10 Super Foods ตัวช่วยลดอ้วน ประโยชน์สูง ที่ควรซื้อไว้ติดบ้าน
yada.beat 40 23วันนี้ญาดาจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ "Super Food" ที่อยากให้เพื่อนๆ หาซื้อมาไว้ติดบ้านซักอันก็ยังดี เพราะแต่ละชนิดประโยชน์มันเยอะมากมายเหลือเกินจริงๆ ค่ะ เพราะเจ้า Super Food คืออาหารที่มีสารที่เป็นประโยชน์หลายอย่าง เช่น สารต้านอนุมูลอิสระ , เบต้าแคโรทีน , กรดไขมันโอเมก้า 3 , ใยอาหาร , วิตามินและแร่ธาตุ รวมไปถึงสารที่ช่วยลดการเกิดโรคมะเร็งด้วยมีประโยชน์เยอะมาก เยอะจนจำไม่หมด มันเลยเป็นสาเหตุที่ทำให้อาหารพวกนี้บางทีก็ “แพง” แต่อันที่ถูกก็มีนะคะ ไม่ใช่จะแพงแซงโค้งไปซะทุกตัว อ่ะว่าแล้วก็มาดูกันหน่อยดีกว่า ว่ามีตัวไหนบ้างที่เรากินอยู่ อิอิ
1. ควินัว (Quinoa)
ควินัวมีหน้าตาคล้ายพวกข้าวบาร์เลย์ค่ะ เป็นเม็ดเล็กๆ เวลากินก็เหมือนกินข้าวนี่แหละค่ะ แต่ประโยชน์ของควินัวเยอะมาก เช่นกินแล้วอิ่มนาน เพราะมีไฟเบอร์สูง ช่วยแย่งพื้นที่ในกระเพาะอาหาร และมีโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิด ถึงได้เป็น Superfood นั่นเอง
แถมควินัวนี่แหละที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่าง "สารเคอเซติน" ที่ช่วยลดความเครียดได้ด้วย อย่าลืมว่าความเครียดเป็นสาเหตุที่ทำให้อ้วนลงพุงได้ ดังนั้นกินควินัวแล้วยังช่วยลดน้ำหนักได้ด้วยค่ะ
2. ข้าวโอ๊ต (Oatmeal)
ข้าวโอ๊ตก็คล้ายๆ ข้าวอีกเช่นกันค่ะ แค่มันจะเละกว่ามาก 555 ใครชอบกินก็เข้าทางเลยเพราะประโยชน์เยอะมาก เช่น ช่วยลดคลอเลสเตอรอลได้ เพราะมันจะออกฤทธิ์โดยการจับกับน้ำดีในทางเดินอาหาร เจ้าน้ำดีนี่เป็นตัวสร้างคอเลสเตอรอลค่ะ เมื่อน้ำดีถูกจับการสร้างคอเลสเตอรอลก็จะลดลงนั่นเองข้าวโอ๊ตมีไฟเบอร์ประเภทละลายน้ำได้ สังเกตเวลาข้าวโอ๊ตโดนน้ำจะพองตัวคล้ายๆ ฟองน้ำ ดูดซับแป้งและน้ำตาลได้ แถมการพองตัวของข้าวโอ๊ตยังทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว ข้าวโอ๊ตจึงช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ได้ แถมกินข้าวโอ๊ตยังอิ่มกว่ากินข้าวกล้องมากค่ะ
3. เมล็ดเจีย (Chai Seeds)
เมล็ดเจียเป็นธัญพืชที่มีคุณสมบัติเป็นทั้ง Super Fruit และ Super Seed ที่อัดแน่นไปด้วยสารอาหารจำเป็นต่อร่างกาย เป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า 3 และ 6 ซึ่งโอเมก้า 3 ช่วยแก้อาการอักเสบได้ ไม่ว่าจะเป็นการอักเสบหลังออกกำลังกาย หรืออักเสบจากสิวก็ช่วยได้เหมือนกันนะคะ ส่วนโอเมก้า 6 จะทำให้ เลือดแข็งตัว ทำหน้าที่ตรงข้ามกับโอเมก้า 3 เป็นการถ่วงสมดุลกันค่ะเมล็ดเจียกินแล้วอิ่มนาน เพราะมีไฟเบอร์สูงมากกกก แถมยังเป็นไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ ที่มีคุณสมบัติดูดซึมของเหลวไว้กับตัว โดยเฉพาะพวกแป้งและน้ำตาล!! แถมช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นเบาหวานประเภทที่ 2 ได้ด้วย ใครหิวของหวานบ่อยควรดื่มน้ำผสมเมล็ดเจียนะคะ ช่วยได้จริงๆ ญาดาดื่มทุกเช้าเลยค่ะ
4. เมล็ดแฟลกซ์ (Flax Seed)
เมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed) เรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า เมล็ดลินิน (Linseed) เป็นต้นเดียวกับที่เค้าเอาไว้ใช้ทอผ้าลินินนั่นแหละค่ะ เมล็ดแฟลกซ์มีความคล้ายกับงาเพียงแต่ว่ามีขนาดใหญ่กว่าเมล็กแฟลกซ์ให้โอเมก้า 3 (ที่บอกว่าช่วยลดการอักเสบทั้งหลายแหล่ได้) อีกอย่างสารต้านอนุมูลอิสระในเมล็ดแฟลกซ์สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้ได้ด้วย ในเมล็ดแฟลกซ์มีไฟเบอร์เยอะมาก มีทั้งชนิดที่ละลายน้ำได้ และละลายน้ำไม่ได้ คุณสมบัติก็คือดูดซับแป้งและน้ำตาล ลดความอยากอาหาร แย่งพื้นที่ในกระเพาะอาหารทำให้อิ่ม เอาว่าครบสูตรเลยดีกว่า!!
