สองสาวเที่ยวสิงคโปร์ 3 วัน 2 คืน แบบอินดี้
kittyjaja 14 7สวัสดีค่ะ กระทู้นี้จ๊ะจ๋ามีรีวิวท่องเที่ยวแบบอินดี้ๆ ที่สิงคโปร์มาฝากค่ะ เนื่องจากว่าทั้งจ๊ะจ๋าและเพื่อนนั้นไปสิงคโปร์กันหลายรอบแล้ว ทริปนี้น่าจะเป็นครั้งที่ 6 แล้ว เหตุเกิดทริปนี้เกิดจากเสาร์-อาทิตย์นั้นว่าง (คือเที่ยวทุกเสาร์-อาทิตย์) และอยากไปไหนใกล้ๆ ตอนแรกว่าจะไปไทเป แต่ช่วงนั้นตั๋วก็แพงอย่างไม่มีสาเหตุ ไป-กลับ 15,xxx บาท ก็เลยเปลี่ยนแผนเป็นสิงคโปร์แทนแล้วกัน
เปิดเว็บTraveloka เช่นเคย จะจองตั๋วเครื่องบินทีไรก็ดูเว็บนี้ล่ะ เพราะเปรียบเทียบให้ดูหลายสายการบินเป็นราคาที่รวมทุกอย่างให้เราแล้ว นอกจากนั้นยังมีโปรโมชั่นได้ลดราคาเพิ่มด้วยเสมอๆ เที่ยวนี้จองไป-กลับ ได้ราคาไม่ถึง 6 พันบาท เริ่ดมาก!ทำไมคนไทยถึงชอบไปสิงคโปร์
- ไม่ต้องทำวีซ่า
- เดินทางไม่นาน นั่งเครื่องบินประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึง
- ภูมิอากาศคล้ายๆเมืองไทย ไม่ต้องซื้อชุดใหม่ก็ไปเที่ยวได้
- เป็นประเทศที่ปลอดภัย พลเมืองเคารพกฎหมายกันเคร่งครัด เป็นประเทศที่มีระเบียบ
- การคมนาคมสะดวก
- ค่าเงินไม่แพงมาก***การเตรียมตัวก่อนเดินทาง***
- แลกสกุลเงินเป็น SGD (ค่าเงินจะอยู่ประมาณ 25 บาท) อาจจะแลกเงินสดไปไม่ต้องเยอะมาก เพราะที่นี่ใช้จ่ายบัตรได้สะดวกมาก
- เตรียมพาสปอร์ตให้พร้อม เช็คว่ายังไม่หมดอายุก็โอเค
- เช็คพยากรณ์อากาศ ถ้าหน้าฝนก็ควรพกร่มไป
- ถ้ามีโรคประจำตัวก็เตรียมยาไปให้พร้อม
- ปลั๊กไฟที่สิงคโปร์ไม่เหมือนที่ไทยนะคะ แนะนำว่าให้ซื้อ Adaptor ไป หรือไม่ก็ปลั๊กพ่วงไปด้วย จ๊ะจ๋าเคยซื้อตอนไปปีนัง ก็เลยเอามาใช้ได้เรื่อยๆเลย
ไฟลท์บินตอนเย็นๆ มาถึงก่อนเพื่อนก็เลยเดินช้อปปิ้งเครื่องสำอางและสกินแคร์ก่อน จากนั้นก็มานั่งเล่นในเลานจ์ของ King Power เพิ่งเคยเข้ามาด้านในครั้งแรกเลยนะเนี่ย มีที่นั่งเยอะดีค่ะ
เห็นขนมก็อยากจะทาน ก็เลยไปตักแซนวิชและขนมเค้กมาพร้อมกับน้ำเต้าหู้หนึ่งแก้ว
นั่งเล่นสักพักเพื่อนก็มาค่ะ แล้วก็ค่อยเดินไปที่เกทเพื่อรอบอร์ดดิ้ง
