REVIEW AVEDA INVATI-ADVANCED SCALP REVITALIZER
PHANNACHAT
11
1
สวัสดีค่าาาทุกคน วันนี้จะมารีวิวผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับหนังศรีษะและเส้นผมนะคะ :)
ขอออกตัวก่อนว่าอันนี้เป็นกระทู้รีวิวแรกที่ทำ อาจมีข้อผิดพลาดบ้าง ยังไงก็ขออภัยมา ณ ที่นี้เลยนะคะ มาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ
♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡
ผลิตภัณฑ์ที่จะมารีวิวในวันนี้ก็คือ AVEDA Invati-Advanced Scalp Revitalizer นั่นเองค่ะ
ถ้าพูดถึงแบรนด์ที่เกี่ยวกับสภาพผมและหนังศรีษะ คงไม่มีสาวๆคนไหนไม่รู้จัก AVEDA ถูกต้องมั้ยคะ เพราะเค้าขึ้นชื่อมากกับตัว Invati-Advanced ที่มีทั้งแชมพู ครีมนวด และก็ตัวเซรั่ม
ส่วนวันนี้จะมาขอพูดถึงตัวเซรั่มอย่างเดียวนะคะ
มาเริ่มกันที่สภาพหนังศรีษะของเจ้าของกระทู้กันก่อนดีกว่าค่ะ
เนื่องจาก จขกท เป็นลูกเรือของสายการบินนึงเบสที่ตะวันออกกลาง ซึ่งนั่นก็หมายความว่า อากาศร้อนแทบจะตลอดเวลาค่ะ ใช่ค่ะ อากาศร้อน
เวลาอยู่บ้าน ไปเที่ยว ก็ต้องอยู่ในห้องแอร์ตลอดเวลา พออยู่ห้องแอร์นานๆก็หนาว พอหนาวก็ต้องอาบน้ำอุ่น ถูกต้องมั้ยคะ...
รวมทั้งเวลาไปบิน อากาศบนเครื่องก็ไม่ดีเช่นกันค่ะ ทำให้ความแห้งลามมาตั้งแต่ผิวตัวยันหนังศรีษะเลยค่ะ
หนังศรีษะของนี่ก็แห้งเป็นขุยๆ สีขาวๆ เต็มหัวตลอดเวลา ยิ่งเวลาทำผมแล้วต้องแสกกลางแล้วเห็นหนังหัวนี่นั้น โอ้โหหหห แทบจะร้องไห้ตรงนั้นเลยค่ะ เพราะมันน่าเกลียดมาก มันเหมือนคนมีรังแคตลอดเวลา
ตอนที่เริ่มเป็นแรกๆ ก็คิดว่าเป็นรังแคค่ะ จัดการกับปัญหาด้วยการเปลี่ยนแชมพู ก็ไม่ดีขึ้นค่ะ
เปลี่ยนจากสระผมด้วยน้ำเย็น ก็ไม่ได้ผลค่ะ
จนมาเปิดกระทู้หาอ่านว่าเราควรใช้ตัวไหนยังไง จนมาเจอ รีวิวรีวิวอันนึงพูดถึงแบรนด์ AVEDA เค้าแนะนำให้ใช้ตัวแชมพูกับครีมนวดผม เราก็เลยเซฟรูปไว้เอาไปซื้อที่กรุงเทพวันที่มีไฟลท์ทำกรุงเทพ
พอกลับกรุงเทพก็พุ่งตัวไปพารากอนไปที่ช้อปAVEDA เลยค่ะ ช้อปเค้าอยู่ชั้นเดียวกับ ZARA ติดกับ ZARA KID เลยค่ะหาไม่ยาก
ตอนแรกเข้าไปเราก็บอกพี่พนักงานว่าจะมาซื้อแชมพูกับครีมนวดของตัว Invati-Advanced ค่ะ พี่พนงก็ถามเราว่าผมสภาพเป็นยังไง เราก็บอกเค้าไปว่า เรา concern เรื่องหนังศรีษะแห้งหับที่มันลอกออกมาเป็ยขุยๆมากกว่าอย่างอื่นเลยค่ะ