5. เก๋ากี๋ (Goji Berries)
เชื่อว่าต้องมีคนเคยได้ยินคำว่าโกจิเบอร์รี่แน่นอน โกจิเบอร์รี่มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าเก๋ากี๋ (ชื่อน่ารักเชียว) เก๋ากี๋ถือว่าเป็น Super Fruit ค่ะ เพราะมีประสิทธิภาพสูงในการต้านโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยรักษาอาการอักเสบ ลดไขมันและน้ำตาลในเลือดได้ในแง่ของการออกกำลังกาย เก๋ากี๋ช่วยขจัดความเมื่อยล้าและความเฉื่อยชา ทำให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น อีกอย่างช่วงนี้ญาดาจ้องคอมบ่อย ตาแทบจะบอด เลยไปซื้อเจ้าเก๋ากี๋มากินนี่แหละค่ะ 5555 เก๋ากี๋มี แคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ป้องกันการเสื่อมของเลนส์ตา ช่วยบำรุงสายตาทำให้การมองเห็นเป็นปกติ จุดๆนี้ไม่ซื้อมากินตาคงพังไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กิกิ
6. คาเคา (Cacao)
อันนี้หลายคนจะเข้าใจว่ามันคือ “โกโก้” แต่จริงๆมันคือ “คาเคา” ค่ะ อย่าโดนหลอกเชียวนะคะ ของดีมันเขียน Cacao ของปลอมจะเขียน Cacoa สังเกตตัว A อยู่คนละที่ ความแตกต่างของทั้ง 2 อันนี้คือเจ้าคาเคากินแล้วไม่อ้วน!!คาเคานะคะรสชาติเหมือนโกโก้เลย ขมเว่อร์ แต่กินแทนกันได้ หาหญ้าหวานผสมเอานะคะ คาเคามีไฟเบอร์ และไม่มีการปรุงแต่งเลยดีต่อการลดน้ำหนัก! ทำให้คาเคากินแล้วไม่อ้วน ในขณะที่โกโก้มักจะมีส่วนผสมของน้ำตาล นมและสารปรุงแต่ง ทำให้อ้วนนั่นเอง ในแง่ของการออกกำลังกาย คาเคามีแมกนีเซียมสูง ช่วยในการสังเคราะห์โปรตีนในการสร้างกล้ามเนื้อ แถมยังมีโพแทสเซียมสูง ซึ่งโพแทสเซียมช่วยลดความอยากแป้งหรือน้ำตาลได้ค่ะ เลิศป่ะล่ะ
7. ไข่ (Eggs)
อาหารพื้นบ้านสุดๆ แต่มันคือ Super Food!! บอกเลยประโยชน์เยอะแบบญาดาเขียนไม่หมด แต่บอกก่อนว่าถ้าจะกินไข่ต้องกินไข่แดงด้วยนะคะ เพราะในไข่แดงมีสารต้านคลอเลสเตอรอลอย่าง “เลซิติน” สารนี้มีส่วนยับยั้งการดูดซึมคลอเลสเตอรอลและไขมันอื่นๆ งานวิจัยใหม่ๆ ที่ออกมาบอกว่าการกินไข่อาจไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เราสะสมคลอเลสเตอรอลตัวไม่ดีสารอีกอย่างที่ญาดาชอบคือ “โคลีน” มันจะช่วยทำให้ประสาทและสมองเราดี เพราะโคลีนคือสารตั้งต้นในการสร้างสารสื่อประสาทซึ่งสร้างขึ้นภายในสมอง มีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ สั่งงานกล้ามเนื้อให้ออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าในเรื่องของดวงตา ไข่ก็ยังมีสาร ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin) ที่มีความสำคัญกับสุขภาพดวงตาด้วย คราวนี้ตาก็ไม่ต้องบอดแล้ว 5555
8. แซลมอน (Salmon)