สุดท้ายมาจบกันที่บะหมี่ถ้วยค่ะ ฮ่าๆ คนละ SGD 5แลนด์ที่ชางกีแอร์พอร์ตประมาณ 1 ทุ่ม จากนั้นก็เรียก Uber เข้าที่พักไปเก็บกระเป๋า เปลี่ยนชุดแล้วก็เรียก Uber ไป Clarke Quay เลยค่า
เข้าร้าน Tomo Izakaya ทานอาหารญี่ปุ่นเบาๆ เข้าร้านดื่มแต่ยังไม่ดื่ม ฮ่าๆ
นี่คือมื้อเกือบจะ 4 ทุ่มของเราสองคน จ๊ะจ๋าสั่งสลัดกุ้งอโวคาโด้ อร่อยมากกก ส่วนเพื่อนสั่งข้าวผัด ก็อร่อยไม่แพ้กัน
คือชอบเลย ราคาจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ คุ้นๆว่าจานละประมาณ SGD 13-15
หลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จก็เดินเล่นนิดหน่อยแล้วมายืนต่อคิวเพื่อเข้า Zouk ค่ะ ได้เข้าตอนเที่ยงคืนนิดๆ
อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ คือต้องต่อคิว และคิวยาวไม่ธรรมดา ระหว่างนี้ก็มองซ้าย มองขวาส่องหนุ่มหล่อรัวๆ ตี๋ๆขาวๆ อู้ววว
โชว์พาสปอร์ตให้ดูแล้วเข้าไปซื้อตั๋วด้านใน จ่ายไปคนละ SGD 30 ค่ะ จะได้คูปองมา SGD 30 เลย เอาไปแลกซื้อเครื่องดื่มข้างใน ก็แลกวิสกี้ไปหนึ่งแก้วกับเบียร์อีกขวด ตอนที่เบียร์หมดแล้วก็เต้นๆกับเพื่อนกันอยู่สองคน จู่ๆก็มีคนเข้ามาเสนอเลี้ยงเครื่องดื่ม อู้วววว สบายละ ยาวยันผับปิดเลย
ตื่นเช้ามาก็เรียก Uber (อีกละ) มาทานอาหารเช้าแบบดั้งเดิมที่ร้าน CHIN MEE CHIN
ร้านนี้เค้าดัง Kaya toast ราคาไม่แพงด้วย เลยต้องตามรอยกันหน่อย
แถ่น แท้นนนนน! Kaya Toast ของเราสองคนมาแล้ว สั่งพร้อมไข่ลวกและไมโลร้อน-เย็น
เมนูนี้ต้องรอกันหน่อย เพราะคนสั่งกันทุกโต๊ะ สั่งเยอะ ต้องใจเย็นๆ
ก่อนหน้านี้เคยทานแต่ Kaya Toast ของร้าน Ya Kun Kaya ก็จะเป็นขนมปังปิ้งแผ่นบางกรอบ ที่กร๊อบกรอบ
แต่ของร้าน CHIN MEE CHIN จะเป็นขนมปังก้อนผ่าครึ่งแล้วเอาไปปิ้ง ทาสังขยาแล้วก็โปะด้วยเนยหนึ่งก้อน
ไม่รู้เค้าทานกันยังไง แต่นี่เห็นว่ามีเนยก้อนเดียว เลยทาแล้วเอาขนมปังมาประกบกันเป็นแฮมเบอร์เกอร์ซะเลย
เช้านี้ทาน...แฮมเบอร์เกอร์ไส้สังขยากับเนยจ้าาาา #แบบนี้ก็ได้หรอ
