รีวิวคุชชั่น Seine Hill ใครชอบสายหน้าฉ่ำ ต้องตำ + อัพเดตหน้าล่าสุดจากการรักษาสิวของเรา
A4ditedata 5 6สวัสดีค่ะ พบกับอีกแล้ว เบื่อกันยัง ?
เราชื่อหลิวนะ ^^
จริงๆ นี้เราจะมาแนะนำคุชชั่นเฉยๆ ที่เราใช้มาได้สักพักนึงละ แล้วมันโอเคบวกกับมันเป็นคุชชันที่ไม่ค่อยอยู่ในกระแส แต่มันใช้ดี เราเลยอยากจะเอามาแนะนำเพื่อนๆ
และด้วยความขี้เกียจตั้งกระทู้ใหม่ เราเลยอัพเดตหน้าจากการรักษาสิวของเราไปด้วยค่ะ
น่าจะครบเดือนพอดี
เริ่มจากคุชชั่นก่อน
Seine Hill Brightening UV CC Cushion Hight Coverage SPF 50+ PA+++
ราคา 690 บาท
เอาตรงๆ ตอนแรกเราไม่รู้จักคุชชั่นนี้หรอก แล้วเราก็ไม่ค่อยอะไรกับคุชชั่นเท่าไหร่
เพราะเรารู้สึกว่ามันไม่ค่อยปกปิดเท่ารองพื้น แล้วคนเป็นสิวอย่างเรามันต้องใช้รองพื้นที่ปกปิดใช่มั้ยล่ะคะ
พวกคุชชั่นเลยไม่ใช่แนวเรา
แต่พอดีเพื่อนให้เรามา (ไม่ได้ซื้อเอง แต่ก็ขอไม่ใส่ SR เพราะเพื่อนเรามันก็ไม่ใช่เจ้าของแบรนด์แต่อย่างไร มันอาจให้ด้วยความพิศวาส ความอยากให้ หรืออะไรของมันก็ไม่รู้)
นั่นแหละ มันให้มา 555 แล้วบอกว่า ให้เราลองเอาไปใช้ดู จริงๆ ตอนนั้นเราใช้รองพื้นกับแป้งของ YSL ซึ่งมันแพงงง แต่มันดีแหละ ยอมรับ เราก็บ่นๆ มาพักนึง มันเลยแนะนำอันนี้ให้มั้ง
ด้วยความที่ตอนนั้นยังเป็นสิวบ่อยๆ ซากอารยธรรมบนใบหหน้าค่อนข้างเยอะ
เราเลยไม่ค่อยได้ใช้คุชชั่นตัวนี้ เพราะมันไม่ปกปิดเลยนั่นเองงง
แต่ส่วนนึงที่ทำให้เรายังแอบหยิบมันมาใช้บ้างคือ ความดีงามในส่วนของพัฟ
เราบอกเลย พัฟมันดีงามวัวตายควายล้มมากค่ะคุณ!!! มันทำให้เราจากคนที่ชอบเอารองพื้นใส่มือ
มือนี้ดีที่สุด เปลี่ยนมาเป็นคนใช้พัฟลงรองพื้นแทนเลย
และหลังจากสิวเราเริ่มหาย เราเลยมาใช้คุชชั่นนี้อย่างจริงจัง จนพบว่ามันก็มีความดีงามในแบบของมัน
ข้อดี- พัฟมันดีย์ยยยยยมากกกก มันทาแล้วหน้าไม่เหมือนโบกหนาๆ
- ใครชอบแนวดิวอี้ ฉ่ำวาว จะชอบมันมาก เพราะทาแล้วไม่แมท หน้าไม่เหมือนปูยซีเมนต์โดนฉาบ เอาง่ายๆ ชาวบ้านจะดูไม่ค่อยออกหรอกว่าเราลงพวก Foundation มา ถ้าใครไม่อยากหน้าแมท แค่อยากปรับสีผิวให้เท่ากัน ไม่ต้องทาแป้งตามยังได้ (ส่วนใหญ่เราทำแบบนั้นมันที่ไม่อยากโบก)
- ราคาไม่แรงมากเท่าไหร่ ถามว่าเทียบเคาเตอร์แบรนด์ได้มั้ย บอกตรงๆ ว่าเกือบ เรียกว่าสูสีเลย และถ้าเอามาเทียบกับแบรนด์ Drugstore อะไรแบบนี้ ทั่วๆ ไป ดีกว่าเยอะค่ะ (โดยเฉพาะพัฟ !!)
ข้อเสีย- ไม่ค่อยปกปิดนะ ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ กลบรอยใต้ตาพอไหว แต่พวกรอยสิวนี่ไม่รอดค่ะ
- คุมมัน ไม่ค่อยเท่าไหร่เลย และถ้าใครหน้ามัน ออกแดด มันจะหลุดเร็ว
- เอาง่ายๆ มันเหมาะกับคนที่ผิวหน้าดีอยู่แล้วในระดับนึงค่ะ
จบคุชชั่น!