พี่พนง เค้าก็แนะนำว่าเราควรใช้ทั้ง3ตัวนี้คู่กัน ซึ่งหมายความทั้งตัว แชมพู ครีมนวด และตัวสเปรย์ตัวนี้ ซึ่งสนนราคาที่ออกมาแล้วนั้นก็คือ 5000+ ค่าาา อยากเป็นลมมากๆ
หลังจากที่พี่พนง เค้าเอากล้องาถ่ายรูปหนังศรีษะเรา เราก็ตัดสินใจซื้อแค่ตัวสเปรย์มาลองใช้ก่อนเท่านั้น
พี่พนง ได้อธิบายเกี่ยวกับหนังศรีษะเราจากรูปที่พี่เค้าถ่ายออกมาได้ค่ะว่า
ฝั่งซ้าย - สภาพของรูขุมขนดีกว่าฝั่งขวา ซึ่งรูขุมขนที่ดีหมายความ หนึ่งรูขุมขนจะต้องมีผมงอกออกมา ประมาณ 3-4 เส้น ซึ่งฝั่งซ้ายของเราเป็นแบบนั้นค่ะ
ฝั่งขวา - ไม่อยากพูดถึงเลย เพราะมันแย่กว่าฝั่งซ้ายมากๆๆๆๆๆๆ หนังศรีษะแห้งลอกเป็นขุยมากกว่า รูขุมขนก็ไม่แข็งแรงเท่าฝั่งซ้ายค่ะ
ตามรูปเลยนะคะ รูปนี้คือฝั่งซ้ายนะคะ จากที่เห็นคือ หนังศรีษะแห้งเป็นขุย แต่รูขุมขนค่อนข้างโอเคเลยค่ะ
ทีนี้มาพูดถึงเรื่องตัวผลิตภัณฑ์ของเรากันเลยดีกว่าค่ะ
ตัว Scalp Revitalizer มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ซึ่งตัวที่เราเอามารีวิวคือตัวใหม่ที่ทางแบรนด์เค้าได้มีการปรับสูตรใหม่ให้เข้มข้นและดีขึ้นกว่าเดิมอีกค่ะ โดยมีส่วนผสมของ Tangerine peel และก็ตัว Japanese knotweed ซึ่งมันจะช่วยในเรื่องของการสร้างเคราตินให้กับผม
HOW TO (ตาม instruction ด้านหลังกล่องนะคะ)
- ใช้วันละ 1 ครั้ง
- แบ่งผมออกเป็นส่วนๆ และหยดตัวเซรั่มลงไปด้านละ 8 หยด หมายความว่าทั้งด้านซ้ายและด้านขวา รวมเป็น 16 หยด
เราเริ่มหยดเซรั่มจากแสกตรงกลางของเรา แล้วหลังจากนั้นก็เริ่มแสกผมแล้วหยดค่ะ จากนั้นก็ใช้นิ้วนวดๆๆๆๆ ให้เซรั่มมันกระจายจนทั่วหัวค่ะ
USER's REVIEW
หลังจากที่ได้ใช้ตัวนี้มาเป็นเวลา 1 อาทิตย์ อยากจะบอกว่ามันเห็นผลดีมากๆๆๆๆๆเลยค่ะ ที่ลอกเป็นขุยๆคือลดลงไปจนแทบไม่เหลือแล้วค่ะ
กลิ่นของตัวเซรั่มก็หอมมากๆ เป็นกลิ่นอโรมาตามแบบฉบับของเค้าเลย โดยส่วนตัวคิดว่าถ้าใช้ไปเรื่อยๆ ต่อเนื่องจนครบ1 เดือน ที่ลอกเป็นขุยๆไม่น่าจะเหลือแน่นอนค่ะ
แต่ติดอย่างเดียวเรื่องราคา โหดมาก ขวดนี้ซื้อมา 3,600 บาทถ้วนค่ะ
คิดว่าถ้าอาการหายแล้วคงขอคิดดูก่อนว่าซื้อต่อมั้ย ถ้าหาตัวตายตัวแทนได้คงไม่ซื้อต่อค่ะ เพราะราคาโหดเกินไปปปป๊ อยากล้องห้ายยยย