หลังจากที่อิ่มแล้วก็เรียกอูเบอร์มาที่ Fort Canning Park เราจะไปถ่ายรูปที่บันไดวนกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าอยู่ฝั่งไหน นี่ก็เลยต้องเดินตามหา ระหว่างที่เดินก็ผ่าน National Museum of Singapore ก็เลยแวะเข้าไปหน่อยละกัน กำลังอยากเข้าห้องน้ำพอดีเลย
เข้ามาเดินสำรวจเล็กน้อย แต่ไม่ได้เข้าไปดูด้านในจริงจังนะ เพราะต้องซื้อตั๋วเข้าไปค่ะ ซึ่งเราสองคนไม่ได้สนใจศิลปะอะไรแบบนั้นสักเท่าไหร่ เลยผ่านไป
นี่คือบันไดที่เราและเพื่อนจะมาถ่ายรูปกัน แต่ได้รูปแค่นี้เพราะ...มีคู่รักถ่ายพรีเวดดิ้งกันอยู่ ยืนรออยู่สักพัก ก็ถ่ายมุมนี้ไม่เสร็จสักที เลยเท ไม่ถ่งไม่ถ่ายมันละ
แวะมาเดินเล่นแบบผิวเผิน ไม่ได้ซื้อตั๋วเข้าข้างใน เพราะหันหน้าไปถามเพื่อน
เรา : แกๆ อยากเข้าไปดูไรป่ะ
เพื่อน : (ส่ายหัว) เหอะ
เรา : งั้นไปหาไรกินกัน
เดินจากมิวเซียมไป MRT ไปสถานี Clarke Quay เดินเล่นคลากคีย์ตอนกลางวัน คือไม่คึกคักเลย อากาศก็ร้อนมากกกก
รีบๆเดินเลาะๆตึกไปเรื่อยๆ
เดินเข้ามาที่ตึก UE Square Shopping Mall อยู่ชั้น G เลย นึกว่าจะเป็น Mall ที่คึกคัก แต่กลายเป็นเหมือนตึกออฟฟิศมากกว่า และนี่ไปวันอาทิตย์ เงียบเชียบเลยทีเดียว
สั่งไป 2 จานค่ะ สปาเกตตี้และเรนโบว์โทส
สปาเกตตี้ก็อร่อยดี แต่ถ้าคนที่ชอบทานอะไรที่มีรสชาติก็อาจจะไม่ชอบ คงจะเลี่ยนๆหน่อย
ร้านนี้เปิด IG แล้วเห็นว่าสวยดี เลยตามมา สรุปว่า...เฉยๆมาก หน้าตาดูดี แต่รสชาติงั้นๆ ผ่านๆไปค่ะ
ราคาก็ไม่ถูกนะ
หลังจากที่ทานเสร็จก็เรียกอูเบอร์กลับโรงแรมค่ะ เนื่องจากเดินกันมาเยอะ อากาศก็ร้อน เหงื่อซึมและเพลียมาก
เลยกลับไปอาบน้ำกันก่อน ค่ำๆค่อยออกไปอีกรอบ
ประมาณ 1 ทุ่มก็เรียกอูเบอร์ออกมาข้างนอก ตั้งพิกัดไว้ที่ร้าน Druggist
ระหว่างทางมาก็จะผ่านย่านแขก ย่านเกลัง แล้ววันเสาร์คนก็จะมาชุมนุมที่ย่านนี้กันเยอะมาก คือตกใจนึกว่าเค้าประท้วงอะไรกันรึป่าว แต่เพื่อนบอกว่าตอนแรกก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ถามเพื่อนชาวสิงคโปร์ เค้าบอกว่าทุกวันอาทิตย์ก็จะเยอะแบบนี้ล่ะ เป็นปกติติดๆกับร้าน Druggist ก็เป็นร้านเค้ก The Tiramisu Hero น่ารักมาก คนก็เยอะอยู่ ขนมก็น่าทาน แต่ว่าเราสองคนยังแน่นๆกันอยู่เลย แล้วตั้งใจจะมาดื่มเบียร์เลยขอข้ามร้านนี้ไปก่อนละกัน
ที่ร้านมีเบียร์ทั้งหมด 24 Tap ก็ถือว่าเยอะเลยทีเดียว ราคาก็ติดอยู่ว่าแต่ละแก้วราคาเท่าไหร่
สั่งอาหารและเบียร์ที่เคาน์เตอร์แล้วจ่ายเงินเลย รับอาหารและเบียร์ที่เคาน์เตอร์เช่นกัน
ในร้านคือสว่างมาก ไม่เหมือนร้านเบียร์อ่ะบอกเลย เปิดไฟสว่างจนนึกว่าร้านคาเฟ่
นอกจากเราสองคนแล้ว ก็มีอีก 2 โต๊ะที่เป็น ผู้หญิงมากัน 2 คนเช่นกัน ร้านนี้โดนใจสาวๆสินะ
สั่งเฟรนช์ฟรายส์ราดซอสชิลลี่แคร้บ อร่อยมากกกก รสชาติจะหวานๆหน่อย มีความเผ็ดซ่อนอยู่นิดๆ ทานกับเฟรนช์ฟรายส์และเบียร์คือเพลินนนน ดื่มกันคนละแก้วสองแก้ว เพื่อนก็บอกว่าไปที่อื่นกันเถอะ บรรยากาศคือไม่ใช่เลย สว่างไป
จากร้านเบียร์สว่างๆ เราก็มาเดินเล่นใน Clarke Quay กันอีกรอบ เดินเลือกร้าน วนไปวนมาอยู่ 2 รอบ ก็ตัดสินใจเดินดุ่มๆเข้าร้าน Prive เลยละกัน
แล้วเราก็สั่งเบียร์กัน (อีกแล้ว)
นั่งเล่น นั่งฟังเพลงกันจนถึง 5 ทุ่ม ตอนแรกคุยกันเล่นๆว่าไป Zouk อีกคืนมั้ยแก แต่คิดไปคิดมา วันนี้วันอาทิตย์ คนน่าจะไม่เยอะ ก็เลยออกไป MRT จะไปช้อปปิ้งที่มุสตาฟาแทน
ณ เวลานี้รถไฟคือโล่งมาก ฮ่าๆ ก็ไปเดินเล่น ซื้อขนมกัน เรียกอูเบอร์กลับประมาณตี 1
แล้วก็กลับโรงแรมไปนอน คร่อกกกกก
คนแน่นร้านเลย แต่ก็รอไม่นานนะคะ ไม่ถึง 5 นาทีก็ได้โต๊ะละ เค้าก็จะมีแยก 2 เคาน์เตอร์ สำหรับสั่งเครื่องดื่มอย่างเดียวและสำหรับสั่งขนมและเครื่องดื่ม
หน้าตาดูดี อร่อยเลย แต่ขนมปังแอบเหนียวนิดๆ อาจจะเป็นเพราะเย็นๆ มื้อเช้าจ๊ะจ๋าจ่ายไป SGD12.62 ส่วนเพื่อนก็ไปซื้อต่างหาก ถือว่าราคาก็เหมือนกับทาน au bon pain บ้านเรา อิอิ
แล้วเราตั้งใจจะเดินหา Street art/ art wall อันโด่งดัง ก็ต้องเดินตากแดดร้อนๆเลยจ้า แสบผิวไม่เบาอ่ะบอกเลย
ในที่สุดก็เจอ เดินแบบมั่วมากๆ กำแพงนี้สะท้อนถึงวิถีชีวิตของชาวสิงคโปร์สมัยก่อน
ถ้าอยากรู้ว่ามีอยู่ตรงไหนบ้างก็ลองกูเกิ้ลดูค่ะ
ตั้งใจจะมาทานลักซาที่ร้าน Roxy Laksa พอมาถึง...ผ่าง!!!