ต้องบอกเลยว่าใครที่ออกกำลังกายควรหันมากินโปรตีนจากแซลมอนค่ะ เพราะแซลมอนมีโอเมก้า 3 ที่ช่วยลดการอักเสบจากกล้ามเนื้อได้ ในปลาแซลมอนจะให้คอลลาเจนบริสุทธิ์ตามแบบฉบับของปลาน้ำลึก เพิ่มความสดใสให้ผิวพรรณของเรา แถมปลาแซลมอนยังให้วิตามิน D สูงด้วยค่ะ วิตามิน D ช่วยให้ร่างกายนำแคลเซียมไปใช้ได้มากขึ้น คือถ้าเราได้รับแคลเซียมแล้วขาดวิตามิน D เราอาจจะส่งแคลเซียมไปไม่ถึงกระดูก วิตามิน D เป็นวิตามินที่มีความสำคัญต่อกระดูกมากๆ เลยค่ะ จริงๆ วิตามินดีได้จากการตากแดด เป็นวิตามินแดด แต่มันดันมีในแซลมอนด้วย ไม่แปลกที่แซลมอนจะแพงค่ะ ประโยชน์เยอะงี้นี่เอง
9. กระเทียม (Garlic)
กระเทียมหาง่าย และควรกินอย่างแรง ในกระเทียมมีสาร Allicin ช่วยลดไขมัน ลดความดัน มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านแบคทีเรีย ต้านการแข็งตัวของเลือด และต้านมะเร็ง แค่นี้ก็เยอะจะแย่ละกระเทียมยังช่วยลดความอ้วน เพราะช่วยคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวานด้วยนะคะยังไม่หมด กระเทียมช่วยแก้อาการอ่อนล้า อ่อนเพลียได้ ในแง่ของการออกกำลังกายกระเทียมช่วยให้กล้ามเนื้อขจัดของเสียที่เกิดขึ้นจากใช้งานหนักเป็นเวลานาน ช่วยทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายได้ด้วยค่ะ
10. ชาเขียว (Green tea)
เคยได้ยินว่าการดื่มชาเขียวช่วยลดความอ้วนไหมคะ เพราะชาเขียวช่วยลด และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ชาเขียวมีสาร Catechins ที่ช่วยจำกัดการทำงานของเอนไซม์อะไมเลส อย่าเพิ่งงงค่ะ เอนไซม์คือตัวย่อยอาหาร เวลาเรากินอะไรเข้าไปต้องมีเอนไซม์ไว้ย่อย ทีนี้เอนไซม์อะไมเลสเนี่ยย่อยแป้ง เมื่อชาเขียวมันจำกัดการทำงานของเอนไซม์อะไมเลส จึงทำให้ไม่สามารถดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่ร่างกายได้ ส่งผลทำให้น้ำตาลในเลือดไม่สูงขึ้นนั่นเองการดื่มชาเขียวช่วยลดอัตราความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งต่างๆ ได้ อีกทั้งในชาเขียวยังมีสาร EGCG ช่วยเพิ่มกระบวนการเผาผลาญพลังงานไขมัน ทำให้ลดไขมันได้ค่ะ
จบไปเป็นที่เรียบร้อยกับ 10 Super Foods ในวันนี้ มีใครกินตัวไหนกันอยู่บ้างรึเปล่าคะ ส่วนใหญ่อาหารที่เป็น Super Food จะช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคมะเร็ง ลดน้ำหนักได้ แถมยังมีไฟเบอร์ที่ช่วยให้กินแล้วอิ่มนานอีก ไม่แปลกเลยที่จะเรียกอาหารพวกนี้ว่า Super Foodสำหรับญาดากินเกือบทุกตัวค่ะ โรยนู่นโรยนี่ก็ว่ากันไป แต่ไข่เนี่ยของโปรดสุด ราคาก็ไม่แพงด้วย ตอกกินวันละ 4-5 ฟอง เพราะจริงๆ ญาดาเน้นกินไขมันค่ะ สร้างกล้ามและลดน้ำหนักได้ดีกว่า เป็นสูตรการกินไขมันเพื่อลดไขมัน เพื่อนๆ สามารถมาตามญาดาเพื่อศึกษาเพิ่มเติมต่อได้นะคะ สำหรับวันนี้คงต้องขอตัวไปกินโกจิเบอร์รี่ก่อนนะคะ ตาจะบอดแล้ว 55555 ไว้คราวหน้าเจอกันใหม่ วันนี้ไปก่อนนะค้า จุ๊บๆๆๆๆๆ