ส่งท้ายปีเก่าเปลี่ยน “หน้าสิว” เป็น “หน้าใส” รับปีใหม่ พร้อมวิธีรักษารอยสิวให้อยู่หมัด!
Nanny.Nancy 7 4สวัสดีคร่าเพื่อนๆ วันนี้อดีตมนุษย์สิวอย่างแนน อยากจะมาเผยเคล็ดลับดีๆ ในการดูแลผิวหน้าของคนเป็นสิววววว เผื่อเป็นแนวทางการดูแล ผิวหน้าพังให้กับมาปังด้วยตัวเองได้ ไม่ยากเลย
ต้องบอกก่อนเนอะว่าสิวแนนเนี่ย เป็นสิวที่เกิดจากฮอร์โมน และอาการแพ้เครื่องสำอางด้วยตอนแรกก็เป็นมนุษย์สิวฮอร์โมนนี่ล่ะค่ะที่เป็นๆ หายๆ ตามช่วงนั้นของเดือนบ้าง ตามพฤติกรรมการกินการนอนบ้าง แต่เมื่อต้นปีเราดันอยากรองแป้งตัวใหม่ที่คนอื่นเค้าว่าใช้ดีกัน ดีหรอออ เราอยากใช้ด้วยยยย ผลลัพธ์คือหน้างี้คือ…แดงเห่อออ บวม คัน!!! ล้างออกแทบไม่ทันเลยค่ะสรุปจากสิวฮอร์โมนที่เคยเป็น ก็แถมพ่วงสิวขี้แพ้ขึ้นมาอีก จบกันหน้าแนน ท้อใจไปสักพักค่ะ เพราะหน้างี้เห่อมากค่ะสองข้างแก้ม และคาง ช่วงสิวเห่อหนักๆ ไม่มีภาพนะคะ ไม่กล้าถ่ายเก็บไว้ค่ะ กลัวมือถือหายเดี๋ยวโดนแบล็คเมล์เอารูปแนนไปเป็นยันต์กันสิ่งลี้ลับค่ะ 55555 (ในเสียง 555 จะมีคราบน้ำตาเบาๆ)
เอาวะสู้กันสักตั้ง…หาข้อมูลแบบจริงจังกันสักหน่อย จนแนนรู้ว่าการรักษาสิวที่ดีนั้น คือเริ่มจากการทำความสะอาดที่หมดจด และฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง เพื่อไม่ให้สิวกลับมาย่ำยีเราได้อีก แนนไม่รอช้าค่ะปรับเปลี่ยนขั้นตอนการดูแลผิวหน้าของตัวเอง ตั้งแต่การทำความสะอาด ตลอดจนการบำรุงผิวโดย…
ขั้นตอนที่ 1 (ก่อนนอน)
เริ่มจากการใช้คลีนซิ่งวอเตอร์เช็ดทำความสะอาดผิวหน้าทุกครั้งก่อนล้างหน้าในช่วงเย็น ย้ำนะคะว่าทุกครั้ง ซึ่งแนนไม่สนเลยว่าวันนั้นจะแต่งหน้า หรือได้ออกไปไหนมั้ย เพราะผิวหน้าเราได้รับเชื้อโรค และมลภาวะอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว วันไหนที่ไม่แต่งหน้าแล้วลองเช็ดหน้าดูสิคะ สำลีงี้ดำนะคะบอกเลย คลีนซิ่งวอเตอร์แนนเลือกใช้ Charis Clear Water เคยกดไลค์เพจนี้มานานแล้ว พอดีวันนั้นเล่นเฟสอยู่ เห็นเด้งไลฟ์ขึ้นมา เลยเข้าไปดูสักหน่อยเจ้าของแบรนด์เค้ามาให้ความรู้เรื่องผิว และบอกว่าคลีนซิ่งตัวนี้ อ่อนโยนมากอ่อนโยนกว่านี้ก็น้ำเปล่าล่ะ แนนฟังก็แบบขนาดนั้นเลยอ่อ อยากลองเพราะด้วยคุณสมบัติที่ไม่มีน้ำหอม น้ำมัน สารชะล้าง แอลกอฮอล์ และพาราเบน น่าสนใจดีค่ะ แถมยังมีตัวบำรุงจากสารสกัดจากแตงกวาทีช่วยให้ผิวชุ่มชื้น คือเอาจริงๆ แนนลองเช็ดดูแล้ว ไม่แสบ คัน สิวไม่อักเสบเพิ่มคือผ่านค่ะ แถมไม่มีกลิ่นน้ำหอมมากวนใจอีกใช้เช็ดเวลาแต่งหน้าก็ออกนะคะ ไม่แสบตา ผิวหน้าก็ไม่แห้งด้วยนะส่วนเรื่องสำลีแนนเลือก 100% Pure Cotton ที่ไม่มีใยสังเคราห์ค่ะ ของร้าน Boots เวลาใช้เช็ดหน้าคู่คลีนซิ่ง คือโอเคเลยค่ะ ไม่บาดหน้า การลงทุนกับสำลีก็สำคัญนะคะ ถ้าผิวอักเสบ สิวก็เกิดขึ้นอีกได้นะคะ