ปิดหมดเลยจ้าาาา ที่นี่เป็นเหมือนศูนย์อาหารในมหาลัยค่ะ มีหลายร้านเลยทีเดียว แต่ปิดหมดเลย เพราะวันนี้เป็นวันแรงงาน เศร้าใจ ไปไม่ดูตาม้าตาเรือ T^T
นั่ง MRT มาลง Orchard นี่ก็นึกว่าทริปนี้จะไม่ได้มาออชาร์ดแล้วนะเนี่ย สุดท้ายก็ต้องมา
จากลักซาก็กลายเป็นสลัดและสปาเกตตี้ อาหารโลคอลเหลือเกิ๊นนนนนนนน
สำหรับคนที่ไม่เคยทาน Curry-O เนี่ยก็คล้ายๆกะหรี่ปั๊บค่ะ แต่ข้างในจะเป็นไส้ Chilly crab มีไข่ด้วย แล้วแป้งก็กร๊อบกรอบ ทานเพลิน อ้วนพีเลย
หลังจากเดินเล่นไปสักพัก คือเหงื่อท่วมแล้ว ต้องการแอร์แบบด่วนมาก ร้านที่ลิสต์ไว้ก็คือร้าน Brother Bird
ร้านละแวกนี้ไม่ค่อยติดแอร์ ร้านนี้ก็เป็นร้านที่คนนิยมและมีแอร์ ไม่แปลกถ้าคนจะเต็มร้าน แล้วเราก็เลยต้องนั่งรอด้านนอกก่อน รอว่างก็ย้ายเข้าด้านใน
บรรยากาศร้านตกแต่งสไตล์ Loft เรียบๆง่ายๆ ปูนเปลือย มีบันไดขึ้นชั้น 2 ด้วยนะ แต่จ๊ะจ๋าได้ชั้นล่างก็เลยไม่ขึ้นไปข้างบน
ร้านนี้ดังซอฟท์เสิร์ฟ จ๊ะจ๋าสั่งสมอร์วาฟเฟิลช็อคโกแลตกับซอฟท์เสิร์ฟมาทานด้วยกันกับเพื่อนค่ะ
จำชื่อไม่ได้ว่าชื่อเมนูอะไร คร่าวๆก็ตามนั้นละกัน
วาฟเฟิลช็อคโกแลต มีมาร์ชเมลโล่อยู่บนวาฟเฟิล 2 ชิ้น ราดซอสช็อคโกแลต โรยด้วยคริสปี้ซัมธิง
ท็อปด้วยซอฟท์เสิร์ฟ วาฟเฟิลมีความดีงาม กรอบนอกนุ่มใน รสชาติช็อคโกแลตเข้มข้น มาร์ชเมลโล่ยืดๆหวานๆ ทานคู่กับซอฟท์เสิร์ฟเย็นๆคือฟินเลย อย่ามัวถ่ายรูปเพลินนะ เพราะละลายไวมาก
แล้วก็ขอให้คนช่วยถ่ายรูปคู่ให้หน่อย บังเอิ๊ญบังเอิญ ผู้ชายคนนั้นเป็นคนไทยค่ะ มาเที่ยวคนเดียว
นี่ก็เลยช่วยกันผลัดกันถ่ายรูปให้ ฮ่าๆ
หลังจากถ่ายรูปเล่นกันจนพอใจแล้วก็เป็นเวลา 6 โมงเย็น ก็เรียกอูเบอร์กลับโรงแรมค่ะ ไปเอากระเป๋าแล้วไปสนามบินกัน
เดินไปเดินมาก็เจอ Old Chang Kee อีก จะรออะไรล่ะค้าบบบ ซื้อมาทานสิ ฮ่าๆ
สรุปทริปนี้
- นั่งแต่ Uber และ Grab ซึ่งที่สิงคโปร์ดีมากตรงที่มีเรียกแบบแชร์ได้ด้วย คือเราสามารถแชร์รถไปกับคนอื่นที่ผ่านเส้นทางเดียวกันได้ ค่าใช้จ่ายก็จะถูกลงไปอีก เที่ยวละประมาณ SGD8-9 เท่านั้น
- ไปหน้าร้อน-ฝน โชคดีมากที่ไม่เจอฝนตกหนักเวลาไปเที่ยวเลย ท้องฟ้าเป็นใจ
- ทริปนี้เน้นหาร้านกิน ร้านดื่ม ไม่เน้นช็อปปิ้ง
- ช้อปปิ้งในคิงเพาว์เวอร์แพงกว่าค่าตั๋วไปกลับ+ห้องพัก
- แฮปปี้