Date Dinning I เนื้อย่างเกาหลี อิ่มนี้ ฟินเว่อร์! ที่ร้าน Ka Bo Rae
@PaAn@ 17 8เชื่อว่าช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดยาวหลายๆ คนคงนอนชิลๆ ดูซีรี่ย์เกาหลี เราก็เป็นคนหนึ่งที่ทำแบบนั้นเหมือนกัน ยิ่งดูตอนดึกๆ แล้วมีฉากกินนี่ โอ้โหววว ท้องร้องเลยทีเดียว ดูแล้วน้ำลายแทบไหลเลอะจอคอม 555 เมื่อใจและท้องเรียกร้องอยากกินอาหารเกาหลี เราเลยต้องบุกไปกินที่ Korean Town!!
แค่ชื่อก็บอกแล้วเนอะว่าเป็น Korean Town ต้องมีอาหารเกาหลีแน่นอน Korean Town (เรียกอีกอย่างว่า สุขุมวิท พลาซ่า) ตั้งอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 12 อยู่ปากซอยติดถนนใหญ่เลย
การเดินทางมาแสนง่ายดาย มาได้ทั้ง BTS และ MRT
BTS : สถานีอโศก
MRT : สถานีสุขุมวิท
อยู่ฝั่งตรงข้าม Terminal21 เดินไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ
ส่วนใครมารถส่วนตัว ก็มีที่จอดอยู่ชั้นใต้ดินค่า
เราเคยมากินหลายร้านแล้ว วันนี้เลยลองกินร้านที่ยังไม่เคยกินค่ะ ร้านที่เราจะกินวันนี้คือร้าน
"กาโบแร (Ka Bo Rae)"ร้านตั้งอยู่บนชั้น 1 ของ Korean Town เลยค่ะ
ร้านมี 2 ชั้น ร้านแคบ แต่ไม่แออัดค่ะ พื้นที่ที่นั่งของแต่ละโต๊ะสามารถนั่งได้แบบสบายๆ เราได้โต๊ะชั้น 2 ดูโล่ง นั่งสบายๆ
หิวแล้ววว เริ่มสั่งกันเลย ~
มาดูเมนูที่เราสั่งมากินกันค่ะ เริ่มด้วยรูปรวมเลย เราสั่งมา 5 อย่าง ที่เหลือเป็นเครื่องเคียงที่ทางร้านให้มา
เราสั่งเนื้อย่างมา 2 อย่าง เราจะย่างเอง หรือ ให้เขาย่างมาให้เลยก็ได้ค่ะ เราเลือกให้เขาย่างมาให้เลย หัวจะได้ไม่เหม็น เสิร์ฟมาบนกระทะร้อน กินตอนร้อนๆ ฟินมากกก
Chadol Bagee [380 บาท]
เนื้อย่างจานแรกที่สั่งมาเป็นเนื้อย่างส่วนบริสเก็ต ติดมัน
เนื้อนุ่ม ย่างมากำลังดี กินแบบไม่จิ้มซอสก็อร่อย
แต่ถ้าอยากเพิ่มรสชาติก็สามารถจิ้มซอสเพิ่มได้
Sut Bulgogi [420 บาท]
เนื้อย่างหมักซอส
ชอบจานนี้มาก เนื้อไม่เหนียวเลย
กินไม่หมด เลยห่อกลับบ้านมากินเป็นมื้อเย็นต่อ เนื้อก็ยังนุ่ม ไม่เหนียว
ปลื้มมาก กินกับข้าว และ กิมจิ นี่อื้มมมม นอนหลับฝันดีเลยทีเดียว
มีซอสไว้จิ้มกินกับเนื้อ 3 อย่าง
ช่องแรก คล้ายๆโคจูจังผสมกับเต้าเจี้ยว ออกเค็ม
