[first impression] โดนมาแล้ว YSL คุชชั่นตลับเหลี่ยมชื่อดัง !!!
Dailystylebym 13 6สวัสดีค่ะสาวๆจีบันที่น่ารักทุกท่าน
เมย์ค่ะ เป็นสมาชิกที่สิงสถิตตามอ่านกระทู้ในจีบันมาซักพัก
วันนี้จะมาขอเปิดตัวกระทู้แรกด้วยการโชว์ความขี้เห่อของชะนีไทยที่ใจอยากใช้คุชชั่นฉ่ำโกลว์
ขอมาเล่าให้ฟังถึงลักษณะ เนื้อสัมผัสของคุชชั่น รวมทั้งรีวืวความรู้ในวันแรกที่ได้ลองทา
ส่วน Full review จะตามมาในเร็วๆนี้ค่ะ
แท่น แทน แท็นน กระทู้นี้เราจะมาพูดถึงคุชชั่นตัวใหม่ที่เป็นที่ฮือฮาด้วยรูปทรงเหลี่ยม
สีทองควรค่าแก่การมีไว้ในครอบครองยิ่งนัก คุชชั่นที่อิชั้นกำลังพูดถึงก็คือ
YSL TOUCHE ECLAT LE CUSHION นั่นเองค่าาาาาาาา ^^
ก่อนหน้านี้คุชชั่นตลับดำของ YSL ก็ได้สร้างความประทับใจให้กับเพื่อนๆหลายๆคนไปแล้ว
คราวนี้กลับมาทำให้กระเป๋าสตางค์และใจสั่นสะเทือนด้วยเคลมที่ว่า "เปล่งประกาย ปกปิดและบางเบา"
โอ้โหไอ้เราอ่่านแล้วก็รู้สึกว่าอืมน่าจะโดน (เสียตังค์)... แน่ๆ ยิ่งประกอบกับมาในไลน์ของ TOUCHE ECLAT ที่ไฮไลท์รูปแบบแท่งที่เป็นที่กล่าวขานในหมู่ blogger ทั้งไทยและต่างประเทศ
พอเราโดนสิงด้วยสรรพคุณและเปิดยูทูปรีวิวไปๆมาๆเช่นนี้แล้ว
อย่าได้รอช้า เราก็ไปโดนมันเสียค่ะ
เจ้าคุชชั่นตัวนี้สนนราคา 2,500 บาทแต่เราซือที่เคาวน์เตอร์พารากอนในช่วงที่มีโปรโมชั่นลดราคาจะได้ลด 10% ของเราได้มาในราคา 2,250 บาท ขายตลับพร้อมตัวคุชชั่น ไม่มีรีฟีลด้วยนะคะคุณขา
แม้จะได้ลดมาบ้าง ราคาก็ยังสูงตับแล่บอยู่ดี
หรูหราเบอร์ไหนถามใจเธอดู น้ำหนักเบาพกพาได้สะดวก
แต่สิ่งที่แอบติงเล็กน้อยสำหรับแพคเกจของคุชชั่นนี้คือเป็นรอยนิ้วมือหรือรอยขูดขีดง่ายมากค่ะ
เมื่อเราเปิดมาก็จะพบกับคุชชั่นภายในหน้าตาแบบนี้ค่ะ
ตลับข้างในเป็นสีดำค่ะ มีกระดาษมันเป็นตัวแปะกั้นระหว่างตัวฟองหน้ามาให้แค่เอาออกเท่านั้น
ไม่ต้องดึงให้ยุ่งยากเลย
สังเกตว่าที่กระจกจะมี guide บอกวิธีการใช้พัฟมาให้ด้วยค่ะ
เพราะทางแบรนด์ได้ออกแบบพัฟรุ่นนี้ออกมาให้ใช้ได้ทั้งแบบลุคธรรมชาติและลุคแบบปกปิด
เนื้อพัฟจะแตกต่างกันทางฝั่งซ้ายและขวา
ไม่ต้องกลัวจะงงค่ะ
เพราะนอกจากบนกระจก บนตัวจับพัฟจะมีลูกศรชี้ระบุเลยว่าทางไหนฝั่ง 1 หรือ 2 ค่ะ
คุณบีเอแนะนำว่าสามารถกดตัวพัฟมาแตะที่ผิวหน้าด้วยฝั่งที่ 1 และเกลี่ยด้วยฝั่งที่ 2 ก็ย่อมได้ค่ะ
ตัวฟองน้ำจะค่อนข้างแตกต่าง จากรุ่นหรือยี่ห้ออื่นที่เป็นฟองน้ำนิ่มๆรูๆค่ะ
