะ “สับ”สบู่! สับใช้ทีละครึ่งก้อนค่ะ และระวังในการเก็บให้มากๆ พยายามวางสบู่ด้วยจานสบู่ที่มีระบายน้ำดี ไม่ขังเจิ่งนองท่วมสบู่ไปทั้งก้อน วิธีนี้จะช่วยให้เพื่อนๆสามารถใช้สบู่ได้นานมากขึ้นค่ะ แต่แก้วก็คอนเฟิมอยู่ดี ว่าข้อเสียของมันก็คือละลายเร็ว(เกินไป)
เปรียบเทียบข้อดีข้อจำกัดแล้ว มาถึงคำถามเด็ดที่มักจะโดนเพื่อนถามค่ะ“ใช้ต่อป่ะ”คำตอบคือ ใช้ต่อค่ะเพราะแก้วสนใจศาสตร์ทำสบู่ออร์แกนิคไปแล้ว และประทับใจผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้สบู่มาก ตั้งใจว่าจะลองใช้อีกหลายสูตรค่ะผลเป็นไงจะมาบอกให้ฟังนะคะ
ขอบคุณมากๆค่ะที่แวะมาอ่านกระทู้รีวิวของแก้ว ใครสนใจข้อมูล อยากเม้าท์เพิ่มเติมเกี่ยวกับสบู่ ก็จัดมาได้เลยค่ะ แก้วเองก็สนใจอยู่ ยินดีเม้าท์แลกเปลี่ยนข้อมูลค่ะ ใครลองใช้สบู่ออร์แกนิคแล้วได้ผลเป็นยังไง มาบอกกันบ้างน้า ขอบคุณมากค่ะ