ช่องกลาง เป็นน้ำจิ้มรสออกหวาน
ช่องขวา เป็นน้ำจิ้มงาผสมเกลือ
แล้วก็มีกระเทียม กับ พริกมาให้ด้วย
การกินเนื้อย่างเกาหลีก็จะมีจุดเด่น คือ การห่อผักกิน ทำให้การกินเนื้อย่างดูเฮลตี้ขึ้นมาทันที 555 ที่นี่มีใบงาให้กินด้วย ตามแบบฉบับออริจินัลเลย ซึ่งใบงาก็มีสรรพคุณช่วยย่อยอาหาร
ว่าแล้วก็มาห่อผักกินกับเนื้อย่างกัน ถ้าใครอยากจัดเต็มไปอีกขั้น ก็สั่งข้าวมาวางโปะเข้าไปอีกได้ รับรองเต็มๆ คำแน่นอน
เริ่มแรกก็วางใบงาซ้อนบนผักกาด แล้วก็เอาเนื้อจุ่มซอสที่ชอบมาวางบนใบงาอีกที ใส่กระเทียม พริก กิมจิ เพิ่ม (เพิ่มเติมแล้วแต่ความชอบ) แต่เอ๊ะ ดูพื้นที่มันว่างๆนะ ใส่เนื้อเพิ่มอีกชิ้นละกัน จะได้เต็มๆ คำ
บิบิมแนงมยอน [220 บาท]
เป็นบะหมี่เย็นเกาหลีคลุกด้วยซอสที่เผ็ดนิดๆ และรสออกหวาน
เมนูนี้เป็นเมนูที่ฮิตกินตอนหน้าร้อน เพราะทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น
ชามนี้ให้มาเยอะเลย แต่เครื่องมีไม่เยอะ
มีแค่ไข่ต้มครึ่งซีก แตงกวา ไชเท้าดอง
ตอนเสิร์ฟ พนักงานจะใช้กรรไกรตัดเส้นให้ค่ะ เพื่อจะได้กินง่ายๆ
แล้วก็ทางร้านจะมีซอสมัสตาร์ด ที่รสชาติเปรี้ยวนิดๆ ผสมกับความเผ็ดเล็กน้อยของมัสตาร์ด ไว้ทานคู่กับบิบิมแนงมยอน สำหรับคนที่คิดว่าเลี่ยนไปก็เติมซอสเข้าไปได้ แต่แนะนำว่าให้ลองชิมรสชาติซอสมัสตาร์ดก่อนค่ะ เผื่อไม่ถูกใจ
คิมบับ [200 บาท]
ข้าวห่อสาหร่ายสไตล์เกาหลี เป็นเมนูที่กินง่าย อร่อยด้วย
ใครที่คิดว่ากินเดี่ยวๆ จืดไป
ลองจิ้มกินกับซอสต๊อกปกกีดูค่ะ ได้ความอร่อยไปอีกแบบ
ต๊อกปกกีชีส [350 บาท]
แป้งต๊อกเหนียวหนึบกำลังดี
ชอบตรงมีไส้ชีสด้วย
แนะนำให้กินตอนร้อนๆค่ะ เพราะชีสจะเยิ้มๆ
แล้วก็เครื่องเคียงต่างๆ ที่ทางร้านบริการให้ฟรีค่ะ
ซ้าย : ถั่วงอกคลุกซอสเผ็ด (ใช้ถั่วงอกหัวโตของเกาหลีด้วย)
ขวา : ถั่วดำ น่าจะหมักซอสอะไรสักอย่าง รสชาติออกหวานนิดๆ
ซ้าย : กิมจิผักกาดขาวกับต้นหอม
ขวา : กิมจิผักกาดขาวล้วน เปรี้ยวกว่าจานซ้าย
ซ้าย : ปลาหมึกผัดซอสเผ็ด ชอบอันนี้ เนื้อปลาหมึกหนึบๆ ดี
กลาง : พาจอน พิซซ่าเกาหลี รสชาติจืดๆ
ขวา : ผักกวางตุ้งผัดน้ำมันงา
สุดท้ายขอลาไปด้วยภาพรวมอีกภาพค่า ตอนนี้ดูรูปแล้วหิวมากๆ เลย T^T ต้องไปหาอะไรกินแล้วละค่า