ต่อเรื่องสิว...ตอนนี้เรารักษาสิวที่ราชเทวีมา 1 เดือนละ นี่คือหน้าอัพเดตล่าสุด
จากเบ้าหน้าล่าสุดนี้เราได้ผ่านอะไรไปบ้างเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ใครยังไม่เคยอ่าน 2 ตอนแรก เข้าไปดูก่อนได้ค่ะ
ตอน 1 https://www.jeban.com/viewtopic.php?t=240333
ตอน 2 https://www.jeban.com/viewtopic.php?t=240833
มาต่อ สัปดาห์ที่ 3 เราได้ทำ Co2 อีกรอบนึงค่ะ (จริงๆ ไม่จำเป็นนะ แต่ถ้าทำก็ดี )
หมอบอกว่ามันยังมีพวกที่ขึ้นๆ ใหม่อยู่
ค่าใช้จ่าย
1.ค่าพบแพทย์ 200 บาท
2. เลเซอร์ Co2 กดสิว 1,000 บาท หมอยิงหลุมสิวให้ด้วยค่ะ
ส่วนยาเราใช้อันเดิมที่ล้มละลายไปในตอนที่ 2 ยาเราใช้ตลอดไม่เคยขาดนะคะ ปัจจุบันก็ใช้อยู่
** เพิ่มเติมให้นิดนึง ราคา Co2 มันจะไม่เท่ากันนะคะ ขึ้นอยู่กับหมอประเมิน คือต้องให้หมอตัดสินใจนั่นแหละ หมอแต่ละท่านก็มีวิธีการรักษาแต่ละแบบ ตามปัญหาของคนไข้ อันนี้เราเอามาบอกเพิ่มเพราะเราไปถามหมอมาว่า ที่ราชเทวีรักษาเหมือนกันมั้ย (มีคนถามเรามาหลังไมค์) หมอเลยบอกเราตามนี้ว่าหมอจะเลือกรักษาตามอาการของคนไข้แต่ละคน และเลือกที่เหมาะสมนะครัชชช
อัพเดตเบ้าหน้าล่าสุดเท่านี้ค่ะ แล้วอาจจอัพเดตอีกทีหลังวันที่ 1 ธันวานะ เพราะเราไม่ค่อยได้หาหมอทุกสัปดาห์ละ (หมอก็บอกยังไม่ต้องมาเพราะสิวเริ่มหายละ) เหลือนัดวันที่ 1 อีกที เพื่อดูว่าจะรักษารอย หลุม หรืออะไรยังไงต่อ เพราะจริงๆ รอยแดงหมอบอกเราว่ามันหายเองได้ แต่ถ้าอยากเร็วก็เลเซอร์ ด้วยความที่ล้มละลายไปเยอะ เราเลยใช่ยาลดรอยช่วยไปอย่างเดียวก่อน (ยาลดรอยเราใช้ Spot Reducer ของราชเทวีนะคะ)
ส่วนหลุมสิว หมอบอกว่า ต้องใช้วิธีการรักษาอย่างเดียวไม่มีครีมอะไรช่วยได้ มีแต้มกรด เลเซอร์ ซึ่งแต่ละวิธีจะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเราด้วยว่าตอบรับกับแบบไหนมากกว่า ของราชเทวีมีเลเซอร์ เท่าที่ถามๆ มาเราเข้าใจประมาณนี้นะ
เรื่องหลุมสิว เอาตรงๆ เราไม่ค่อยซีเรียสเพราะเราไม่ได้เป็นเยอะอ่า แต่งหน้ากลบมันก็หายไปละเราค่อนข้างซีเรียสเรื่องพวกรอยแดงมากกว่า ซึ่งมันก็หายไปเยอะมากกก แต่ถ้าเรามีงบประมาณเราก็จะทำต่ออีกค่ะ
เราว่าที่ราชเทวีดีอย่างคือ มันไม่ต้องซื้อคอร์สดี จ่ายเป็นครั้งๆ เลยไม่มีอะไรมาผูกมัด ไม่ต้องแบบไปรักษาทีนึงโดนขายใหม่เพิ่ม เราสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง เราว่านี่เป็นเหตุผลนึงที่เราคิดว่าที่นี่โอเคและเหมาะกับไลฟ์สไตล์แบบเรานะ
วันนี้ก็มีเท่านี้ละครัชช เราไม่รู้จบยังไงเอาเป็นว่า ใครที่เป็นสิวก็อย่าท้อค่ะ ถ้ามีงบหน่อย เราบอกตรงๆ การไปหาหมอมันก็ดีกว่าจริงๆ เรางมเผือกมาพักนึงกว่าจะหาย เสียค่าใช้จ่าย เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ไปเยอะมาก เผลอๆ การมาหาหมอรวมแล้วมันถูกกว่า เร็วกว่าและเห็นผลชัดเจนกว่าด้วย
ถ้าใครที่ติดตามเรามาตั้งแต่ตอนแรกจะเห็นเลยค่ะว่ามันหายไปเยอะ แบบที่เราเองก็ไม่เชื่อเหมือนกันแหละว่าจะหายขนาดนี้ในเวลาแค่เดือนเดียว กับราคาที่เบ็ดเสร็จแล้วไม่ถึงหมื่น ( 9,040 บาท รายจ่ายเราถ้ารวมทั้งหมดตั้งแต่ตอน 1 เฉลี่ยก็ สัปดาห์ละ 2,260 )
ถ้าใครมีงบการลงทุนเพื่อสิ่งนี้เราว่าโอเคเลยค่ะ ^^