ศึกเฟ้นหาตัวตายตัวแทนคลีนซิ่งยอดนิยม คลีนซิ่งอื่นจะใช้แทนกันได้ไหมนะ?
Noppaluk 22 8เชื่อว่าสาวๆ ในจีบันส่วนใหญ่ต้องเป็นสาวที่แต่งหน้ากันเกือบทุกวันแน่นอนค่ะ และแน่นอนว่าการล้างเครื่องสำอางก็เป็นเรื่องที่สำคัญม๊ากกมากอีกเรื่องหนึ่ง!คลีนซิ่งในตำนานที่ทุกคนต้องเคยได้ยินชื่อคงหนีไม่พ้น Bioderma แน่นอนใช่ไหมคะเราก็ใช้อยู่ค่ะแต่เอาจริงคือมันแพงนาจา ;-; ชอบซื้อตอนมีโปรค่ะ อย่างอันปัจจุบันที่ใช้อยู่ก็ซื้อตอนมีโปรโมชั่น 250 ml แพ็คคู่ 1,000 บาท อะ ตกขวดละ 500 สำหรับเราคือเค้าอ่อนโยนจริง แล้วก็เช็ดได้ดีค่ะ ถามว่าดีแค่ไหน ก็อยู่ในระดับที่พอใจนะกับ everyday look แต่อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยค่ะ ราคาเค้าไม่ใช่น้อยๆ จะซื้อทีก็ปวดหัวใจเหลือเกินค่ะประกอบกับช่วงนี้กระเป๋ากรอบนิดนุง เลยคิดว่า เราจะหาคลีนซิ่งอันอื่นมาทดแทน ดีไหมนะ อันอื่นที่พอใช้ทดแทนกันได้นี่จะมีรึเปล่า เป็นที่มาในการทำรีวิววันนี้ค่ะ..ด้วยเหตุข้างต้น จึงเกิดการตะลุมบอนกันขึ้น เราจะใช้คลีนซิ่งที่ราคาไม่แรง ไม่ใช่สินค้าโด่งดังที่คนรีวิวเยอะ สามารถใช้ได้แบบไม่ต้องกลัวเสียดาย มาทดลองใช้เพื่อหาตัวตายตัวแทนของ Bioderma กันค่ะ เทียบได้กับการต่อสู้แบบ 3:1!ส่วนหน้าที่ใช้ลบเป็นลุคจริงของเราในแต่ละวัน เป็น everyday look ตามปกติเลยค่ะ มาดูกันว่าภายในการปาด 1 ครั้ง คลีนซิ่งแต่ละแบรนด์จะพาเครื่องสำอางหลุดไปได้มากน้อยแค่ไหนการเปรียบเทียบของเราจะใช้สำลี 3 แผ่น อันแรกสำหรับส่วนตา อันที่สองใช้กับบริเวณหน้า และอันที่สามใช้กับปากค่ะ โดยเช็ดแค่ครึ่งหน้า เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นว่าระหว่างฝั่งที่แต่งกับฝั่งที่ใช้คลีนซิ่ง 1 ปาดของเราจะต่างกันแค่ไหน ลุยค่ะ!