ขั้นตอนที่ 2 (เช้า - ก่อนนอน)
แนนเปลี่ยนจากการใช้โฟมล้างทั่วไปที่มีโฟม หรือพวกวิปฟองนุ่มๆ ค่ะ เพราะรู้มาว่าการมีฟองก็อาจดึงความชุ่มชื้นจากผิวได้ ฟีลลิ่งผิวเอี๊ยดดดอะไรประมาณนั้น เลยมาลองใช้ Cetaphil Gentle Skin Cleanserอันนี้แนนตามรีวิวมาค่ะ ในกลุ่มรีวิวสิวตัวล้างหน้าแบรนด์นี้คือติดอันดับมว๊ากกก ถูกใจในความอ่อนโยน ไร้น้ำหอม ที่แปลกคือไม่มีฟอง แต่ล้างหน้าได้นุ่มจริง และยังหลงเหลือความชุ่มชื้นในผิวได้อีก คือตอนล้างแนนจะบีบ ตัวนี้ออกมาเท่าเหรียญ 5 บาท ผสมน้ำเล็กน้อย และวอร์มลงบนมือ มานวดเบาๆ ที่ผิวหน้า ตามแนวโพรงขนที่ฮิตๆ กันซึ่งเป็นเทคนิคการทำความสะอาดผิวหน้าที่เค้าว่ากันว่าหมดจด สำหรับแนนชอบนะคะ รู้สึกพอนวดตามวิธีนี้แล้ว ผิวสะอาดขึ้น และเหมือนได้นวดผ่อนคลายผิวหน้าไปในตัวด้วย วิธีการก็แค่ใช้นิ้วมือนวดแนวดันออกเบาๆ เช่นหน้าผาก และแก้มดันนิ้วออกทั้งสองข้างแก้ม ส่วนจมูก คาง ก็ลูบดันลง จากนั้นก็ล้างน้ำเปล่าให้สะอาดค่ะ สัมผัสิวหน้าที่แนนได้คือจะรู้สึกมีฟิล์มบางๆ เคลือบผิว บางคนที่เคยใช้พวกโฟม สบู่ฟองๆ แล้วผิวไม่ลื่นแบบนี้ อาจไม่ชิน รู้สึกไม่สะอาดผิว แต่เชื่อเหอะค่ะ ว่าหากตัวล้างหน้าไหนที่ให้ความรู้สึกลื่นๆ ที่ผิวบางนั่นคือสัญญาณดีค่ะ ที่ช่วยทำให้เรารู้ว่าผิวเรา ยังนุ่มชุ่มชื้น ไม่แห้งตึงเกินไป
เข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงผิวแล้วค่ะขั้นตอนที่ 3 (เช้า - ก่อนนอน)
ถึงการรักษาสิวด้วยยาแต้มสิว น้องใหม่ (มั้งคะ เพราะแนนเพิ่งเคยเห็น) TOMEI Anti – Acne Cream ก่อนหน้านี้ก็ใช้แบรนด์ดังๆ มาหลากหลายค่ะ เวลาสิวขึ้น ทาไปก็ยุบนะ แต่ก็ยังไม่หายขาด รอบนี้รักษาสิวจริงจังแนนเลยลองอะไรใหม่ๆ บ้าง เอาจริงๆ เลยก็คือตามรีวิวมาอีกนั่นล่ะค่ะ เห็นเค้าว่าดีกัน ทั้งบิ้วตี้บล็อค ทั้งคนทั่วไปใช้ เค้าจะชอบใช้คู่กันคือครีมตัวนี้ กับตัวเจลแบรนด์นี้ล่ะ แต่แนนใช้แค่ครีมก็โอเคแล้วอ่ะค่ะ แต้มวนรอบๆ สิวเก่า และใหม่ เช้า – เย็น ใช้คู่กับคัตตอนบัด แทนการใช้นิ้วมือทา เพื่อความสะอาดมั้งนะ แนนอาจจะคิดเอง มาต่อที่ครีมแต้มสิวตัวนี้ใช้แต้มสิวยุบจริงอะไรจริง ที่ชอบจนอยากบอกต่อคือดีตรงที่แต้มแล้วไม่แสบยิ๊บๆ อ่ะ เคยเป็นกันมั้ยคะ บางยี่ห้อแต้มสิว ใช้แล้วมีอาการแบบนั้น ทำให้เรายิ่งกลัวว่า นี่จะช่วยรักษาสิว หรือเพิ่มสิวกันแน่ ทาแล้วก็ไม่เป็นคราบ ผิวบริเวณที่ทาก็ไม่แห้งลอกนะ ส่วนสิวหรอ ใช้ต่อเนื่องก็หายว้าปดีค่ะ อาจจะด้วยสารที่มีอยู่ในครีมแต้มสิวตัวนี้ที่สกัด Phytosphingosine ที่แบรนด์เคลมว่าสร้างเลียนแบบสารสำคัญที่มีอยู่ในชั้นผิวหนังของมนุษย์ ซึ่งสารดังกล่าวนี้ร่างกายจะสร้างขึ้น และอาจมีจำนวนมากน้อยต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ เพศ กรรมพันธุ์ สภาพแวดล้อม และอื่นๆ โดยสารชนิดนี้จะทำหน้าที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย P. acnes (อันนี้ตัวการสิวร้ายเลย) ลดการอักเสบของผิวหนังอย่างมีประสิทธิภาพ แนนว่าเพราะการปฎิวัติการดูแลความสะอาดผิวหน้าที่เคร่งคัดขึ้นของตัวเองด้วย
ขั้นตอนที่ 4 (เช้า – ก่อนนอนจะผสมตัว Bright Me Up )
ด้วยความที่แนนเป็นคนไม่ชอบอะไรเหนอะๆ หน้า และไม่ชอบแยกครีมทาเช้า เย็นด้วย เลยเลือกเซรั่มน้ำแร่จากเกาหลีของ SHO มาลองใช้ดู อันนี้ได้มาจากความบังเอิญไปเดินซื้อของในร้านยอดฮิตของสาวๆ ร้านหนึ่งค่ะ แล้วไปลองเนื้อเซรั่มตัวนี้พอดี ลองกับผิวหลังมือนี่ล่ะ เออก็โอเคนะ ไม่มัน ซึมเร็ว หนึบผิวตอนทาช่วงแรกๆ แต่ก็ซึม แล้วก็ลองหารีวิวอ่านมันตรงนั้นเลยค่ะ อ่านรีวิวไปสักพัก เออดูดีอ่ะ น่าใช้ด้วยความที่ทางแบรนด์เคลมว่าสูตรที่แพทย์ผิวหนังคิดค้น และยังมีส่วนผสมของขมิ้นชัน ที่ช่วยลดการอักเสบผิวได้ และมีสารสกัดอื่นๆ ช่วยเรื่องความกระจ่างใส ที่สำคัญไม่มีสารอันตายพวกปรอท สเตรียรอยด์ อันนี้ก็ช่วยให้แนนวางใจได้ส่วนหนึ่งล่ะค่ะ ที่เหลือก็คือมาลองใช้กับผิวหน้าตัวเอง ว่าจะรอดมั้ย ผลลัพธ์ที่ได้คือ ผิวดูแข็งแรงขึ้นนะคะ รูขุมขนกระชับด้วย หน้าเรียบเนียนขึ้นเลยล่ะ ความกระจ่างใสก็มา แต่อาจจะเพราะการใช้กับผงคริสตัล Bright Me Up ที่มีส่วนผสมของอาร์บูตินด้วย ซึ่งผงคริสตัลอาร์บูตินตัวนี้ล่ะ ที่แนนเอามาใช้รักษารอยสิว หลังจากที่บรรดาสิวเห่อ ทยอยยุบลง และทิ้งจุดด่างดำไว้
ขอแทรกขั้นตอนการรักษารอยสิวหน่อย
แนนใช้ผงคริสตัลอาร์บูตินของ Bright Me Up คู่กับเซรั่ม SHO เลย เพราะผงตัวนี้ต้องการตัวช่วยทำละลายและเหมือนเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้เซรั่ม หรือครีมที่ใช้อยู่ได้ แกะผงออกมาผสมให้เข้ากัน แล้วแนนก็นำมาทาลงบนผิวหน้า ใช้แค่ช่วงเย็นเท่านั้น จากรอยสิวดำๆๆ สองข้างแก้ม และคาง ที่ไม่คิดว่าจะหายได้ นอกจากไปทำเลเซอร์เพราะเป็นส่วนที่สิวขึ้นวนซ้ำซากจนมีรอยเข้มมากกก ก็หายค่ะ หายไปเลย แต่ค่อยจางลงนะคะ ไม่ใช่ใช้ 2 – 3 วันหายไรงี้แถมผิวทั่วใบหน้ายังกระจ่างใส ขาวขึ้นอีกด้วยค่ะ ก็ปลื้มเลยนะ ^^จากการหาข้อมูลอาร์บูตินมีผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง ในการช่วยลดเลือนจุดด่างดำ และผิวหมองคล้ำได้ดี และปลอดภัย ใช้ต่อเนื่องก็ไม่ทำให้ผิวบางลง เพราะเป็นสารที่สกัดได้จากธรรมชาติจำพวกผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ที่มาช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน จึงส่งผลให้จุดด่างดำ กระฝ้า หรือผิวหมองๆ กระจ่างใสขึ้นได้นั่นเองค่ะ แบรนด์นี้แนนเองก็ดูรีวิวมาบ้างค่ะ รวมถึงหาข้อมูลซึ่งน่าสนใจที่ว่าเป็นแบรนด์ที่มีคุณหมอทางด้าน Anti aging และเภสัชกรพัฒนาสูตรร่วมกัน กับแลปที่ได้มาตราฐาน ลองเอาเลขอย. ค้นหาข้อมูลก็มี ซึ่งแนนเช็คเลขอย. ของ SHO เซรั่มน้ำแร่ด้วยนะคะ 2 แบรนด์นี้คือน้องใหม่อ่ะ แถมยังไม่ค่อยเห็นโฆษณาเหมือนตัวอื่นๆ ที่แนนเลือกมาใช้ด้วย จะรักษาสิวหายทั้งทีขอปลอดภัย และเช็คให้ชัวร์ก่อนดีกว่าค่ะ
ขั้นตอนที่ 5 (เช้า)
เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ทำขั้นตอนนี้คือพลาดดดดด จบแน่ๆ แม้จะบำรุงผิว รักษาสิวมาขนาดไหนนั่นคือการทากันแดดค่ะ แนนเคยอ่านเจอ และฟังจากคุณหมอหลายท่านมาก ว่าการทาครีมกันแดดจะช่วยปกป้องผิวจากภัยร้ายแสงแดงที่มีทั้ง UVA UVB ที่ทำร้ายผิวให้หมอง อักเสบ และเกิดริ้วรอยการเลือกกันแดดของคนเป็นสิวแบบแนน ก็ต้องคำนึงถึงเรื่องความอ่อนโยน ไม่แพ้ ไม่อุดตันผิวแนนเลือก Allie SPF 50+ PA++++ เป็นตัวสีฟ้าสูตร UV Mineral Moist NEO เกลี่ยง่ายสบายผิวไม่เหนอะ แต่กลิ่นฉุนๆ หน่อยอ่ะ แต่ทาแล้วไม่แสบผิว ใช้คู่กับพวกเมคอัพก็ไม่ทำให้สีเพี้ยน ดรอป หรือหมองลงตัวนี้สอยตามรีวิวพี่ปูเป้ค่ะ ซื้อในไทยราคาแอบแรง สอยญี่ปุ่นจะถูกกว่าเกือบเท่าตัวค่ะ
แท่นแท๊นนน แล้วนี่คือผลลัพธ์การรักษาสิว และรอยสิวของแนนนะคะ
จบแล้วค่ะชีวิตมนุษย์สิวของแนน ตอนนี้ผิวหน้ากลับมาได้ขนาดนี้ก็ปลื้มปริ่มมากๆ แล้วย้ำอีกรอบที่ 100 ว่าสิวจะหาย ผิวจะดีแข็งแรง เราสามารถสร้างเองได้ค่ะ เริ่มจากการทำความสะอาดผิวหน้าเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวตัวเอง ร่วมถึงคำนึงถึงความปลอดภัยด้วย อย่าใช้ของไม่มีอย. คือแนนก็ลองผิดถูกมาเยอะค่ะ รอบนี้คือลองถูกแล้วก็มาแชร์บอกต่อกัน และอย่าลืมทากันแดดเป็นประจำทุกวันก่อนออกจากบ้านด้วยนะคะ