รุ่นนี้จะเป็นตาข่าย มีการฉลุเป็นตัว YSL หรูหราสวยงามสมราคา
รูปจาก officail site ของ YSL ค่ะ
[mini review and comment]
สภาพผิวของเมย์
เป็นคนผิว NC30 สภาพหน้ามันทีโซน มีสิวเม็ดเล็กๆ และรอยสิวค่ะ
หลังจากเปิดใช้และแตะตัวคุชชั่นมาที่่ผิวหน้า
สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือ กลิ่นน้ำหอมแรงมาก แรงจนจามเลยค่ะ
เพราะฉะนั้นสาวๆที่แพ้น้ำหอมอาจจะต้องไปเทสหรือเช็คให้ชัวร์ก่อนนะคะว่าใช้ได้ไม่แพ้
เนื้อสัมผัสเบามาก เบาเหมือนคำโฆษนาจริงๆแต่แน่นอนว่าการปกปิดมันก็จะไม่สูงเท่ารองพื้นปรกติ สำหรับคนที่มีรอยสิว รอยแดงอาจจะต้องใช้พัฟในฝั่งที่ปกปิดมากกว่าเราเองก็เป็นคนมีรอยสิวบริเวณข้างแก้มคนข้างเยอะ เป็นสะเก็ดสีเข้มๆแต่เราใช้พัฟฝั่งที่ 1 ทาค่ะเพราะส่วนตัวไม่อยากทาแบบปกปิดมากในวันปรกติถ้ามองกับกระจกใกล้ๆก็ยังเห็นรอยสิวหรือแม้กระทั่งสิวอยู่ค่ะ แต่ว่ามันจะไม่เด่นไม่ได้เน้นรอยสิวมากขึ้น ทำให้ดูเป็นคำว่า งานผิว มากๆ เหมือนเป็นผิวเราที่ดูสดใสขึ้น กระจ่างขึ้น ธรรมชาติ
เราใช้สีเบอร์ 40 ที่หลายๆ คนบอกว่ามันออก undertone ชมพูก็เลยจะหนีโทนชมพู ไปใช้สี
เบอร์ 30 กันแล้วประสบปัญหาว่ามันค่อนข้างขาวลอยเกินไป แต่เราผิวค่อนข้างเข้มเทียบกับแรงค์ของแมคอยู่ระหว่าง NC30-35 ค่ะ ใช้เบอร์ 40 ไม่มีปัญหาเรื่องเทาหรือลอยค่ะ แต่ว่ามีสีดร๊อปเล็กน้อยอยากแนะนำสาวๆลองไปเทสสีที่เคาวน์เตอร์ได้นะคะถ้ากังวลเรื่องสีไม่ตรงหรือเพี้ยนลองขอให้คุณพี่บีเอลงที่หน้าให้เลยก็ได้ค่ะเพื่อความมั่นใจ
เรื่องควบคุมตวามมัน
อืมอยากจะบอกว่าตัวนี้ไม่คุมมันเลยแหละแต่ว่าไม่ได้ทำให้หน้าไหลเยิ้มหยดย้อยเหมือนเอาหน้าไป
อังกะทะมานะคะ พอผ่านไป 2-3 ชั่วโมงจะเริ่มมีวาวๆที่ทีโซนตามปรกติ กลางวันก็ต้องซับค่ะ
แล้วก็เติมแป้งนิดหน่อยก็จะกลับมาเป๊ะอยู่ค่ะ
ความติดทนนาน ค่อนข้างติดทั้งวันค่ะ ขนาดเมย์เป็นคนที่ชอบโดนหน้าบ่อยๆเวลาเท้าคางเอาหน้าหนุนแขนยังไม่หลุดหายเลยค่ะ เรื่องความกระจ่างและงานผิวนั้นไม่ต้องพูดถึงในวันแรกที่ลองใช้นี้ 7 ชั่วโมงครึ่งแล้วยังหน้าไบรท์อยู่เลยค่ะ
จริงๆแล้วเมย์เองรู้สึกว่าเจ้าตัวนี้ค่อนข้างเหมาะกับคนผิวแห้งและหน้าไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก
หรือสำหรับคนผิวผสมถึงมันที่ไม่ซีเรียสเรื่องการปกปิดหนาหนักเป็นตัวที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้สบายๆ เบาๆผิว ได้ค่ะ ส่วนตัวแล้วชอบ finish ของตัวนี้มากๆ ค่ะ