ตัวแรก.. Demaction Plus by Watsons Sebum Control Cleansing Water ก็ตามชื่อค่ะ ตัวนี้เข้าวัตสันเราก็เห็นบ่อยๆ เห็นเค้าว่าเป็นเวชสำอาง บางคนก็ว่าดี บางคนก็เฉยๆ คนพูดถึงไม่เยอะ ก็ต้องโดนเราซะหน่อยค่ะ อิอิ ตัวนี้ 280 บาท 200 ml จ้า
แพ็คเก็จยาวๆ เรียวๆ ดูสวยงามดีค่ะ แลดูหรูดูแพง อันนี้เป็นหัวกดนะคะ ก็จะกะยากนิโหน่ย บางทีกดแรงก็พุ่งเป็นน้ำป่าไหลหลาก สำลีนี่ชุ่มไปหมด ;-; แต่ถ้าชินมือแล้วก็คงจะกดได้อย่างโปรค่ะ ในส่วนนี้ก็ไม่ได้แย่อะไร
ตัวนี้มีกลิ่นน้ำหอมที่รุนแรงมาก ค่ะตอนใช้ ตัวนี้ทำความสะอาดได้ดีเลยนะ อายแชโดว์หลุดออกมาเยอะแต่อายไลน์เนอร์ออกไม่หมดค่ะ ตรงส่วนที่ติดกับบริเวณตามากๆ ยังมีหลงเหลืออยู่นิดนุง ตรงปากก็ยังเหลือตามร่อง หรือในริมฝีปากด้านในบ้างไรบ้าง ตามรูปเลยค่ะ หลังใช้แล้วไม่หนักหน้า แต่ก็ไม่ได้ทิ้งความรู้สึกชุ่มชื่นไว้ให้เท่าไรนัก เราว่าโอเคเลย เกือบดีแล้ว ถ้าไม่ติดว่าใช้แล้วเราแอบคันหน้าหน่อยๆ ;-;
มาต่อตัวที่สอง! Missha Super Aqua No Wash Deep Cleansing Water ตัวนี้เพื่อนแนะนำมา นางซื้อมาจากเกาหลี นางบอกว่าดีมากกก เราเลยลองหาข้อมูลดูแล้วเห็นว่าที่ไทยมีขายที่ Karmarts ในราคา 380 บาท ขนาด 325 ml ราคาพอๆ กับที่เกาหลีเลย เอ้อ งั้นจับมาลองด้วยเลยละกัน
แพ็คเก็จตัวนี้มาแบบหัวกด คือเอาสำลีไปวางแล้วกดได้เลย น้ำจะพุ่งขึ้นมา ดูเหมือนจะสะดวก แต่ก็แอบลำบากเพราะน้ำพุ่งแรงใช่เล่น ต้องกะดีๆ ค่ะ พอเริ่มกดหลายๆรอบเราก็เริ่มชิน พยายามอย่ากดแรงก็พอ ใครที่กังวลว่าหัวอย่างนี้จะพกไปเที่ยวไปไหนได้รึเปล่า เดี๋ยวไปโดนหัวกดแล้วน้ำพุ่งก็ไม่ต้องห่วงค่ะ เค้าสามารถหมุนล็อคหัวได้ มันเก๋ก็ตรงนี้
ดูจากรูปอาจเห็นไม่ชัด แต่จริงๆ แล้วเค้าออกสะอาดหมดจดมากๆ จนอึ้งเลยค่ะ คือตานี่ไปหมดตั้งแต่ปาดแรก ช็อคเล็กๆ ตาปากไปหมด รองพื้นอาจยังออกไม่หมดในทีแรก หายไปครึ่งนึง ออกเป็นปึก เป็นปื้น ดูในสำลีก็คือออกครบ ผ่านค่ะ! หลังใช้ให้ความรู้สึกชุ่มชื่น แต่จะรู้สึกหนักหน้านิดหน่อย บวกกับมีความรู้สึกเหนอะหน้าอยู่เล็กน้อย อาจเพราะเค้าเคลมไว้ว่าเป็นสูตร Mild & Moisture ก็ได้ค่ะ
ส่วนตัวที่สาม ได้แก่.. Divinia Amino Acid Cleansing Water ตัวนี้ไม่เคยได้ยินชื่อเลยค่ะ มีความงงๆ แต่เดินเข้าวัตสันไปเจอ แล้วก็แบบ เออ ไม่เคยรู้เลยว่าเค้าจะดีไหม รีวิวก็ไม่เห็น งั้นเดี๋ยวลองให้ เสียสละมาก ทำเพื่อส่วนรวมสุด 55555555 เจ้าตัวนี้ราคา 380 บาท 300 ml นะจ๊ะ
ตัวนี้เป็นหัวเปิดฝาแล้วให้เหยาะเอาค่ะ เวลาใช้ก็จะไม่สะดวกเท่าสองตัวด้านบน แต่ดีตรงที่ควบคุมปริมาณได้ง่าย ไม่หกเลอะเทอะ
ตัวนี้ต้องบอกเลยว่าปาดครั้งเดียวเอาไม่อยู่ ค่ะ มีกลิ่นแปลกๆ คล้ายๆ กลิ่นเครื่องสำอาง ใช้บริเวณตาแล้วแสบเล็กน้อย คิดว่าไม่ควรใช้บริเวณรอบดวงตา แล้วก็เหมือนเราจะแพ้ด้วยค่ะ คิดว่าคนผิวแพ้ง่ายไม่ควรใช้ T_T ตามรูปเลยค่ะ หลุดออกไปนี๊สสสเดียวเท่านั้น ต้องถูแรงๆ ถึงจะออก สำหรับความชุ่มชื้นตัวนี้รู้สึกเหมือนไม่ค่อยช่วยเลยค่ะ เบาบางม๊ากก ไม่ค่อยปลื้มเท่าไร
อะ ตัวสุดท้าย ตัวเด็ดที่ทุกคนรอคอย พระเอกของเราที่โดนจับมารุม Bioderma Hydrabio H2O จ้า ของดีมีราคา ปกติ 250 ml นี่วัตสันขาย 790 บาทนาจา ราคาแบบ ปาดน้ำตาแรง คิดว่าตัวนี้ไม่น่าต้องบรรยายสรรพคุณมากน่าจะพอรู้กันอยู่เนอะว่าเป็นคลีนซิ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องความอ่อนโยน และทำความสะอาดหมดจด
อย่างที่รู้กันว่าเป็นฝาเหยาะค่ะ ในจุดนี้คิดว่าเหมาะกับเค้ามาก เพราะว่าด้วยราคาระดับนี้ คงไม่มีใครอยากทำให้เค้ากระฉอกเลอะเทอะแน่นอน ช่วยให้รู้สึกสบายใจนิดนุงว่าเรายังควบคุมเค้าได้อยู่บ้าง
ออกค่อนข้างดีเลยนะ สมมาตรฐานเค้าค่ะ แต่ยังมีแบบเล็กน้อยในส่วนที่อยู่ด้านในที่เอาออกไปไม่หมด แต่ตอนใช้เบาหน้ามาก สุด ความอ่อนโยนของเค้าช่างดีจริงๆ รู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนที่แท้จริง แถมหลังใช้ยังรู้สึกชุ่มชื่นแบบไม่หนักหน้าด้วยค่ะ
ลองกับหน้าไปแล้วทีนี้มาลองกับอายไลน์เนอร์สุดติดทนกันดีกว่า เราจะทดสอบด้วยการนำอายไลเนอร์เนื้อน้ำมาวาดเป็นรูปวงกลมใหญ่ ในส่วนนี้บอกเลยว่าปาดแค่ทีเดียวทุกอัน แต่คือต้องทำให้ชุ่มมากๆ แล้ววางๆ คลึงๆ ไว้ 10 วินาที ถึงจะหลุดออกมาแบบนี้นะคะ มาลองดูกัน!
ช็อคมาก Missha เค้าเริ่ดจริงไรจริงในการเช็ดล้างเครื่องสำอาง แต่ถ้าเทียบกับ Bioderma แล้วต้องบอกเลยว่า นางทิ้งความรู้สึกไว้แบบอ่อนโยนและเบาบางกว่ามาก พอมาลองอย่างนี้ก็รู้สึกว่าเค้าก็คุ้มราคาเพราะอ่อนโยนจริงๆ คนที่ผิวแพ้ง่ายม๊ากก็เชิญตำ Bioderma กันต่อค่ะ หรือใครที่อยากลองของใหม่ที่ประสิทธิภาพพอถูไถนำมาเป็นตัวตายตัวแทนกันได้แถมมาในราคาย่อมเยา ก็ลอง Missha ดูเถอะค่ะ จากการทดลองแล้วทั้งกับหน้าและกับอายไลน์เนอร์ บอกเลยว่าเริ่ด! อีกสองตัวก็ตามคะแนนเลยค่ะ เราสรุปตารางไว้ด้วยสรุป
ตารางนี้มีไว้ประกอบการตัดสินใจ เผื่อใครอยากลองตำอะไรก็ลองดูกันได้เพราะความชอบของคนเราไม่เหมือนกันเนอะ แล้วยังมีปัจจัยสภาพผิวของแต่ละคนมาเกี่ยวข้อง ก็หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับคนที่งบน้อยและคนที่กำลังลังเลค่า ><